xs
xsm
sm
md
lg

รหัสรักจากอเวจี ตอนที่ 10 แผนสะกดรอย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี

ผู้กองมิโนอุระแห่งแผนกสืบสวนและปราบปรามแผนกที่ 1 ของสำนักงานตำรวจกรุงโตเกียวผู้ได้ชื่อว่านายตำรวจสืบสวนกระดูกเหล็กได้ไปหารือกับนักสืบอาเกจิ โคโงโรเมื่อต้นเดือนธันวาคมเกี่ยวกับการสืบสวนคดีการตายอย่างมีปริศนาของนายฮิเดะ และได้ข้อสรุปว่าจะต้องพิสูจน์คำให้การของนายมุราโคชิ ฮิโตชิให้กระจ่างแจ้งว่าจริงเท็จเพียงใดโดยเริ่มสะกดรอยดูพฤติกรรมของชายคนนี้ในวันรุ่งขึ้นจากวันที่ไปหานักสืบอัจฉริยะนั้นเอง

ผู้กองมิโนอุระเป็นนักสะกดรอยมือหนึ่ง เขามีวิธีสะกดรอยคนร้ายอยู่สองแนว แนวหนึ่งคือติดตามดูการกระทำของคู่กรณีโดยไม่ให้คนถูกตามรู้ตัวซึ่งเขาเรียกมันว่าการสะกดรอยแบบธรรมดา กับอีกแนวหนึ่งคือการสะกดรอยตามไป เรื่อย ๆ โดยจงใจให้อีกคู่กรณีรู้ตัวเพื่อสร้างความกดดันให้ฝ่ายนั้นเครียด ซึ่งถ้าเป็นคนร้ายตัวจริงก็ต้องใช้เวลารอนานหน่อยกว่าฝ่ายนั้นจะพลาดท่าทำอะไรเสียแผนออกมาให้จับได้ ซึ่งการสะกดรอยแนวนี้เขาเรียกว่าการสะกดรอยเชิงลึกที่หนักไปทางด้านสภาพจิต

กรณีของนายมุราโคชิถ้าหลักฐานการมาอยู่ที่โรงละครคาบุกิและพบกับแม่นมของคุณนายโองาวาระที่นั่นเป็นเท็จ การสะกดรอยก็คงจะเป็นแบบตรงไปตรงมาไม่ได้เสียแล้ว และสิงห์มือปราบก็ได้ตกลงใจใช้แผนสะกดรอยเชิงลึก ซึ่งก็ดีหน่อยที่ไม่ต้องปลอมตัวทุกครั้งเหมือนกับการสะกดรอยธรรมดา แต่บางครั้งการเหนื่อยกายแบบนั้นก็ยังสบายกว่าต้องแหนื่อยใจกับการประลองไหวพริบกันกับคู่กรณี

ขั้นแรกคือเริ่มสะกดรอยตามมุราโคชิทุกวันตั้งแต่ออกจากอพาร์ทเม้นต์ไปทำงานตอนเช้าและออกจากบริษัทกลับอพาร์ทเม้นต์ตอนเย็น

แต่เดิมมุราโคชิอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์ลึกเข้าไปในย่านอิเคบุคุโระ แต่เมื่อต้นเดือนธันวาคมได้ย้ายมาอยู่ที่ อพาร์ทเม้นต์ชื่อคันนามิโซ ห่างจากสถานีรถไฟชิบูยะไปประมาณห้าหกนาที อพาร์ทเม้นต์เก่าแก่หลังนี้สร้างด้วยไม้เป็นเรือนแบบฝรั่งสมัยเมจิและห้องกว้างสิบเสื่อหรือราวสิบเก้าตารางเมตรที่ตกแต่งแบบตะวันตกแท้คงจะถูกรสนิยมของเขาจึงได้ย้ายมาอยู่
นิปโปริสมัยก่อนสงคราม
บริษัทผลิตยาโจโฮคุที่ทำงานของมุราโคชิทำงานอยู่ห่างจากสถานีรถไฟอาคาบาเนะประมาณสิบนาที พนักงานบริษัทหนุ่มผู้นี้จึงเดินทางไปกลับระหว่างชิบูยะกับอาคาบาเนะเป็นประจำ งานในตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกธุรการทำให้เขาต้องอยู่ในบริษัททั้งวันแทบไม่มีธุระที่จะต้องออกไปทำข้างนอกเลย

การสะกดรอยตามช่วยให้ตำรวจรู้รายละเอียดการดำรงชีวิตประจำวันของมุราโคชิมากขึ้นเรื่อย ๆ และรู้ว่าชายหนุ่มมีนิสัยแตกต่างกับฮิเมดะผู้ตายอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว คือเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวและชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ปกติพอกลับจากงานแล้วส่วนใหญ่ก็จะอยู่แต่ในห้อง และนอกจากไปบ้านนายโองาวาระสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งแล้วก็ไม่ไปออกไปไหน นับเป็นการสะกดรอยที่สบายมาก

ผู้กองมิโนอุระแต่งกายชุดทำงานตามปกติคือใส่สูทสวมเสื้อโค้ทขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันกับมุราโคชิไปกลับระหว่างชิบูยะกับอาคาบาเนะทุกวัน ตั้งแต่เกิดคดีนี้เขาได้ไปที่บริษัทและพบกับมุราโคชิสองครั้งแล้ว ทั้งสองจึงเป็นคนคุ้นหน้ากันพอควร วันแรกที่เริ่มสะกดรอยมุราโคชิเมื่อพบหน้ากันที่สถานีและในรถไฟ มุราโคชิเป็นคนทักก่อนเพราะคงคิดว่าเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่พอเวลาผ่านไปสองวันก็แล้วสามวันก็แล้วก็ยังเจอกันอยู่อย่างนั้น มุราโคชิก็ชักจะเริ่มหงุดหงิด

มองออกไปในกลุ่มคนที่แออัดกันอยู่ในรถไฟเป็นต้องได้เห็นหน้ายิ้มยวน ๆ ของนายตำรวจคนนั้นอยู่ห่างออกไปสักสองสามช่วงตัวคนเสมอ พอตาสบกันฝ่ายนั้นก็จะยกมือขึ้นแตะหมวกนิด ๆ เป็นเชิงทักทาย และพอลงจากรถไฟนายตำรวจคนนั้นก็ลงตามพอลงบรรไดก็ลงตามมาทิ้งช่วงห่างสองสามคน จากสถานีรถไฟถึงบริษัทและจากสถานีรถไฟถึงอพาร์ทเม้นต์ก็เดินทำหน้ามารู้ไม่ชี้ตามมาห่าง ๆ ราวสิบเมตรทุกวัน

มันเป็นพฤติกรรมที่จะเรียกว่าเป็นการไล่ล่ามนุษย์อย่างทารุณก็คงได้ แต่ผู้กองมิโนอุระไม่ได้คิดเช่นนั้นเพราะการกระทำของเขาไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไรสำหรับคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าเป็นคนร้ายตัวจริงก็เป็นธรรมดาอยู่เองว่าจะต้องเดือดร้อนแน่

วันที่สี่มุราโคชิเดินหน้าบึ้งตึงออกมาจากบริษัท สบตากันในรถไฟก็ไม่ทำสัญญาณทักทายกันเช่นเคย แต่หลบตาไปทางอื่นและตีสีหน้าไม่พอใจอยู่อย่างนั้น

มุราโคชิลงรถไฟที่สถานีชิบูยะตามเคยและผู้กองมิโนอุระก็เดินตามไปโดยทิ้งระยะห่างพอสมควรเหมือนมีเส้นเชือกที่มองไม่เห็นโยงเชื่อมกันไว้ มุราโคชิรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนเดินตามหลังมา และพอเดินมาถึงทางออกจากสถานีเขาก็หยุดและหันขวับมาทันควัน สีหน้าของเขาบ่งบอกได้ดีกว่าคำพูดว่า...ทนไม่ไหวแล้ว ผู้กองมิโนอุระยิ้มกวนโมโหพลางเดินตรงเข้ามาในใจคิดว่า...ในที่สุดหน้ากากคนดีก็หลุดออกจนได้

“นี่ คุณตามผมมาทำไม ถ้ามีอะไรอยากสอบถามก็เรียกผมไปให้การที่สถานีตำรวจไม่ได้รึ มีเหตุผลอะไรถึงได้สะกดรอยตามผมแบบนี้”

มุราโคชิจ้องหน้านายตำรวจด้วยดวงตาถมึงทึงน่ากลัว ใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่เป็นนิจนั้นตอนนี้แดงจัดด้วยความโกรธ

ผู้กองมิโนอุระเตรียมรับสถานการณ์เช่นนี้ไว้พร้อมแล้ว เขาปรับยิ้มให้อ่อนโยนขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“เปล่านี้ครับ มันเป็นเรื่องบังเอิญต่างหาก เส้นทางที่ผมไปทำงานตามหน้าที่กับเส้นทางไปทำงานของคุณพอดีมันตรงกันแค่นั้น ไม่มีอะไรต้องกังวล ขอตัวก่อนนะครับ”

นายตำรวจยกมือขึ้นแตะหมวกนิด ๆ แล้วเดินจากไป ที่พูดก็แค่ออกตัวไปพลาง ๆ ไม่ได้มีความคิดที่จะเลิกสะกดรอยแค่นั้นแน่นอน

มุราโคชิมองตามหลังนายตำรวจไป ทำเสียงจึ๊จ๊ะในปากคล้ายขัดใจ และไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้จึงเดินเร็ว ๆ ไปยังที่รถรับจ้างหน้าสถานี เรียกรถคันที่ว่างเข้ามาและพอประตูเปิดก็ผลุบหายเข้าไปทันที

นายตำรวจตลึงไปเหมือนกันเพราะไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เขาออกวิ่งกวดตามไปโดยไม่คำนึงถึงสายตาของคนรอบข้าง กระโดดขึ้นรถรับจ้างอีกคันหนึ่งแล้วร้องบอกคนขับเสียงลั่น

“ผมเป็นตำรวจ ตามคันหน้าไปติด ๆ อย่าให้คลาดสายตา ด่วนเลยคุณ”

รถของมุราโคชิแล่นไปทางชินจุกุ นำหน้าราวสิบห้าสิบหกเมตรผ่านข้างห้างอิเซตันไปออกถนนสายหลักมุ่งไป อิเคบุคุโระ นายตำรวจเกาะพนักที่นั่งคนขับจับตามองรถคันหน้าแทบไม่กระพริบ ใกล้จะถึงอิเคบุคุโระอีกไม่กี่ช่วงตึก อยู่ ๆ รถคันหน้าก็หยุดกึกลงทันควัน ทางนี้คิดว่ามุราโคชิจะกระโดดลงไปจึงให้รถหยุดดูลาดเลา แต่ก็ไม่ใช่...ชายหนุ่มสั่งคนขับอะไรสักอย่าง ซึ่งคนขับทำตามโดยหักเลี้ยวตีวงกว้างย้อนกลับไปทางเดิม “คงจะเปลี่ยนใจละมัง” นายตำรวจคิดก่อนสั่งให้คนขับรถเลี้ยวกลับตามไป จนในที่สุดมุราโคชิก็กลับมาที่อพาร์มเม้นต์ที่ชิบูยะตามเดิม ไม่คิดจะเล่นโปลิศจับขโมยให้เหนื่อยเปล่า

ผู้กองมิโนอุระลงจากรถรับจ้างแล้วเดินไปที่ร้านขายบุหรี่ที่อยู่ไม่ไกลจากอพาร์ทเม้นต์ตามเคย นายตำรวจนั่งลงคุยเรื่องสัพเพเหระกับคุณป้าคนขายบุหรี่ ขณะจับตามองไปที่ทางเข้าออกอพาร์ทเม้นต์อยู่ราวหนึ่งชั่วโมง

นายตำรวจอยากรู้ว่ามุราโคชิตั้งใจจะไปไหน ดูไม่สบายใจและมีท่าทางกระวนกระวาย ส่อให้เห็นว่าหมอนี่ต้องมีอะไรที่เป็นความลับอยู่แน่ และเมื่อครู่นี้คงจะร้อนใจมากถึงพยายามหนีให้พ้นการสะกดรอยไปที่ไหนสักแห่ง คงจะสะใจละมังที่หนีตำรวจไปได้อย่างเฉียดฉิวต่อหน้าต่อตาแบบนั้น ทางทางรีบร้อนอย่างที่เห็นสงสัยว่าคงจะแอบไปหาใคร อาจอยากไปบอกว่าตนถึงตำรวจสะกดรอยตามและเตือนให้ใครคนนั้นระวังตัวก็เป็นได้ บ้านหมอนี่ไม่มีโทรศัพท์เลยต้องไปบอกด้วยตนเอง...สันนิษฐานอย่างนี้ก็ดูเข้าเค้าดีอยู่

หรือว่าคนที่มุราโคชิมุ่งไปหาจะเป็นคนที่ปลอมเป็นตัวเขาเพื่อตบตาแม่นมของคุณนายโองาวาระที่โรงละครคาบุกิไม่ได้...คิดเลยเถิดเกินไปหน่อยแล้วเพราะตอนนี้ยังไม่รู้ชัดว่ามีการปลอมตัวจริงหรือเปล่า แต่ถ้าตามดูอยู่อย่างนี้เรื่อยไปสักวันหนึ่งเจ้าหนุ่มอาจพลาดท่าก็ได้ใครจะรู้ และถ้าคนที่มุราโคชิมุ่งไปหาเป็นตัวปลอมของเขาจริง คราวนี้เป็นเรื่องใหญ่แน่

นี่ถ้าหมอนั่นแอบออกไปทางด้านหลังอพาร์ทเม้นต์เล่า จากตรงนั้นมีทางออกไปไหน ๆ ได้ทั่วสารทิศ ลำพังเราคนเดียวคงเอาไม่อยู่แน่ แต่ว่าคืนนี้น่าจะนอนใจได้ว่าคงจะไม่ออกไปไหนแล้วเพราะคนอย่างหมอนั่นคงจะพอจะมีความคิดบ้างว่าเราจะเรียกกำลังตำรวจมาเสริมเมื่อไรก็ได้ และที่ตนทำท่าหนีเมื่อตะกี้ ก็อาจทำให้มีการส่งตำรวจมาเฝ้าระวังทางด้านหลังด้วยแล้วก็ได้ เอาเป็นว่าอย่างน้อยคืนนี้หมอนั้นน่าจะระวังตัวไม่เคลื่อนไหวให้เป็นที่น่าสงสัยไปกว่านี้

พรุ่งนี้ตอนกลางวันน่าจะเสี่ยงมากกว่า เพราะถ้าเป็นมุราโคชิเราจะลอบออกไปจากบริษัทตอนกลางวัน บริษัทนั้นมีโรงงานอยู่ภายในอาณาบริเวณเดียวกันมีทางเข้าทางออกถึงหกแห่ง เราก็แต่ตรวจดูให้แน่ใจว่าตรงไหนไม่มีคนคอยซุ่มสะกดรอยตามอยู่ก็ออกไปทางนั้น หมอนั่นต้องทำอย่างนั้นแน่ ๆ

ผู้กองมิโนอุระคิดสรุปทั้งหมดนั้นในช่วงที่นั่งซุ่มอยู่ในร้านขายบุหรี่ และไม่นานก็กลับไปเพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนั่งเฝ้าอยู่ขณะที่ทางด้านหลังของอพาร์ทเม้นต์ถูกปล่อยโล่งอยู่อย่างนั้น

ค่ำวันนั้นผู้กองมิโนอุระจัดการเรื่องกองกำลังเสริมทั้งที่อพาร์ทเม้นต์และที่ทำงานของมุราโคชิอย่างพร้อมเพรียง วันรุ่งขึ้นจึงมีตำรวจไปซุ่มดูความเคลื่อนไหวของมุราโคชิอยู่เต็มอัตราที่บริษัทผลิตยาโจโฮคุ การสะกดรอยของนายตำรวจสืบสวนจึงต้องเปลี่ยนไปเป็นการสะกดรอยแบบธรรมดาทั้งหมด

ลูกน้องของเขาห้าคนปลอมตัวไปเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าออกบริษัทห้าแห่ง ส่วนตัวผู้กองมิโนอุระแต่งตัวตามปกติไปเดินเตร่อยู่แถวหน้าประตูใหญ่ เป็นแผนที่ทำให้เป้าหมายของเขาตายใจ หากมุราโคชิพยายามหาทางเล็ดลอดออกจากบริษัทโดยไม่ให้มีใครสะกดรอยตาม ก่อนอื่นเขาจะต้องมองออกมาที่ประตูด้านหน้า และเมื่อเห็นผู้กองมิโนอุระอยู่ตรงนั้นก็จะต้องเลี่ยงไปออกประตูอื่น นั่นเป็นวิธีล่อให้เป้าหมายลอบออกไปจากบริษัทด้วยความมั่นใจ

การคาดหมายของมิโนอุระนายตำรวจผู้ได้ชื่อว่าสิงห์มือปราบตรงเป้าเผงทีเดียว ตำรวจสายสืบที่ปลอมตัวซุ่มอยู่ที่ประตูด้านโรงงานที่อยู่ในจุดที่ไม่สะดุดตาที่สุดและทำหน้าที่สะกดรอยรายงานว่า มุราโคชิลอบออกไปทางนั้นและพอออกมาได้ก็เรียกรถรับจ้างพาไปส่งที่บ้านลึกลับหลังหนึ่งในย่านนิปโปริ หายขึ้นไปบนชั้นบนของบ้านประมาณสิบนาทีแล้วรีบบึ่งกลับบริษัทโดยเร็ว

ผู้กองอุระได้ฟังก็ดีใจราวกับนายพรานค้นพบรังของเหยื่อตัวสำคัญ การที่เป้าหมายของเขาพยายามหลีกหนีการสะกดรอยและมีพฤติกรรมลึกลับเช่นนี้ ย่อมเป็นที่น่าสงสัยพอที่จะดำเนินกลยุทธ์ขั้นเด็ดขาดต่อไปโดยไม่ต้องคำนึงว่าจะถูกตำหนิว่าขัดต่อสิทธิมนุษย์ชน คือแทนที่จะใช้กลยุทธ์ทางอ้อมอย่างการสะกดรอยเขาก็จะเรียกตัวมาที่สถานีตำรวจโดยตรง นายตำรวจมือปราบใจสิงห์ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป เขาบุกขึ้นไปที่บ้านลึกลับในย่านนิปโปริทั้ง ๆ ที่แต่งกายนอกเครื่องแบบนั้นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น