xs
xsm
sm
md
lg

ครูไทยใช้ไม้เรียว ครูญี่ปุ่นล่ะตบเด็กได้ไหม!!?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ค่อนข้างจะมีสภาพอากาศปลอดโปร่ง ความหนาวเย็นเริ่มลดลง เป็นช่วงที่ดอกซากุระเริ่มบาน หลายๆ สถานที่เริ่มจัดเทศกาลชมดอกซากุระ และเป็นที่รู้กันว่าช่วงนี้คือช่วงเวลาที่ต้องอำลาแต่ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงแห่งการเริ่มต้น เพราะปีการศึกษาของญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน และสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไปครับ

โรงเรียนญี่ปุ่นจะเน้นสอนให้มีความเคารพต่อสังคมและการสร้างแรงจูงใจให้อยู่รวมเป็นกลุ่ม เน้นหนักในเรื่องความขยัน และสร้างอุปนิสัยการเรียนรู้ที่ดีครับ โรงเรียนต่างๆ มักจะสอนเกี่ยวกับทัศนคติ คุณธรรม จริยธรรมให้กับนักเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยเพื่อที่จะพัฒนาอุปนิสัยและมีเป้าหมายในการสร้างประชากรที่มีคุณภาพต่อไป แต่ก็มีความเคร่งเครียด และปัญหากลั่นแกล้งต่างๆ เกิดขึ้นบ่อยมากเช่นเดียวกัน

เพื่อนผมบอกว่าครู คือแม่พิมพ์ของชาติใช่ไหมครับ ทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าสำหรับนักเรียนครูคือผู้ที่มีความสามารถที่จะให้คำสอน ชี้แนะแนวทางเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการเรียนในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ มีหน้าที่ในการสอนในเรื่องวิชาความรู้ ต่างๆ และเป็นผู้ยกระดับจิตสำนึกลูกศิษย์ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี สอนในคุณงามความดีต่างๆ และเป็นแม่แบบเรื่องความประพฤติ สำหรับครูญี่ปุ่นนั้น สมัยก่อนสัก 20 ปีที่แล้ว ถือได้ว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติและมีสถานะทางสังคมที่ดี เพราะกฎหมายญี่ปุ่นและประชาชนทั่วไปคาดหวังในหน้าที่ของครูมากๆ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กๆ และสังคม เพราะครูต้องช่วยปลูกฝังทัศนคติของสังคมลงในตัวเด็ก และการสอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรม และการพัฒนาอุปนิสัยของเด็ก ไม่เฉพาะที่โรงเรียนแต่ครูจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแม้อยู่นอกโรงเรียนด้วย ทำให้ค่อนข้างมีความเครียดมากเหมือนกันครับ บางคนบอกว่าครูเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีรายได้ใช้ได้ และสวัสดิการหลังเกษียณดีทำให้มีคนจำนวนมากเหมือนกันที่อยากเป็นครู เมื่อก่อนคณะกรรมการประจำจังหวัดจึงต้องคัดเลือกจากผู้เลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติดีที่สุดจากผู้สมัครจำนวนมากมาย

แต่ปัจจุบันนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะอาชีพครูมีความตรึงเครียดมากครับ จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมเหมือนแต่ก่อน บางจังหวัดมีคนมาสมัครพอๆ กับจำนวนที่เปิดรับ แทบจะไม่ต้องแข่งขันกันเลย

มีข่าวพาดหัวที่เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งบอกว่า

การศึกษาญี่ปุ่นล่มสลายแล้วหรือ? การจ้างงานครูของจังหวัดนีงาตะมีอัตราผู้สมัครต่อจำนวนที่รับเพียง 1.14 และต้องมีการจ้างงานใหม่โดยมีการสอบคัดเลือกทุกปี โรงเรียนประถมศึกษาของจังหวัดนีงาตะ มีการจ้างครูครั้งหนึ่งๆ มีผู้สมัครน้อยมาก มีตำแหน่งว่างที่เปิดรับคือ 300 คน มีผู้มาสมัครเพียง 342 คน แน่นอนว่าคนที่จะสอบตกแค่ 42 คนเอง แทบไม่ได้แข่งขันกันทางความสามารถใดๆ เลย จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มองได้ว่ายังมีความจริงอื่นๆ ที่แฝงไว้เช่นเดียวกันนี้อักหลายกรณีเกี่ยวกับงานครู และหลายความคิดเห็นบอกว่าที่ไม่อยากเป็นครูเพราะคงรู้ว่างานนี้ไม่โอเคอีกแล้ว

เหตุผลที่อาชีพครูผู้สอนได้รับความนิยมลดลงคืออะไร

〇พูดถึงอาชีพครูเมื่อ 20 ปีก่อนถือเป็นอาชีพยอดนิยมมาก อย่างไรก็ตามในปัจจุบันถ้าเทียบลักษณะของการทำงานตามแนวความคิดแบบบริษัท Black -White kigyō แล้ว ทำให้อาชีพครูได้รับความนิยมลดลงอย่างมาก

ผมเคยเล่าเรื่องบริษัทญี่ปุ่นนั้นจะแบ่งเป็น 2 ประเภท แยกตามลักษณะของสวัสดิการ คือ

♢ホワイト企業 White kigyō เป็นบริษัทที่มีสวัสดิการดี คือ

☆ B to B(business to bussiness) ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตร์ดีงามมายาวนาน บริษัทใหญ่ ใช้เทคโนโลยี มีวัฒนธรรมบริษัท
☆ พวกบริษัทที่เป็นธุรกิจผูกขาด เช่น ไฟฟ้า แก๊ส หรือแม้แต่จะเป็นบริษัทที่คนอื่นอาจจะมองว่าไม่เท่ห์ เช่น บริษัทผลิตโชยุ หรือซอสญี่ปุ่นยี่ห้อดัง ก็อาจจะเป็นบริษัทแบบ White kigyō ได้ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับขนาดองค์กรเสมอไป
☆ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการขายทักษะและเทคโนโลยี
☆ ก่อนหน้านี้พวกงานข้าราชการก็ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งงานในกลุ่ม White kigyō แต่ปัจจุบันอาจจะเริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วก็ได้ครับ

♦ブラック企業 Black kigyō เป็นบริษัทที่มีสวัสดิการไม่ค่อยดีนัก ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ราว 10 ปีก่อน เป็นเรื่องที่แรงงานจำใจต้องทำในสภาพถูกกดเงินค่าแรงขั้นต่ำและการทำงานนอกเวลาแบบไม่ได้ค่าแรงของพนักงานประจำที่ต้องทำงานไปแบบจำยอม เพราะถ้าลองคำนวณค่าแรงและจำนวนเวลาที่ทำงานโดยรวมแล้ว จะได้ค่าแรงน้อยมากอาจจะน้อยกว่าพนักงานพาร์ทไทม์หรือคนขายอาหารรถเข็ญอีก

○มีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานแต่ไม่ได้เงินค่าทำงานล่วงเวลา นี่ก็ประเด็นหลักเช่นกันครับ การที่ครูต้องมาทำงานแต่เช้าตีห้าหกโมงเช้าต้องถึงโรงเรียนแล้วและทำงานอย่างยาวนานทุกๆ วันต่อเนื่องไปเรื่อยก็จะเกิดความเหน็ดเหนื่อยมาก รวมถึงภาระงานที่หนักเกินไป ปริมาณที่ได้รับมอบหมายนั้นมันเยอะเกินไป ทำให้เกิดความท้อและไม่มีแรงจูงใจต่อการสอนหนังสือ นอกจากสอนแล้วยังต้องทำรายงานที่เยอะเกินไปเพื่อประเมินคุณภาพการเรียนการสอน ทำให้ไม่มีเวลาให้กับงานอดิเรก หรือการพักผ่อน และถ้าต้องอยู่ทำงานนอกเวลาก็ไม่ได้ค่าแรงเพิ่มเหมือนบริษัทอื่นๆ
○ทำงานหนักเกินไปโดยการบังคับจากสโมสรของโรงเรียนและชมรม รวมทั้งบทบาทที่ต้องวางตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี บางทีคนญี่ปุ่นเครียดๆ ก็จะไปปาร์ตี้ไปกินเหล้าใช่ไหมครับ แต่ครูนี่เครียดแล้วจะไปกินเหล้าก็ต้องระวังพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กมาเจอ จะเมาแล้วบ้านี่ก็ทำไม่ได้ เก็บกดกันไป รวมถึงนโยบายและเงื่อนไขในอาชีพครูที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ต้องปรับตัวเสมอ
○นอกจากชั่วโมงการทำงานแล้ว การสอนที่ต่อเนื่องอาจทำให้ไม่มีเวลาพักเบรค บางวันแทบไม่ต้องหยุดพักเพื่อไปเข้าห้องน้ำ
○ต้องรองรับการร้องเรียนที่ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะจากสถาบันเอง หรือพ่อแม่ผู้ปกครอง
○ต้องทำงานแทนครูแก่ ซึ่งครูหนุ่มสาวก็ไม่อยากทำนักหรอก งานตัวเองก็เยอะแล้ว แบบนี้เหมือนกับการทำงานในองค์กรญี่ปุ่นทั่วไปครับคือคนที่ทำงานมานานก็จะมีอำนาจและไม่ค่อยทำงาน ทีนี้ภาระก็ตกเป็นของคนหนุ่มสาว ต้องทำงานตัวเอง งานสอน งานสมาคม งานชมรม งานโรงเรียน กิจกรรมต่างๆ และทำงานแทนครูแก่ บางงานเป็นงานที่เสียเวลามาก เช่นต้องมานั่งตัดข่าวจากหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ตีห้า เพื่อทำบอร์ดประชาสัมพันธ์ทุกวันๆ เช็คและสรุปข้อสอบให้ครูแก่ มาเฝ้าชมรมแทนครูแก่ เป็นต้น
○ถูกนักเรียนหัวโจกรังแก พวกพฤติกรรมของนักเรียนที่ยากจะควบคุม ความเห็นของครูเกือบครึ่งหนึ่งบอกว่าพฤติกรรมของนักเรียนนั้นบางครั้งช่างเกินจะทนไหว เพื่อนๆ อาจจะหาอ่านเพิ่มเติมได้ตามหนังสือการ์ตูนมังงะที่เกี่ยวกับโรงเรียน นักเรียนหัวโจกครับ
〇แต่อีกเหตุผลหลักคือ ปัจจุบันญี่ปุ่นมีกฏห้ามคุณครูทำร้ายร่างกายจิตใจเด็ก แม้จะเจอเด็กหัวโจกกวนประสาทแค่ไหนก็ต้องเก็บอารมณ์โกรธหรือความไม่พอใจต่างๆ ไว้ โดยที่ไม่สามารถตีหรือดุนักเรียนได้ ผมเคยได้ยินว่าคุณครูที่เมืองไทยจะมีไม้เรียว ถือเอาไว้ตีเด็กๆ ผมฟังแล้วรู้สึกตกใจมาก เพราะอย่างที่บอกว่าที่ญี่ปุ่นห้ามครูทำร้ายเด็ก ถ้าครูญี่ปุ่นถือไม้เรียวนี่ต้องโดนทัณฑ์บนแน่ๆ ไม่งั้นมีโทษสูงสุดถึงโดนเด้งได้ นี่เองคือเหตุผลหลักที่ทำให้คนไม่อยากเป็นครู


แต่ตอนที่ผมเป็นเด็ก ทุกจังหวัดที่ญี่ปุ่นยังมีเรื่องครูตบเด็ก (ビンタ Binta) อยู่เลย ตัวผมเองนี่โดนประจำ โดยเฉพาะตอนเรียนชั้นประถมยังเป็นเด็กน้อยอยู่ แต่พวกที่เรียนมัธยมปลายนี่ไม่ค่อยมีข่าวครูตบเด็กนะครับ ไม่งั้นครูโดนพวกเด็กหัวโจกเอาตายเป็นได้ พวกเด็กน้อยจึงโดนเล่นซะมาก ตอนที่ผมโดนตบจะเป็นคุณครูที่สอนวิชาคณิตศาสตร์ บางทีผมก็ผิดเอง เพราะครั้งหนึ่งขณะเรียนดันเอาหนังสือเทคนิคการเล่นไพ่นกกระจอกขึ้นมาอ่าน โดนครูเดินมาตบเลย บางทีก็เดินมาตบสามสี่ทีจำไม่ได้เหมือนกันครับว่าด้วยเหตุผลอะไร ผมนับดูก่อนจะเรียนจบผมโดนครูคณิตศาสตร์ตบไป 15 ที โดนครูพละตบไป 10 ที (#`Д´)ノ")д゚)、. ส่วนใหญ่ครูจะรู้เทคนิคการตบที่ไม่ทำให้เยื่อแก้วหูเด็กขาดหรือได้รับอันตราย แนะช่างเก่งจริงๆ แต่สมัยนั้นครูที่ใช้กำลัง ตีเด็กก็ดี ตบเด็กก็ดี ยังจะดีกว่าครูประเภทเจ้าอารมณ์ มีความแปรปรวนทางจิตใจ เช่น ถ้าไม่พอใจนักเรียนก็ใช้วิธีการไม่พูดด้วย ไม่ใส่ใจ หรืออยากจะเดินออกจากห้องขณะสอน ก็เดินออกไปเลย กลับไปห้องพักครู และต้องให้พวกหัวหน้านักเรียนเข้าไปโค้งคำนับขอโทษ แบบนี้น่ารำคาญมากครับ นอกจากไม่เป็นแม่แบบที่ดีแล้ว ยังมีผลต่อจิตใจเด็กๆ ด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้คุณครูในยุคปัจจุบันไม่สามารถทำกิริยาเช่นนี้กับเด็กๆ ได้แล้ว ทำให้ครูหลายคนมีความเครียดสะสมมาก(・ω・`)

นี่คืออาชีพครูที่ญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้ ไม่รู้ว่าที่เมืองไทยเป็นอย่างไรบ้าง คราวหน้าผมจะมาเล่าพฤติกรรมครูโรคจิต และพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น