บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี
ว่าแล้วมิโนอุระนายตำรวจสืบสวนก็ฉีกกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากสมุดบันทึกประจำตัวขอยืมปากกาจากซุงิโมโตะมาคัดลอกตารางรหัสปริศนาอย่างครบถ้วนด้วยลายมือเป็นระเบียบ เสร็จแล้วหยิบนามบัตรจากซองใส่นามบัตรในกระเป๋าส่งให้ซุงิโมโตะพร้อมกับกระดาษแผ่นนั้น
“นามบัตรแผ่นนี้ผมเขียนหมายเลขติดต่อภายในกำกับไว้ที่หมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานตำรวจโตเกียว ถ้ามีอะไรช่วยโทรแจ้งผมด้วย เรื่องที่อยากขอร้องก็มีเพียงเท่านี้ ความจริงผมมีเรื่องอยากถามคุณอย่างหนึ่ง”
นายตำรวจขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งทำหน้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาจะถามเป็นการรบกวนหรือไม่
“ก็เรื่องตารางรหัสแปลก ๆ ในสมุดไดอารี่ของคุณฮิเมดะนั่นแหละครับ คือถ้าวันเดือนพวกนั้นเป็นที่วันที่คุณ ฮิเมดะนัดพบกับแฟน ประเด็นแรกคือการนัดเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภา และพอนับจำนวนครั้งของทุกเดือนก็พบว่า เดือนมิถุนามี 3 ครั้ง เดือนกรกฎา 5 ครั้ง เดือนสิงหาและกันยาเดือนละ 3 ครั้ง เดือนตุลาลดลงเหลือครั้งเดียว เดือนที่นัดพบบ่อยที่สุดคือเดือนกรกฎา นับจากวันที่ 13 กันยาถึง 10 ตุลาเป็นเวลานานเกือบหนึ่งเดือนแต่นัดพบแค่ครั้งเดียว และถ้านับไปถึงวันที่ 3 พฤศจิกาที่คุณฮิเมดะเสียชีวิต จะเห็นว่าเป็นช่วงที่ว่างเว้นการนัดพอดู จำนวนครั้งการนัดพบน่าจะแสดงให้เห็นถึงระดับของความรัก...คุณว่าไหม ถ้าตารางเวลานี้เป็นบันทึกวันเวลานัดพบจริง ผมคิดว่าเพื่อนสนิทอย่างคุณน่าจะสังเกตเห็นอะไรบ้างจากสีหน้าหรือว่าคำพูด”
พอพูดมาถึงตรงนี้นายตำรวจก็หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบช้า ๆ
“จะว่าไป มันก็มีอยู่บ้างครับ”
ขณะพยายามรื้อฟื้นความจำ ซุงิโมโตะอดทึ่งไม่ได้เพราะไม่นึกว่าตารางเวลาง่าย ๆ เช่นนี้จะทำให้คนคิดออกไปได้แง่หลายมุมอย่างนี้
“ผมสังเกตเห็นฮิเมดะมีท่าทีลุลี้ลุกลนไม่ค่อยจะสงบมาตั้งแต่ราวต้นเดือนพฤษภาซึ่งตรงกับตารางเวลานี้ และระหว่างหลายเดือนนั้นมีช่วงที่ดูเหมือนเขาจะหมกมุ่นอยู่กับอะไรสักอย่าง บางครั้งก็เหม่อลอย ผมก็คิดเหมือนกันว่าคงจะตกหลุมรักใครสักคนเข้าแล้ว เคยหลอกล่อให้เขาเผยความในใจหลายครั้งเหมือนกัน แต่ฮิเมดะปิดปากแน่น แสดงให้เห็นว่าคงจะรักจริง ตารางนี้ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าตอนปลายเดือนกันยา ฮิเมดะหงุดหงิดง่ายและเห็นเขานั่งเหม่อมองไปในอากาศอย่างไร้จุดหมายหลายครั้ง สีหน้าอย่างนั้นเป็นสีหน้าของคนสิ้นหวัง ผมเลยเดาเอาว่าความรักคงจะไม่ราบรื่น ความจริงผมก็พยายามปลอบนะครับ แต่ฮิเมดะไม่สนใจได้แต่อมทุกข์อยู่คนเดียว”
พอพูดมาถึงตรงนี้ซุงิโมโตะก็ชะงัก
“อย่างนี้นี่เอง คุณตำรวจคิดว่าตารางนี้เกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมจึงได้ซักผมเสียใหญ่ คุณคิดตั้งแต่ต้นแล้วใช่ไหมว่าการตายอย่างเป็นปริศนาของฮิเมดะมีความรักเป็นแรงจูงใจ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเป็นรักสามเส้า คู่รักคนใหม่ของเจ้าหล่อนกำจัดฮิเมดะให้พ้นทางอย่างนั้นหรือครับ แต่ผมว่ามันแปลก ๆ ที่คนอกหักกลับเป็นคนถูกฆ่า หรือว่าจะเกิดเหตุอะรสักอย่างที่ทำให้กลับตาละปัด คือคนที่ตั้งใจฆ่ากลับถูกฆ่าเสียเอง ไม่เข้าใจครับ...อย่างนี้คิดว่าฆ่าตัวตายเพราะอกหักน่าจะสมจริงมากกว่า คดีนี้คุณตำรวจคิดว่าเป็นคดีฆาตกรรมจริง ๆ หรือครับ
มิโนอุระ นายตำรวจผู้คร่ำหวอดกับคดีมานานมองท่าทีอันสับสนของซุงิโมโตะและพยักหน้ายืนยันด้วยความมั่นใจ เขาเริ่มเตรียมตัวกลับพร้อมสรุปว่า
“ความคิดของผมเอนเอียงไปทางฆาตกรรม แต่ยังไม่รู้ว่าอะไรคือแรงจูงใจให้ฆ่า ไม่รู้แม้แต่นิดเดียวด้วยว่าฆาตกรเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายทางด้านไหน จากนี้ไปก็จะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้ฆาตกรทีละก้าวครับ คุณคงไม่รู้หรอกว่างานนักสืบเป็นงานที่สนุกจริง ๆ เมื่อเกิดอาชญากรรมขึ้นก็ต้องมีอาชญากรแน่นอน นักสืบจะจะค่อย ๆ ตะล่อมให้วงที่แวดล้อมอาชญากรอยู่แคบเข้าไปทีละก้าว ถ้าเร่งรีบจะพลาดได้ ใช้สัญชาติญาณไม่ได้นะครับ ต้องพยายามบีบวงล้อมตัวอาชญากรเข้าไปอย่าให้วงนั้นขาดช่วงไปไม่ได้แม้แต่กระเบียดนิ้ว เพราะอาชญากรจะรอดหนีไปได้

ผมสันนิษฐานว่าอักษรย่อภาษาอังกฤษคือชื่อที่พักแรมหรือโฮเต็ลและจะเริ่มสืบเป็นนักสืบย่ำต๊อกไปเรื่อย ๆ ถ้าเป็นนักสืบอัจฉริยะก็คงจะใช้สติปัญญาจับจุดอ่อนของอาชญากรในจินตนาการกันไป แต่นักสืบย่ำต๊อกก็ต้องเดินสืบกันไป ถ้าพบว่าทางนี้ไม่ได้เรื่องก็เดินไปทางอื่น ถึงจะเป็นเขาวงกฏแต่ถ้าเดินมันให้ทะลุปรุโปร่งทุกทาง ยังไง ๆ ก็ต้องไปถึงพระวิหารที่อยู่ลึกสุดอยู่ดี ผมสนุกกับการสืบแบบนี้ เหมือนเวลาเล่นซ่อนหาแล้วเราเป็นตัวปีศาจ เราก็จะหาตามที่สงสัยว่ามีเหยื่อซ่อนอยู่มันทุกที่ไป ตรงนี้ไม่มีก็ไปตรงนั้น สนุกและก็ระทึกใจมาก ที่พักแรมและโฮเต็ลที่มีชื่อต้นตามที่ระบุไว้ตารางอาจมีเป็นสิบ ๆ แห่ง แต่ผมก็จะหาให้ได้ การทำงานมานานปีทำให้ผมมีวิธีสะดวก ไม่ยากอย่างที่คิดหรอกครับ
ผมขอรบกวนคุณเท่านี้และครับและวันหลังอาจมาขอฟังความคิดดี ๆ จากคุณอีก ช่วงนี้ช่วยเช็กให้หน่อยว่า ฮิเมดะอยู่ที่บริษัทในวันเวลาตามตารางนั้นหรือเปล่า ถ้าไม่อยู่เขาไปไหน ผมจะตั้งใจคอยโทรศัพท์จากคุณด้วยความหวังว่าจะได้ข่าวดี ๆ ถ้าโทรไปแล้วผมไม่อยู่ช่วยทิ้งชื่อไว้ที่โอเปอเรเตอร์นะครับ ผมจะเป็นคนโทรหาคุณทีหลัง”
มิโนอุระพูดพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง ซุงิโมโตะเห็นว่าเลยเวลาอาหารเย็นแล้วจึงชวนอยู่ทานข้าวด้วยกัน บอกว่าจะสั่งอาหารจากร้าน แต่นายตำรวจสืบสวนปฏิเสธแข็งขันก่อนลาจากไป
ผู้ต้องสงสัย
บ้านพักควบสำนักงานของอาเกจิ โคโงโร นักสืบเอกชนเลืองนามอยู่ในอาคารแฟล็ตสองชั้นสร้างแบบตึกฝรั่งแท้ ๆ ชื่อ “โคจิมาจิ อพาร์ทเม้นท์” ตั้งอยู่ที่ตำบลอุเนเมะ เขตจิโยดะ ของกรุงโตเกียว ตอนนี้นักสืบเอกอาศัยอยู่กับเจ้าหนุ่มโคบายาชิ ผู้ช่วยของเขาเพียงสองคน ส่วนมาดามอาเกจิอยู่ระหว่างการพักฟื้นที่โรงพยาบาล ทั้งสองรับประทานอาหารที่ภัตตาคารในตึกเดียวกัน โดยเจ้าหนุ่มโคบายาชิทำหน้าที่ชงกาแฟและทำงานเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ
นักสืบอาเกจิอายุห้าสิบแต่รูปทรงยังสง่างามสมาร์ทอยู่ดังเดิมห่างไกลจากความอ้วนแบบคนวัยกลางคน ใบหน้ายังคงความคมคายมีเสน่ห์บาดใจสาวไม่เสื่อมคลาย แม้พิศใกล้ ๆ ในที่สว่างจะเห็นรอยย่นบาง ๆ มีตกกระเล็กน้อยตามไรผมที่ขมับและข้างแก้ม แต่นั่นกลายเป็นเครื่องประดับใบหน้าให้ดูภาคภูมิสง่างามสมกับที่ได้ชื่อว่านักสืบอัจฉริยะ
วันหนึ่งช่วงต้นเดือนธันวาคม รองสารวัตรมิโนอุระ แห่งแผนกสืบสวนสอบสวนที่ 1 สำนักงานตำรวจกรุงโตเกียว มาหานักสืบเอกที่สำนักงาน และนั่งลงสนทนากันในห้องรับแขกอันกว้างขวาง
“ผมพิจารณาตารางรหัสปริศนาในสมุดไดอารี่ของของนายฮิเมดะแล้ว สันนิษฐานว่ารหัสปริศนาตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภา ถึง 10 ตุลารวม 18 ตัวนั้น เป็นวันเวลาที่นายฮิเมดะไปพบกับใครที่โฮเต็ลหรือร้านกาแฟที่ไหน และก็ได้พยายามไปสืบดูเท่าที่จะทำได้”
นายตำรวจนักสืบรายงานผลการสืบสวนทั้งหมดโดยไม่มีปิดบังให้นักสืบเอกฟัง ด้วยท่วงทำนองคล้ายกำลังรายงานผู้บังคับบัญชา
“นี่มันเดือนกว่าแล้วนะหลังจากที่คุณมาพบผมครั้งนั้น คงจะเก็บข้อมูลได้มากพอดู ผมว่าทั้งสำนักงานตำรวจโตเกียวไม่มีใครทำงานได้เท่าคุณ”
นักสืบอาเกจิชมด้วยใจจริง เขาคุ้นเคยกันดีกับยาซุอิ หัวหน้าแผนกสืบสวนสอบสวนที่ 1 และรู้จักกับมิโนอุระนายตำรวจสืบสวนคนนี้มานานหลายปี มีความใกล้ชิดกันเหมือนเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของนักสืบอาเกจิและหัวหน้สแผนกก็เห็นชอบด้วยกับการมีสัมพันธภาพกันเช่นนี้
นักสืบอาเกจิในชุดสูทสีดำสนิทที่เขาชอบใส่มาตั้งแต่หนุ่ม ๆ ตัดเข้ากับรูปทรงด้วยฝีมือการตัดเย็บแบบอังกฤษที่ประณีตบรรจงไปทุกส่วน นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมมีเท้าแขน ขายาวไขว่ห้างกันอยู่ในท่าเก๋ตามแบบฉบับของอาเกจิ โคโงโร นักสืบอัจฉริยะ อาเกจิยังไม่ใส่แว่นตาผมยังยุ่งเหยิงเหมือนเดิมแต่เริ่มมีผมขาวแซม ผมยุ่งเหยิงแซมสีดอกเลาเป็นอะไรที่ดูมีรสนิยมชวนมอง
มิโนอุระ นายตำรวจสืบสวนวัยเลยสี่สิบ ไม่ได้แสดงสีหน้าว่าดีใจหรือรู้สึกรู้สมกับคำชมของนักสืบเอก เขาหยิบวมุดบันทึกประจำตัวออกมาจากกระเป๋า เปิดหน้าที่จดรหัสปริศนาเอาไว้แล้วเริ่มรายงานเป็นช่องเป็นฉากตามลำดับ นายตำรวจผู้นี้ถึงจะอายุน้อยกว่านักสืบอาเกจิแต่มีความเป็นผู้ใหญ่และเคร่งขรึมกว่ามาก
“ผมค้นหาโฮเต็ล ที่พักแรม ภัตตาคาร ร้านกาแฟ และก็อะไรประเภทนี้ จากบัญชีรายชื่อ ที่มีชื่อต้นตามที่ปรากฏในตารางรหัสปริศนา อย่างเช่น K O M และอีกหลายตัว แล้วจดชื่อเอาไว้ ปรากฏว่ามีเยอะมากรวมทั้งหมดราวพันแห่งเห็นจะได้ จากนั้นผมก็ลบสถานที่ที่ไม่เหมาะกับการนัดพบของคู่รักออกไป เสร็จแล้วแยกไปออกตามเขตสถานีตำรวจต้นสังกัด ผมขอให้คนรู้จักกันในแต่ละสถานีช่วยสืบว่ามีคนที่มีลักษณะเหมือนนายฮิเมดะมาใช้บริการในวันเวลาในสมุดไดอารี่บ้างหรือไม่ ที่ไหนมีโทรศัพท์ก็ให้โทรไปถาม ที่ไหนไม่มีก็ออกไปสอบถามโดยตรง
เนื่องจากเงื่อนไขของเราอยู่ที่ผู้ชายที่ดูเหมือนนายฮิเมดะผนวกกับวันเวลาที่ไปปรากฏตัว ดังนั้นจำนวนสถานที่ที่น่าสงสัยว่าจะใช่จึงลดลงฮวบฮาบเลยทีเดียว ขนาดที่ผมยังไม่ได้ลงมือสืบเองยังสามารถตีวงแคบเข้ามาได้แค่ร้อยแห่งเอง จากนี้ไปผมจะออกไปสืบทีละร้าน
ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ถึง 25 สิงหาคมรวม 6 ครั้ง ดูเหมือนจะไกลออกไปจากตัวเมือง ผมเลยตัดออกไปก่อน และสืบเฉพาะ 12 ครั้งที่เหลือ ผลสุดท้ายมี 5 แห่งที่น่าใช่ ในจำนวน 12 ครั้ง มีหลายครั้งที่ใช้อักษรย่อเดียวกัน อย่าง K ซ้ำกันถึง 5 ครั้ง และพอสืบดูก็รู้ว่าสถานที่ที่ผู้ชายซึ่งน่าจะเป็นนายฮิเมดะเข้าออก 2 ครั้งคือ โรงเตี๊ยมราคาถูกชื่อ “คิโยมิซุ” ที่ตำบลฮาสึเนะในย่านยานาคะ 2 ครั้งที่ “คิง” โรงแรมราคาถูกสำหรับคนต่างชาติที่ดูประหลาดในตำบลอิไม เขตมินาโต แต่อีก 1 ครั้งยังยืนยันไม่ได้ ผมคิดว่าคงจะใช้เป็นข้อมูลในการสืบสวนต่อไปได้ครับ
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือสถานที่ทั้ง 5 แห่งนี้ทุกแห่งเป็นที่พักราคาถูก เก่าและสกปรกอยู่ในย่านที่ลับตาคน ไม่เหมาะกับผู้ชายท่าทางสำรวยและทันสมัยอย่างนายฮิเมดะแม้แต่น้อย ลักษณะพิเศษที่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญคือชายผู้นี้เลือกใช้แต่โรงเตี๊ยมที่เก่าแก่โกโรโกโส สกปรกซอมซ่อที่ถูกทิ้งอยู่ลับตาคนเท่านั้นครับ
ผมเอาภาพถ่ายของฮิเมดะ ปะปนกับรูปผู้ชายวัยพอ ๆ กันหลายใบไปให้พวกสาวใช้และทนายหน้าหอของโรงเตี๊ยมพวกนั้นดู แล้วให้เลือกคนที่พวกเขาจำได้ว่ามาที่นั่นในวันและเวลานั้น ๆ จากภาพถ่ายที่ปนเปกัน ปรากฏว่าทุกคนเลือกภาพถ่ายของนายฮิเมดะจึงแน่ใจว่าต้องใช่เขาแน่ ตอนนี้เรารู้แล้วว่านายฮิเมดะไปที่โรงเตี๊ยม 5 แห่ง รวม 8 ครั้ง
และทั้ง 8 ครั้งเขาไปกับผู้หญิง ขอใช้ห้องที่เงียบสงบแล้วอยู่กันสองต่อสองราวหนึ่งหรือสองชั่วโมงแล้วก็พากันกลับ และทุกครั้งขอให้ปูที่นอนด้วยแม้จะเป็นเวลากลางวันก็ให้ปู”
“คุณเล่าเรื่องได้สนุกดี มีประเด็นน่าสงสัยชวนให้ติดตาม แล้วผู้หญิงที่ไปด้วยล่ะคือใคร”
นักสืบอาเกจิลดขาที่ไขว่ห้างลง หยิบบุหรี่บนโต๊ะขึ้นมาถือไว้แล้วยิ้มแบบหว่านเสน่ห์ แต่แฝงนัยแบบรู้ทันยังไงชอบกลอย่างที่ครั้งหนึ่งโชจิ ทาเคฮิโกะเคยบอกกับนายโองาวาระ
“ยังไม่ได้เรื่องเลยครับ ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร ผมสืบหาผู้หญิงสาว ๆ ที่นายฮิเมดะคบหาอยู่ได้แล้วเป็นส่วนใหญ่ และพยายามคิดโยงให้เข้ากับสถานการณ์ แต่ก็ไม่ใครที่เข้าข่ายเลยสักคนเดียว ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงที่นายฮิเมดะพาไปทั้ง 8 ครั้งนั้นเป็นผู้หญิงคนเดียวกันหรือเปล่า ดูเหมือนว่ารูปโฉมของผู้หญิงจะต่างกันทุกครั้ง ที่แต่งชุดฝรั่งแบบผู้หญิงทำงานก็มี แต่ส่วนใหญ่ใส่กิโมโนแบบเรียบ ๆ ท่าทางเหมือนพวกแม่ม่ายที่ไม่ค่อยมีอันจะกินเท่าไร เครื่องแต่งกาย ทรงผม และลักษณะเด่นบนใบหน้า ดูเหมือนจะต่างกันทุกครั้งครับ
ซุงิโมโตะเพื่อนสนิทของนายฮิเมดะบอกว่าเพื่อนของเขาไม่ใช่ดอนฮวน นายคนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของนาย ฮิเมดะที่บริษัท ปลายเดือนก่อนผมเคยไปหาและก็ขอให้ช่วยตรวจสอบว่านายฮิเมดะออกไปนอกบริษัทในวันเวลาที่เป็นปัญหาตามตารางนั้นหรือเปล่า ซึ่งก็ได้รับคำตอบมาเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็เลยทราบว่าช่วงตั้งแต่เดือนกรกฎากับสิงหามีที่ตรงกับวันอาทิตย์อยู่ถึง 6 ครั้ง ก็เลยตัดออกไป ในจำนวน 12 ครั้งที่เหลืออยู่ มี 3 ครั้งที่ไม่รู้ชัดเจน แต่อีก 9 ครั้ง นายฮิเมดะออกไปจากบริษัทเร็วกว่าเวลาในตารางและและกลับเข้าบริษัทช้ากว่าเวลาในตารางกว่าสองชั่วโมงหรือไม่ก็กลับบ้านไปเลย ซุงิโมโตะที่ช่วยเช็กให้คนนี้บอกด้วยความมั่นใจว่าถ้านายฮิเมดะจะมีคนรักก็ต้องมีคนเดียว เพราะไม่ใช่ผู้ชายหลายใจที่จะมีผู้หญิงทีเดียวหลายคน”
“ผู้หญิงปริศนาชัด ๆ นี่ถ้ามีเพียงคนเดียวจริงเจ้าหล่อนก็อาจปลอมตัวมาทุกครั้งที่นัดกันก็ได้ คงจะเป็นการนัดพบที่อิหลักอิเหลื่อน่าดู อย่างนี้เราต้องลองคิดถึงผู้หญิงสักคนที่อยู่ในฐานะที่ต้องอำพรางตัวเองอย่างนั้น คุณไม่มีเบาะแสอะไรเลยรึ”
นักสืบอาเกจิถามพร้อมชายตามองคู่สนทนาอย่างมีความหมาย
“ก็นี่แหละครับ ที่ทำให้ผมจนแต้มอยู่อย่างนี้”
นายตำรวจสืบสวนตอบแต่สีหน้าไม่ได้แสดงความยุ่งยากใจอย่างที่พูด
“คุณสืบได้ละเอียดละอออย่างไม่มีที่ติสมกับเป็นนักสืบชั้นหนึ่ง แต่ขาดพลังจินตนาการอย่างสิ้นเชิง”
“ครับ ผมห้ามตนเองเด็ดขาดไม่ให้ใช้จินตนาการและสัญชาติญาณ ถ้าเราจับคนร้ายด้วยจินตนาการแล้วเกิดผิดตัวขึ้นมา เรื่องมันก็จะอ้อมค้อมเลยเถิดไปกันใหญ่ ถึงจะมองว่าวิธีของผมอืดอาดไม่ทันใจ แต่ผมคิดว่าการสืบหาข้อเท็จจริงโดยค่อย ๆ ตีวงแคบเข้ามาด้วยความแน่ใจจนถึงตัวคนร้าย ในที่สุดนั่นจะเป็นทางลัดที่สุดครับ”
“นั่นเป็นความคิดที่ดี แต่ความเป็นคนเรียลลิสติกมันก็ต้องมีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน การสืบสวนโดยห้ามไม่ให้มีจินตนาการเลยนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จุดเริ่มต้นของการสืบสวนข้อเท็จจริงทุกครั้งอยู่ที่การจินตนาการ ดูจากรหัสปริศนาในสมุดไดอารี่ของนายฮิเมดะเป็นตัวอย่าง ที่คุณคิดว่า K กับ O พวกนั้นเป็นตัวอักษรนำหน้าชื่อโรงแรมที่พักนั่นคือจินตนาการไม่ใช่รึ แล้วคุณมาบอกว่าไม่สามารถจินตนาการได้ว่าคู่นัดของนายฮิเมดะเป็นใครอย่างนั้นรึ”
“ครับ”
มิโนอุระตอบหน้าตาเฉย บางครั้งนายตำรวจผู้นี้ก็แสดงความดื้อดึงออกมาเหมือนกัน นักสืบอาเกจิหัวเราะชอบใจ
“คุณนี่ก็ดื้อเป็นเหมือนกัน คราวนี้มาฟังความคิดของผมดูบ้าง คุณมาหาผมก็เพื่อจะมาฟังใช่ไหมล่ะ ตอนที่ผมได้รับตารางรหัสปริศนาจากคุณผมรู้สึกทันทีเลยว่า มันต้องเป็นการนัดพบลับที่สุด ลักษณะเด่นคือมีหลายกรณีที่เป็นช่วงกลางวัน ทำให้คิดเชื่อมโยงไปได้ว่าลอบไปพบตอนที่สามีไม่อยู่บ้าน และเท่าที่ผมรู้ คนที่มีลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณนายของนายโองาวาระ แน่นอนว่าผมไม่อาจฟันธงลงไปแต่คิดว่าน่าจะลองสืบด้านนี้ดูน่าจะดี ตอนที่โชจิ ทาเคฮิโกะเลขาส่วนตัวของนายโองาวาระมาหาผมเมื่อวันก่อน ผมก็เลยให้เขาคัดลอกตารางรหัสปริศนาไป แล้วบอกให้ช่วยเช็กว่าคุณนายของนายโองาวาระอยู่บ้ายในวันเวลาตามตารางหรือเปล่า
โชจิใช้เวลาสืบเท่าที่สืบได้อยู่ราวหนึ่งสัปดาห์ นายโองาวาระนั้นไม่มีปัญหาเพราะเด็กเฝ้าประตูบ้านบันทึกการออกจากบ้านและกลับเข้าบ้านของเขาไว้ในสมุดไดอารี่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อนำเอาบันทึกของเด็กมาเทียบกับตารางก็พบว่าวันเวลาในตารางตรงกับวันเวลาที่นายโองาวาระไม่อยู่บ้านทุกครั้ง ส่วนใหญ่นาย โองาวาระจะออกจากบ้านเร็วกว่าเวลาในตารางมากและกลับเข้าบ้านดึกดื่น เพราะต้องออกไปทำธุระในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่บริหาร เช่น ไปประชุมคณะบริหารของบริษัทนั้นบริษัทนี้ที่เกี่ยวข้อง ได้รับเชิญไปงานของใครสักคน
สำหรับคุณนายโองาวาระนั้นไม่มีใครจดบันทึกเช่นนั้นเอาไว้จึงไม่รู้ชัดว่าออกไปไหนเวลาใด คนที่รู้ดีที่สุดน่าจะเป็นสาวใช้ประจำตัวคุณนาย แต่เพราะเป็นเรื่องที่เกิดนานมาแล้วนางจึงจำได้เพียงเลา ๆ ว่าน่าจะเป็นวันนั้นวันนี้ แต่ส่วนใหญ่พอนายโองาวาระออกจากบ้านคุณนายจะออกไปเหมือนกัน เวลาที่สามีไม่อยู่คุณนายจะไปซื้อของแถวกินซ่าและย่านอื่น ๆ เธอเป็นคนตามติดแฟชั่น เป็นพวกที่จะชอบไปตามร้านมีชื่อ พูดคุยสนิมสนมกับมาดามเจ้าของร้านและผู้จัดการ
เธอไปดูละครและฟังดนตรีกับกลุ่มคุณนายที่สนิทกันเดือนละหลายครั้ง เธอเป็นเพื่อนกับยาโนเมะ ฮามาโกะ เจ้าของร้านเสริมสวยยาโนเมะที่อาคาซากะมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน และไปที่ร้านนั้นบ่อย ๆ วันเวลาในตารางนี้จะตรงกับวันใดวันหนึ่งที่คุณนายออกจากบ้าน และเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าเราไม่มีข้อมูลที่จะมาเป็นหลักฐานให้ปฏิเสธว่า ผู้หญิงที่มากับนายฮิเมดะไม่ใช่คุณนายโองาวาระ จริงไหม”
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี
ว่าแล้วมิโนอุระนายตำรวจสืบสวนก็ฉีกกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากสมุดบันทึกประจำตัวขอยืมปากกาจากซุงิโมโตะมาคัดลอกตารางรหัสปริศนาอย่างครบถ้วนด้วยลายมือเป็นระเบียบ เสร็จแล้วหยิบนามบัตรจากซองใส่นามบัตรในกระเป๋าส่งให้ซุงิโมโตะพร้อมกับกระดาษแผ่นนั้น
“นามบัตรแผ่นนี้ผมเขียนหมายเลขติดต่อภายในกำกับไว้ที่หมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงานตำรวจโตเกียว ถ้ามีอะไรช่วยโทรแจ้งผมด้วย เรื่องที่อยากขอร้องก็มีเพียงเท่านี้ ความจริงผมมีเรื่องอยากถามคุณอย่างหนึ่ง”
นายตำรวจขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งทำหน้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาจะถามเป็นการรบกวนหรือไม่
“ก็เรื่องตารางรหัสแปลก ๆ ในสมุดไดอารี่ของคุณฮิเมดะนั่นแหละครับ คือถ้าวันเดือนพวกนั้นเป็นที่วันที่คุณ ฮิเมดะนัดพบกับแฟน ประเด็นแรกคือการนัดเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภา และพอนับจำนวนครั้งของทุกเดือนก็พบว่า เดือนมิถุนามี 3 ครั้ง เดือนกรกฎา 5 ครั้ง เดือนสิงหาและกันยาเดือนละ 3 ครั้ง เดือนตุลาลดลงเหลือครั้งเดียว เดือนที่นัดพบบ่อยที่สุดคือเดือนกรกฎา นับจากวันที่ 13 กันยาถึง 10 ตุลาเป็นเวลานานเกือบหนึ่งเดือนแต่นัดพบแค่ครั้งเดียว และถ้านับไปถึงวันที่ 3 พฤศจิกาที่คุณฮิเมดะเสียชีวิต จะเห็นว่าเป็นช่วงที่ว่างเว้นการนัดพอดู จำนวนครั้งการนัดพบน่าจะแสดงให้เห็นถึงระดับของความรัก...คุณว่าไหม ถ้าตารางเวลานี้เป็นบันทึกวันเวลานัดพบจริง ผมคิดว่าเพื่อนสนิทอย่างคุณน่าจะสังเกตเห็นอะไรบ้างจากสีหน้าหรือว่าคำพูด”
พอพูดมาถึงตรงนี้นายตำรวจก็หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบช้า ๆ
“จะว่าไป มันก็มีอยู่บ้างครับ”
ขณะพยายามรื้อฟื้นความจำ ซุงิโมโตะอดทึ่งไม่ได้เพราะไม่นึกว่าตารางเวลาง่าย ๆ เช่นนี้จะทำให้คนคิดออกไปได้แง่หลายมุมอย่างนี้
“ผมสังเกตเห็นฮิเมดะมีท่าทีลุลี้ลุกลนไม่ค่อยจะสงบมาตั้งแต่ราวต้นเดือนพฤษภาซึ่งตรงกับตารางเวลานี้ และระหว่างหลายเดือนนั้นมีช่วงที่ดูเหมือนเขาจะหมกมุ่นอยู่กับอะไรสักอย่าง บางครั้งก็เหม่อลอย ผมก็คิดเหมือนกันว่าคงจะตกหลุมรักใครสักคนเข้าแล้ว เคยหลอกล่อให้เขาเผยความในใจหลายครั้งเหมือนกัน แต่ฮิเมดะปิดปากแน่น แสดงให้เห็นว่าคงจะรักจริง ตารางนี้ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าตอนปลายเดือนกันยา ฮิเมดะหงุดหงิดง่ายและเห็นเขานั่งเหม่อมองไปในอากาศอย่างไร้จุดหมายหลายครั้ง สีหน้าอย่างนั้นเป็นสีหน้าของคนสิ้นหวัง ผมเลยเดาเอาว่าความรักคงจะไม่ราบรื่น ความจริงผมก็พยายามปลอบนะครับ แต่ฮิเมดะไม่สนใจได้แต่อมทุกข์อยู่คนเดียว”
พอพูดมาถึงตรงนี้ซุงิโมโตะก็ชะงัก
“อย่างนี้นี่เอง คุณตำรวจคิดว่าตารางนี้เกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมจึงได้ซักผมเสียใหญ่ คุณคิดตั้งแต่ต้นแล้วใช่ไหมว่าการตายอย่างเป็นปริศนาของฮิเมดะมีความรักเป็นแรงจูงใจ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเป็นรักสามเส้า คู่รักคนใหม่ของเจ้าหล่อนกำจัดฮิเมดะให้พ้นทางอย่างนั้นหรือครับ แต่ผมว่ามันแปลก ๆ ที่คนอกหักกลับเป็นคนถูกฆ่า หรือว่าจะเกิดเหตุอะรสักอย่างที่ทำให้กลับตาละปัด คือคนที่ตั้งใจฆ่ากลับถูกฆ่าเสียเอง ไม่เข้าใจครับ...อย่างนี้คิดว่าฆ่าตัวตายเพราะอกหักน่าจะสมจริงมากกว่า คดีนี้คุณตำรวจคิดว่าเป็นคดีฆาตกรรมจริง ๆ หรือครับ
มิโนอุระ นายตำรวจผู้คร่ำหวอดกับคดีมานานมองท่าทีอันสับสนของซุงิโมโตะและพยักหน้ายืนยันด้วยความมั่นใจ เขาเริ่มเตรียมตัวกลับพร้อมสรุปว่า
“ความคิดของผมเอนเอียงไปทางฆาตกรรม แต่ยังไม่รู้ว่าอะไรคือแรงจูงใจให้ฆ่า ไม่รู้แม้แต่นิดเดียวด้วยว่าฆาตกรเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายทางด้านไหน จากนี้ไปก็จะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้ฆาตกรทีละก้าวครับ คุณคงไม่รู้หรอกว่างานนักสืบเป็นงานที่สนุกจริง ๆ เมื่อเกิดอาชญากรรมขึ้นก็ต้องมีอาชญากรแน่นอน นักสืบจะจะค่อย ๆ ตะล่อมให้วงที่แวดล้อมอาชญากรอยู่แคบเข้าไปทีละก้าว ถ้าเร่งรีบจะพลาดได้ ใช้สัญชาติญาณไม่ได้นะครับ ต้องพยายามบีบวงล้อมตัวอาชญากรเข้าไปอย่าให้วงนั้นขาดช่วงไปไม่ได้แม้แต่กระเบียดนิ้ว เพราะอาชญากรจะรอดหนีไปได้
ผมสันนิษฐานว่าอักษรย่อภาษาอังกฤษคือชื่อที่พักแรมหรือโฮเต็ลและจะเริ่มสืบเป็นนักสืบย่ำต๊อกไปเรื่อย ๆ ถ้าเป็นนักสืบอัจฉริยะก็คงจะใช้สติปัญญาจับจุดอ่อนของอาชญากรในจินตนาการกันไป แต่นักสืบย่ำต๊อกก็ต้องเดินสืบกันไป ถ้าพบว่าทางนี้ไม่ได้เรื่องก็เดินไปทางอื่น ถึงจะเป็นเขาวงกฏแต่ถ้าเดินมันให้ทะลุปรุโปร่งทุกทาง ยังไง ๆ ก็ต้องไปถึงพระวิหารที่อยู่ลึกสุดอยู่ดี ผมสนุกกับการสืบแบบนี้ เหมือนเวลาเล่นซ่อนหาแล้วเราเป็นตัวปีศาจ เราก็จะหาตามที่สงสัยว่ามีเหยื่อซ่อนอยู่มันทุกที่ไป ตรงนี้ไม่มีก็ไปตรงนั้น สนุกและก็ระทึกใจมาก ที่พักแรมและโฮเต็ลที่มีชื่อต้นตามที่ระบุไว้ตารางอาจมีเป็นสิบ ๆ แห่ง แต่ผมก็จะหาให้ได้ การทำงานมานานปีทำให้ผมมีวิธีสะดวก ไม่ยากอย่างที่คิดหรอกครับ
ผมขอรบกวนคุณเท่านี้และครับและวันหลังอาจมาขอฟังความคิดดี ๆ จากคุณอีก ช่วงนี้ช่วยเช็กให้หน่อยว่า ฮิเมดะอยู่ที่บริษัทในวันเวลาตามตารางนั้นหรือเปล่า ถ้าไม่อยู่เขาไปไหน ผมจะตั้งใจคอยโทรศัพท์จากคุณด้วยความหวังว่าจะได้ข่าวดี ๆ ถ้าโทรไปแล้วผมไม่อยู่ช่วยทิ้งชื่อไว้ที่โอเปอเรเตอร์นะครับ ผมจะเป็นคนโทรหาคุณทีหลัง”
มิโนอุระพูดพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง ซุงิโมโตะเห็นว่าเลยเวลาอาหารเย็นแล้วจึงชวนอยู่ทานข้าวด้วยกัน บอกว่าจะสั่งอาหารจากร้าน แต่นายตำรวจสืบสวนปฏิเสธแข็งขันก่อนลาจากไป
ผู้ต้องสงสัย
บ้านพักควบสำนักงานของอาเกจิ โคโงโร นักสืบเอกชนเลืองนามอยู่ในอาคารแฟล็ตสองชั้นสร้างแบบตึกฝรั่งแท้ ๆ ชื่อ “โคจิมาจิ อพาร์ทเม้นท์” ตั้งอยู่ที่ตำบลอุเนเมะ เขตจิโยดะ ของกรุงโตเกียว ตอนนี้นักสืบเอกอาศัยอยู่กับเจ้าหนุ่มโคบายาชิ ผู้ช่วยของเขาเพียงสองคน ส่วนมาดามอาเกจิอยู่ระหว่างการพักฟื้นที่โรงพยาบาล ทั้งสองรับประทานอาหารที่ภัตตาคารในตึกเดียวกัน โดยเจ้าหนุ่มโคบายาชิทำหน้าที่ชงกาแฟและทำงานเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ
นักสืบอาเกจิอายุห้าสิบแต่รูปทรงยังสง่างามสมาร์ทอยู่ดังเดิมห่างไกลจากความอ้วนแบบคนวัยกลางคน ใบหน้ายังคงความคมคายมีเสน่ห์บาดใจสาวไม่เสื่อมคลาย แม้พิศใกล้ ๆ ในที่สว่างจะเห็นรอยย่นบาง ๆ มีตกกระเล็กน้อยตามไรผมที่ขมับและข้างแก้ม แต่นั่นกลายเป็นเครื่องประดับใบหน้าให้ดูภาคภูมิสง่างามสมกับที่ได้ชื่อว่านักสืบอัจฉริยะ
วันหนึ่งช่วงต้นเดือนธันวาคม รองสารวัตรมิโนอุระ แห่งแผนกสืบสวนสอบสวนที่ 1 สำนักงานตำรวจกรุงโตเกียว มาหานักสืบเอกที่สำนักงาน และนั่งลงสนทนากันในห้องรับแขกอันกว้างขวาง
“ผมพิจารณาตารางรหัสปริศนาในสมุดไดอารี่ของของนายฮิเมดะแล้ว สันนิษฐานว่ารหัสปริศนาตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภา ถึง 10 ตุลารวม 18 ตัวนั้น เป็นวันเวลาที่นายฮิเมดะไปพบกับใครที่โฮเต็ลหรือร้านกาแฟที่ไหน และก็ได้พยายามไปสืบดูเท่าที่จะทำได้”
นายตำรวจนักสืบรายงานผลการสืบสวนทั้งหมดโดยไม่มีปิดบังให้นักสืบเอกฟัง ด้วยท่วงทำนองคล้ายกำลังรายงานผู้บังคับบัญชา
“นี่มันเดือนกว่าแล้วนะหลังจากที่คุณมาพบผมครั้งนั้น คงจะเก็บข้อมูลได้มากพอดู ผมว่าทั้งสำนักงานตำรวจโตเกียวไม่มีใครทำงานได้เท่าคุณ”
นักสืบอาเกจิชมด้วยใจจริง เขาคุ้นเคยกันดีกับยาซุอิ หัวหน้าแผนกสืบสวนสอบสวนที่ 1 และรู้จักกับมิโนอุระนายตำรวจสืบสวนคนนี้มานานหลายปี มีความใกล้ชิดกันเหมือนเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของนักสืบอาเกจิและหัวหน้สแผนกก็เห็นชอบด้วยกับการมีสัมพันธภาพกันเช่นนี้
นักสืบอาเกจิในชุดสูทสีดำสนิทที่เขาชอบใส่มาตั้งแต่หนุ่ม ๆ ตัดเข้ากับรูปทรงด้วยฝีมือการตัดเย็บแบบอังกฤษที่ประณีตบรรจงไปทุกส่วน นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมมีเท้าแขน ขายาวไขว่ห้างกันอยู่ในท่าเก๋ตามแบบฉบับของอาเกจิ โคโงโร นักสืบอัจฉริยะ อาเกจิยังไม่ใส่แว่นตาผมยังยุ่งเหยิงเหมือนเดิมแต่เริ่มมีผมขาวแซม ผมยุ่งเหยิงแซมสีดอกเลาเป็นอะไรที่ดูมีรสนิยมชวนมอง
มิโนอุระ นายตำรวจสืบสวนวัยเลยสี่สิบ ไม่ได้แสดงสีหน้าว่าดีใจหรือรู้สึกรู้สมกับคำชมของนักสืบเอก เขาหยิบวมุดบันทึกประจำตัวออกมาจากกระเป๋า เปิดหน้าที่จดรหัสปริศนาเอาไว้แล้วเริ่มรายงานเป็นช่องเป็นฉากตามลำดับ นายตำรวจผู้นี้ถึงจะอายุน้อยกว่านักสืบอาเกจิแต่มีความเป็นผู้ใหญ่และเคร่งขรึมกว่ามาก
“ผมค้นหาโฮเต็ล ที่พักแรม ภัตตาคาร ร้านกาแฟ และก็อะไรประเภทนี้ จากบัญชีรายชื่อ ที่มีชื่อต้นตามที่ปรากฏในตารางรหัสปริศนา อย่างเช่น K O M และอีกหลายตัว แล้วจดชื่อเอาไว้ ปรากฏว่ามีเยอะมากรวมทั้งหมดราวพันแห่งเห็นจะได้ จากนั้นผมก็ลบสถานที่ที่ไม่เหมาะกับการนัดพบของคู่รักออกไป เสร็จแล้วแยกไปออกตามเขตสถานีตำรวจต้นสังกัด ผมขอให้คนรู้จักกันในแต่ละสถานีช่วยสืบว่ามีคนที่มีลักษณะเหมือนนายฮิเมดะมาใช้บริการในวันเวลาในสมุดไดอารี่บ้างหรือไม่ ที่ไหนมีโทรศัพท์ก็ให้โทรไปถาม ที่ไหนไม่มีก็ออกไปสอบถามโดยตรง
เนื่องจากเงื่อนไขของเราอยู่ที่ผู้ชายที่ดูเหมือนนายฮิเมดะผนวกกับวันเวลาที่ไปปรากฏตัว ดังนั้นจำนวนสถานที่ที่น่าสงสัยว่าจะใช่จึงลดลงฮวบฮาบเลยทีเดียว ขนาดที่ผมยังไม่ได้ลงมือสืบเองยังสามารถตีวงแคบเข้ามาได้แค่ร้อยแห่งเอง จากนี้ไปผมจะออกไปสืบทีละร้าน
ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ถึง 25 สิงหาคมรวม 6 ครั้ง ดูเหมือนจะไกลออกไปจากตัวเมือง ผมเลยตัดออกไปก่อน และสืบเฉพาะ 12 ครั้งที่เหลือ ผลสุดท้ายมี 5 แห่งที่น่าใช่ ในจำนวน 12 ครั้ง มีหลายครั้งที่ใช้อักษรย่อเดียวกัน อย่าง K ซ้ำกันถึง 5 ครั้ง และพอสืบดูก็รู้ว่าสถานที่ที่ผู้ชายซึ่งน่าจะเป็นนายฮิเมดะเข้าออก 2 ครั้งคือ โรงเตี๊ยมราคาถูกชื่อ “คิโยมิซุ” ที่ตำบลฮาสึเนะในย่านยานาคะ 2 ครั้งที่ “คิง” โรงแรมราคาถูกสำหรับคนต่างชาติที่ดูประหลาดในตำบลอิไม เขตมินาโต แต่อีก 1 ครั้งยังยืนยันไม่ได้ ผมคิดว่าคงจะใช้เป็นข้อมูลในการสืบสวนต่อไปได้ครับ
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือสถานที่ทั้ง 5 แห่งนี้ทุกแห่งเป็นที่พักราคาถูก เก่าและสกปรกอยู่ในย่านที่ลับตาคน ไม่เหมาะกับผู้ชายท่าทางสำรวยและทันสมัยอย่างนายฮิเมดะแม้แต่น้อย ลักษณะพิเศษที่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญคือชายผู้นี้เลือกใช้แต่โรงเตี๊ยมที่เก่าแก่โกโรโกโส สกปรกซอมซ่อที่ถูกทิ้งอยู่ลับตาคนเท่านั้นครับ
ผมเอาภาพถ่ายของฮิเมดะ ปะปนกับรูปผู้ชายวัยพอ ๆ กันหลายใบไปให้พวกสาวใช้และทนายหน้าหอของโรงเตี๊ยมพวกนั้นดู แล้วให้เลือกคนที่พวกเขาจำได้ว่ามาที่นั่นในวันและเวลานั้น ๆ จากภาพถ่ายที่ปนเปกัน ปรากฏว่าทุกคนเลือกภาพถ่ายของนายฮิเมดะจึงแน่ใจว่าต้องใช่เขาแน่ ตอนนี้เรารู้แล้วว่านายฮิเมดะไปที่โรงเตี๊ยม 5 แห่ง รวม 8 ครั้ง
และทั้ง 8 ครั้งเขาไปกับผู้หญิง ขอใช้ห้องที่เงียบสงบแล้วอยู่กันสองต่อสองราวหนึ่งหรือสองชั่วโมงแล้วก็พากันกลับ และทุกครั้งขอให้ปูที่นอนด้วยแม้จะเป็นเวลากลางวันก็ให้ปู”
“คุณเล่าเรื่องได้สนุกดี มีประเด็นน่าสงสัยชวนให้ติดตาม แล้วผู้หญิงที่ไปด้วยล่ะคือใคร”
นักสืบอาเกจิลดขาที่ไขว่ห้างลง หยิบบุหรี่บนโต๊ะขึ้นมาถือไว้แล้วยิ้มแบบหว่านเสน่ห์ แต่แฝงนัยแบบรู้ทันยังไงชอบกลอย่างที่ครั้งหนึ่งโชจิ ทาเคฮิโกะเคยบอกกับนายโองาวาระ
“ยังไม่ได้เรื่องเลยครับ ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร ผมสืบหาผู้หญิงสาว ๆ ที่นายฮิเมดะคบหาอยู่ได้แล้วเป็นส่วนใหญ่ และพยายามคิดโยงให้เข้ากับสถานการณ์ แต่ก็ไม่ใครที่เข้าข่ายเลยสักคนเดียว ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงที่นายฮิเมดะพาไปทั้ง 8 ครั้งนั้นเป็นผู้หญิงคนเดียวกันหรือเปล่า ดูเหมือนว่ารูปโฉมของผู้หญิงจะต่างกันทุกครั้ง ที่แต่งชุดฝรั่งแบบผู้หญิงทำงานก็มี แต่ส่วนใหญ่ใส่กิโมโนแบบเรียบ ๆ ท่าทางเหมือนพวกแม่ม่ายที่ไม่ค่อยมีอันจะกินเท่าไร เครื่องแต่งกาย ทรงผม และลักษณะเด่นบนใบหน้า ดูเหมือนจะต่างกันทุกครั้งครับ
ซุงิโมโตะเพื่อนสนิทของนายฮิเมดะบอกว่าเพื่อนของเขาไม่ใช่ดอนฮวน นายคนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของนาย ฮิเมดะที่บริษัท ปลายเดือนก่อนผมเคยไปหาและก็ขอให้ช่วยตรวจสอบว่านายฮิเมดะออกไปนอกบริษัทในวันเวลาที่เป็นปัญหาตามตารางนั้นหรือเปล่า ซึ่งก็ได้รับคำตอบมาเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็เลยทราบว่าช่วงตั้งแต่เดือนกรกฎากับสิงหามีที่ตรงกับวันอาทิตย์อยู่ถึง 6 ครั้ง ก็เลยตัดออกไป ในจำนวน 12 ครั้งที่เหลืออยู่ มี 3 ครั้งที่ไม่รู้ชัดเจน แต่อีก 9 ครั้ง นายฮิเมดะออกไปจากบริษัทเร็วกว่าเวลาในตารางและและกลับเข้าบริษัทช้ากว่าเวลาในตารางกว่าสองชั่วโมงหรือไม่ก็กลับบ้านไปเลย ซุงิโมโตะที่ช่วยเช็กให้คนนี้บอกด้วยความมั่นใจว่าถ้านายฮิเมดะจะมีคนรักก็ต้องมีคนเดียว เพราะไม่ใช่ผู้ชายหลายใจที่จะมีผู้หญิงทีเดียวหลายคน”
“ผู้หญิงปริศนาชัด ๆ นี่ถ้ามีเพียงคนเดียวจริงเจ้าหล่อนก็อาจปลอมตัวมาทุกครั้งที่นัดกันก็ได้ คงจะเป็นการนัดพบที่อิหลักอิเหลื่อน่าดู อย่างนี้เราต้องลองคิดถึงผู้หญิงสักคนที่อยู่ในฐานะที่ต้องอำพรางตัวเองอย่างนั้น คุณไม่มีเบาะแสอะไรเลยรึ”
นักสืบอาเกจิถามพร้อมชายตามองคู่สนทนาอย่างมีความหมาย
“ก็นี่แหละครับ ที่ทำให้ผมจนแต้มอยู่อย่างนี้”
นายตำรวจสืบสวนตอบแต่สีหน้าไม่ได้แสดงความยุ่งยากใจอย่างที่พูด
“คุณสืบได้ละเอียดละอออย่างไม่มีที่ติสมกับเป็นนักสืบชั้นหนึ่ง แต่ขาดพลังจินตนาการอย่างสิ้นเชิง”
“ครับ ผมห้ามตนเองเด็ดขาดไม่ให้ใช้จินตนาการและสัญชาติญาณ ถ้าเราจับคนร้ายด้วยจินตนาการแล้วเกิดผิดตัวขึ้นมา เรื่องมันก็จะอ้อมค้อมเลยเถิดไปกันใหญ่ ถึงจะมองว่าวิธีของผมอืดอาดไม่ทันใจ แต่ผมคิดว่าการสืบหาข้อเท็จจริงโดยค่อย ๆ ตีวงแคบเข้ามาด้วยความแน่ใจจนถึงตัวคนร้าย ในที่สุดนั่นจะเป็นทางลัดที่สุดครับ”
“นั่นเป็นความคิดที่ดี แต่ความเป็นคนเรียลลิสติกมันก็ต้องมีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน การสืบสวนโดยห้ามไม่ให้มีจินตนาการเลยนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จุดเริ่มต้นของการสืบสวนข้อเท็จจริงทุกครั้งอยู่ที่การจินตนาการ ดูจากรหัสปริศนาในสมุดไดอารี่ของนายฮิเมดะเป็นตัวอย่าง ที่คุณคิดว่า K กับ O พวกนั้นเป็นตัวอักษรนำหน้าชื่อโรงแรมที่พักนั่นคือจินตนาการไม่ใช่รึ แล้วคุณมาบอกว่าไม่สามารถจินตนาการได้ว่าคู่นัดของนายฮิเมดะเป็นใครอย่างนั้นรึ”
“ครับ”
มิโนอุระตอบหน้าตาเฉย บางครั้งนายตำรวจผู้นี้ก็แสดงความดื้อดึงออกมาเหมือนกัน นักสืบอาเกจิหัวเราะชอบใจ
“คุณนี่ก็ดื้อเป็นเหมือนกัน คราวนี้มาฟังความคิดของผมดูบ้าง คุณมาหาผมก็เพื่อจะมาฟังใช่ไหมล่ะ ตอนที่ผมได้รับตารางรหัสปริศนาจากคุณผมรู้สึกทันทีเลยว่า มันต้องเป็นการนัดพบลับที่สุด ลักษณะเด่นคือมีหลายกรณีที่เป็นช่วงกลางวัน ทำให้คิดเชื่อมโยงไปได้ว่าลอบไปพบตอนที่สามีไม่อยู่บ้าน และเท่าที่ผมรู้ คนที่มีลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณนายของนายโองาวาระ แน่นอนว่าผมไม่อาจฟันธงลงไปแต่คิดว่าน่าจะลองสืบด้านนี้ดูน่าจะดี ตอนที่โชจิ ทาเคฮิโกะเลขาส่วนตัวของนายโองาวาระมาหาผมเมื่อวันก่อน ผมก็เลยให้เขาคัดลอกตารางรหัสปริศนาไป แล้วบอกให้ช่วยเช็กว่าคุณนายของนายโองาวาระอยู่บ้ายในวันเวลาตามตารางหรือเปล่า
โชจิใช้เวลาสืบเท่าที่สืบได้อยู่ราวหนึ่งสัปดาห์ นายโองาวาระนั้นไม่มีปัญหาเพราะเด็กเฝ้าประตูบ้านบันทึกการออกจากบ้านและกลับเข้าบ้านของเขาไว้ในสมุดไดอารี่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อนำเอาบันทึกของเด็กมาเทียบกับตารางก็พบว่าวันเวลาในตารางตรงกับวันเวลาที่นายโองาวาระไม่อยู่บ้านทุกครั้ง ส่วนใหญ่นาย โองาวาระจะออกจากบ้านเร็วกว่าเวลาในตารางมากและกลับเข้าบ้านดึกดื่น เพราะต้องออกไปทำธุระในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่บริหาร เช่น ไปประชุมคณะบริหารของบริษัทนั้นบริษัทนี้ที่เกี่ยวข้อง ได้รับเชิญไปงานของใครสักคน
สำหรับคุณนายโองาวาระนั้นไม่มีใครจดบันทึกเช่นนั้นเอาไว้จึงไม่รู้ชัดว่าออกไปไหนเวลาใด คนที่รู้ดีที่สุดน่าจะเป็นสาวใช้ประจำตัวคุณนาย แต่เพราะเป็นเรื่องที่เกิดนานมาแล้วนางจึงจำได้เพียงเลา ๆ ว่าน่าจะเป็นวันนั้นวันนี้ แต่ส่วนใหญ่พอนายโองาวาระออกจากบ้านคุณนายจะออกไปเหมือนกัน เวลาที่สามีไม่อยู่คุณนายจะไปซื้อของแถวกินซ่าและย่านอื่น ๆ เธอเป็นคนตามติดแฟชั่น เป็นพวกที่จะชอบไปตามร้านมีชื่อ พูดคุยสนิมสนมกับมาดามเจ้าของร้านและผู้จัดการ
เธอไปดูละครและฟังดนตรีกับกลุ่มคุณนายที่สนิทกันเดือนละหลายครั้ง เธอเป็นเพื่อนกับยาโนเมะ ฮามาโกะ เจ้าของร้านเสริมสวยยาโนเมะที่อาคาซากะมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน และไปที่ร้านนั้นบ่อย ๆ วันเวลาในตารางนี้จะตรงกับวันใดวันหนึ่งที่คุณนายออกจากบ้าน และเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าเราไม่มีข้อมูลที่จะมาเป็นหลักฐานให้ปฏิเสธว่า ผู้หญิงที่มากับนายฮิเมดะไม่ใช่คุณนายโองาวาระ จริงไหม”