xs
xsm
sm
md
lg

นักเขียนญี่ปุ่นบอก ความใจดำของตัวเองทำให้กลายร่างเป็นเสือ!?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าถึงนักเขียนคนหนึ่งที่ผมชื่นชอบคือคุณ Hashimoto Osamu เป็นนักเขียนญี่ปุ่นวัย70 ปีแต่ท่านได้ถึงแก่กรรมเมื่อไม่นานมานี้เองครับ

และเมื่อพูดเรื่องนักเขียนญี่ปุ่น ตอนนี้คนญี่ปุ่นกำลังพูดถึงนักเขียนที่ชื่อว่าคุณ 中島敦 Nakajima Atsushi ซึ่งกำลังได้รับความนิยมและโด่งดังอีกครั้งทางโซเชียลมีเดีย มีการพูดคุย แชร์และแสดงความคิดเห็นทางกระทู้สนทนาต่างๆ เกี่ยวกับคุณ Nakajima Atsushi อย่างแพร่หลาย แต่ที่จริงแล้วตัวจริงของคุณ Nakajima Atsushi นั้นเป็นคนที่เกิดมาเมื่อร้อยกว่าปีก่อนครับและเป็นนักเขียนที่เสียชีวิตด้วยวัยที่ถือว่ายังน้อยมากแค่ 33 ปีเอง เขาเกิดในครอบครัวนักวิชาการด้านภาษาจีนทำให้ผลงานหลายเรื่องของเขาอ้างอิงมาจากงานเขียนและวรรณกรรมของจีน ตัวอย่างงานเขียนที่สำคัญเรื่องหนึ่งของเขาก็คือเรื่อง 山月記「Sangetsuki」เรื่องนี้ถูกนำมาปรับปรุงให้เป็นหนังสือเรียนด้วยโดยเปลี่ยนถ้อยคำให้เป็นภาษาปัจจุบัน นักเรียนมัธยมศึกษาญี่ปุ่นจะได้เรียนด้วย ดังนั้นคนญี่ปุ่นหลายคนต้องเคยอ่าน Sangetsuki มาแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคนที่จะกลายเป็นเสือเป็นเรื่องภูตผีที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนแต่นำมาเรียบเรียงใหม่ (นอกจากนี้ หัวข้องานเขียนที่อ้างอิงมาจากวรรณคดีเก่าของจีนมักจะเป็นวิธีที่คุณ 芥川龍之介 Akutagawa Ryunosuke และคุณ 三島由紀夫 Mishima Yukio ใช้บ่อยๆ) เรื่องนี้สามารถสะท้อนให้เห็นจิตใจของมนุษย์ได้อย่างยอดเยี่ยม「Sangetsuki」ของคุณ Nakajima Atsushi ถูกแปลเป็นภาษาจีนและเหมือนว่ามีการส่งออกไปขายที่ประเทศจีนซึ่งเป็นต้นกำเนิดเรื่องนี้อีกด้วย เหมือนกับเรื่อง 三国無双 Sangoku musou ที่ส่งไปขายที่เมืองจีนด้วยครับ
(上)  中島敦 Nakajima Atsushi
เสือที่กลายร่างเป็นคนในที่นี้คงจะเหมือนกับตำนานเสือสมิงของไทยหรือเปล่าครับ ที่เล่าขานกันว่า เสือสมิงเป็นภูติผีตามความเชื่อของคนท้องถิ่น เพื่อนผมบอกว่าเสือสมิงถูกเชื่อว่าเกิดจากเวทมนตร์คาถาทางไสยศาสตร์ ทำให้เป็นปีศาจที่มีรูปร่างเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ ออกอาละวาดกินคนเป็นอาหาร โดยปกติทั่วไปบุคคลที่เป็นเสือสมิงนั้นจะมีรูปร่างเป็นคน แต่สามารถแปลงร่างเป็นเสือได้ในเวลากลางคืน

ส่วน 李徴 (Richou ) ตำนานเสือสมิงจีนนั้น สมัยก่อนมีวัยรุ่นคนหนึ่งชื่อว่า 李徴 (Richou ) ซึ่งเป็นผู้ที่คงแก่เรียนและสอบผ่านด้านกฏหมายจนได้เข้าทำงานข้าราชการ ถือว่าเป็นข้าราชการหนุ่มที่มีความเฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ลึกๆ แล้วเขามีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักประพันธ์มากกว่าทำงานที่เขาต้องทนทำอยู่เป็นสิบๆ ปีภายใต้การควบคุมของหัวหน้าที่โง่เขลากว่าเขา วันหนึ่งเขาได้ถูกส่งไปทำงานที่ชนบทแห่งหนึ่งและหายตัวไป บ้างก็ว่าเขาลาออกจากข้าราชการ เขาอยากจะเป็นนักประพันธ์ที่เก่งกาจและอยากมีชื่อเสียงเป็นที่ชื่นชมจากผู้คนในอีกร้อยปีต่อมามากกว่า จึงตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นนักประพันธ์ แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างราบรื่นอีกทั้งมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิตมากกว่าเดิม จึงหวนกลับมารับราชการโดยเริ่มต้นที่ระดับล่างอีกครั้ง คนที่มีความทนงตนอย่างเขา วันหนึ่งตอนที่เดินทางไปทำงานต่างถิ่น เขารู้สึกปั่นป่วนก็เลยวิ่งออกไป และเขาก็กลายร่างเป็นเสือ!!..

อาการแบบนี้ที่ญี่ปุ่นเรียกอีกอย่างหนึ่งโดยอ้างอิงมาจากคำว่า 中二病 Chunibyou ก็คือเป็นเรื่องของอาการป่วยที่เรียกว่า 中二病 Chunibyou :( เป็นคำแสลงภาษาญี่ปุ่นเป็นศัพท์วัยรุ่น ที่เปรียบเปรยยกตนอย่างไม่มีเหตุผลว่าตัวเองสามารถทำได้หมดทุกอย่าง มีความเก่งกาจหรืออาการที่ใครบางคนกำลังแสร้งทำเป็นว่าเป็นคนต่อต้านสังคมหรือเป็นคนผิดกฎหมาย หรือทำตัวร่ำรวย เป็นต้น) 李徴 (Richou ) ชายหนุ่มจากตำนานเสือสมิงจีนนั้นไม่กี่ปีต่อมาเพื่อนของเขาก็ได้พบเขาอีกครั้งบนภูเขา เขาเล่าให้เพื่อนฟังว่าระหว่างทางเขาได้ยินเสียงบางอย่างในความมืดและเมื่อเขาเริ่มเดินตามมันไปเขาก็พบว่าตัวเขาได้กลายเป็นเสือไปแล้วและนานๆ ทีเขาจะได้คืนร่างเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความที่เขายังคงไม่ทิ้งความฝันว่าอยากเป็นนักกวีไปเขาได้ขอให้เพื่อนของเขาช่วยบันทึกบทกวีต่างๆ ของเขา หลังจากนี้อยากที่จะเขียนกวีและเผยแพร่ เมื่อเพื่อนของเขาได้จดบทกวีเหล่านั้นเรียบร้อย เขาก็คืนร่างเป็นเสือและวิ่งหายเข้าป่าไป

คำคมที่มีชื่อเสียงประโยคหนึ่งของ Richou ในตอนนั้นคือ「แม้จากสายตาภายนอกจะถูกมองว่าช่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ทว่าความจริงแล้วกลับเต็มไปด้วยความขลาดกลัวของตนเอง และที่มักถูกมองว่าหยิ่งยโสไม่ผูกมิตรนั้น อันที่จริงแล้วหารู้ไม่ว่ามิใช่ความหยิ่งยโสแต่อย่างใดมันคือความอายที่มีอยู่เต็มหัวใจ」เป็นข้อความที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของเขา และสะท้อนความเป็นมนุษย์ได้ตรงใจสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านเป็นอย่างมาก เพื่อนเก่าเขาบอกว่าบทกวีของ Richou นั่นช่างเขียนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแต่ก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ยังไม่เพียงพอ Richou จึงกล่าวว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะว่าอันที่จริงแล้วก่อนที่จะกังวลเรื่องบทกวีของตัวเองควรที่จะกังวลเรื่องภรรยาและลูกมากกว่าหรือเปล่า การทำแบบนี้ไม่สมกับที่เป็นมนุษย์เลยความใจดำอำมหิตของตัวเองเลยทำตัวเองต้องกลายร่างเป็นเสือ..

นักเรียนมัธยมญี่ปุ่นมีความสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมากและได้มีการเรียนเรื่องนี้ในคาบเรียนภาษาเรื่องนี้มีการนำไปทำเป็นหนังสือเรียนสำหรับข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการผ่านการสอบที่ยากมากหรือใช้ในคาบเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหรือไม่นั้นยังไม่ชัดเจน มีข้อความว่า「วัยรุ่นเอ๋ย..ร่ำเรียนหนังสือเพียงแค่นิดหน่อยเจ้าก็หลงระเริง ชีวิตจริงๆ นั้น..การใช้ชีวิตบนโลกไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น」เป็นข้อความที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยดุจดั่งความรักความห่วงใยของพ่อแม่ต่อลูกๆ นั่นเอง
(上)  Sangoku musou series   三国無双シリーズ
คุณ Nakajima Atsushi เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Akutagawa 芥川賞 ซึ่งเป็นรางวัลทางวรรณกรรมชื่อดังของญี่ปุ่น เป็นรางวัลวรรณกรรมที่มีอิทธิพลมากที่สุดในญี่ปุ่นแต่น่าเสียดายที่ไม่นานก่อนหน้าที่จะได้รับการประกาศผลการเข้าชิงรางวัล เขาก็เสียชีวิตเสียก่อนทั้งที่อายุยังน้อยมากๆ รางวัลทางวรรณกรรมชื่อดังของญี่ปุ่นนี้ถือเป็นความฝันของคนที่เป็นนักเขียนเลยล่ะครับ นักเขียนวรรณกรรมไม่ว่าใครๆ ก็มีความใฝ่ฝันอยากครอบครองรางวัลนี้ ตัวอย่างนักเขียนบางคน 「อยากจะให้ผลงานที่ทำออกมาได้รับการคัดเลือกเข้ารับรางวัล Akutagawa ตั้งแต่ตอนอายุ 23 ปี เพื่อจะได้กลายเป็นนักเขียนมืออาชีพชื่อดัง」แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่ใครๆ ก็ได้จะคว้ารางวัลนี้ไปได้
(上)  中二病  Chunibyou
ปัจจุบันมีการแยกย่อยรางวัล Akutagawa ในสาขาบันเทิงและแยกย่อยออกไปอีกหลายสาขา ซึ่งแตกต่างจากสมัยที่คุณ Nakajima Atsushi ยังมีชีวิตอยู่ สมัยนั้นคนที่ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่านี้จะถือได้ว่าจะนำมาซึ่งชื่อเสียงและเงินทองเลยทีเดียว ต่างจากสมัยนี้แม้จะนำมาซึ่งชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความร่ำรวยเฉกเช่นสมัยก่อน บางคนได้รับรางวัลนี้ก็ยังต้องทำงานตามปกติอยู่เลย ( หลังจากที่ Nakajima Atsushi และ Akutagawa Ryunosuke เสียชีวิตลงไปแล้วหลายสิบปี ลิขสิทธิ์งานเขียนของพวกเขาก็หมดไปกลายเป็นว่าสามารถหาอ่านได้ฟรีทางอินเตอร์เนตทั่วไป) มาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่าความแตกต่างของสิ่งที่มีชื่อเสียงดังมากๆ กับสิ่งที่มีชื่อเสียงดังรองลงมาก็คือ แม้ว่าคนที่ไม่มีความสนใจในสาขานั้นๆ เลยแต่ก็อาจจะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของสิ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ นั้นมาบ้าง แต่อาจจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของสิ่งที่ดังรองลงมาเลยก็ได้
(上)  芥川龍之介 Akutagawa  Ryunosuke
ก่อนหน้านี้ Nakajima Atsushi ทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาประจำชาติที่โรงเรียนมัธยมโยโกฮาม่าระยะหนึ่งแล้วลาออกจากงานและย้ายไปอยู่ที่ Nanyo 南洋 บนเกาะปาเลาซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่นในเวลานั้น

เดิมเขาเป็นโรคหอบหืดเรื้อรังและมีแนวโน้มที่จะป่วยและเขาก็มีสุขภาพที่แย่ลงหลังจากที่ย้ายไปใช้ชีวิตบนเกาะทางภาคใต้ เขามีงานเขียนที่ยอดเยี่ยมมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตทางภาคใต้ในสมัยนั้นซึ่งดูเหมือนว่าสุขภาพของเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อผลงานเขียนเหล่านั้นครับหนังสือ Sangetsuki ถูกตีพิมพ์ เขาเดินทางกลับมาจากปาเลาและตั้งใจจะเป็นนักเขียนมืออาชีพแต่ครึ่งปีต่อมาเขาเสียชีวิตเมื่ออายุ 33 ปี
(上)  パラオ🇵🇼Palau
ผมคิดว่าเขาเสียชีวิตเร็วไปผลงานแต่ละชิ้นยอดเยี่ยมมากแต่ผลงานมีออกมาน้อยไปอยากจะอ่านผลงานเขามากกว่านี้แต่ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ก็คาดหวังอยากจะเห็นผลงานอื่นๆ ของเขาว่าจะออกมารูปแบบไหนเป็นเรื่องที่น่าเสียดายผลงานที่ออกมามีชื่อเสียงระดับ premium แต่เขาเสียชีวิตขณะที่ผลงานยังมีออกมาไม่มากเท่าไหร่

คุณ Hashimoto Osamu และคุณ Nakajima Atsushi สำหรับผมแล้วพวกเขาคือบุคคลที่สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ ถือว่าเป็นปูชนียบุคคล เป็นบุคลากรผู้ทรงคุณค่าเป็นอย่างมาก ( ขนาดผมเขียนอยู่นี้ยังรู้สึกเกร็งๆ ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องของนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองคน) แต่ก็อาจจะมีเพียงบางกลุ่มคนเท่านั้นที่รู้จักและมองเห็นคุณค่าดังกล่าว ดังนั้นถ้าลองสอบถามบุคคลอื่นๆ ทั่วไปในสังคมที่อาจจะไม่ได้สนใจด้านงานเขียนและงานประพันธ์แล้วเขาก็จะตอบว่า ไม่รู้จักนักเขียนเหล่านี้เลย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่คนที่ไม่สนใจงานด้านนี้ก็จะไม่รู้จักพวกเขาเลย ขนาดคนที่ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่ได้เป็นที่รู้จัก แล้วถ้าคิดไปถึงว่าการมีตัวตนของคน 1 คนมันก็เสมือนเป็นเรื่องน่าเศร้าอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ทว่าหลังจากเขาเสียชีวิตไปแล้วอีกหนึ่งร้อยปีต่อมา คุณ Nakajima Atsushi กลับมามีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่พูดถึงอีกครั้งได้อย่างประหลาด ในโลกเรานี้มีเรื่องให้แปลกใจมากมายจริงๆ นะครับ แล้วถ้าเราเป็นคนใจดำอำมหิตเราจะกลายร่างเป็นเสือไหม ? วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น