xs
xsm
sm
md
lg

“ไปซื้อถุงมือ” อบอุ่นใจในความหนาว

เผยแพร่:   โดย: โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์


ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
Tokyo University of Foreign Studies


แนะนำบทประพันธ์

ญี่ปุ่นเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มที่แล้ว เดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วงที่หนาวที่สุดของปี แต่มนุษย์ก็ไม่เคยอับจนหนทางที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างราบรื่นที่สุด นอกจากการคลายความหนาวทางกายภาพแล้ว เรื่องราวที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อความอบอุ่นหัวใจก็มีไม่น้อย

เรื่อง “ไปซื้อถุงมือ” (手袋を買いに; Tebukuro o kai ni) เป็นหนึ่งในเรื่องแนวอบอุ่น ที่เล่าผ่านมุมมองของสัตว์ด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ขณะเดียวกันก็ชวนให้คิดด้วยว่า “ความเป็นมนุษย์” ที่แท้จริงนั้นประกอบด้วยคุณสมบัติอะไร เจ้าของผลงานนี้คือนีมิ นังกิจิ (新美南吉 ; Nīmi Nankichi; 1913–1943) ผู้เป็นนักเขียนชื่อดังคนหนึ่งของญี่ปุ่น ทว่าเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยเพียง 29 ปีเท่านั้น

ไปซื้อถุงมือ

เหมันต์อันหนาวเหน็บจากทางเหนือมาเยือนป่าที่แม่ลูกสุนัขจิ้งจอกอาศัยอยู่เช่นเดียวกัน

เช้าวันหนึ่ง ลูกสุนัขจิ้งจอกออกมาจากโพรงที่ขุดไว้ แต่แล้วก็ตะโกน “โอ๊ะ” พลางเอามือกดตา แล้วล้มกลิ้งมาทางแม่สุนัขจิ้งจอก

“แม่จ๋า มีอะไรทิ่มตาไม่รู้ ช่วยเอาออกให้หน่อย เร็ว ๆ” ลูกบอกแม่

แม่สุนัขจิ้งจอกตกอกตกใจ รีบกุลีกุจอแกะมือของลูกที่กดตาออกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ปรากฏว่าไม่อะไรทิ่มตาลูกน้อย แม่สุนัขจิ้งจอกออกจากปากโพรงไปข้างนอกและเพิ่งเข้าใจสาเหตุ ช่วงคืนที่ผ่านมามีหิมะตกหนักขาวโพลน พระอาทิตย์ส่องแสงจากเหนือหิมะเหล่านั้นเป็นประกายวิบวับ หิมะจึงสะท้อนแสงแยงตา ลูกสุนัขจิ้งจอกซึ่งไม่รู้จักหิมะถูกแสงจัดจ้าสะท้อนเข้าตา จึงคิดว่ามีอะไรทิ่มตา

ลูกน้อยออกไปเล่น พอเที่ยววิ่งไปบนหิมะอ่อนนุ่มราวฝ้ายบริสุทธิ์ ละอองหิมะก็กระจายฟุ้งเป็นฝอย ก่อเกิดเป็นรุ้งสายเล็ก ๆ ทอดตัวยาว

แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงดังลั่นจากทางด้านหลัง “ตั้ก ตั้ก ป้าบ” ปุยหิมะที่ดูราวกับแป้งขนมปังฟุ้งตระหลบลงมาคลุมลูกสุนัขจิ้งจอก เจ้าสุนัขน้อยตกใจ หมอบลงกลิ้งอยู่ในหิมะ แล้วหนีไปอีกทางหนึ่ง ห่างถึงสิบเมตร พอนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นและเหลียวไปดู ก็ไม่เห็นมีใคร เสียงนั้นเกิดก้อนหิมะที่เกาะกิ่งต้นสนโมมิร่วงหล่นลงมา และยังมีหิมะราวเส้นไหมสีขาวย้อยลงมาจากช่องว่างระหว่างกิ่งกับกิ่งด้วย

ครู่ถัดมา ลูกสุนัขจิ้งจอกกลับมายังโพรง และพูดกับแม่ของมันว่า “แม่จ๋า มือเย็น มือแข็งไปหมดแล้ว” แล้วยื่นมือทั้งสองที่เปียกและป็นสีชมพูอ่อนออกมาที่ข้างหน้าแม่สุนัขจิ้งจอก

แม่เป่าลมเพี้---ยง ไปที่มือนั้น แล้วเอามืออุ่น ๆ ของแม่ห่อหุ้มให้อย่างนุ่มนวล พลางพูดว่า “เดี๋ยวก็อุ่นแล้วละ พอแตะหิมะ เดี๋ยวก็จะอุ่นจ้ะ” แต่ก็คิดว่าถ้ามือของลูกน้อยที่น่ารักแตกเพราะความหนาวก็คงจะน่าสงสาร จึงคิดว่าพอตกกลางคืนจะออกไปที่เมืองเพื่อซื้อถุงมือขนสัตว์ที่เข้ากับมือของลูกน้อยมาให้

ราตรีอันมืดมนคลี่เงาดั่งผ้าฟูโรชิกิที่ใช้ห่อของ แผ่คลุมท้องทุ่งและป่าไม้เข้ามาแล้ว แต่เพราะหิมะขาวจัด แม้ความมืดปกคลุมสักเท่าไรก็ยังปรากฏเป็นสีขาวผุดขึ้นมา

แม่ลูกสุนัขจิ้งจอกออกมาจากโพรง ตัวลูกนั้นมุดเข้าไปอยู่ใต้ท้องของแม่ เดินจากตรงนั้นพลางกะพริบตากลมดิกปริบ ๆ มองสอดส่ายไปทางโน้นทีทางนี้ที

ไม่ช้าก็เริ่มเห็นแสงไฟวับแวมดวงหนึ่งอยู่ในทิศทางที่กำลังมุ่งไป ลูกสุนัขจิ้งจอกเห็นแสงนั้น และถามแม่ว่า “แม่จ๋า มีดาวตกลงมาต่ำขนาดนั้นด้วยหรือจ๊ะ”

แม่สุนัขจิ้งจอกบอกว่า “นั่นไม่ใช่ดวงดาวหรอก” ตอนนั้นขาของแม่กำลังแข็งเกร็ง “นั่นมันแสงไฟของเมืองต่างหากล่ะ”

ตอนที่เห็นแสงไฟของเมืองแห่งนั้น แม่สุนัขจิ้งจอกนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งที่ตัวเองออกไปที่เมืองกับเพื่อน แล้วเจอเหตุการณ์น่ากลัวสุดขีด

ตอนนั้น เพื่อนสุนัขจิ้งจอกพยายามจะขโมยเป็ดของบ้านหลังหนึ่ง บอกให้เลิกก็ไม่ยอมฟัง จึงถูกชาวนาเจอเข้าและถูกไล่ล่าอย่างหนัก เป็นเหตุการณ์ที่ต้องหนีแทบเอาชีวิตไม่รอด

“แม่กำลังทำอะไรอยู่เหรอ รีบไปเร็ว ๆ สิ” ลูกสุนัขจิ้งจอกพูดมาจากใต้ท้องแม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็ก้าวขาไม่ออก ดังนั้น เมื่อไม่มีทางเลือกจึงจำใจให้ลูกน้อยไปที่เมืองเพียงลำพัง

“ลูกน้อย ยื่นมือออกมาข้างหนึ่งสิ” แม่บอก และขณะที่กุมมือนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แม่สุนัขจิ้งจอกก็ทำให้มือข้างนั้นกลายเป็นมือที่น่ารักของลูกมนุษย์

ลูกสุนัขจิ้งจอกแบมือนั้นออก กำมือดู เดี๋ยวหยิก เดี๋ยวดม แล้วพูดว่า “ออกจะประหลาดอยู่นะแม่ นี่อะไรเหรอจ๊ะ”

ว่าแล้วก็ส่องกับแสงหิมะ จ้องมองซ้ำแล้วซ้ำอีกไปที่มือข้างนั้นของตัวเองซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นมือมนุษย์ไปแล้ว

แม่สุนัขจิ้งจอกพูดให้ฟังว่า “นั่นคือมือมนุษย์ ฟังดี ๆ นะลูก พอไปที่เมืองนะ จะมีบ้านมนุษย์มากมาย ก่อนอื่น เจ้าจงไปหาบ้านที่มีป้ายหมวกกลม ๆ ติดอยู่หน้าบ้านนะ ถ้าเจอบ้านแบบนั้น ก็เคาะประตูป๊อก ๆ แล้วจงทักว่า ‘สวัสดีครับ’ แล้วจะมีมนุษย์จากข้างในมาแง้มประตูออก เจ้าจงแหย่มือนี้...นี่ดูสิ มือมนุษย์นี่ แหย่เข้าไปจากช่องของประตู แล้วบอกว่าขอซื้อถุงมือที่ใส่มือนี้ได้พอดี เข้าใจแล้วนะ อย่ายื่นมืออีกข้างออกไปเป็นอันขาดนะ”

ลูกสุนัขจิ้งจอกถามกลับว่า “ทำไมล่ะ”
“มนุษย์นะลูก พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นสุนัขจิ้งจอก ก็จะไม่ขายถุงมือให้น่ะซี อย่าว่าแต่เรื่องนั้นเลย มนุษย์จะจับตัวสุนัขจิ้งจอกใส่กรง ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ เป็นสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ เลยละ”
“จ้ะ”
“อย่ายื่นมือข้างนี้ออกไปโดยเด็ดขาดนะ นี่นะ ทางนี้ ต้องยื่นมือมนุษย์ข้างนี้เข้าไปนะ” ว่าแล้วแม่สุนัขจิ้งจอกก็เอาเงินเหรียญสองเหรียญใส่มือข้างที่เป็นมือมนุษย์ให้ลูกกำไว้

ลูกสุนัขจิ้งจอกใช้แสงไฟของเมืองเป็นเครื่องนำทาง เดินเตาะแตะไปตามท้องทุ่งที่มีแสงหิมะ พอผ่านช่วงแรกไปครู่หนึ่ง แสงไฟที่เคยมีอยู่ดวงเดียวก็กลายเป็นสอง กลายเป็นสาม จนช่วงท้ายเพิ่มถึงสิบ ลูกสุนัขจิ้งจอกมองดูไฟเหล่านั้นและคิดว่าแสงไฟก็เหมือนกับดวงดาว มีสีแดง สีเหลือง และสีฟ้าด้วย

ในที่สุดก็ไปถึงร้านขายหมวก มีป้ายร้านหมวกผู้ชายที่ทำด้วยไหมสีดำตามที่แม่บอกรายละเอียดไว้ มีดวงไฟส่องแสงสีฟ้าติดอยู่ ลูกสุนัขจิ้งจอกเคาะประตูป๊อก ๆ ตามที่ได้ฟังคำบอก

“สวัสดีครับ”

ครั้นแล้วก็เกิดเสียงกุกกักของบางสิ่งภายในนั้น ไม่ช้าประตูก็เปิดครืดออกราวสามเซนติเมตร และมีแถบแสงทอดยาวยื่นออกไปบนหิมะสีขาวที่ถนน

ลูกสุนัขจิ้งจอกถูกแสงแยงตา จึงตกใจลนลาน ยื่นมือผิดข้าง โดยแหย่มือที่แม่กำชับไว้นักหนาว่าอย่ายื่นเข้าไปในช่อง

“ขอซื้อถุงมือที่พอดีกับมือนี้ครับ”

คนขายของร้านหมวกคิดว่า อ้าว...เอ๊ะ นี่มันมือสุนัขจิ้งจอกนี่นา มาขอซื้อถุงมือเสียด้วย คนขายคิดด้วยว่าสุนัขจิ้งจอกคงเอาใบไม้มาขอซื้อแน่ ๆ จึงบอกออกไปว่า “จ่ายเงินมาก่อน”

ลูกสุนัขจิ้งจอกจึงเอาเงินเหรียญสองเหรียญที่กำมานั้นส่งให้คนร้านหมวกอย่างตรงไปตรงมา คนร้านหมวกเอาเงินวางที่ปลายนิ้วชี้ ลองเอาสองเหรียญเคาะกัน เกิดเสียงคุณภาพดีดังกิ๊ง ๆ และคิดว่าเป็นเงินจริง ๆ จึงหยิบถุงมือสำหรับเด็ก ทำด้วยขนสัตว์ ออกมายื่นใส่มือให้ลูกสุนัขจิ้งจอก ลูกสุนัขจิ้งจอกพูดขอบคุณ แล้วเริ่มกลับไปตามทางที่มาเมื่อครู่

พอผ่านใต้หน้าต่างบานหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงมนุษย์ ช่างฟังดูใจดี ไพเราะ เป็นเสียงที่รื่นหูอะไรเช่นนี้

“หลับเสียเถิด หลับเสียเถิดที่อกแม่ หลับเสียเถิด หลับเสียเถิดที่มือแม่—”

ลูกสุนัขจิ้งจอกคิดว่า เสียงร้องเพลงกล่อมนั้นต้องเป็นเสียงของมนุษย์ผู้เป็นแม่แน่ ๆ เพราะในยามที่ลูกสุนัขจิ้งจอกจะนอน แม่ก็กล่อมด้วยเสียงที่ใจดีอย่างนี้เช่นกัน เมื่อได้ฟังเสียงนั้น มันคิดถึงแม่ขึ้นมาทันใด และรีบมุ่งไปทางที่แม่กำลังรออยู่

แม่สุนัขจิ้งจอกกำลังเป็นห่วงและเฝ้ารออย่างร้อนรนกระวนกระวายให้ลูกน้อยกลับมา พอลูกกลับมา จึงโอบกอดเข้ามาไว้ที่อก ดีใจจนแทบจะร้องไห้

“แม่ มนุษย์น่ะไม่น่ากลัวเลยสักนิดนะ”
“ทำไมล่ะลูก”
“ก็ลูกยื่นมือผิด ยื่นมือจริง ๆ ออกไป แต่ว่าคนร้านหมวกไม่เห็นจับตัวลูกเลย เอาถุงมืออบอุ่นดี ๆ แบบนี้มาให้อย่างดีเลย”
“เหรอ?” แม่สุนัขจิ้งจอกประหลาดใจ และพึมพำว่า “มนุษย์คือสิ่งดีจริงหรือ มนุษย์คือสิ่งดีจริงหรือ”

**********
คอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึก โดย ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ แห่ง Tokyo University of Foreign Studies จะมาพบกับท่านผู้อ่านโต๊ะญี่ปุ่น ทุกๆ วันจันทร์ ทาง www.mgronline.com



กำลังโหลดความคิดเห็น