xs
xsm
sm
md
lg

รหัสรักจากอเวจี ตอนที่ 16 ยูมิโกะถอดรหัสฆาตกรรม (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี

ทำไมถึงต้องมีสัญญาณผ้าเช็ดหน้า ไม่ต้องบอกก็ได้...เพราะเราสองคนที่บ้านพักตากอากาศจำเป็นต้องเห็นหุ่นตกลงไปจากหน้าผา เป็นสัญญาณบอกว่า...ตอนนี้เรากำลังส่องกล้องสองตาไปทางนั้น ปล่อยหุ่นลงไปได้แล้ว...ช่างเป็นแผนที่แยบยลอะไรเช่นนี้ ถ้าพลาดแค่วินาทีเดียวแผนทั้งหมดก็จะต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า ใครจะไปคิด...ผ้าเช็ดหน้าปลิวออกไปจากหน้าต่าง พลิ้วลงไปข้างล่าง ดูไม่มีพิษสงอะไรทั้งนั้น ...เทคนิคการทิ้งผ้า น่ากลัวมาก ช่างเป็นแผนที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้

การที่จะสามารถเล่นละครให้เห็นจริงเห็นจังได้ขนาดนี้ ต้องมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดีทีเดียว และที่ลำบากลำบนถึงกับทิ้งหุ่นลงมาให้ใคร ๆ เห็นก็เพราะฆาตกรต้องสร้างพยานหลักฐานที่มั่นคงเกี่ยวกับตำแหน่งที่อยู่ของตนเมื่อตอนเกิดเหตุฆาตกรรม คนที่เห็นเหตุการณ์ผ่านกล้องสองตามีฉันกับท่านเท่านั้นแต่ก็มีนายโชจิอยู่ตรงนั้นด้วย ซึ่งเขามองด้วยตาเปล่าเห็นภาพคนตัวเล็กเท่าเมล็ดถั่วตกลงไปจากหน้าผา เป็นอันว่าเหตุการณ์นี้มีเราเป็นพยานสามคน และเป็นสามคนแรกที่พบเหตุฆาตกรรมหน้าผาแล้วแจ้งตำรวจ ซึ่งนำไปสู่การพบศพนายฮิเมดะ นี่หมายความว่าฆาตกรตัวจริงของคดีนี้สามารถสร้างหลักฐานยืนยันได้อย่างมั่นคงว่า ตนเป็นพยานเห็นการตายของเหยื่อมาจากที่ไกลผ่านทางกล้องสองตา อีกทั้งยังเป็นคนพบเหตุการณ์กรรมด้วย ไม่มีหลักฐานอะไรจะมีน้ำหนักจริงแท้แน่นอนเท่านี้อีกแล้ว

ร่างที่ถูกกู้ขึ้นมาจากทะเลไม่ใช่ตุ๊กตาหุ่นแต่เป็นนายฮิเมดะตัวจริง และคงไม่ต้องบอกว่านายฮิเมดะถูกผลักตกหน้าผาเดียวกันนั้นก่อนหน้านี้แล้ว และการที่ฆาตกรผลักตุ๊กตาหุ่นลงไปหลังจากนั้นเป็นละครฉากหนึ่งที่จัดขึ้นเพื่ออำพรางว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่นายฮิเมดะถูกฆ่าจริง ๆ นั่นเอง หลังจากที่เราผละจากหน้าต่างห้องชั้นบนแล้วชายที่ใส่เสื้อโค้ตสีเทาก็ดึงเชือกชักตุ๊กตาหุ่นขึ้นมาบนหน้าผา ถอดชิ้นส่วนใส่กระเป๋าใบใหญ่พาตัวหายลับไปจากหน้าผานั้น

เมื่อคิดไปในแนวนี้ ฉันก็ค่อย ๆ เข้าใจรายละเอียดชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ตอนที่ชายคนนั้นถือกระเป๋ากลับไปที่สถานี อาตามิ ร้านน้ำชาบนหน้าผาปิดแล้ว และต้องไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเพราะตามปกติร้านจะเลิกให้บริการตอนราวห้าโมงเย็น เย็นวันนั้นคนที่ร้านบอกว่าเปิดบริการอยู่ถึงห้าโมงยี่สิบกว่านาที และชายที่ถือกระเป๋าใบใหญ่ออกไปจากร้านเป็นคนสุดท้าย หญิงรับใช้ที่ร้านน้ำชาจึงบอกว่าหล่อนไม่เห็นชายคนนั้นตอนที่เขากลับออกไป

แล้วชายใส่เสื้อโค้ตสีเทาที่นายคินุตะหนุ่มชาวบ้านแถวนั้นเห็นคือใคร หรือว่าเป็นคนที่มากับนายฮิเมดะและพากันเดินไปที่หน้าผา เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ฉันเห็นความเป็นไปได้หลายอย่างมาก อย่างแรกคือหนุ่มชาวบ้านไม่มีนาฬิกาจึงไม่รู้เวลาถูกต้องที่สองคนเดินผ่านไป ส่วนคนฟังคำบอกเล่าของเขาก็ไม่คำนึงถึงเรื่องนั้น ฝังใจอยู่แต่ว่าคนใส่เสื้อโค้ตสีเทาเหมือนกันเป็นคน ๆ เดียวกัน หนุ่มชาวบ้านบอกว่าคนที่เขาเห็นไม่ถือกระเป๋า คนฟังก็ตีความง่าย ๆ ว่าคงเอาไปวางไว้ที่ไหน

คนที่สาวใช้ร้านน้ำชาเห็น กับที่หนุ่มชาวบ้านเห็นนั้น แม้จะสวมหมวก ใส่เสื้อโค้ต ใส่แว่นตา และจนกระทั่งติดหนวดปลอมเหมือนกันนั้นความจริงแล้วเป็นคนละคน ถ้าไม่คิดว่าเป็นคนละคนเรื่องราวก็จะต่อกันไม่ติด คนที่หนุ่มชาวบ้านเห็นคือฆาตกรตัวจริง และคนนั้นก็คือโองาวาระ โยชิอากิ สามีของฉันเอง

เฉพาะวันนั้น ท่านขับรถยนต์ไปสนามกอล์ฟเอง ขากลับท่านคงขับรถไปจอดทิ้งไว้ในป่าห่างออกไปจากแหลม อูโอมิซากิ พบกับนายฮิเมดะที่นัดกันไว้แล้วเดินเล่นไปที่หน้าผาด้วยกัน ฉันรู้ว่าท่านมีเสื้อโค้ตสีเทาและหมวกอยู่แล้วในตู้เสื้อผ้า จึงไม่ยากอะไรที่จะเอามันใส่รถไปเปลี่ยนกลางทาง และก็คงเตรียมแว่นตากับหนวดปลอมไปด้วย

นายฮิเมดะรักฉันแต่ก็เคารพนับถือท่านมาก สำหรับเขาการที่ลอบรักกับเมียท่านกับการเคารพนับถือท่านนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ท่านเป็นคนที่มีบารมีเหลือล้นน่าเกรงขาม และไม่ว่าท่านจะออกว่าว่าอย่างไรนายฮิเมดะเป็นต้องทำตามทุกเรื่อง ซึ่งถ้าบอกให้ไปคอยอยู่แถวแหลมอูโอมิซากิในตอนเย็นเขาก็ต้องไปแน่นอน และถ้าถูกสั่งไม่ให้บอกใครเขาก็คงไม่บอกแม้แต่ฉัน ท่านคงจะเดินคุยกันสนุก ๆ กับนายฮิเมดะไปที่ต้นสนเดี่ยวบนหน้าผาและพอได้จังหวะก็ผลักเขาตกลงไป เสร็จแล้วรีบกลับไปที่รถขับกลับบ้านตากอากาศด้วยสีหน้าที่ไม่ส่อพิรุธอะไรเลย

มีเวลาประมาณสี่สิบนาทีนับตั้งแต่เมื่อท่านกลับถึงบ้านตากอากาศ จนถึงเวลาที่ท่านขึ้นไปส่องกล้องสองตาที่หน้าต่างห้องชั้นบน ดังนั้นจึงควรมองว่าเวลาที่ฆาตกรลงมือสังหารนั้นที่จริงคือสี่โมงยี่สิบนาทีไม่ใช่ห้าโมงสิบนาที ซึ่งคลาดเคลื่อนไปถึงห้าสิบนาที และหนุ่มชาวบ้านต้องเห็นคนสองคนเดินไปก่อนเวลาสังหารจริงหลายนาทีแน่ วิธีพูดของหนุ่มชาวบ้านประกอบกับความคิดฝังหัวของคนฟัง ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นเวลาที่คลาดเคลื่อนกันห้าสิบนาทีนี้ ฝ่ายสืบสวนสงสัยชายใส่เสื้อโค้ดสีเทาและสวมหมวกเด่นชัดมากเสียจนไม่คิดถึงประเด็นเรื่องเวลา

ท่านสร้างสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ขึ้นมาคือ ฆาตกรเป็นพยานเห็นการฆ่าของตนเองจากที่ห่างไกลผ่านกล้องสองตา เมื่อคืนฉันนอนคิดถึงเรื่องนี้บนเตียงเดียวกับท่านตลอดทั้งคืน พอคิดจนได้ข้อสรุปที่ว่าท่านเป็นฆาตกร และค้นพบกลอุบายอันแยบยล ฉันแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกกับการคาดเดาของตนเอง

ตอนนั้น ท่านที่นอนหันหลังให้บนเตียงเดียวกันดูเหมือนจะหลับ หรือบางทีอาจกำลังห่วงกังวลเรื่องของตนเองและนอนคิดอะไรเช่นเดียวกับฉันอยู่ก็ได้ แต่ท่านไม่ไหวตัวเลย หายใจเงียบมากด้วย ฉันจึงไม่คิดที่จะตอแย ยิ่งใกล้รุ่งสมองของฉันก็ยิ่งแจ่มใส ถอดปมปริศนาที่โยงใยยุ่งเหยิงออกได้เป็นเปราะ ๆ

หากท่านไม่ใช่นักอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนผู้ช่ำชอง ไม่ใช่นักวิชาการอาชญากรรมวิทยา หากฉันไม่ได้รับอิทธิพลจากท่านและอ่านนิยายสืบสวนที่มีอยู่ในกรุสะสมอย่างเอาเป็นเอาตาย ฉันก็คงถอดรหัสคดีไม่ได้ถึงขนาดนี้แน่นอน คงตั้งข้อสงสัยแก่สามีตัวเองอย่างโหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้แน่ นับจะเป็นโชคร้ายที่ท่านมีสติปัญญาล้ำลึกในการวางแผนสังหารที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน และฉันมีความสามารถในการถอดรหัสปริศนานั้น

อะไรคือแรงจูงใจ...ใช่ แรงจูงใจให้ท่านก่ออาชญากรรมสยองขวัญเช่นนี้ก็คือฉัน ท่านแก้แค้นนายฮิเมดะที่มาแย่งชิงฉันซึ่งเป็นคนที่ท่านรักไปจากท่าน ท่านลงโทษนายฮิเมดะฝ่ายเดียวโดยไม่ได้แสดงกิริยาอะไรที่ผิดปกติกับฉันเลยสักนิดเดียว ฉันคิดอยู่เสมอว่าท่านเป็นคนมีบารมียิ่งใหญ่เหลือล้น แต่ไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะเป็นคนใจอำมะหิตถึงกับฆ่าคนได้ด้วยเจตนาแรงกล้าราวเหล็กไหล แล้วตีหน้ากับฉันราวไม่เกิดอะไรขึ้น ฉันตกใจและสะเทือนใจอย่างรุนแรงจนรู้สึกเหมือนกับว่าโลกส่วนตัวของฉัน ชีวิตของฉันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ฉันเคารพนับถือท่านมาก รักและนับถือในฐานะที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในศักดิศรี ความรักที่ฉันมีต่อท่านล้ำลึกเกินคำพรรณนา ถึงฉันจะไปคบหากับชายอื่นแต่ความรักที่ฉันมีต่อท่านไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ความรักของหญิงชายมีอยู่สองชนิด คือรักที่ฝังใจจวบจนชั่วนิรันดร กับรักแต่เพียงกายเพียงชั่วครั้งคราว และคิดว่ารักแบบฉาบฉวยเป็นครั้งคราวนั้นไม่อาจทำลายความรักอันเป็นนิรันดร์ได้

ฉันคิดเอาเองว่าความรักอันลึกซึ้งไม่มีที่สิ้นสุดของท่าน จะไม่มีวันจืดจางไม่ว่าฉันจะทำอะไรลงไป ใช่...ฉันแอบเล่นรักกับพวกหนุ่ม ๆ โดยหลงคิดในส่วนลึกลงไปว่าถึงท่านจะรู้ก็คงไม่ถึงกับเป็นเรื่องแตกหัก ฉันเทิดทูนท่านอยู่สูงขึ้นไประดับหนึ่งเสมอ และเชื่อว่าท่านจะไม่ลดตัวลงมาเกี่ยวข้องเป็นรักสามเส้ากับชายคนอื่น

ความรักที่ท่านมีต่อฉันไม่จืดจางแน่นอน ท่านรู้แล้วว่าฉันมีอะไร ๆ กับฮิเมดะ กับมูราโคชิ และกับโชจิด้วย แต่ท่าทีที่ท่านมีต่อฉันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย นั่นเองที่ทำให้ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันเชื่อนั้นเป็นความจริง แต่ทว่าท่านไม่ให้อภัยชายที่มีความสัมพันธ์กับฉันเลยทั้ง ๆ ที่รักฉันปานนั้น ตรงนี้เองที่ฉันหลงผิดอย่างอเนกอนันต์ ฉันคาดการผิดอย่างไม่มีทางหวนกลับไปแก้คืน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ถึงจะเชี่ยวชาญเรื่องอาชญากรรมเพียงใด การที่ท่านวางแผนฆาตกรรมสยองขวัญ แผนฆาตรกรรมที่จะไม่มีใครสงสัยเด็ดขาดว่าท่านเป็นฆาตกรเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ฉันไม่นึกไม่ฝันเลยจริง ๆ

ผู้ชายที่ชักเชิดตุ๊กตาหุ่นบนหน้าผาคือใคร...ไม่มีใครอื่นนอกจากนายมูราโคชิแน่นอน ถ้าไม่ใช่ก็คงไม่มีชิ้นส่วนหุ่นลองเสื้อที่มีรูสำหรับร้อยเส้นลวดอยู่ในห้องของจิตรกรเพื่อนสนิทของเขาเป็นแน่

ท่านต้องรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับนายมูราโคชิแล้วจึงขู่บังคับเขาให้ร่วมมือ นายมูราโคชิรู้ชะตากรรมตนเองดีว่าจะเป็นอย่างไรถ้าขัดขืนท่าน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำในสิ่งที่รู้ดีว่าจะทำให้ชีวิตแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี


กำลังโหลดความคิดเห็น