xs
xsm
sm
md
lg

รหัสรักจากอเวจี ตอนที่ 16 ยูมิโกะถอดรหัสฆาตกรรม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี

[16 ธันวาคม] (ช่วงท้าย) นักสืบอาเกจิเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งสองให้เราฟังอย่างละเอียด ตอนที่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เป็นฆาตกรรมในห้องปิดตาย เขาเฉลยปมปริศนาโดยเขียนแผนผังประกอบให้เข้าใจง่ายด้วยท่าทีของผู้เชี่ยวชาญ แต่ไม่ได้แสดงว่าอวดรู้เลยจนนิด ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งนั้น นักสืบเล่าถึงห้องใต้หลังคาของจิตรกรเพื่อนของมูราโคชิอย่างละเอียดจนเห็นภาพชัดเจน คือมีของเก่าจิปาถะมากมาย วางเรียงรายบ้างทับสุมกันบ้างเต็มไปทั้งห้อง ในจำนวนนั้นนักสืบอาเกจิอธิบายเรื่องหุ่นลองเสื้อหัก ๆ แปลกประหลาดตัวหนึ่งในรายละเอียดมาก บอกว่ามีแต่ส่วนหัวที่ติดกับท่อนอก แขนและขาสองข้าง แต่ไม่พบท่อนลำตัว ตรงปลายด้านบนของแขนกับขา และด้านล่างของท่อนอกมีรูเล็ก ๆ เรียงอยู่เป็นระยะซึ่งนักสืบเอกสันนิษฐานว่าเป็นรูสำหรับร้อยเส้นลวดเย็บส่วนต่าง ๆ ของหุ่นเข้าด้วยกัน นักสืบอาเกจิเล่าสองเรื่องนี้เท่านั้นไม่ได้พูดถึงเรื่องอะไรอีกและเราก็ไม่ได้ถาม สงสัยว่าการที่เขามาที่บ้านเพื่อเล่าสองเรื่องน่าจะมีนัยอะไรแฝงอยู่

นักสืบอาเกจิไขปริศนาห้องปิดตายจนกระจ่างแจ้งอย่างนั้น ใครจะเชื่อว่าเขาไม่รู้เรื่องสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก ฉันคิดว่าเขารู้แล้วแน่นอนแต่ยังอุบเอาไว้แค่นั้นไม่บอกใครแค่ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเราสงสัยใคร่รู้กันทั้งนั้น

นายคนนี้ร้ายจริง ๆ ฉันรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ

นักสืบอาเกจิยิ้มคล้ายเยาะอยู่ตลอดและท่านก็เอออวยหัวเราะไปด้วย นั่นหมายความว่าอย่างไรฉันงงมาก หรือท่านจะรู้อะไรเช่นเดียวกับนักสืบชาญฉลาดคนนั้น รู้อะไรที่ฉันเท่านั้นที่ไม่รู้???

[17 ธันวาคม] เมื่อคืนฉันนอนเตียงเดียวกับท่านแต่ไม่ได้พูดอะไรด้วยเลยแม้แต่คำเดียว เพราะระหว่างที่พูดอะไรกันสองสามคำหลังจากที่นักสืบอาเกจิลากลับไปจนถึงเวลาเขานอน อยู่ ๆ ท่านก็ทำหน้าคล้ายฉันไปพูดอะไรที่ไม่สบอารมณ์โดยที่ฉันเองก็คิดไม่ออกว่าเรื่องอะไร ฉันเพิ่งเคยเห็นสีหน้าอย่างนั้นของท่านเป็นครั้งแรก ก็เลยไม่กล้าเข้าไปเคล้าเคลีย พอถึงตอนนอนฉันเองก็หมดอารมณ์ที่จะฉอเลาะเช่นเคย รู้สึกขยาดที่จะเข้าใกล้ พูดว่ากลัวน่าจะถูกกว่า และความกลัวนั้นค่อย ๆ รุนแรงขึ้นทุกที

ฉันค่อนข้างที่จะถนัดกับการโต้เถียงแบบยกเหตุผลขึ้นมาอ้างจนผู้ใหญ่บางคนอาจหมั่นไส้ แต่ส่วนใหญ่ก่อนที่จะอ้างเหตุผลฉันจะรู้สึกคล้ายกับมีเสียงเตือนจากจิตใต้สำนึกหรือว่าลางสังหรณ์ล่วงหน้าก่อนเสมอ และพอมาวิเคราะห์ดูช้า ๆ ในภายหลังก็พบว่าการคาดล่วงหน้าของฉันตรงเป้าทุกครั้ง ดังนั้นฉันจึงเชื่อลางสังหรณ์ของตนเอง

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกกลัวท่าน และลางสังหรณ์แปลก ๆ ของฉันจะต้องไม่พลาดแน่นอน ฉันจะต้องวิเคราะห์เรื่องนี้ให้ละเอียด แต่ยังไม่ต้องถึงกับลงมือทำหรอกแค่คิดถึงการวิเคราะห์ฉันก็กลัวจนขนหัวลุกแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึก ลึก ๆ อยู่ในใจแต่เก็บเงียบไว้คนเดียวมานานแล้ว

ฉันบันทึกสิ่งที่ฉันคิดอยู่ในใจโดยเฉพาะความลับที่ไม่อยากบอกใครเอาไว้ในไดอารีติดกุญแจเล่มนี้จนติดเป็นนิสัย การจะเก็บความลับเอาไว้ในใจอย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องยากมาก วิชาการด้านจิตวิเคราะห์ระบุว่าการเก็บความลับเอาไว้ในใจเป็นเหตุให้เกิดโรคได้ ความลับนั้นยิ่งล้ำลึกเพียงใดก็จะยิ่งทุกข์ทรมานเพียงนั้น ฉันคิดว่าการสารภาพบาปในคริสตศาสนาต้องเป็นแนวคิดเพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์จากการต้องเก็บความลับเป็นแน่ ซึ่งบังเอิญมาตรงกับเหตุผลเชิงวิชาการด้านจิตวิเคราะห์ แต่ความลับของฉันเป็นเรื่องที่ไม่อาจสารภาพออกมาได้ต่อหน้าบาทหลวงหรือใคร ๆ จึงตกลงใจระบายความลับนั้นเอาไว้ในไดอารีติดกุญแจเล่มนี้ และเมื่อเขียนเต็มหมดทุกหน้าแล้วฉันก็จะเผาทิ้ง จนถึงตอนนี้ฉันเขียนไดอารีติดกุญแจมาแล้วเจ็ดเล่มและเผาทิ้งไปหมดแล้วด้วย อีกไม่นานวันที่ไดอารีเล่มที่แปดนี้ถูกเผาก็จะมาถึง

วันนี้ท่านออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า คนรับใช้แยกย้ายกันไปทำงานอยู่เงียบ ๆ ฉันจะได้ทำสิ่งที่ครุ่นคิดอยู่ตลอดคืนโดยไม่มีอะไรที่จะมาเป็นอุปสรรคกีดขวางฉันทำสิ่งที่ครุ่นคิดอยู่ตลอดคืน คือวิเคราะห์เนื้อหาที่บันทึกไว้ในไดอารีอย่างละเอียด

ระหว่างที่นอนครุ่นคิดอยู่บนเตียง ปีศาจที่ฉันซุกซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจก็ค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นมา ฉันกลัวมันจนไม่กล้ามองตรง ๆ แต่ฉันจะเบือนหน้าไปจากมันไม่ได้เพราะต้องวิเคราะห์ให้เห็นจริงว่าอะไรเป็นอะไร ไม่เช่นนั้นความเคลือบแคลงใจจะไม่มีวันหลุดพ้นไปได้ และทางเดียวที่จะทำได้ก็คือต้องลากมือปีศาจตนนี้ออกมาให้ปรากฏตัวภายใต้แสงสว่างเจิดจ้าแล้วชำแหละมันออกดูทีละส่วน การวิเคราะห์ออกมาเป็นตัวอักษรคงต้องใช้หน้ากระดาษของไดอารีเล่มนี้ในส่วนของหลายสิบวันเลยทีเดียว

เรื่องแรกคือผ้าเช็ดหน้าสีขาว ฉันเห็นผ้าเช็ดหน้าสีขาวลอยพลิ้วตกลงไปข้างล่าง ภาพนี้ปรากฏขึ้นมาในใจฉันหลายครั้งต่อเนื่องมานานพอดู แต่เพราะกลัวที่จะคิดถึงความหมายของมัน ฉันจึงทำเป็นมองข้ามมันไปเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ฉันหลอกตัวเองทั้ง ๆ ที่รู้แน่แก่ใจ แต่วันนี้ได้เวลาที่ฉันจะต้องชำแหละมันแล้ว

ตอนนั้น ฉันส่องกล้องสองตาจากหน้าต่างห้องชั้นบนของบ้านพักตากอากาศที่อาตามิ มองไปยังหน้าผาอุโอมิซากิเห็นคน ๆ หนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นสนโดดเดี่ยวต้นเดียวบนนั้น ฉันบอกท่านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซึ่งก็รีบฉวยกล้องสองตาขึ้นมา ท่านเป็นคนมีนิสัยต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลนส์ทั้งสองข้างของกล้องก่อนส่อง และวันนั้นท่านก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเลนส์พอเป็นพิธี แต่ผ้าเช็ดหน้าหลุดมือปลิวออกไปนอกหน้าต่างตกลงไปข้างล่าง และพอส่องกล้องดูอีกทีก็พอดีเห็นนายฮิเมดะตกลงไปจากหน้าผา

ฉันอยากรู้ว่า...ท่านทำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นหลุดมือปลิวตกลงไป หรือว่าตั้งใจทิ้งมันลงไป นี่แหละคือปริศนาที่ฝังอยู่ในใจฉันมานาน ฉันคิดอยู่ตลอดขณะที่หลอกตัวเองว่าไม่ได้คิดก็เพราะกลัว กลัวว่าถ้าพอไปคิดชำแหละมันเข้าปีศาจจะกระโจนออกมา

เอาละ...สมมติว่าท่านจงใจทิ้งผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นลงไป เรื่องนี้จะเป็นคดีใหญ่มากเพราะนั่นหมายความว่าสามีผู้สูงศักดิ์ของฉันเป็นฆาตกร

การทิ้งผ้าเช็ดหน้าปลิวออกจากหน้าต่างและตกลงไปนั้น คิดได้อย่างเดียวคือเป็นการส่งสัญญาณไปยังใครคนหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปทางด้านโน้น ใครคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่บนหน้าผาอุโอมิซากิและต้องกำลังใช้กล้องสองตาส่องดูเราทางด้านนี้ ที่แน่ ๆ คือคน ๆ นั้นไม่ใช่ฮิเมดะแต่เป็นอีกคนหนึ่งซ่อนอยู่ในหมู่ไม้มุมที่ฉันมองไม่เห็นด้วยกล้องสองตา
ทำไมจึงไม่ใช่ฮิเมดะ...ก็เพราะฮิเมดะที่ฉันเห็นตอนนั้นไม่ใช่ฮิเมดะตัวจริงน่ะซี เราแค่เห็นคนตกลงไปจากหน้าผาผ่านทางกล้องสองตาเท่านั้น และไม่รู้ว่าเป็นฮิเมดะจนกระทั่งพบศพของเขาในภายหลัง ถึงเลนส์กล้องสองตาจะมีพลังขยายภาพให้เห็นใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่พอที่จะเห็นหน้าตาหรือลวดลายของเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ชัด เสื้อชุดสูทลายทางโก้เก๋มองผ่านกล้องเห็นเป็นสีเทา

ฉันได้ความคิดว่าคนที่ตกลงมาจากหน้าผาไม่ใช่ฮิเมดะจากนัยที่แฝงอยู่ในคำไขปริศนาของนักสืบอาเกจิเมื่อคืน นักสืบโดยทั่วไปมีเทคนิคในการข่มขวัญผู้ต้องสงสัย ด้วยการขยายความจริงของรูปคดีออกมาส่วนหนึ่ง แสดงให้ว่าตนสืบหาเบาะแสมาได้มากขนาดไหนแล้ว เพื่อทำให้ผู้ต้องสงสัยหวาดระแวงและลังเล ส่วนตัวเองก็เฝ้าคอยดูว่าเมื่อไรอีกฝ่ายจะพลาดโชว์ลวดลายออกมาให้จับได้

เมื่อคืนนักสืบอาเกจิก็ใช้อุบายนี้ เรื่องห้องปิดตายแบบนั้นเป็นปริศนาหญ้าปากคอกใคร ๆ ก็แก้ได้ ความลับเรื่องหุ่นลองเสื้อก็เหมือนกัน...แต่ที่ยกเอาสองเรื่องนี้ขึ้นมาเล่าเสียยืดยาวก็เพราะต้องการแสดงให้รู้ว่า เรื่องอื่น ๆ ที่สำคัญกว่านี้ก็รู้หมดแล้ว นี่เท่ากับเป็นการทรมานทางจิตประสาทชนิดหนึ่งเลยทีเดียว

ทันทีที่ได้ยินนักสืบอาเกจิพูดถึงหุ่นลองเสื้อ ภาพนั้นเชื่อมโยงกับผ้าเช็ดหน้าที่ตกลงไปจากหน้าต่างที่ติดอยู่ในใจของฉันตลอดมา

ทำไมลำตัว...ส่วนท้องลงไปถึงเอว...ของหุ่นลองเสื้อในห้องใต้หลังคาของจิตรกรคนนั้นจึงหายไป ใช่ซิ...ต้องมีกระเป๋าใหญ่ขนาดไหนจึงจะใส่หุ่นเข้าไปได้หมดทั้งตัว ถึงจะหั่นเป็นสองท่อนก็ไม่ไหว ก็เลยต้องทิ้งส่วนลำตัว เอาไปแต่ขา แขน กับ ท่อนหัว ซึ่งก็พ้องกับคำให้การของเด็กรับใช้ที่ร้านน้ำชาบนหน้าผาอุโอมิซากิที่ว่าชายใส่เสื้อโค้ทสีเทาถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ติดตัวมาด้วย และสิ่งที่อยู่ในนั้นก็คือชิ้นส่วนของหุ่นลองเสื้อ เมื่อเอาเรื่องราวทั้งหมดมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกันก็ได้ภาพจิกซอว์อย่างที่ฉันคาดเอาไว้ และพอวางจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายลงไปก็เข้าที่ลงล็อกพอดี
นักสืบอาเกจิพูดถึงรูเล็ก ๆ ที่เรียงกันได้ระยะที่ด้านล่างของหน้าอกหุ่น และด้านบนของขาสองข้าง เป็นเชิงบ่งชี้ความหมายอะไรสักอย่าง ฉันวาดภาพเห็นการใช้ลวดเส้นอ้วน ๆ เชื่อมจากด้านล่างของส่วนอกลงมาที่ด้นบนของขาสองข้างเป็นซี่ ๆ แทนลำตัวหุ่น จากนั้นก็สวมชุดสูทที่คล้ายกับของฮิเมดะลงไป ใช้เชือกเหนียว ๆ อย่างเชือกตกเบ็ดผูกคอหุ่นและเชือกนั้นต้องมีความยาวจากบนหน้าผาลงไปถึงผิวน้ำทะเลข้างล่าง

ผู้ชายใส่เสื้อโค้ทสีเทาที่หญิงรับใช้ร้านน้ำชาบนหน้าผาอุโอมิซากิเห็น ถือกระเป๋าใส่ชิ้นส่วนหุ่นลองเสื้อไปที่หน้าผา ไปซ่อนตัวทำหุ่นปลอมเป็นตัวฮิเมดะอยู่ในหมู่ไม้ในมุมที่เราส่องกล้องมองไม่เห็น แอบออกมาเอาเชือกผูกคอหุ่นแขวนไว้กับกิ่งต้นสนโดดเดี่ยวกลับเข้าไปในหมู่ไม้ตามเดิม แล้วดึงเชือกเชิดหุ่นให้ดูเหมือนคนกำลังยืนอยู่ ที่เราส่องเห็นจากกล้องสองตาที่แท้ก็คือหุ่นนั่นเอง

ตอนนั้นท่านก็หยิบกล้องสองตาขึ้นมาเหมือนกันแล้วก็ทำผ้าเช็ดหน้าปลิวตกลงไป นั่นคือสัญญาณ...ชายที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ไม้บนหน้าผาคงส่องกล้องสองตาเฝ้าดูมาทางเราและพอเห็นสัญญาณผ้าเช็ดหน้าปลิว ก็ปล่อยหุ่นตกลงมาจากหน้าผาทันที ซึ่งเป็นภาพที่เราเห็นผ่านทางกล้องสองตา

ทำไมถึงต้องมีสัญญาณผ้าเช็ดหน้า ไม่ต้องบอกก็ได้...เพราะเราสองคนที่บ้านพักตากอากาศจำเป็นต้องเห็นหุ่นตกลงไปจากหน้าผา เป็นสัญญาณบอกว่า...ตอนนี้เรากำลังส่องกล้องสองตาไปทางนั้น ปล่อยหุ่นลงไปได้แล้ว...ช่างเป็นแผนที่แยบยลอะไรเช่นนี้ ถ้าพลาดแค่วินาทีเดียวแผนทั้งหมดก็จะต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า ใครจะไปคิด...ผ้าเช็ดหน้าปลิวออกไปจากหน้าต่าง พลิ้วลงไปข้างล่าง ดูไม่มีพิษสงอะไรทั้งนั้น ...เทคนิคการทิ้งผ้า น่ากลัวมาก ช่างเป็นแผนที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น