xs
xsm
sm
md
lg

ความรักกับการขอพรของคนญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพจาก http://souda-kyoto.jp/blog/00324.html
คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

ใกล้จะถึงวันแห่งความรักกันอีกแล้วนะคะ คนญี่ปุ่นนั้นเวลาแอบลุ้น แอบรัก อกหักรักคุด หรืออยากมีความรักก็จะมองหาที่พึ่งทางใจกับเขาเหมือนกัน ตามศาลเจ้าแทบทุกแห่งที่มีขายเครื่องรางจึงมักจะมีขาย “เอ็นมุซุบิ” หรือเครื่องรางเพื่อให้สมหวังในความรักด้วย บางแห่งก็มีตู้เซียมซีเรื่องความรักเป็นการเฉพาะ ซึ่งมักแถมเครื่องรางจิ๋ว ๆ มาให้ด้วย ราคาจึงมักสูงกว่าเซียมซีทั่วไป

สมัยฉันยังสาว ๆ เพื่อนผู้หญิงชาวญี่ปุ่นเคยซื้อ “เอ็นมุซุบิ” ที่ว่านี้มาฝากตอนที่รู้ว่าฉันไปแอบมองใครอยู่ เผื่อจะสมหวัง ฉันถึงได้รู้ว่ามีเครื่องรางแบบนี้อยู่ด้วย เอ็นมุซุบิบางอันน่ารักมากจริง ๆ จนบางทีแค่อยากได้เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้หวังจะให้เป็นเครื่องราง เพื่อนบอกว่าถ้ามีคู่อยู่แล้วก็ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องใช้เครื่องรางแบบนี้อีก ตอนนั้นแต่งงานแล้ว (ซึ่งไม่ใช่เพราะเอ็นมุซุบิ) ก็เลยอดซื้อ

ศาลเจ้าที่โด่งดังในเรื่องความรักมีอยู่หลายแห่งทั่วญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงที่สุดคงไม่พ้นศาลเจ้าอิซุโมะ (Izumo Taisha) จังหวัดชิมาเนะ เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น บูชาเทพโอคุนินุชิซึ่งเป็นเทพแห่งการแต่งงาน เชื่อว่าถ้ามาไหว้จะสมหวังในเรื่องความรักหรือความสัมพันธ์ด้านอื่น ๆ

สำหรับศาลเจ้าที่โด่งดังเรื่องความรักในกรุงโตเกียว ได้แก่ ศาลเจ้าโตเกียวไดจิงงู ซึ่งมีขายเครื่องรางด้านความรักหลากชนิดหลากดีไซน์มากจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเครื่องรางหลักของศาลเจ้าเลยก็ว่าได้ และยังมีเซียมซีด้านความรักอีกหลายแบบ ทั้งนี้ คนที่มาไหว้ศาลเจ้าเหล่านี้สามารถมาไหว้หรือขอพรเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับความรักก็ได้เช่นกัน
ภาพจาก https://fan.happy-cielo.jp/powerspot/1376/
พูดถึงศาลเจ้าแห่งความรักแล้ว นึกได้ว่าหลายปีก่อนตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น ฉันกับสามีเคยนั่งดูรายการโทรทัศน์ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของสาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่โสดสนิทและอยากจะมีคู่มาก เธอได้ทราบว่าที่เมืองไทยมีการไหว้เทพองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่าทำให้คนสมหวังในความรักมานักต่อนักแล้ว เธอจึงไปไหว้พร้อมกับอธิษฐานบรรยายสรรพคุณหนุ่มในสเป็กอย่างที่เธอต้องการเสียละเอียดยิบ ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็เจอผู้ชายอย่างที่ฝันไว้เป๊ะอย่างไม่น่าเป็นไปได้ สร้างความประหลาดใจให้เธอมากว่าขลังจริง ๆ

ฉันกับสามีหันมามองหน้ากันยิ้ม ๆ สามีพูดขึ้นมาก่อนว่า “สงสัยเที่ยวบินไปไทยพรุ่งนี้เต็มแน่เลยเธอ” ฉันหัวเราะลั่น ก็รายการเล่นเอาเรื่องจริง(เขาว่างั้น) มาทำเป็น story สั้น ๆ สถานที่ก็มีอยู่จริง คนดูได้ทั้งภาพทั้งเสียง สมจริงขนาดนี้ ใครที่กำลังอยากมีคู่ เห็นแล้วคงเกิดแรงบันดาลใจไปตาม ๆ กัน

อันที่จริงเมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ฉันก็เคยไปไหว้มาเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้ตามที่ขอแม้แต่น้อยเลยท้อใจจนต้องไปนั่งเด็ดกลีบกุหลาบทีละกลีบเสี่ยงทาย พอเวลาผ่านไปแล้วฉันรู้สึกว่าดีแล้วล่ะที่ไม่ได้อย่างที่ขอไว้ ไม่งั้นป่านนี้ชีวิตคงไม่ได้มีความลงตัวและพอดีอย่างที่เป็นในตอนนี้ อาจจะเป็นความเมตตาของท่านก็ได้นะคะที่ไม่ได้ให้อย่างที่อยากจะได้

คือเวลาคนเรามีความรัก นับเป็นเรื่องยากที่จะมองอะไรด้วยเหตุผลและความเหมาะสม อย่างไรเสียก็อดไม่ได้ที่ใจจะดิ้นรน ใจอยากได้ ทั้งที่บางทีก็เห็น ๆ อยู่ว่าไม่น่าไปด้วยกันได้ เช่น มีความไม่เสมอกันมากเกินไปทั้งเรื่องความเชื่อในชีวิต ความเป็นผู้ให้ คุณธรรม และความสามารถในการคุยกันรู้เรื่องไปในทิศทางเดียวกัน ถ้ามาอยู่ร่วมกันแล้วรังแต่จะมีปัญหามากกว่า
ภาพจาก https://matome.naver.jp/odai/
มีคนที่ฉันรู้จักจำนวนไม่น้อยที่ตกลงใจแต่งงานกับคนที่ตนเองคบอยู่ โดยที่ลึก ๆ เจ้าตัวก็คงจะรู้สึกเหมือนกันว่าอยู่กับคนนี้ไม่น่าจะมีความสุขได้ แต่ก็ยังฝืน “แต่ง ๆ ไป” ด้วยเหตุผลต่าง ๆ กัน ส่วนมากจะคิดว่าเพราะอายุอานามสมควรแล้ว หรือบางคนก็แต่งให้พ่อแม่สบายใจ สุดท้ายพอมาอยู่ด้วยกันแล้วกลับมีแต่เรื่อง ต้องเลิกรากันไปแบบไม่ดี

มีคู่หนึ่งเป็นคนญี่ปุ่นแต่งงานได้สามเดือนแล้วหย่า ในที่สุดฝ่ายชายต้องลาออกจากงาน เพราะตอนงานแต่งได้เชิญแขกผู้ใหญ่ในที่ทำงานมาเป็นประธานด้วย เขาจึงรู้สึกอับอายคนในที่ทำงานเพราะแต่งงานได้ไม่ทันไรก็หย่า จนถึงกับต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศเลยทีเดียว เพื่อนชาวญี่ปุ่นอีกคนหนึ่งก็เคยเล่าให้ฟังว่าเพื่อนเขามีหลายคู่ทีเดียวที่แยกกันอยู่

สมัยก่อนการ์ตูนวอลท์ดิสนีย์ชอบมีแต่เรื่องเจ้าหญิงเจ้าชายที่จบแบบแฮบปี้เอ็นดิ้ง และฉากสุดท้ายคือฉากแต่งงาน ทำให้นึกว่าเมื่อเจ้าหญิงได้แต่งงานกับเจ้าชายแล้วก็จะ “มีความสุขตลอดไป” อย่างที่การ์ตูนทุกเรื่องบอก จะว่าไปแล้วนี่อาจเป็นการ "วาดฝัน" เยาวชนให้เข้าใจเรื่องของความรักผิดไปอย่างมากมายได้เหมือนกันนะคะ ทำให้เด็กผู้หญิงคิดไปว่าพอแต่งงานกับคนที่ชอบแล้วก็จะมีความสุขได้เอง จริง ๆ มันไม่เกี่ยวกันเลย

ครูบาอาจารย์เคยสอนไว้ว่าถ้าอยากรู้ว่าคนที่เราดูใจอยู่นี้ใช่คู่ที่จะอยู่ด้วยกันยืดไหม ให้ถามตัวเองว่ารู้สึกว่าใช่หรือเปล่า อยู่ด้วยกันแล้วเกิดแต่เรื่องดี ๆ ไหม ร่วมกันเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้หรือไม่ เกิดแรงบันดาลใจให้คิด พูด ทำดีต่อกันและต่อคนรอบข้างหรือเปล่า ทั้งหมดนี้จะเป็นตัววัดผลของสิ่งที่เคยสร้างร่วมกันมาในอดีตไกลกับการกระทำอันต่อเนื่องในปัจจุบัน ว่าจะเอื้อให้ต่างฝ่ายต่างเกื้อกูลกันพอที่จะเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงให้อยู่ร่วมกันต่อไปได้ดีหรือไม่

คนเราอาจใช้เวลาไม่เท่าไหร่ในการตกหลุมรัก แต่การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีให้ยืนนานเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ความรักก็เป็นความรู้สึกแบบหนึ่ง และความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ เหมือนใจเราเองที่รู้สึกรักใครคนหนึ่งไม่เท่ากันในแต่ละวัน ไม่ว่าจะพ่อแม่เรา เพื่อนเรา ลูกเรา หรือแฟนเรา ถ้าอยากให้ความรักยั่งยืนนานก็ต้องสร้างเหตุของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเอาไว้สม่ำเสมอด้วยกันทั้งสองฝ่าย อย่างนี้โอกาสที่จะครองรักกันได้ด้วยดีก็น่าจะมากกว่า
ภาพจาก https://travel.navitime.com/ja/area/jp/
ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น ฉันเคยทำงานร่วมกับผู้ใหญ่คู่หนึ่งที่น่ารักมากเลยค่ะ ทั้งสองเป็นคนไทย รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่งงานกัน ตอนนี้มีลูกสองคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จากความอบอุ่นที่ทั้งสองมีให้กันและกันทำให้ดูเหมือนเพิ่งแต่งงานกันไม่นาน ฉันรู้สึกว่าภรรยาให้เกียรติและเคารพสามีมาก ดูแลสามีทั้งในเรื่องการงาน ดูแลบ้าน ดูแลครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ ส่วนสามีก็ให้เกียรติและดูแลภรรยาอย่างดี มีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกด้วยกัน

พอถึงเทศกาลอะไรที่ต้องให้ของขวัญตามธรรมเนียม ภรรยาก็จะจัดเตรียมของขวัญให้สามีมาแจกลูกน้องในที่ทำงาน ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ มีความเข้ากันได้หลายอย่าง แม้กระทั่งความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และการให้เกียรติคนอื่นก็ยังเป็นไปในทางเดียวกัน

สองท่านนี้จึงมีบรรยากาศแห่งความอบอุ่นรอบตัวที่คล้ายคลึงและกลมกลืนกัน ไม่แปลกเลยถ้าจะเป็นคู่ครองที่มีความสุข นึกถึงทั้งสองท่านแล้วยังพลอยรู้สึกอบอุ่นใจตามไปด้วยเลยค่ะ อันนี้เป็นตัวอย่างและเหตุผลหนึ่งว่าทำไมบางคนมีชีวิตคู่ที่มีความสุข คงไม่ใช่ว่ารักกันแล้วทุกอย่างจะดีได้เองตลอดไป มีแต่ต้องหมั่นดูแล หมั่นใส่ใจกัน ไม่มองข้ามเรื่องเล็กน้อย และสื่อสารให้เข้าใจกันเสมอ เป็นต้น
ภาพจาก https://machicon.jp/ivery/column/44387
แต่ถ้าเราไม่มีคู่หรือมีคู่แล้วไม่มีความสุข เราอาจไม่จำเป็นต้องมองว่า ความรัก=ความสุข หรือ ความสุข=ความรักก็ได้นะคะ บางคนเห็นภาพคู่ของคนอื่นที่ลงในโซเชียลแล้วทำให้รู้สึกว่ามีคู่แล้วจะมีความสุข แต่ภาพที่เห็นอาจจะสะท้อนความจริงจริง ๆ ก็ได้ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้

แต่ไม่ว่าคนอื่นหรือคู่ของเราจะเป็นอย่างไร ฉันคิดว่าถ้าเราใช้ชีวิตให้ดี ใช้อย่างมีคุณค่า มีความหมาย มีความสุขกับสิ่งที่เป็นหรือทำอยู่ เราคงไม่ต้องเอาชีวิตเราไปเปรียบกับใคร เราอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยความสุขจากคนอื่นหรือสิ่งอื่นเลย แล้วก็ไม่ต้องลุ้นด้วยว่าความสุขที่เกิดจากการยึดถือคนอื่นหรือสิ่งอื่นจะแปรเปลี่ยนไป หรือจากเราไปในวันหนึ่งหรือเปล่า เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ เราก็สามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเองในทุก ๆ วัน

วันแห่งความรักมาเยือน ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้เตือนตัวเองว่า ตัวเราก็ต้องการความรักจากตัวเราเองเหมือนกัน ที่ผ่านมาเรามองออกนอกตัวไปเยอะแล้ว ถึงเวลาที่เราจะหันกลับมามองและดูแลตัวเราเองบ้าง แล้วทุกวันที่เรารักตัวเองก็จะเป็นวันแห่งความรักสำหรับเราทุกวัน

สุขสันต์วันแห่งความรักแด่เพื่อนผู้อ่านที่รักทุกท่านนะคะ. ♥♥




"ซาระซัง"
สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.


กำลังโหลดความคิดเห็น