บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี
ฉันรู้แล้วว่าท่านจัดการกับศัตรูที่เป็นเหยื่อราวกับฟาดแซ่เหล็กคร่าชีวิตอย่างเหี้ยมโหดไร้ความปราณีเพียงใด แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากนิ่งมองสามีของตนเองที่จิตใจแกร่งกระด้างราวเหล็กไหลด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
ท่านไม่ได้เข้าไปในอพาร์ทเม้นต์คันนามิโซทางประตูด้านหน้าแต่ลอดช่องรั้วต้นไม้เข้าไปจนถึงหน้าต่างห้องนาย มุราโคชิแล้วเล็ดลอดเข้าไปทางนั้น ฉันเขียนไว้ในตอนต้นแล้วว่าเคยไปหานายมุราโคชิที่ อพาร์ทเม้นต์ของเขาจึงรู้ดีว่า ห้องฝรั่งแบบเก่าของเขาอยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะพอเจาะกับการเล็ดลอดเข้าไปเช่นนี้ ห้องนั้นอยู่มุมสุดด้านตะวันออกของตัวเรือน ด้านใต้ของห้องเปิดออกไปยังระเบียงทางเดิน ส่วนด้านตะวันออกและด้านเหนือหันไปทางสวนหลังเรือน ถัดออกไปจากสวนรก ๆ ซึ่งไม่กว้างขวางนักเป็นรั้วต้นไม้โทรม ๆ ไม้ไผ่ที่เป็นแกนหลักของรั้วหักพังไม่ว่าใครก็สามารถลอดเข้าออกได้ นอกรั้วเป็นซอยเปลี่ยวและฟากตรงข้ามเป็นรั้วบ้านอื่นที่ยาวเหยียด
ห้องของนายมุราโคชิมีปัจจัยเอื้ออำนวยให้เล็ดลอดเข้าไปได้ง่ายอยู่อีกประการหนึ่ง ฉันได้พูดถึงด้านเหนือ ด้านตะวันออก และด้านใต้ของห้องไปแล้ว ส่วนด้านตะวันตกนั้นติดกับห้องของคนอื่นโดยมีผนังหนากั้นเอาไว้ ทางเข้าห้องนั้นไม่ได้อยู่ที่ระเบียงด้านใต้แต่อยู่ทางระเบียงด้านตะวันตก ซึ่งถ้าไปจากห้องนายมุราโคชิก็จะต้องเลี้ยวหักมุม ประตูห้องข้างเคียงนั้นอยู่ห่างจากประตูห้องนายมุราโคชิมากและมองไม่เห็นกันและกันด้วย นอกจากนั้นผนังที่กั้นระหว่างห้องนายมุราโคชิกับห้องข้าง ๆ ยังยาวไกลออกไปทางด้านเหนือ ยื่นล้ำออกไปจากแนวผนังห้องของเขาดูคล้ายกับห้องเก็บของ และถ้ามองออกไปจากหน้าต่างห้องด้านเหนือก็จะเห็นแต่ผนัง ดังนั้นถ้าลอดรั้วเข้ามาและลอบเข้าห้องนายมุราโคชิทางหน้าต่างด้านเหนือก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเห็น
นายมุราโคชิย้ายจากห้องเช่าที่อิเคบุคุโระมาอยู่ที่นี่เมื่อต้นเดือนธันวาคม การที่เขาย้ายเข้ามาอยู่ในห้องที่คนลอบเข้ามาได้สะดวกเช่นนี้เป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนฆาตกรรมที่แฝงไว้ด้วยกลอุบายซับซ้อนหลายชั้นเชิง คือท่านเป็นคนสั่งให้นายมุราโคชิย้ายมาอยู่ห้องที่สะดวกกับการลอบเข้าไปฆ่า และเขาก็ย้ายมาอยู่ตามคำสั่งโดยไม่ล่วงรู้ถึงกลอุบายอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงมันก็เป็นการเตรียมแผนฆาตกรรมที่ละเอียดรอบคอบไปทุกแง่มุมโดยแท้
ฆาตกรคงจะเคาะหน้าต่างด้านเหนือและผู้ร่วมก่อการฆาตกรรมคนที่หนึ่งก็ไม่สามารถปฏิเสธการมาเยือนอย่างผิดธรรมดานั้นได้ นายมุราโคชิคงจะเปิดหน้าต่างรับท่านเข้ามาในห้อง จากนั้นการแสดงอันน่าพิศวงก็เริ่มขึ้น ฉันไม่มีทางอื่นนอกจากจินตนาการว่าเหตุการณ์ต่อไปนี้ได้เริ่มขึ้น
ห้องของนายมุราโคชิมีเครื่องรับวิทยุ ผู้บุกรุกวางเครื่องบันทึกเสียงที่หอบหิ้วมาลงข้างวิทยุเครื่องนั้น แล้วติดตั้งอุปกรณ์สำหรับบันทึกเสียง เขาคงไม่ใช้ไมโครโฟนแต่ต่อสายของส่วนรับเสียงเข้ากับลำโพงของวิทยุโดยตรง หลังจากนั้นก็นั่งรอเวลาการถ่ายทอดรายการแสดงไวโอลินของซากางุจิ จูโซ เขาคงจะบอกกับนายมุราโคชิที่ทำท่าสงสัยว่า
“ฉันมาก็เพื่อจะได้ทันฟังรายการออกอากาศของซากางุจิ เรามาฟังการแสดงเดี่ยวไวโอลินของนักดนตรีชื่อดังคนนี้กันนะ ฉันไม่ฟังอย่างเดียวแต่อยากอัดรายการเอาไว้ด้วยเครื่องบันทึกเสียง ถ้าเราต่อสายนี่เข้ากับวิทยุ เสียงพูดคุยของเราและเสียงอื่น ๆ ไม่ว่าจะดังสักแค่ไหนก็ไม่เข้าไปในเทป จะมีแต่เสียงดนตรีที่อัดจากวิทยุเท่านั้น
เธอคงสงสัยซีนะว่าถ้าอยากอัดรายการฉันก็น่าจะอัดที่บ้าน ทำไมถึงต้องแบกเครื่องบันทึกเสียงมาอัดที่ อพาร์ทเม้นต์เธอ แต่ฉันมีความจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องทำอย่างนี้ แล้วเธอจะได้รู้ว่าทำไม”
ท่านต้องพูดเช่นนั้นแน่ ท่านชอบอย่างนั้นฉันรู้ดี
นายมุราโคชิคงมอบปืนพกที่เขาได้มาจากเพื่อนจิตรกรให้ท่านก่อนรายการวิทยุจะเริ่มขึ้น เพราะทั้งเครื่องบันทึกเสียงและปืนพกล้วนเป็นสิ่งจำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับค่ำคืนนั้น

ทั้งสองคงจะฟังการถ่ายทอดรายการแสดงไวโอลินของซากางุจิกันเงียบ ๆ จนจบ ระหว่างนั้นนายมุราโคชิอาจสังเกตเห็นความผิดปกติของอะไร ๆ ขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ฉันไม่เข้าใจว่าเขาทนความหวาดกลัวอยู่ได้ยังไง หรือว่าจะเป็นเหมือนกบที่เผชิญหน้ากับงูแล้วกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ท่านมีพลังจิตที่แรงอย่างประหลาดเช่นนั้น แม้ไม่คาดคิดว่าท่านจะจงใจฆ่าแต่เขาก็คงตื่นกลัวมาก และระหว่างที่ครึ่งเชื่อครึ่งสงสัยนั้นเขาคงได้ลิ้มรสความทรมานจนเหงื่อโทรมกาย เมื่ออยู่ในสภาพเช่นนี้คงไม่เกิดการรู้ตัวขึ้นมาแล้วตัดสินใจเรียกให้คนช่วยแน่
การถ่ายทอดรายการแสดงไวโอลินจบลงตามด้วยสัญญาณบอกเวลาสามทุ่มตรง ทันใดนั้นเองท่านก็หยิบปืนขึ้นยิงนายมุราโคชิ คงต้องเป็นการเคลื่อนไหวที่ฉับพลันทันทีจนไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงร้อง ท่านบรรจุกระสุนปืนตอนไหน...อาจใส่ต่อหน้าต่อตาเหยื่อตอนรับปืนพกมา หรือไม่ก็แอบใส่โดยไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็นก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดปืนกระบอกนั้นมีกระสุนบรรจุอยู่แล้วก่อนยิง
พอนายมุราโคชิล้มลงสิ้นใจตายฆาตกรก็รีบเช็ดลายนิ้วมือของตนออกจากปืนพก เอาไปพิมพ์ลายนิ้วมือของนายมุราโคชิแทนแล้ววางไว้ข้างศพ จากนั้นก็เอาเส้นลวดทองแดงที่เตรียมมาพันปลายข้างหนึ่งไว้กับสลักกลอนหน้าต่าง สอดปลายอีกข้างหนึ่งผ่านช่องเล็ก ๆ ตรงมุมกระจกหน้าต่างออกไปข้างนอก แล้วค่อย ๆ ผลักบานหน้าต่างขึ้นไปข้างบน ถอดสายที่เชื่อมเครื่องบันทึกเสียงกับเครื่องรับวิทยุออกแล้วจึงหิ้วมันปีนหน้าต่างกลับออกไป งับหน้าต่างปิดลงไปตามเดิมพร้อมทั้งดึงปลายเส้นลวดทองแดงแรง ๆ ให้สลักกลอนสับลงไปตรงที่ของมัน งานแค่นี้น่าจะเสร็จสิ้นลงได้ภายในสองสามนาที
ท่านคงจะสวมถุงมือไว้ตั้งแต่แรกและระหว่างฟังวิทยุอยู่กับนายมุราโคชิก็อาจไม่ได้ถอด ตอนที่นายมุราโคชิทำท่าสงสัยท่านจะอธิบายอย่างชวนให้ขนลุกว่าอย่างไรกัน หรือได้แต่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ชวนสยองโดยไม่พูดอะไร
ถ้าจะคิดให้ละเอียดขึ้นอีกก็คือ ตอนปิดหน้าต่างจากภายนอกนั้นจำเป็นต้องมีอะไรรองเท้า ก็พอดีตรงนั้นมีกล่องใส่แอปเปิ้ลใบใหญ่ถูกวางทิ้งตากแดดตากฝนอยู่ ซึ่งก็คงถูกใช้เป็นที่เหยียบตอนปีนเข้าทางหน้าต่างและตอนปิดหน้าต่างแล้วดึงเส้นลวดทองแดงให้สลักกลอนตกลงมา จากนั้นก็ตรวจดูให้แน่ใจว่าสลักกลอนหน้าต่างเข้าที่ดีแล้วจึงปลดเส้นลวดออก และพอลอดช่องรั้วต้นไม้ออกมาได้ก็รีบออกไปที่ถนนใหญ่ เรียกรถแท็กซี่กลับคฤหาสน์
นักสืบอาเกจิ โคโงโรไขปริศนาห้องปิดตายให้กระจ่างออกมาอย่างง่ายดาย ตามปกติจะไม่ง่ายเช่นนั้นและอาจเชื่อกันว่านายมุราโคชิฆ่าตัวตายก็ได้ ฆาตกรวางไม้ตายที่สำคัญพอ ๆ กับกรณีของหุ่นลองเสื้อเอาไว้ตรงนั้น การที่นักสืบอาเกจิยกเอาปริศนาที่ฆาตกรเชื่อว่าตนผูกปมไว้ยากมากนี้มาแก้ให้กระจ่างก่อนเป็นเรื่องแรก แทนที่จะพูดถึงกลอุบายหุ่นลองเสื้อซึ่งเกิดขึ้นก่อนนั้นก็เพราะต้องการข่มขวัญอีกฝ่าย คือต้องการแสดงให้เห็นว่ากลอุบายลึกลับซับซ้อนขนาดนี้ยังแก้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วเรื่องหุ่นลองเสื้อจะพ้นความสามารถไปได้อย่างไร ซึ่งฉันคิดว่าชั้นเชิงเหนือเมฆของนักสืบเอกคนนี้มีพลังทำให้ฆาตกรหวั่นไหวเกินคาดเลยทีเดียว
ทีนี้ ท่านจะต้องกลับจากอพาร์ตเม้นท์ของนายมุราโคชิมาแสดงตัวที่ห้องรับแขกของคฤหาสน์ให้ทันเวลาการถ่ายทอดรายการวิทยุที่เริ่มตั้งแต่สองทุ่มสี่สิบนาที ตามปกตินั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ระยะเวลาตั้งแต่ยิงคนตายทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณบอกเวลาสามทุ่มตรงมาจนถึงเวลาที่กลับถึงคฤหาสน์นั้น ต่อให้รีบเร่งเพียงใดก็ไม่มีทางเร็วไปกว่าสิบห้านาที ดังนั้นท่านจึงกลับถึงคฤหาสน์ราวสามทุ่มสิบห้า ซึ่งพอมาถึงแล้วต้องใช้เวลาอีกสองสามนาทีในการเปลี่ยนเสื้อผ้ารวมทั้งทำอะไรอย่างหนึ่ง และอีกหกเจ็ดนาทีสำหรับเตรียมตัวฟังการถ่ายทอดรายการทางวิทยุ ดังนั้นตอนที่ท่านปรากฏตัวในห้องรับแขกและพบฉันกับนายโชจินั้นเป็นเวลาสามทุ่มยี่สิบห้านาที
ทั้ง ๆ ที่เวลาที่แท้จริงอยู่ที่สามทุ่มยี่สิบห้านาที แต่เรากำลังฟังรายการไวลินของซากางุจิ จูโซที่ออกอากาศตั้งแต่สองทุ่มสี่สิบนาที เวลาต่างกันถึงสี่สิบห้านาที คือจะต้องมีการจัดการด้วยกลอุบายอะไรสักอย่างให้รายการไวโอลินที่เริ่มตั้งแต่สองทุ่มสี่สิบนาทีที่อพาร์ตเม้นท์ของนายมุราโคชิ มาเริ่มที่บ้านเราเมื่อเวลาสามทุ่มยี่สิบห้านาที
ฆาตกรจัดการกับความเป็นไปไม่ได้ด้านเวลาครั้งนี้สำเร็จได้อย่างไร เรื่องเครื่องรับวิทยุนั้นไม่มีอะไรยากเพราะบ้านเราฟังวิทยุกันน้อยมากซึ่งเป็นทางสะดวกสำหรับฆาตกร วิทยุเครื่องที่อยู่ในห้องน้ำชาในเรือนญี่ปุ่น นาน ๆ ทีพวกคนรับใช้จึงจะเปิดฟัง แต่ในวันเกิดเหตุพอดีเครื่องเกิดชำรุดเงียบเสียงไปตั้งแต่ช่วงบ่าย จนกระทั่งช่างมาแก้ให้ดีดังเดิมในเข้าวันรุ่งขึ้น
สำหรับวิทยุในห้องรับแขกที่เรือนฝรั่งนั้นไม่มีใครเปิดฟังสักครั้งเดียวมากว่าสัปดาห์หนึ่งแล้ว เพิ่งจะเปิดก็เพื่อฟังรายการแสดงไวลินของซากางุจิ จูโซนี้เอง ดังนั้นก่อนหน้าเวลาออกอากาศจึงไม่มีใครเปิดสวิตช์วิทยุแน่นอน ฉันเป็นคนไม่ค่อยชอบวิทยุส่วนนายโชจิดูเหมือนจะไม่เคยแตะต้องวิทยุในห้องรับแขกด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงไม่กังวลว่าจะมีการใช้วิทยุทำกลลวงให้สับสนเรื่องเวลา
ท่านคงกลับเข้าบ้านทางสวน ปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องทำงาน และก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดปลอมตัวก็แอบย่องเข้าไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ข้างกันนั้นในความมืดมิด เอาเครื่องบันทึกเสียงไปวางแอบไว้หลังวิทยุบนชั้นซึ่งมีที่พอจะซ่อนเอาไว้ได้ ชั้นซึ่งพูดให้ถูกน่าจะเรียกว่าตู้นั้นเป็นเครื่องเรือนขนาดใหญ่แบบฝรั่งลึกประมาณสองฟุตครึ่งทำด้วยไม้สักสลักลวดลายประณีต ประกอบด้วยชั้น ตู้ และลิ้นชัก วิทยุที่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงในตัวขนาดเล็กวางอยู่บนชั้นกลางด้านหลังมีที่ว่างมากทั้งด้านหลังของสมุดอัลบั้มที่วางตั้งไว้นั้นก็มีที่ว่างด้วยเหมือนกัน
ฆาตกรเอาเครื่องบันทึกเสียงไปซ่อนไว้ตรงนั้น แล้วทำอะไรหลังจากนั้น ฉันลองคิดโดยสวมความรู้สึกของฆาตกร
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี
ฉันรู้แล้วว่าท่านจัดการกับศัตรูที่เป็นเหยื่อราวกับฟาดแซ่เหล็กคร่าชีวิตอย่างเหี้ยมโหดไร้ความปราณีเพียงใด แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากนิ่งมองสามีของตนเองที่จิตใจแกร่งกระด้างราวเหล็กไหลด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
ท่านไม่ได้เข้าไปในอพาร์ทเม้นต์คันนามิโซทางประตูด้านหน้าแต่ลอดช่องรั้วต้นไม้เข้าไปจนถึงหน้าต่างห้องนาย มุราโคชิแล้วเล็ดลอดเข้าไปทางนั้น ฉันเขียนไว้ในตอนต้นแล้วว่าเคยไปหานายมุราโคชิที่ อพาร์ทเม้นต์ของเขาจึงรู้ดีว่า ห้องฝรั่งแบบเก่าของเขาอยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะพอเจาะกับการเล็ดลอดเข้าไปเช่นนี้ ห้องนั้นอยู่มุมสุดด้านตะวันออกของตัวเรือน ด้านใต้ของห้องเปิดออกไปยังระเบียงทางเดิน ส่วนด้านตะวันออกและด้านเหนือหันไปทางสวนหลังเรือน ถัดออกไปจากสวนรก ๆ ซึ่งไม่กว้างขวางนักเป็นรั้วต้นไม้โทรม ๆ ไม้ไผ่ที่เป็นแกนหลักของรั้วหักพังไม่ว่าใครก็สามารถลอดเข้าออกได้ นอกรั้วเป็นซอยเปลี่ยวและฟากตรงข้ามเป็นรั้วบ้านอื่นที่ยาวเหยียด
ห้องของนายมุราโคชิมีปัจจัยเอื้ออำนวยให้เล็ดลอดเข้าไปได้ง่ายอยู่อีกประการหนึ่ง ฉันได้พูดถึงด้านเหนือ ด้านตะวันออก และด้านใต้ของห้องไปแล้ว ส่วนด้านตะวันตกนั้นติดกับห้องของคนอื่นโดยมีผนังหนากั้นเอาไว้ ทางเข้าห้องนั้นไม่ได้อยู่ที่ระเบียงด้านใต้แต่อยู่ทางระเบียงด้านตะวันตก ซึ่งถ้าไปจากห้องนายมุราโคชิก็จะต้องเลี้ยวหักมุม ประตูห้องข้างเคียงนั้นอยู่ห่างจากประตูห้องนายมุราโคชิมากและมองไม่เห็นกันและกันด้วย นอกจากนั้นผนังที่กั้นระหว่างห้องนายมุราโคชิกับห้องข้าง ๆ ยังยาวไกลออกไปทางด้านเหนือ ยื่นล้ำออกไปจากแนวผนังห้องของเขาดูคล้ายกับห้องเก็บของ และถ้ามองออกไปจากหน้าต่างห้องด้านเหนือก็จะเห็นแต่ผนัง ดังนั้นถ้าลอดรั้วเข้ามาและลอบเข้าห้องนายมุราโคชิทางหน้าต่างด้านเหนือก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเห็น
นายมุราโคชิย้ายจากห้องเช่าที่อิเคบุคุโระมาอยู่ที่นี่เมื่อต้นเดือนธันวาคม การที่เขาย้ายเข้ามาอยู่ในห้องที่คนลอบเข้ามาได้สะดวกเช่นนี้เป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนฆาตกรรมที่แฝงไว้ด้วยกลอุบายซับซ้อนหลายชั้นเชิง คือท่านเป็นคนสั่งให้นายมุราโคชิย้ายมาอยู่ห้องที่สะดวกกับการลอบเข้าไปฆ่า และเขาก็ย้ายมาอยู่ตามคำสั่งโดยไม่ล่วงรู้ถึงกลอุบายอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงมันก็เป็นการเตรียมแผนฆาตกรรมที่ละเอียดรอบคอบไปทุกแง่มุมโดยแท้
ฆาตกรคงจะเคาะหน้าต่างด้านเหนือและผู้ร่วมก่อการฆาตกรรมคนที่หนึ่งก็ไม่สามารถปฏิเสธการมาเยือนอย่างผิดธรรมดานั้นได้ นายมุราโคชิคงจะเปิดหน้าต่างรับท่านเข้ามาในห้อง จากนั้นการแสดงอันน่าพิศวงก็เริ่มขึ้น ฉันไม่มีทางอื่นนอกจากจินตนาการว่าเหตุการณ์ต่อไปนี้ได้เริ่มขึ้น
ห้องของนายมุราโคชิมีเครื่องรับวิทยุ ผู้บุกรุกวางเครื่องบันทึกเสียงที่หอบหิ้วมาลงข้างวิทยุเครื่องนั้น แล้วติดตั้งอุปกรณ์สำหรับบันทึกเสียง เขาคงไม่ใช้ไมโครโฟนแต่ต่อสายของส่วนรับเสียงเข้ากับลำโพงของวิทยุโดยตรง หลังจากนั้นก็นั่งรอเวลาการถ่ายทอดรายการแสดงไวโอลินของซากางุจิ จูโซ เขาคงจะบอกกับนายมุราโคชิที่ทำท่าสงสัยว่า
“ฉันมาก็เพื่อจะได้ทันฟังรายการออกอากาศของซากางุจิ เรามาฟังการแสดงเดี่ยวไวโอลินของนักดนตรีชื่อดังคนนี้กันนะ ฉันไม่ฟังอย่างเดียวแต่อยากอัดรายการเอาไว้ด้วยเครื่องบันทึกเสียง ถ้าเราต่อสายนี่เข้ากับวิทยุ เสียงพูดคุยของเราและเสียงอื่น ๆ ไม่ว่าจะดังสักแค่ไหนก็ไม่เข้าไปในเทป จะมีแต่เสียงดนตรีที่อัดจากวิทยุเท่านั้น
เธอคงสงสัยซีนะว่าถ้าอยากอัดรายการฉันก็น่าจะอัดที่บ้าน ทำไมถึงต้องแบกเครื่องบันทึกเสียงมาอัดที่ อพาร์ทเม้นต์เธอ แต่ฉันมีความจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องทำอย่างนี้ แล้วเธอจะได้รู้ว่าทำไม”
ท่านต้องพูดเช่นนั้นแน่ ท่านชอบอย่างนั้นฉันรู้ดี
นายมุราโคชิคงมอบปืนพกที่เขาได้มาจากเพื่อนจิตรกรให้ท่านก่อนรายการวิทยุจะเริ่มขึ้น เพราะทั้งเครื่องบันทึกเสียงและปืนพกล้วนเป็นสิ่งจำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับค่ำคืนนั้น
ทั้งสองคงจะฟังการถ่ายทอดรายการแสดงไวโอลินของซากางุจิกันเงียบ ๆ จนจบ ระหว่างนั้นนายมุราโคชิอาจสังเกตเห็นความผิดปกติของอะไร ๆ ขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ฉันไม่เข้าใจว่าเขาทนความหวาดกลัวอยู่ได้ยังไง หรือว่าจะเป็นเหมือนกบที่เผชิญหน้ากับงูแล้วกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ท่านมีพลังจิตที่แรงอย่างประหลาดเช่นนั้น แม้ไม่คาดคิดว่าท่านจะจงใจฆ่าแต่เขาก็คงตื่นกลัวมาก และระหว่างที่ครึ่งเชื่อครึ่งสงสัยนั้นเขาคงได้ลิ้มรสความทรมานจนเหงื่อโทรมกาย เมื่ออยู่ในสภาพเช่นนี้คงไม่เกิดการรู้ตัวขึ้นมาแล้วตัดสินใจเรียกให้คนช่วยแน่
การถ่ายทอดรายการแสดงไวโอลินจบลงตามด้วยสัญญาณบอกเวลาสามทุ่มตรง ทันใดนั้นเองท่านก็หยิบปืนขึ้นยิงนายมุราโคชิ คงต้องเป็นการเคลื่อนไหวที่ฉับพลันทันทีจนไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงร้อง ท่านบรรจุกระสุนปืนตอนไหน...อาจใส่ต่อหน้าต่อตาเหยื่อตอนรับปืนพกมา หรือไม่ก็แอบใส่โดยไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็นก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดปืนกระบอกนั้นมีกระสุนบรรจุอยู่แล้วก่อนยิง
พอนายมุราโคชิล้มลงสิ้นใจตายฆาตกรก็รีบเช็ดลายนิ้วมือของตนออกจากปืนพก เอาไปพิมพ์ลายนิ้วมือของนายมุราโคชิแทนแล้ววางไว้ข้างศพ จากนั้นก็เอาเส้นลวดทองแดงที่เตรียมมาพันปลายข้างหนึ่งไว้กับสลักกลอนหน้าต่าง สอดปลายอีกข้างหนึ่งผ่านช่องเล็ก ๆ ตรงมุมกระจกหน้าต่างออกไปข้างนอก แล้วค่อย ๆ ผลักบานหน้าต่างขึ้นไปข้างบน ถอดสายที่เชื่อมเครื่องบันทึกเสียงกับเครื่องรับวิทยุออกแล้วจึงหิ้วมันปีนหน้าต่างกลับออกไป งับหน้าต่างปิดลงไปตามเดิมพร้อมทั้งดึงปลายเส้นลวดทองแดงแรง ๆ ให้สลักกลอนสับลงไปตรงที่ของมัน งานแค่นี้น่าจะเสร็จสิ้นลงได้ภายในสองสามนาที
ท่านคงจะสวมถุงมือไว้ตั้งแต่แรกและระหว่างฟังวิทยุอยู่กับนายมุราโคชิก็อาจไม่ได้ถอด ตอนที่นายมุราโคชิทำท่าสงสัยท่านจะอธิบายอย่างชวนให้ขนลุกว่าอย่างไรกัน หรือได้แต่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ชวนสยองโดยไม่พูดอะไร
ถ้าจะคิดให้ละเอียดขึ้นอีกก็คือ ตอนปิดหน้าต่างจากภายนอกนั้นจำเป็นต้องมีอะไรรองเท้า ก็พอดีตรงนั้นมีกล่องใส่แอปเปิ้ลใบใหญ่ถูกวางทิ้งตากแดดตากฝนอยู่ ซึ่งก็คงถูกใช้เป็นที่เหยียบตอนปีนเข้าทางหน้าต่างและตอนปิดหน้าต่างแล้วดึงเส้นลวดทองแดงให้สลักกลอนตกลงมา จากนั้นก็ตรวจดูให้แน่ใจว่าสลักกลอนหน้าต่างเข้าที่ดีแล้วจึงปลดเส้นลวดออก และพอลอดช่องรั้วต้นไม้ออกมาได้ก็รีบออกไปที่ถนนใหญ่ เรียกรถแท็กซี่กลับคฤหาสน์
นักสืบอาเกจิ โคโงโรไขปริศนาห้องปิดตายให้กระจ่างออกมาอย่างง่ายดาย ตามปกติจะไม่ง่ายเช่นนั้นและอาจเชื่อกันว่านายมุราโคชิฆ่าตัวตายก็ได้ ฆาตกรวางไม้ตายที่สำคัญพอ ๆ กับกรณีของหุ่นลองเสื้อเอาไว้ตรงนั้น การที่นักสืบอาเกจิยกเอาปริศนาที่ฆาตกรเชื่อว่าตนผูกปมไว้ยากมากนี้มาแก้ให้กระจ่างก่อนเป็นเรื่องแรก แทนที่จะพูดถึงกลอุบายหุ่นลองเสื้อซึ่งเกิดขึ้นก่อนนั้นก็เพราะต้องการข่มขวัญอีกฝ่าย คือต้องการแสดงให้เห็นว่ากลอุบายลึกลับซับซ้อนขนาดนี้ยังแก้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วเรื่องหุ่นลองเสื้อจะพ้นความสามารถไปได้อย่างไร ซึ่งฉันคิดว่าชั้นเชิงเหนือเมฆของนักสืบเอกคนนี้มีพลังทำให้ฆาตกรหวั่นไหวเกินคาดเลยทีเดียว
ทีนี้ ท่านจะต้องกลับจากอพาร์ตเม้นท์ของนายมุราโคชิมาแสดงตัวที่ห้องรับแขกของคฤหาสน์ให้ทันเวลาการถ่ายทอดรายการวิทยุที่เริ่มตั้งแต่สองทุ่มสี่สิบนาที ตามปกตินั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ระยะเวลาตั้งแต่ยิงคนตายทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณบอกเวลาสามทุ่มตรงมาจนถึงเวลาที่กลับถึงคฤหาสน์นั้น ต่อให้รีบเร่งเพียงใดก็ไม่มีทางเร็วไปกว่าสิบห้านาที ดังนั้นท่านจึงกลับถึงคฤหาสน์ราวสามทุ่มสิบห้า ซึ่งพอมาถึงแล้วต้องใช้เวลาอีกสองสามนาทีในการเปลี่ยนเสื้อผ้ารวมทั้งทำอะไรอย่างหนึ่ง และอีกหกเจ็ดนาทีสำหรับเตรียมตัวฟังการถ่ายทอดรายการทางวิทยุ ดังนั้นตอนที่ท่านปรากฏตัวในห้องรับแขกและพบฉันกับนายโชจินั้นเป็นเวลาสามทุ่มยี่สิบห้านาที
ทั้ง ๆ ที่เวลาที่แท้จริงอยู่ที่สามทุ่มยี่สิบห้านาที แต่เรากำลังฟังรายการไวลินของซากางุจิ จูโซที่ออกอากาศตั้งแต่สองทุ่มสี่สิบนาที เวลาต่างกันถึงสี่สิบห้านาที คือจะต้องมีการจัดการด้วยกลอุบายอะไรสักอย่างให้รายการไวโอลินที่เริ่มตั้งแต่สองทุ่มสี่สิบนาทีที่อพาร์ตเม้นท์ของนายมุราโคชิ มาเริ่มที่บ้านเราเมื่อเวลาสามทุ่มยี่สิบห้านาที
ฆาตกรจัดการกับความเป็นไปไม่ได้ด้านเวลาครั้งนี้สำเร็จได้อย่างไร เรื่องเครื่องรับวิทยุนั้นไม่มีอะไรยากเพราะบ้านเราฟังวิทยุกันน้อยมากซึ่งเป็นทางสะดวกสำหรับฆาตกร วิทยุเครื่องที่อยู่ในห้องน้ำชาในเรือนญี่ปุ่น นาน ๆ ทีพวกคนรับใช้จึงจะเปิดฟัง แต่ในวันเกิดเหตุพอดีเครื่องเกิดชำรุดเงียบเสียงไปตั้งแต่ช่วงบ่าย จนกระทั่งช่างมาแก้ให้ดีดังเดิมในเข้าวันรุ่งขึ้น
สำหรับวิทยุในห้องรับแขกที่เรือนฝรั่งนั้นไม่มีใครเปิดฟังสักครั้งเดียวมากว่าสัปดาห์หนึ่งแล้ว เพิ่งจะเปิดก็เพื่อฟังรายการแสดงไวลินของซากางุจิ จูโซนี้เอง ดังนั้นก่อนหน้าเวลาออกอากาศจึงไม่มีใครเปิดสวิตช์วิทยุแน่นอน ฉันเป็นคนไม่ค่อยชอบวิทยุส่วนนายโชจิดูเหมือนจะไม่เคยแตะต้องวิทยุในห้องรับแขกด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงไม่กังวลว่าจะมีการใช้วิทยุทำกลลวงให้สับสนเรื่องเวลา
ท่านคงกลับเข้าบ้านทางสวน ปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องทำงาน และก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดปลอมตัวก็แอบย่องเข้าไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ข้างกันนั้นในความมืดมิด เอาเครื่องบันทึกเสียงไปวางแอบไว้หลังวิทยุบนชั้นซึ่งมีที่พอจะซ่อนเอาไว้ได้ ชั้นซึ่งพูดให้ถูกน่าจะเรียกว่าตู้นั้นเป็นเครื่องเรือนขนาดใหญ่แบบฝรั่งลึกประมาณสองฟุตครึ่งทำด้วยไม้สักสลักลวดลายประณีต ประกอบด้วยชั้น ตู้ และลิ้นชัก วิทยุที่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงในตัวขนาดเล็กวางอยู่บนชั้นกลางด้านหลังมีที่ว่างมากทั้งด้านหลังของสมุดอัลบั้มที่วางตั้งไว้นั้นก็มีที่ว่างด้วยเหมือนกัน
ฆาตกรเอาเครื่องบันทึกเสียงไปซ่อนไว้ตรงนั้น แล้วทำอะไรหลังจากนั้น ฉันลองคิดโดยสวมความรู้สึกของฆาตกร