ซึ่งหลายๆ สาเหตุที่ทำให้ผู้ต้องหาคดีอาชญากรรมพวกนี้ต้องเติบโตมาโหดร้าย ไม่อยู่ในทำนองครองธรรม ส่วนหนึ่งก็มีปัจจัยมาจากครอบครัวนั่นเอง ปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ครอบครัวยากจน พ่อแม่แยกทางกัน หรือครอบครัวมีปัญหา พ่อติดสุราหรือติดการพนัน ติดปาจิงโกะต่างๆ เป็นต้น ตัวอย่างคดีที่พ่อติดการพนันแล้วทิ้งลูกไว้ในรถท่ามกลางอากาศร้อนระอุของฤดูร้อนจนเป็นเหตุให้ลูกเสียชีวิต หลายต่อหลายคดีที่เกิดในลักษณะนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนพ่อแม่ทำร้ายลูก กลั่นแกล้งไม่ใส่ใจลูก หรือกรณีพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงก็เกิดเหตุทำร้ายเด็กอยู่บ่อยๆ เช่นกัน ปกติแล้วคนทั่วไปแค่เห็นเด็กน้อยๆ ตาดำๆ ก็นึกสงสารใช่ไหมครับ คดีล่าสุดที่พ่อทำร้ายเด็กจนเสียชีวิตที่กำลังเป็นข่าวดังที่ญี่ปุ่นก็ไม่แน่ใจว่าเป็นพ่อจริงๆ หรือไม่ ถ้าพ่อจริงก็ไม่น่าทำร้ายลูกในไส้ของตัวเองได้ลงคอ แต่ข่าวที่ญี่ปุ่นก็ไม่มีใครกล้าบอกตรงๆ ว่าเด็กเป็นลูกจริงหรือลูกเลี้ยง ข่าวมีเนื้อหาคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ
ข่าวที่ 1 ■พ่อโหดทำร้ายลูกสาววัยสิบขวบจนตายอย่างน่าสลดใจ!
จากการเสียชีวิตของน้อง Mia Kurihara มิอะ คุริฮาระ ได้สร้างความความความโศกเศร้าแผ่กระจายไปทั่วญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ที่โรงเรียนให้เด็กนักเรียนตอบแบบสอบถามเรื่องการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน ซึ่งแบบสอบถามนี้มีข้อตกลงเขียนกำกับไว้ด้วยว่าจะเก็บคำตอบต่างๆ ไว้เป็นความลับเท่านั้น น้องไม่ได้เขียนว่าเพื่อนคนใดคนหนึ่งกลั่นแกล้งแต่เขียนตอบกลับไปว่า “หนูถูกคุณพ่อทำร้ายร่างกาย คุณครูพอจะช่วยหนูได้ไหม “ แทนที่หน่วยงานการศึกษาเจ้าของแบบสอบถามจะเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับและรีบหาทางช่วยเหลือน้อง แต่กลับส่งใบคำตอบของแบบสอบถามนี้ไปให้พ่อของน้อง แล้วจะเหลืออะไรล่ะ เพราะเมื่อพ่อของน้องได้รับคำตอบจากแบบสอบถามนั้น อ่านแล้วก็คงจะแค้นมาก และคงคิดจะซ้อมลูกให้ตายคามือเลยกระมัง ขณะที่พ่อใจร้ายซ้อมลูกจนตายนั้น แม่ของเด็กก็อยู่ด้วยแต่ช่วยเด็กไม่ได้เลย ยิ่งทำให้คนตามข่าวพูดไม่ออกบอกไม่ถูก .. ดังนั้นการตัดสินใจของหน่วยงานราชการที่ส่งแบบสอบถามไปให้พ่อเด็กนั้นจึงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเป็นอย่างมาก ถ้าใส่ใจและจริงจังมากกว่านี้ก็คงจะไม่เกิดเรื่องเศร้าเช่นนี้ขึ้น ทำให้ทุกคนที่อ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกเศร้าใจและสงสารน้องมากๆ ส่วนทางรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ต้องออกมาตรการรองรับเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก เพราะจากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า เฉพาะแค่ปีที่แล้วปีเดียวมีคดีที่เด็กถูกทำร้ายร่างกายโดยพ่อแม่ผู้ปกครองสูงเกือบแสนคดี และมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆ มา
ไม่ใช่แค่ข่าวพ่อแม่ทำร้ายลูกเท่านั้น ช่วงนี้ข่าวอาชญากรรมอื่นๆ ก็เยอะมากมาย
ข่าวที่ 2 : ■โอตาคุตกงาน ใช้ชีวิตด้วยการเล่นเกมส์และเล่นแชทในเว็บหาคู่ไปวันๆ เพื่อมองหาเหยื่อและหลอกลวงเงินคนอื่น ล่าสุดฆ่าเหยื่อหมกทุ่งนา แต่ตามไปตามมาเรื่องราวกลับซับซ้อนขึ้น !
ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวรายงานว่า มีน้องนักศึกษาสาวน่าตาน่ารัก อายุแค่ 19 ปี เพิ่งเรียนปีหนึ่งภาควิชาเภสัชศาสตร์หายตัวไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ด้วยความที่น้องน่าตาน่ารักและเป็นเด็กดีประชาชนทั่วไปจึงเกาะติดสถานการณ์ คอยลุ้นการตามหาตัวน้อง ตามข่าวความคืบหน้าและการเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างใจจดใจจ่อ ทีมงานทั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทีมงานนักข่าวสื่อมวลชนต่างๆ ก็เฝ้าเกาะติดตามรายงานสถานการณ์แบบนาทีต่อนาที ก่อนที่เธอจะหายตัวไปนั้นเธอได้ส่งข้อความบอกเพื่อนสนิทว่า เธอกำลังจะไปพบผู้ชายคนหนึ่ง และจุดสุดท้ายที่สัญญาณโทรศัพท์มือถือของเธอขาดหายไปคือ บริเวณอำเภอ Kamisu คะมิสึ เมืองชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของจังหวัด Ibaraki อิบะระงิ จากจุดที่สัญญาณมือถือของเธอขาดหายไปนั้นพบว่าเป็นบริเวณทุ่งนาแห่งหนึ่ง ครั้งแรกตำรวจก็ระดมกำลังติดตามและค้นหาแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เมื่อทำการสอบสวนชายหนุ่มคนที่เธอบอกว่าจะไปพบนั้นเขาก็ปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน หลังจากที่เธอได้มาพบเขาแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็กลับไปในทันที ทีมสืบสวนไม่ลดละหาหลักฐานและสอบสวนต่อเมื่อจนต่อหลักฐานและถูกตำรวจคาดคั้นมากขึ้น ในที่สุดเขาก็ยอมเปิดปากรับสารภาพว่า รู้จักเธอผ่านทางเว็บบอร์ดเล่นเกมส์ แห่งหนึ่ง จากนั้นเธอก็มาหาเขาที่บ้าน หลังจากนั้นตอนที่เขาขับรถไปส่งเธอนั้น เธอได้โวยวายขึ้นเขาเลยฆ่าปิดปากแล้วนำศพเธอไปฝังที่ทุ่งนานั่นเอง...
นายโอตาคุคนนี้ชื่อว่านาย Hirose Kōichi อายุ 35 ปี เป็นคนว่างงาน ไม่มีการงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง วันๆ ก็เล่นเกมส์ และแชตหาคู่ไปวันๆ ก่อนหน้านี้เคยถูกตำรวจจับในคดีล่อลวงเยาวชนมาแล้วและยังอยู่ในระหว่างภาคทัณฑ์จากคดีเดิม และเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วนาย Hirose Kōichi ได้ใช้คารมแชตคุยกับน้องนักศึกษาเภสัชฯ ดังกล่าว โดยนัดแนะให้น้องผู้ตายไปพบจากนั้นจึงขับรถไปส่งเธอระหว่างนั้นน้องก็ต่อว่าเขาอย่างแรง จนทำให้เกิดบันดาลโทสะและบีบคอเธอจนตายคามือ หลังจากนั้นได้นำร่างของเธอฝังไว้ที่ทุ่งนาท่างจากบ้านพักไปประมาณ 18 กิโลเมตร ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจขุดพบศพของเธอแล้ว..
ก่อนนี้คนญี่ปุ่นสงสารและเห็นใจผู้เสียชีวิตมาก เนื่องจากเบื้องหลังแล้วน้องเป็นเด็กดีและกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่มาก เพื่อพ่อแม่แล้วพยายามสอบเข้าเรียนเพื่อให้ได้จบออกมาเป็นเภสัชกร ทุกคนต่างก็ลุ้นข่าวและให้กำลังใจเธอ ขอให้เธอยังปลอดภัย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอจะไปทำไมจะเรื่องเกมส์หรือ เรื่องชู้สาวที่ไม่น่าเป็นไปได้... แต่จากการขุดคุยของหลายแหล่งข่าว เรื่องน้องนักศึกษาที่ดั้นด้นไปหาผู้ชายคนนี้ถึงที่บ้านทำไม ทั้งๆ ที่อยู่ห่างไกลกันคนละจังหวัด ไกลกันเป็นร้อยๆ กิโลเมตร และหลังจากลงรถไฟแล้วยังต้องต่อรถแท็กซี่ ซึ่งมีราคาแพงถ้าเทียบกับรถสาธารณะทั่วไป เพราะเมืองที่เธอไปหาผู้ชายนั้นเป็นท้องถิ่นห่างไกล ไม่ค่อยมีรถบัสหรือรถสาธารณะ จึงต้องเรียกแท็กซี่ไปส่งให้ถึงบ้านผู้ต้องหาอีกด้วย . เมื่อทุกคนรู้ที่มาที่ไปและเบื้องหลังแล้วก็ไม่มีใครกล้าเล่นข่าวอีกเลย หยุดไปเสียดื้อๆ แหล่งข่าวบอกว่า มหาวิทยาลัยที่เธอกำลังเรียนอยู่นั้นมีระบบการสอบเข้าเรียนง่ายมากแค่จ่ายค่าธรรมเนียมและเขียนประวัติก็เข้าเรียนได้ ตามปกติแล้วการศึกษาปริญญาตรีสำหรับนักศึกษาเภสัชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอื่นๆ ต้องเรียนถึง 6 ปี แต่มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่นั้นใช้เวลาเรียนตามหลักสูตรของมหาวิทยาลัยแค่ 4 ปี คือถึงจบออกมาก็ไม่สามารถเป็นเภสัชกรได้ ถ้าต้องการเป็นต้องไปเรียนเพิ่มอีก 4 ปี ซึ่งที่จริงแล้วเธอเองก็เรียนไม่ค่อยจะดีนัก และติดเกมส์ติดเวปแชตเช่นกัน ครั้งแรกที่เธอออกไปหาหนุ่มโอตาคุผู้ต้องหาคนนั้น หลายคนยังคิดว่าเธอติดเกมส์และต้องการแลกไอเทมพิเศษจากเขาหรือเปล่า แต่แหล่งข่าวเล่าว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ
เธอดั้นด้นไปพบนาย Hirose Kōichi ครั้งแรกนัดเจอกันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง แล้ว นาย Hirose Kōichi นั้นก็ขับรถของบริษัทที่ตัวเองรับจ้างชั่วคราวมารับเธอไปบ้านเขาโดยใช้ผ้าผูกปิดตาเธอไปตลอดทาง คงเพราะไม่อยากให้เธอจำได้ เธออยู่กับเขาครู่ขณะหนึ่งและเขาก็ขับรถจะมาส่งเธอที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เดิม แต่เปลี่ยนใจให้เธอลงกลางทุ่งนาแห่งหนึ่งสะก่อน เพราะทั้งสองฝ่ายคงจะทะเลาะกันมาตลอดทางเนื่องจากเธอทวงเงินเขาแต่เขาไม่ให้ เงินที่ว่านั้นคือเงินที่เธอขายเรือนร่างนั่นเอง ถ้าตอนนั้นเธอไปแจ้งตำรวจเรื่องราวก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้ แต่เธอกลับย้อนไปที่บ้านพักของผู้ต้องหาอีกครั้ง ร้องไห้เคาะประตู คนที่พักอยู่ห้องข้างๆ แนะนำให้ไปแจ้งความเพราะเข้าใจว่าเธอมีปัญหาทางการเงินกับผู้ต้องสงสัย จากนั้นผู้ต้องสงสัยคงเริ่มตบะแตกจากที่จะพาเธอไปส่งสถานีรถไฟ แต่เธอขู่ว่า “เธอมีหลักฐานในมือถือเพียงพอที่จะเล่นงานเขา มีรูปเขาและพิกัดบ้านพักด้วย และเธอจะแชร์ให้ทั่วอินเตอร์เน็ตเลย “ และเธอก็ทวงค่าตัวอีก ที่นี้ถึงจุดที่ฆาตกรหน้ามืดล่ะจึงลงมือสังหารและนำศพเธอไปฝังที่ทุ่งนาห่างไกล และเอาโทรศัพท์เธอไปโยนทิ้งแม่น้ำ จบข่าวนี้ครับ
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กสาวๆ ญี่ปุ่นหลายคนต้องจมอยู่กับวังวนของการขายตัวเพราะปัญหาเศรษฐกิจหรือเปล่า หรือเพราะถูกล่อล่วง แต่อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้รังแค่จะสร้างปัญหาที่หนักขึ้น เมื่อพูดถึงการล่อลวงสาวมาค้าประเวณีก็อ่านเจออีกข่าวครับ
ข่าวที่ 3 ■แก๊งหนุ่มนักศึกษารูปหล่อลวงเหยื่อสาวค้าประเวณี
ตำรวจจับกุมตัวนาย Kishii Kensuke อายุ 24 ปีหัวหน้าแก๊งหนุ่มรูปหล่อนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง และพบว่ามีสมาชิกแก๊งที่มีอายุตั้งแต่ 20-25 ปีอีกจำนวน 20 คนในข้อหาเป็นธุระจัดหาและบีบบังคับให้สาวๆ วัยรุ่นค้าประเวณี โดยพวกเขาจะอาศัยดีกรีความเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังหาจีบสาวสวย และหว่านล้อมให้พวกเธอหลงรัก ต่อมาก็หว่านล้อมให้พวกเธอไปเที่ยวผับ เปิดเหล้าแพงๆ จนเป็นหนี้เป็นสินมากมาย แล้วพวกมันก็จะบังคับให้พวกสาวสวยเหล่านั้นไปทำงานในร้านขายบริการทางเพศเพื่อหาเงินมาใช้หนี้นั่นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยต่อไปอีกว่า คิดว่ามีผู้หญิงมากมายในทั่วประเทศที่ต้องทำงานขายบริการทางเพศเพื่อหาเงินใช้หนี้ เช่นนี้
จากข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ สะท้อนสังคมญี่ปุ่นได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม ความโหดร้าย ไม่ใส่ใจคนอื่นมองเฉพาะตนเอง ปัญหาโลกโซเซียล เกมส์และแชตหลอกลวงต่างๆ ยิ่งนับวันจะสะสมปัญหามากมาย กรณีที่นักเรียนนักศึกษาหญิงที่มักจะถูกหลอกลวงได้ง่าย โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ตามหอพักคนเดียวห่างไกลจากครอบครัว ก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ง่ายมากขึ้น พวกแก๊งนรกพวกนี้มันเต็มไปด้วยความโลภและกระหายเงินตรา แต่หารู้ไม่ว่าได้ทำลายชีวิตและอนาคตของหญิงสาวนักเรียน นักศึกษาซึ่งถือเป็นอนาคตของชาติจนย่อยยับ แล้วอนาคตของญี่ปุ่นจะเดินไปทางไหนต่อหนอ วันนี้สวัสดีครับ