คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"
สมัยก่อนตอนที่ฉันเพิ่งแต่งงานและย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นนั้น ที่อะพาร์ตเมนต์ของฉันมี “คันรินิง” (管理人) หรือคนดูแลตึกอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นคุณลุงวัยหกสิบปลาย ๆ ที่ฉันชื่นชมและให้ความนับถืออยู่มาก แม้ตอนนี้ก็ยังจำความไม่ธรรมดาของเขาได้ดีอยู่เลย
อาจเพราะอะพาร์ตเมนต์ของฉันเล็ก และคนที่อยู่อาศัยส่วนมากก็ตัวคนเดียว จึงต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยเห็นใครทักทายกันและกันมากนัก ปกติผู้อยู่อาศัยกับผู้ดูแลเองก็คงไม่ได้มาทำความรู้จักมักจี่กันอยู่แล้ว
เดาว่าสามีฉันเองก็ไม่ได้คุยกับคนดูแลตึกหากไม่จำเป็นเหมือนกัน ตอนฉันย้ายมาอยู่จึงไม่ได้ไปทักทายทำความรู้จักกัน
วันหนึ่งฉันเดินมาเปิดตู้จดหมายซึ่งอยู่หน้าห้องของคนดูแลตึกพอดิบพอดี ตู้จดหมายล็อกไว้ด้วยรหัสแบบหมุนเหมือนตู้นิรภัยบางประเภท ฉันหมุนเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก คาดว่าจะจำรหัสผิด คนดูแลตึกซึ่งไม่คุ้นหน้าฉันมาก่อน เมื่อเห็นฉันจากในห้องกระจกกำลังพยายามจะเปิดตู้จดหมายแต่เปิดไม่ได้ก็คงเกิดความสงสัย เขาจึงเดินมาถามอย่างสุภาพว่าฉันเป็นใคร อาศัยอยู่ที่นี่หรือ?
ฉันจึงแนะนำตัวไปว่าฉันอยู่ห้องหมายเลขนี้ ๆ เพิ่งแต่งงานและย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่ เขาจึงร้องอ๋อเมื่อได้ยินชื่อหมายเลขห้องที่ฉันพูดถึง และบอกว่า “ห้องคุณ...น่ะเอง” ฉันรู้สึกสนเท่ห์มากที่เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าเจ้าของห้องหมายเลขนี้ ๆ ชื่ออะไร เพราะอะพาร์ตเมนต์นั้นน่าจะไม่มีต่ำกว่าห้าสิบห้อง เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตร และพูดคุยด้วยดี จากนั้นก็เดินไปหยิบแฟ้มที่ระบุรหัสไขตู้ไปรษณีย์ออกมาดูและบอกฉันอย่างมีน้ำใจว่ารหัสอย่างนี้นะ ฉันจึงลองใหม่และเปิดได้ ในใจแอบคิดเหมือนกันว่าเขาไม่กลัวว่าฉันอาจแอบอ้างบ้างหรือ จึงบอกรหัสไขตู้จดหมายง่าย ๆ อย่างนี้
จากนั้นเขาก็ยืนคุยและแนะนำเรื่องอะไรต่าง ๆ ที่ฉันควรรู้เกี่ยวกับอะพาร์ตเมนต์นี้อยู่นานทีเดียว ฉันรู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณลุงชาวญี่ปุ่นมีอัธยาศัยดีกับคนที่เพิ่งเคยพบ เพราะติดภาพว่าผู้ชายญี่ปุ่นรุ่นก่อน ๆ น่าจะพูดน้อยและไม่เข้าหาคนอื่น ยิ่งกับคนรุ่นฉันซึ่งถือเป็นเด็ก ยิ่งน่าจะไม่มาข้องแวะด้วยหากไม่จำเป็น เมื่อได้เห็นเขาอธิบายเกี่ยวกับอะพาร์ตเมนต์อย่างกระตือรือร้นแล้วก็บอกได้ว่านอกจากเขาจะตั้งใจทำงานและรู้งานดีแล้ว ยังทำมากกว่าที่จำเป็นด้วย คือไม่ได้สักแต่ว่าทำเฉพาะงานที่ต้องทำ แต่ถ้าทำอะไรได้มากกว่านั้นก็ทำด้วย อาจเพราะฉันให้ความนับถือผู้อาวุโสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นผู้อาวุโสที่สุภาพ มีน้ำใจ และมีความรับผิดชอบในงานอย่างเต็มที่จึงเกิดความนับถือและชอบขึ้นมาทันที
นับจากวันนั้นเมื่อเดินเข้าออกอะพาร์ตเมนต์ทีไร ฉันก็จะเหลือบดูว่าคุณลุงอยู่ไหม และโค้งให้พร้อมกล่าวคำทักทาย คุณลุงทักทายพร้อมโค้งตอบอย่างสุภาพ ฉันเห็นป้ายชื่อของคุณลุงติดไว้ที่หน้าห้องเขียนว่า “羽持” ไม่แน่ใจว่าอ่านอย่างไร ถามสามี สามีก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน วันหนึ่งฉันจึงถามคุณลุงตรง ๆ เขาจึงยิ้มบอกว่า “ฮะโมจิ” ครับ”
ช่วงนั้นฉันยังอยู่ในระหว่างหางาน เวลาส่วนใหญ่จึงอยู่บ้าน เวลาเข้าออกไปทิ้งขยะ ซื้อกับข้าว หรือไปทำธุระก็มักจะได้เจอคุณฮะโมจิอยู่เสมอ เราจึงคุ้นเคยกันมากขึ้น หนึ่งในหน้าที่หนักของคนดูแลตึกคือการทำสะอาดและดูแลความเรียบร้อยในห้องขยะของอะพาร์ตเมนต์ซึ่งเป็นห้องที่ลูกบ้านจะนำขยะของตัวเองมาทิ้ง มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ใส่ใจทิ้งขยะให้ถูกประเภท ทำให้รถขยะไม่ยอมรับไปทิ้ง คนดูแลตึกก็ต้องมาแยก มาจัดการอีกรอบ และทำความสะอาดจนเนี้ยบไม่มีที่ติอยู่เสมอ
วันหนึ่งฉันเอาชั้นวางของทำด้วยโลหะที่ถอดชิ้นส่วนแยกออกมาแล้วไปทิ้ง เจอคุณฮะโมจิพอดี ฉันทำท่าจะเอาไปทิ้งบริเวณ “ขยะเผาไม่ได้” แต่เขาบอกว่ามันต้องทิ้งเป็นประเภท “ขยะชิ้นใหญ่” ต้องแจ้งสำนักงานเขตว่าจะทิ้งวันไหน ๆ และซื้อสติกเกอร์ทิ้งขยะตามประเภทที่เขาระบุไว้จากร้านสะดวกซื้อมาแปะ แล้วค่อยเอาขยะนี้มาทิ้งตามวันเวลาที่กำหนด ฉันไม่เคยทิ้งขยะประเภทนี้มาก่อนและไม่เข้าใจว่าทำไมขยะชิ้นแค่นี้ถึงห้ามทิ้งเป็นประเภทขยะเผาไม่ได้ หลังจากต่อรองอยู่นานคุณฮะโมจิคงเหนื่อยเลยยอม
พออยู่ญี่ปุ่นนานเข้าจึงรู้ว่าประเทศนี้ระบุเรื่องระเบียบชัดเจน และฉันก็ได้พยายามแหกกฎโดยไม่ตั้งใจ คุณฮะโมจิรู้งานดีอยู่แล้วมีหรือจะไม่ทราบว่าขยะชิ้นไหนต้องทิ้งอย่างไร สุดท้ายเขาอาจต้องควักสตางค์จ่ายค่าขยะชิ้นใหญ่ให้ฉันแทนหรือหักเงินส่วนกลางมาจ่ายให้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ มาคิดได้ทีหลังแล้วก็สำนึกผิด และไม่ทำแบบนี้อีก
บางทีฉันก็เห็นคุณฮะโมจิออกมานั่งรับลมอยู่บนเก้าอี้พับนอกอาคาร หันหน้าไปด้านทางเข้าออกตึก อย่างว่านะคะคนรับผิดชอบในหน้าที่ แม้จะพักบ้างแต่ก็ไม่ไปอู้งานเถลไถลที่ไหน แม้จะไม่ได้นั่งที่โต๊ะประจำ ก็ยังเลือกอยู่ในที่ที่คนในตึกจะยังหาเขาพบ และเขาเองก็ยังรับรู้ความเป็นไปในตึกจากการเขาเลือกที่นั่งซึ่งมองเห็นคนเข้าออกได้ด้วย
เมื่อได้มีโอกาสพูดคุยกันสบาย ๆ ฉันก็ได้ทราบว่าเดิมทีคุณฮะโมจิเป็นวิศวกรมาก่อน พอเกษียณแล้วจึงมาทำงานนี้ ฉันจึงเพิ่งได้ทราบว่าผู้สูงอายุที่ทำงานแรงงานลักษณะนี้ ใช่ว่ามาทำเพราะไม่ได้เรียนจบสูงหรือเพราะแต่เดิมก็ทำงานคล้าย ๆ กันมาตลอดอย่างที่เคยเห็นในประเทศอื่น ฉันรู้สึกทึ่งมากที่คนซึ่งเคยทำงานดี ๆ มาก่อนจะยอมมาทำงานแบบที่ต้องก้มหัวนอบน้อมให้คนอื่นในชีวิตบั้นปลาย แถมยังมีความตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่ดูหมิ่นว่าเป็นงานระดับต่ำกว่าที่เคยทำ การที่คุณฮะโมจิให้ความสำคัญกับงานของตัวเองเช่นนี้จึงบ่งบอกได้ว่าเขาเคารพตัวเอง เคารพงานของตัวเอง และเห็นคุณค่าของงานที่ตัวเองทำ จึงยิ่งรู้สึกนับถือคุณฮะโมจิขึ้นไปอีก
บางคราวฉันเดินอยู่ข้างนอกกำลังจะกลับเข้าบ้านก็สวนทางกับคุณฮะโมจิซึ่งเลิกงานตอนบ่ายสามโมง ครั้งแรกที่เห็นฉันจำไม่ได้เพราะเขาไม่ได้อยู่ในชุดแจ็คเก็ตเครื่องแบบสีน้ำตาลที่ฉันคุ้นตา แต่สวมเสื้อโค้ทยาวดูภูมิฐาน บางทีฉันก็ไม่ทันมอง ถ้าเป็นคนอื่นอาจทำมองไม่เห็นไปเลย แต่ถ้าเขาเห็นฉันก่อน ก็จะทักทายพร้อมกับโค้งให้อย่างสุภาพเสมอ
จะว่าไปแล้วฉันก็อดรู้สึกขัดเขินไม่ได้ที่ได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพนอบน้อมขนาดนี้จากคนรุ่นพ่อ แม้โดยหน้าที่ดูแลตึกจะทำให้เขาต้องสุภาพกับลูกบ้านตามหน้าที่เป็นเรื่องปกติ ฉันกลับรู้สึกว่าความสุภาพอ่อนน้อมของคุณฮะโมจิไม่ได้มาจากหัวโขนที่เขาสวมเท่านั้น แต่มาจากความรับผิดชอบในหน้าที่การงานของเขาอย่างเต็มที่ บวกกับความอ่อนโยน ใส่ใจ ปรารถนาดี และให้เกียรติคนอื่นที่น่าจะมีอยู่เป็นทุนเดิม หากเป็นคนที่สุภาพกับคนอื่นเพียงเพราะความจำเป็นในหน้าที่อย่างเดียวโดยมากจะดูแข็ง ๆ ไม่ยิ้ม ไม่สบตาด้วย เลี่ยงที่จะไม่คุย ทำมองไม่เห็น สนทนาด้วยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับงานเท่านั้น ซึ่งคนลักษณะนี้จะพบเจอได้บ่อยกว่า
วันที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจังหวัดมิยางิ ฉันเดินกลับมาถึงบ้านตอนหัวค่ำ สวนทางกับคุณฮะโมจิที่กำลังจะกลับบ้าน ฉันถามว่ามันเลยเวลากลับบ้านเขานานแล้วไม่ใช่หรือ เขาตอบว่าตอนเกิดแผ่นดินไหว แก๊สจะดับอัตโนมัติทั้งตึก พอเหตุการณ์สงบลงเขาจึงได้ติดต่อจัดการให้สามารถใช้แก๊สได้แล้วถึงเพิ่งได้กลับบ้าน แล้วบอกให้ฉันเดินขึ้นบันไดเอาเพราะว่าลิฟต์ใช้งานไม่ได้ นับว่าเขารับผิดชอบหน้าที่และยอมเหนื่อยกว่าเดิมเพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้าน ไม่ใช่ว่าถึงเวลากลับบ้านก็รีบชิ่งทันที ปล่อยให้ลูกบ้านต้องดูแลตัวเองตามยถากรรม
ฉันไม่เคยเห็นคุณฮะโมจิไม่เต็มที่กับงานของตัวเอง ถึงจะเป็นผู้สูงอายุแล้ว เขาก็ยังมีความกระฉับกระเฉง กระตือรือร้น ไม่เกียจคร้าน มีน้ำใจ และอัธยาศัยดีอยู่เป็นนิจ แม้สามีของฉันจะไม่ค่อยได้คุยกับคุณฮะโมจิก็ยังแอบชื่นชมเขาเช่นกัน ก่อนจะย้ายบ้านไป ฉันก็ไปลาคุณฮะโมจิ บอกว่าเราชื่นชมและรู้สึกขอบคุณเขามากขนาดไหน รู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้เจอเขาอีก
แม้ที่ผ่านมาฉันจะได้พบเจอคนที่มีตำแหน่งฐานะทางสังคมหรือทางหน้าที่การงานสูงอยู่บ่อยครั้ง แต่คนที่ทำให้ฉันรู้สึกเคารพนับถือจากใจจริงขนาดนี้กลับเป็นคนที่ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเลิศเลอ คุณฮะโมจิไม่ใช่คนอย่างที่จะได้พบเจอบ่อยนักในชีวิต แต่เขากลับเป็นคนที่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ แม้เวลานี้จะผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว ฉันก็ยังระลึกถึงคุณฮะโมจิด้วยความนับถือชื่นชม และเอาเขามาเป็นแรงบันดาลใจในด้านดีอยู่เสมอ
ถ้าเราเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำอยู่ ตั้งใจทำอย่างเต็มที่เต็มความสามารถ ต่อให้ไม่มีใครมานั่งชื่นชม สิ่งที่เราทำก็ยังเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในตัวของมันเองอยู่ดี เหมือนคุณฮะโมจิกับใจที่มีต่องานของเขานั่นเอง
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.
"ซาระซัง" สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.