สังคมผู้สูงอายุส่งผลต่อญี่ปุ่นอย่างหนัก รัฐบาลญี่ปุ่นจะเสนอขยายอายุเกษียณของข้าราชการจาก 60 ปีเป็นสูงสุด 65 ปี
สำนักบุคลากร ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการวางแผนและบริหารงานบุคลากรและอัตรากำลังในภาครัฐของญี่ปุ่น ได้เสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาขยายอายุเกษียณของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จากปัจจุบันที่ 60 ปี โดยให้เพิ่มอายุเกษียณเป็นขั้น ๆ โดยทุก 3 ปีเพิ่มอายุเกษียณ 1 ปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2021 จนถึงอายุเกษียณสูงสุดที่ 65 ปีในปีงบประมาณ 2033
สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อลดภาระงบประมาณเรื่องเงินบำนาญ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐของญี่ปุ่นจะได้รับบำนาญร้อยละ 70 ของอัตราเงินเดือนสุดท้ายเมื่ออายุครบ 60 ปี โดยหากขยายอายุเกษียณออกไป ก็จะทำให้รัฐบาลจ่ายเงินบำนาญช้าลง แผนการดังกล่าวจะเสนอให้รัฐสภาญี่ปุ่นพิจารณาในสมัยประชุมที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 28 มกราคม
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้เสนอให้เลื่อนการเสนอร่างแผนการณ์นี้ต่อรัฐสภาออกไปก่อน เพราะกังวลว่าจะส่งผลกระทบลบต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือนเมษายน และการเลือกตั้งวุฒิสภาในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากคาดว่าจะถูกนำไปเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งพรรคฝ่ายค้านและสาธารณชน
แก่แล้วยังต้องทำงาน ห่วงเงินไม่พอใช้
ผลการสำรวจที่จัดทำโดยรัฐบาลญี่ปุ่นชี้ว่า ราวร้อยละ 30 ของผู้ตอบการสอบถามต้องการจะทำงานต่อไปหลังจากอายุ 60 ปี โดยผู้ตอบการสำรวจร้อยละ 30.7 ระบุว่าต้องการทำงานจนถึงช่วงอายุ 61-65 ปี ขณะที่ร้อยละ 21.5 ตอบว่า 66-70 ปี และมีเพียงร้อยละ 18.8 ที่ว่าอยากจะเกษียณเมื่ออายุ 51-60 ปี
สำหรับเหตุผลที่ต้องการทำงานไปจนถึงอายุสูงกว่า 66 ปี นั้น ร้อยละ 28.9 ตอบว่าเป็นเพราะอยากใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง ขณะที่ร้อยละ 24.9 ตอบว่าหากไม่ทำงานอาจไม่มีเงินพอใช้จ่าย และร้อยละ 16.9 ตอบว่าเพราะรักการทำงาน
สังคมญี่ปุ่นที่มีผู้สูงอายุมากกว่า 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ ทำให้รัฐบาลมีภาระงบประมาณอย่างหนัก ทั้งเงินบำนาญ, สวัสดิการการรักษาพยาบาล และเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่นระบุว่าาทางกระทรวงมีแผนจะทบทวนระบบของรัฐเพื่อให้สามารถรองรับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นได้.
