xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ชายญี่ปุ่นง่ายๆ แค่มีปืน มีดและสาวเซ็กซี่ ก็ดึงความสนใจได้แล้ว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้วเพื่อนๆ เคยอ่านนิยายหรือดูการ์ตูนอนิเมชั่นหรือละครภาพยนต์แล้วอยากตามรอยสถานที่ในเรื่องที่อ่านบ้างไหมครับ เพื่อนผมเล่าว่าเคยดูเรื่องคู่กรรมที่เป็นวรรณกรรมที่มีฉากประเทศไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่2 มีพระเอกเป็นทหารญี่ปุ่น แม้ว่าจะไม่มีฉากญี่ปุ่นนักแต่ก็อยากรู้จักโกโบริมากๆ ว่าเป็นอย่างไร ผมเองรู้จักตัวละครที่ชื่อโกโบรินะครับ แต่ถ้าถามคนญี่ปุ่นทั่วไปอาจจะไม่รู้จักโกโบริก็ได้

อย่างเรื่อง マンゴーレイン Mango rain นวนิยายที่คนญี่ปุ่นเขียนใช้ฉากในเรื่องคือกรุงเทพมหานคร เรื่องเกี่ยวกับชายหญิงตัวเอกที่หลบหนีมาเฟียไทย เรื่องจะพาไปในสถานที่ต่างๆ คงตั้งแต่สมัยที่เริ่มเปิดใช้รถไฟฟ้า BTS แรกๆ มีฉากไล่ยิงวิ่งหนีตามรถไฟฟ้า ย่านไชน่าทาวน์ต่างๆ เป็นต้น ตัวละครนามสกุลโซโก Sogo 十河 เพื่อให้คนไทยจำได้เพราะสมัยนั้นมีห้างญี่ปุ่นชื่อนี้ด้วย พูดถึงนามสกุลนี้ที่ญี่ปุ่นสมัยก่อนคงเป็นนามสกุลของคนที่มีอันจะกินระดับได้เมียวหรือเจ้าเมืองเลยทีเดียว แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีนามสกุลนี้แล้ว นวนิยายเป็นเรื่องที่อ่านสนุก ไม่รู้ว่ามีแปลเป็นภาษาไทยหรือเปล่านะครับแต่ที่จริงคนเขียนอาจจะอยากให้แปลและขายในไทยก็ได้ เรื่องนี้แต่งมานานแล้วแต่อาจจะไม่ค่อยมีคนรู้จัก คนไทยเองก็คงไม่ค่อยรู้จักเช่นกัน เรื่อง Mango rain นักเขียนคือ 馳星周 Hase Seishū คนเดียวกับคนเขียนเรื่อง Sleepless town 不夜城 Sleepless town ครับ เรื่องนี้อาจจะเป็นที่รู้จักขึ้นมาหน่อย


Hase Seishū เป็นฉายาของToshihito Bandō นักประพันธ์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักเขียนนวนิยายอาชญากรรมยากูซ่า แนว ノワール小説 Noir novels ครับ Noir เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า"ดำ" คือ"นวนิยายดำ" หรือ"นวนิยายมืด" คือนวนิยายหรือภาพยนตร์ที่จัดอยู่ในประเภทนัวร์นั้นจะสื่อเรื่องราวออกมาโดยใช้แสงและสีมืดทึบหรือขาวดำเป็นหลักแสดงให้เห็นถึงด้านมืดในใจมนุษย์ แต่เรื่องราวที่เกิดในเรื่องไม่ได้บ่งบอกว่าใครดีใครเลวที่สุด จะสื่อว่าทุกๆ คนมีปมและเป็นเสมือนปุถุชนทั่วไปมีทั้งดีและเลว และตีแผ่เรื่องราวด้านมืดของสังคม เรื่อง Sleepless town เกี่ยวกับการหนีมาเฟียจีนฉากที่ชินจูกุโตเกียวอ่านสนุกมากครับ

Noir novels นี่ก็เหมาะกับผู้ชายอยู่เพราะสมองของมนุษย์ผู้ชายนั้นเรียบง่าย ไม่ต้องมีอะไรมาก อาจจะมีแค่ปืน🔫 มีด🗡และสาวเซ็กซี่👠 ก็สนใจและสนุกแล้ว

แม้ว่านักเขียนท่านนี้จะเขียนแนว Noir novels แต่หลังๆ นักเขียนเองก็เริ่มไม่อยากเขียนเรื่องต่อแม้จะเขียนได้อีกหลายตอนก็ตาม เขาบอกว่าก่อนหน้านี้ที่เขาจะเขียนเรื่องแนวนี้เขาเคยมีความรัก มีความสุข โลกสวย แต่รู้ว่าชีวิตเรานี้มันน่าสงสาร มีความโหดร้าย มีความบีบคั้นในใจก็เมื่อเขาได้อ่านหนังสือเรื่อง フランダースの犬 A Dog of Flanders

เรื่อง フランダースの犬 A Dog of Flanders คนเขียนคือ Marie Louisa de la Ramee เป็นคนอังกฤษ ฉากของเรื่องที่ประเทศเบลเยี่ยม คนอังกฤษเขียนแต่ถามว่าคนเบลเยี่ยมรู้จักไหมก็อาจจะไม่รู้จักเลยก็เป็นไปได้ กลับกันคนญี่ปุ่นกลับรู้จักดีมาก เพราะมีการนำมาสร้างเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นโดยคนญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1975

การ์ตูนอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่สร้างมาจากนิยายเรื่อง A Dog of Flanders นั้นเล่าเรื่องเกี่ยวกับเนลโลเด็กชายชาวดัทช์ เนลโลเป็นเด็กกำพร้าที่ยากจนอาศัยอยู่กับคุณปู่ที่มีอาชีพส่งนม รถลากนมเป็นรถเข็นเหมือนรถเข็นผักในตลาดครับแต่ใช้สุนัขลาก ตรงจุดนี้น่ารักมาก วันหนึ่งเขาได้พบกับสุนัขซึ่งบาดเจ็บสาหัสจากการถูกทำร้ายและถูกเจ้าของเดิมทอดทิ้งเขาจึงช่วยเหลือและรับเลี้ยงไว้ จนก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นต่อกัน ทุกเช้าเนลโลและคุณปู่จะพาสุนัขเพื่อนใหม่ลากรถเข็นไปส่งนม เนลโลยากจนมากแต่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะเขามีความใฝ่ฝันที่จะเป็นจิตรกรเลื่องชื่อเหมือนปีเตอร์ พอล ลูเบนส์ เนลโลต้องฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ มากมายด้วยจิตใจที่แข้มแข็ง และความดีของเขาเพื่อให้บรรลุถึงความฝัน แต่เขาจะทำได้หรือไม่ต้องไปลุ้นครับ

ผมได้ดู A Dog of Flanders ตอนที่นำมาฉายใหม่ ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลยเป็นอนิเมชั่นที่ดังมากๆ คนญี่ปุ่นรุ่นเก่าสามสิบสี่สิบปีขึ้นไปเกือบทุกคนน่าจะรู้จักซีนสุดท้ายของหนังอนิเมชั่น " เรารู้ตอนจบของเรื่องมาก่อนแล้วพอดูอนิเมชั่นตอนต้นเรื่องที่เปิดตัวแบบน่ารัก แค่นี้เราก็ต่อมน้ำตาแตก" ซีนสุดท้ายของหนังอนิเมชั่นเป็นฉากที่สวยงามในโบสถ์ซึ่งก็คือ Cathedral of Our Lady Antwerp เป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในเบลเยี่ยมโบสถ์สูง 123 เมตรโดดเด่นมากสามารถมองเห็นได้จากจุดไกลๆออกไปตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมโกธิคอันตระการตาและเก็บรวบรวมผลงานชิ้นเอกของยุโรปเอาไว้มากมาย ความยิ่งใหญ่และความเงียบสงบบนทางเดินขนาดใหญ่ภายในโบสถ์หรือชมผลงานชิ้นเอกของ Rubens ผู้เป็นศิลปินชาวแอนท์เวิร์ปผลงานชิ้นเอกทางศาสนาจำนวนสี่ชิ้นของเขาเช่น Raising of the Cross และ Resurrection Triptych จัดแสดงอยู่ภายในตัวโบสถ์กระจกสีหลากสีสันและประติมากรรมอันวิจิตรมากครับ เพิ่มน้ำหนักให้กับคำกล่าวที่ว่าโบสถ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่สวยที่สุดในยุโรป เมื่อได้ดูอนิเมชั่นแล้วทำให้ผมอยากไปตามรอยโบสถ์นี้มาก

ฉากต่างๆ ของเรื่องปัจจุบันคือเมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp ภาอังกฤษ หรือ Antwerpen ภาษาเนเธอแลนด์) อยู่ในประเทศเบลเยี่ยมเป็นเมืองหลวงของจังหวัดแอนเวิร์ปในฟลานเดอส์หนึ่งในสามบริเวณของเบลเยียม ดูแล้วทำให้รู้สึกอยากไป Antwerpen มาก วันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมาจึงถือโอกาสตามรอยครับ

พูดถึงเมือง Antwerpen แล้วคนไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักหรือสนใจเมืองนี้นัก แต่สำหรับผมรู้สึกสนใจมาก เป็นเมืองท่าเรือที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน กว่า 500 ปีที่แล้วเคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางธุรกิจโลก แต่ปัจจุบันแม้ว่าท่าเรืองต่างๆ จะเสื่อมสภาพลงแต่ก็ยังคงเสน่ห์ของเมืองท่าที่เคยมีความเจริญก้าวหน้ามาแต่อดีต มีคนบอกเอาไว้ว่าที่ที่เป็นแหล่งรวบรวมคนและสิ่งของ ก็ย่อมรวมเงินทองและสิ่งมีค่าด้วย หนึ่งในเมืองที่ว่านั้นก็คือเมืองนี้ครับ แม้ว่าความเจริญในอดีตจะเสื่อมลงไปตามยุคสมัยแต่สภาพบ้านเมืองและสถาปัตยกรรมยังคงสวยงามอยู่ ปัจจุบันก็ยังถือว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับ2 ของประเทศเบลเยี่ยม ที่ยังคงเอกลักษณ์ของบ้านเมืองเก่าๆ อยู่ และเป็นตลาดเพชรและอัญมณีระดับโลกด้วย รอบๆ เมืองนี้น่าจะมีนิคมอุตสาหกรรมอยู่เยอะทำให้มีผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย, คนย้ายถิ่น อยู่อาศัยเยอะขึ้นมาก สังคมสิ่งแวดล้อมจึงเปลี่ยนแปลงไปตามกาล ตอนที่ไปเที่ยวยุโรปครั้งนี้แทบไม่เจอคนญี่ปุ่นเลยมาเจอที่เมืองนี้แหละครับ คนญี่ปุ่นที่มาที่นี่ต้องมีจุดประสงค์อะไรสักอย่างหรือเหมือนผมแน่ เช่น มาดูรูปวาดในโบสถ์จากอนิเมชั่นเรื่อง A Dog of Flanders ที่โบสถ์ยังมีภาษาญี่ปุ่นเขียนไว้ด้วย เพราะหลังจากอนิเมชั่นจบก็คงจะมีคนญี่ปุ่นมาเที่ยวชมและตามรอยเรื่องนี้เยอะมาก เขาเล่ากันว่าตอนนั้นมีแต่คนญี่ปุ่นมาถามเจ้าหน้าที่ว่าบ้านของเนลโลไปทางไหน ซึ่งจริงๆ แล้วนิยายก็คือเรื่องที่แต่งขึ้นอาจจะไม่มีตัวจริงเลยก็ได้ แต่ได้ข่าวว่าคนญี่ปุ่นมาถามกันมากจนการท่องเที่ยวของเมืองต้องไปสร้างบ้านของเนลโล่ไว้ห่างจากโบสถ์นี้ไปประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถบัส ผมก็มีความสุขมากที่ได้มาตามรอยเดินชมทั่วเมืองทั้งๆ ที่อากาศหนาวมาก ตำแหน่งของเมืองนี่อยู่สูงกว่าฮอกไกโดอีกนะ ตอนแรกไม่คิดว่าจะยังหนาวขนาดนี้เดินเพลินแถมมืดช้าด้วยสามทุ่มยังแค่โพล้เพล้เหมือนหกโมงเย็น จนเกือบหนาวตายเพราะ

◇ไปเข้าโบสถ์อีกแห่งหนึ่งในเมือง Antwerpen แล้วเกือบโดนขังไว้ที่นั่น

เวลาเปิดปิดของโบสถ์แต่ละแห่งไม่เท่ากันนะครับ มีโบสถ์หนึ่งปิด5 โมงเย็น แต่ผมคิดว่าเปิดถึง 6 โมงหรือทุ่มหนึ่งเหมือนหลายๆ โบสถ์ที่ไปมาก่อนนี้ ทริปยุโรปครั้งนี้แม้ว่าจะไปช่วงกลางเดือนเมษายนแล้วแต่บางวันอากาศหนาวอยู่มาก บางวันอุ่นขึ้นมาเป็นช่วงที่อากาศก็เปลี่ยนไปมา บางวันอากาศประมาณ 5 องศาก็ยังถือว่าหนาวอยู่มากนะครับ คือเวลาเดินข้างนอกแม้จะมีแดดแต่ไม่รู้สึกอุ่นเลย เมื่อเข้าไปในโบสถ์ก็เดินชมความสวยงาม ดูของเก่าของโบราณที่อยู่ในโบสถ์เพลินมาก ที่นี่มีรูปวาดพระเยซูที่แปลกมากกว่าที่อื่นเพราะที่นี่พระเยซูอยู่บนไม้กางเขนแบบกางขากางแขน ตอนแรกผมนึกว่าว่าวจุฬา อีกใจก็นึกถึงหน้ากากนินจาเงาแดง 仮面の忍者 赤影 เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นในรูปแบบของมังงะและอนิเมชั่น เป็นการ์ตูนสมัย 40 ปีก่อน มีการสู้กันด้วยวิชาชิงไหวชิงพริบ เป็นนินจาแต่งในชุดขาวแดง โดยมีหน้ากากปกปิดโดยเป็นเรื่องราวในสมัยโบราณ ต่อสู้กับเหล่าร้าย มัวแต่คิดไปคิดมายังไม่รู้ตัวว่าจะถูกขัง ยังคิดว่าจะเดินหนึ่งรอบแล้วจะไปหาห้องน้ำก่อนออกไป

แต่ยังโชคดีที่หาห้องน้ำไม่เจอ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะถูกขังอยู่ในโบสถ์แน่ๆ หนึ่งคืน ซึ่งเมื่อหาห้องน้ำไม่เจอจึงเดินออกมาจากมุมห้องหนึ่ง ตอนนั้นก็ไม่เห็นมีใครอยู่ในโบสถ์เลย !! ป้าที่ดูแลโบสถ์ปิดล็อกประตูใหญ่แล้วอ่ะคือผมโดนขังไปแล้ว

J ´'/_ゝ'`)し 工工工エエエエエェェェェェΣ(゚Д゚)ェェェェェェエエエエエエ工工工 

แต่ยังโชคดีดีที่มีลุงอีกคนเห็นผมเลยให้ไปออกที่ประตูเล็กอีกด้าน พอผมออกมาได้นี่ขอบคุณพระเจ้าเลยที่ไม่ต้องหนาวตายในโบสถ์ ตอนที่อยู่ในโบสถ์นั้นรู้สึกมีกลัว และนึกว่าเหมือนพวกตัวละครที่มีซิกเซ้นส์ หรือ สัมผัสที่ 6 ว่าตัวเองมีแนวโน้มจะตายเหมือนโดนปัก Death Flag🚩 死亡フラグ ยังไงยังงั้น และนึกภาพอนิเมชั่นลอยมาเลยล่ะครับ สมัยนั้นคงหนาวมากๆ เนลโลยากจนเสื้อผ้าคลุมกันหนาวดีๆ แทบไม่มีใส่ น่าสงสารมากในโบสถ์ก็โล่งและหนาวมากนะครับ ถ้าผมติดอยู่ในโบสถ์ผมคงหนาวตายแน่ๆ และภาพน้องหมาแสนรักของผมที่มันจากไปแล้วก็ลอยเข้ามาหาผมเหมือนนางฟ้ามาจากเบื้องบน ทั้งเจ้า Long

龍 Long หมาพันธุ์อาคิตะ (AKITA INU) เป็นสุนัขที่น่ารัก และจงรักภักดีมากๆ สมัยก่อนสุนัขพันธุ์นี้ใช้เป็นสุนัขอารักขาให้กับโชกุน และใช้เป็นสุนัขสำหรับการล่าสัตว์ มีทักษะในการดมกลิ่น การมองเห็น และการได้ยินในระดับสูง ส่วนน้อง ชาโค และ มูมู่ เป็นหมาน้อยที่ผมรักมากๆ ตายกันไปหมดแล้ว

เรื่องแค่นี้ก็ถือเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องระมัดระวังไว้เสมอเวลาไปเที่ยวและเดินทางและต้องตรงต่อเวลาและอย่าลืมเรื่องช่องทางติดต่อสื่อสาร กรณีเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินและไม่คาดคิด อีกหนึ่งประสบการณ์และการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวครั้งนี้เลยครับ

ประสบการณ์มีคุณค่าต่อการเรียนรู้ หาซื้อด้วยเงินทองไม่ได้ วันนี้สวัสดีครับ



กำลังโหลดความคิดเห็น