xs
xsm
sm
md
lg

รหัสรักจากอเวจี ตอนที่ 3 ความปรารถนาของเลขานุการหนุ่ม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่เขาทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี

โชจิ ทาเคฮิโกะไม่ลืมเรื่องซองจดหมายที่ไม่ปรากฏชื่อและที่อยู่ของผู้ส่งกับขนนกสีขาวที่ฮิเมดะ โกโรฝากเอาไว้แต่ก็ลืมจนแล้วจนรอด งานเลขานุการยุ่งกว่าที่คิด วัน ๆ ต้องหัวหมุนอยู่กับการจัดระเบียบเอกสารการค้าที่ไม่คุ้นเคย เวลาเขียนจดหมายตอบก็ต้องระมัดระวังการใช้ถ้อยคำให้ถูกต้องเหมาะสม ทั้งยังต้องติดสอยห้อยตามเจ้านายออกไปทำธุระนอกบ้าน

นอกจากงานประจำเช่นว่านั้นแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่รบกวนใจเลขานุการหนุ่มอยู่ตลอดเวลา คือเมื่อไรที่มีเวลาว่างแม้เพียงน้อยนิดสิ่งนั้นก็จะแทรกเข้ามาครองใจ “ลูกธนูขนนกขาว” ของฮิเมดะเป็นเรื่องน่าสนใจใคร่รู้ก็จริง แต่สิ่งที่รบกวนใจเขาอยู่นั้นมีพลังจับใจเขาอย่างน่าประหลาดทำให้ไม่มีวันลืมเลือน

ตั้งแต่วันแรกพบ ภาพงดงามของยุมิโกะ คุณนายสาวของนายโองาวาระ โยชิอากิ ประมุขของตระกูลในใจของ ทาเคฮิโกะขยายใหญ่ขึ้นทุกทีตามวันเวลาที่ผ่านไป ภาพเล็ก ๆ ของยุมิโกะที่ติดตรึงอยู่ตรงมุมหนึ่งของวงกลมอันมืดมิดแห่งห้วงสำนึก ได้เริ่มเติบโตจนบัดนี้ได้ครองแก่นกลางของห้วงสำนึกอันมืดมิดของเขาเกือบทั้งสิ้น ชายหนุ่มรู้สึกคล้ายกับว่าภาพสาวงามในห้วงสำนึกนั้นไหวตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยความพยายามที่จะออกมาห่อหุ้มกายเขาให้อบอุ่น

ทาเคฮิโกะชอบเป็นคนถูกกอดมากกว่าเป็นคนกอดเสียเอง มันเป็นนิสัยติดตัวมาแต่กำเนิด สมัยเด็กเขาชอบจัดเรียงสิ่งของส่วนตัวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นของเล่นหรือหีบกล่องต่าง ๆ ไว้เป็นวงกลมที่มุมหนึ่งของห้อง แล้วเข้าไปนั่งกลางวงล้อม ซึ่งเมื่อได้อยู่ในมิติที่ปิดกั้นตนเองจากโลกภายนอกเช่นนั้น จิตใจของเขาจะอบอุ่นและสุขสงบ เขาเป็นเด็กร่างกายอ่อนแอไม่สบายบ่อย การได้นอนซุกตัวอยู่ในผ้านวมเป็นความสุขที่สุด จนบางครั้งถึงกับทำมารยาว่าไม่สบายเพียงเพราะอยากนอนห่มผ้านวมอุ่น ๆ ความสุขที่สุดของเขาในช่วงวัยรุ่นคือการเก็บตัวอ่านหนังสืออยู่คนเดียวในห้อง ห้องยิ่งแคบเท่าไรยิ่งดี เขาเคยเห็นภาพถ่ายของฝรั่งที่เอาตู้รถไฟมาทำเป็นที่อยู่อาศัยแล้วรู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก ภาพการใช้ชีวิตอยู่บนเกวียนมุงผ้าใบของคณะละครสัตว์ การใช้ชีวิตของครอบครัวชาวเรือในห้องแคบนิดเดียวบนเรือ เป็นอะไรที่ดูแล้วชวนให้ระลึกถึงความทรงจำในอดีตอันแสนหวานที่บ้านเกิด

ใช่ มันคือความทรงจำในอดีตที่บ้านเกิด เรื่องราวเกี่ยวกับ “ความปรารถนาแห่งชีวิตในครรภ์” “จินตนาการภายในมดลูก” ที่เขาอ่านพบในหนังสือวิเคราะห์สภาพจิตเมื่อราวสามปีก่อนบอกเขาเช่นนั้น การที่เด็กทารกที่คลอดออกมาจากครรภ์มารดาแล้วยังนอนงอมืองอเท้าเป็นตัวกลม ๆ อยู่ก็เพราะยังไม่ลืมสภาพชีวิตในครรภ์ กลัวโลกภายนอกและอยากกลับไปอยู่ในที่แคบ ๆ มืดมิด และอบอุ่นตามเดิม เขาเกลียดคำว่า “ความปรารถนาแห่งชีวิตในครรภ์” “จินตนาการภายในมดลูก” เพราะมันเป็นคำที่แทงใจดำเขา รู้สึกเหมือนถูกล้วงความลับในใจออกมาตีแผ่ แต่ยิ่งเกลียดความปรารถนานั้นดูเหมือนจะยิ่งรุนแรงขึ้น ทำให้เกลียดตัวเองจนเป็นนิสัย

ผู้หญิงในจินตนาการของเขาจะโอบกอดเขาไว้เสมอ ความรู้สึกนั้นไม่ได้เฉกเช่นทารกในครรภ์มารดาที่มืดมิด แต่เป็นอ้อมกอดอุ่นเนื้อเนียนละมุน ขาวผ่องและเต่งตึงที่โอบเขาไว้ทั้งตัว ตั้งแต่ยังเป็นเด็กหนุ่มบางเวลาเขาจะจินตนาการถึงผู้หญิงร่างกายใหญ่โตล่องลอยอยู่ในอากาศอันเวิ้งว้าง และอยากที่จะเข้าไปในร่างของหญิงนั้น อยากถูกหญิงงามร่างยักษ์กลืนกินเข้าไปในท้องของเธอ

ในส่วนตัวเขาคิดว่าผู้หญิงในโลกนี้มีอยู่สองแบบ คือผู้หญิงที่โอบกอดให้ความอบอุ่นแก่ผู้ชาย กับอีกแบบหนึ่งที่ไม่ใช่ ทาเคฮิโกะชอบผู้หญิงแบบแรกเท่านั้น ส่วนแบบหลังนั้นแม้จะรูปโฉมงดงามปานใดก็ไม่รู้สึกปรารถนาแม้แต่น้อย

โองาวาระ ยุมิโกะ จัดอยู่ในแบบแรกอย่างไม่มีที่ติ ทาเคฮิโกะรู้สึกได้ทันทีตั้งแต่แรกพบ ที่เขาหน้าแดงเรื่อนั้นไม่ใช่เพราะความงามแต่เพราะสิ่งนั้นต่างหาก เต่เมื่อภาพของเธอในห้วงสำนึกของเขาขยายใหญ่ขึ้น สิ่งนั้นยิ่งกลายเป็นปริศนาที่หาคำไขได้ยากขึ้นตามไปด้วย จนรู้สึกคล้ายกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกอื่นอันไกลโพ้น

“คุณโชจิ ช่วยเอาไอ้นั่นออกมาที่ระเบียงห้องหน่อยได้ไหม”

คุณนายยุมิโกะแย้มยิ้มราวดอกไม้ผลิกลีบเมื่อเผอิญเดินสวนกันที่ระเบียงทางเดิน และพอเธอเอ่ยปากพูดกับเขา ทาเคฮิโกะตัวเกร็ง เหงือเย็นเยียบซึมขึ้นมาชุ่มรักแร้

“ไอ้นั่น” หมายถึงกล้องส่องทางไกลที่ครั้งหนึ่งเธอเคยให้เขาส่องดูอะไร ๆ ด้วยกันในสวน และตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ตั๊กแตนตำข้าวเป็นต้นมา ยุมิโกะทำคล้ายกับว่าทาเคฮิโกะเป็นคนมีหน้าที่ยกกล้องส่องทางไกลมาวางไว้ให้ที่ระเบียงห้องส่วนตัวของเธอ ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นที่คุณนายสาวตั้งใจไหว้วานเขาทั้ง ๆ ที่เรียกให้คนรับใช้มาทำให้ก็ได้

ทาเคฮิโกะตรงดิ่งไปยังห้อง 15 เสื่อญี่ปุ่น หยิบกล้องส่องทางไกลติดที่ตั้งสามขาบนชั้นในห้องนั้น เอาไปที่ระเบียงห้อง ชายหนุ่มชายตามองใบหน้างามของคุณนายที่ยืนคอยอยู่ตรงนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะจับวางกล้องตามคำบอกอยู่เงียบ ๆ พอจัดตำแหน่งกล้องบนที่ตั้งสามขาเข้าที่เข้าทางดีแล้ว คุณนายยุมิกะก็นั่งลงส่องกล้องดูแมลงในสวนตามที่ทำอยู่เป็นกิจวัตร

ทาเคฮิโกะยืนอยู่ข้าง ๆ เผื่อว่าคุณนายสาวจะชี้ชวนให้ชมอะไร แต่ดูเหมือนเธอจะเพลิดเพลินจนลืมว่ามีเขาอยู่ตรงนั้นด้วย ชายหนุ่มผิดหวังแต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ขณะที่ยืนทำหน้าซื่อบื้ออยู่ตรงนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักของใครคนหนึ่ง และเมื่อเบนสายตาไปมองก็พบนายโองาวาระกำลังเดินมาที่ระเบียง

“เอาอีกแล้ว เธอนี่มันบ้ากล้องส่องทางไกลจริง ๆ เลย”

“อะไรกันคะ นั่นมันคุณต่างหาก คุณน่ะระดับปรมาจารย์เลยไม่ใช่รึ เห็นส่องดูออกบ่อยแล้วยังมาว่าดิฉัน ทั้งกล้องจุลทรรศน์ และก็กล้องดูดาว...”

ว่าแล้วสองสามีภรรยาต่างวัยคู่นี้ก็สบตากันแล้วหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน ถึงอายุจะต่างกันจนน่าตกใจแต่ทั้งคู่ก็เป็นสามีภรรยาที่เข้ากันได้ดีมาก นายโองาวาระเป็นคนร่างใหญ่ หน้ากว้าง ผิวละเอียดมีน้ำมีนวลตามแบบฉบับผู้ดีชั้นสูง ส่วนคุณนายยุมิโกะก็เป็นหญิงงามสดใส ใบหน้ายิ้มแย้มชวนชมเหมือนดอกไม้แสนสวย ทั้งสองดูห่างไกลเกินเอื้อมของคนอย่างทาเคฮิโกะ ราวกับเป็นมนุษย์ต่างภพกัน

“อ้าว คุณยังอยู่ตรงนี้รึ ฉันไม่มีธุระอะไรแล้ว”

คุณนายยุมิโกะเพิ่งจะสังเกตเห็นเลขานุการหนุ่ม เธอหยุดยิ้มทันทีแล้วพูดด้วยถ้อยคำที่เป็นทางการมาก จับหางเสียงได้ทำนองว่าอย่ามายืนฟังสามีภรรยาเขาคุยกัน

ทาเคฮิโกะตีหน้าขรึม ยิ้มนิด ๆ ก่อนหันหลังเดินจากไป ชายหนุ่มเดินออกจากที่นั่นด้วยความรู้สึกเหมือนน้ำตากำลังตกใน อายจนไม่รู้ว่าจะเอาหัวไปซุกไว้ที่ไหนที่หลงตัวเองคิดไปว่าคุณนายเธอพิสวาท พอนึกขึ้นมาว่าหน้าตาของตนตอนนั้นจะซื่อบื้อแค่ไหนเท่านั้น ก็รู้สึกวิงเวียบแทบเป็นลม ความผิดหวังทำให้จับต้องงานไม่ติดตลอดทั้งวัน

สิ่งที่ทาเคฮิโกะเกลียดที่สุดคือ ตอนที่คุณนายยุมิโกะนั่งล้อมโต๊ะเล่นไพ่กับแขกที่สนิทกันยามค่ำคืนหรือยามอื่น ในบรรดาแขกที่ว่านั้นส่วนใหญ่จะมีฮิเมดะ หรือ มุราโคชิ คนใดคนหนึ่งร่วมอยู่ด้วย เขาเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการพนันขันต่อ การเล่นไพ่นี่ไม่รู้เรื่องเอาเลย แต่สมมติว่าเล่นเป็นเขาก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะเข้าเป็นร่วมด้วยเหมือนสองนั่นซึ่งเป็นแขก ส่วนเขาเป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งในบ้าน

ยามนั้นทาเคฮิโกะจะเก็บตัวอยู่ในห้องพยายามอ่านหนังสือ แต่ก็ได้แต่เปิดและไล่สายตามไปตามตัวอักษรโดยไม่รู้ว่ามีเนื้อหาว่าอย่างไร ความอิจฉาริษยาเข้ามาครองจนนัยตาฝ่ามัว ยิ้มอันสดใสราวดอกไม้แย้มกลีบของคุณนาย ยุมิโกะเบ่งบานเต็มห้วงสำนึก เสียดสีหัวใจของเขาให้เคืองระคายเหลือทน

ทว่าบางครั้ง ยุมิโกะก็แสดงความสนใจเรื่องราวของเขาเหมือนกัน

“คุณสนิทกับคุณพ่อไหม”

คุณนายยุมิโกะที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นทักถาม เมื่อเห็นเขาเข้าไปในห้องทำงานของท่านเจ้าของบ้านโดยบังเอิญ

“ครับ คิดว่าก็ค่อนข้างจะสนิทกัน”

ทาเคฮิโกะตอบอย่างทึ่ม ๆ รู้ตัวว่ากำลังจ้องมองคุณนายแสนสวยอยู่ไม่วางตาเหมือนบ้าบอ

“งั้นคุณก็เป็นคนนิยมศักดินาอย่างนั้นหรือ คือถือเรื่องชนชั้นอะไรแบบนั้น”

ชายหนุ่มนิ่งอยู่เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรเหมือนกัน คุณนายจึงพูดต่อ

“คุณคิดว่าเราเป็นนายจ้าง ตนเองเป็นลูกจ้าง และถอยห่างจากเราก้าวหนึ่งหรือเปล่า”

ถึงจะรู้ว่าไม่ได้แกล้งถาม แต่ทาเคฮิโกะก็ยังหาตอบไม่ได้อยู่ดี

“ฉันคิดว่าคนเราทุกคนเท่าเทียมกัน สำหรับฉันทุกคนเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นท่านของฉัน คุณ คุณมุราโคชิ หรือว่า คุณฮิเมดะ เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไร”

เลขานุการหนุ่มนึกขำที่คุณนายพูดถึงความเท่าเทียมกันเสียสวนหรู แต่ก็ยังเรียกสามีตนเองว่าท่านแบบสมัยเก่า ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังปลื้มที่เห็นว่าคุณนายยุมิโกะไม่ได้ละเลยที่จะให้ความสนใจเขา

“คุณเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ไหม”

หนังสือที่เธอถืออยู่ชื่อ “จิตวิทยาอาชญากรรม” แปลเป็นภาษาอังกฤษ

“ยังครับ...”

“หนังสือเล่มนี้คุณน่าจะชอบ ท่านยังอ่านแล้วเลย เขียนอะไรไว้เต็มไปหมด ลองอ่านดูซิ ภาษาอังกฤษไม่ยากเท่าไร”

ยุมิโกะอายุ 27 ส่วนทาเคฮิโกะอายุ 25 การมาอยู่ในตำแหน่งคุณนายของขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ ทำให้คุณหนูกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวได้ในไม่นาน ยิ่งกว่านั้นสาวสวยผู้นี้ยังมีอะไรที่เข้าใจยากไม่เหมือนคุณหนูธรรมดาที่เห็นกันอยู่ทั่วไป เวลาอยู่ตรงหน้าเธอเลขานุการหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กอมมือไปเลย

คุณนายยื่นหนังสือมาให้และพอทาเคฮิโกะเอื้อมไปรับมือจึงสัมผัสกัน มือของชายหนุ่มทาบทับลงไปบนมือนุ่มนิ่มนิ้วเรียวงามที่จับหนังสืออยู่ เขาละล่ำละลักทำท่าจะชักมือกลับส่วนยุมิโกะก็มีอาการเดียวกันจนหนังสือเกือบจะถูกปล่อยตกจากมือ และพอคุณนายสาวรีบคว้าเอาไว้ คราวนี้เลยกลายเป็นว่าเธอกำมือทาเคฮิโกะเอาไว้แน่น แต่ก็เพียงแค่พริบตาเดียว หนังสือฝรั่งเล่มนั้นตกมาอยู่ในมือทาเคฮิโกะพร้อมกับความรู้สึกสัมผัสจากเจ้าของที่ยังคงอยู่นานเท่านาน เลขานุการหนุ่มขนลูกซู่ด้วยความปิติ

ท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ของคุณนายแสนสวยอาจอาจตีความได้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไร อาจไม่ได้คิดถึงลูกจ้างอย่าง ทาเคฮิโกะในแง่ของความเป็นผู้ชายคนหนึ่ง หรืออาจพยายามทำให้สีหน้าดูเป็นเช่นนั้นเพื่อกลบเกลื่อนความอายก็เป็นได้ทั้งนั้น

ทาเคฮิโกะใจเต้น หากอยู่สองต่อสองเช่นนั้นต่อไปก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำอะไรขึ้นมาหรือไม่ จึงรีบหนีออกมาจากห้องทำงานนั้น แล้วกลับไปใจเต้นต่อที่ห้องส่วนตัว

ชายหนุ่มกอดหนังสือที่ได้มาไว้แนบอก เดินจงกรมอยู่ภายในห้องแคบ ๆ นั้น ภาพฝันลวงตาเป็นร้อยเป็นพันผ่านเข้ามาในใจด้วยความเร็วจนจับไม่ติด แล้วผ่านออกไป

ทาเคฮิโกะไม่รู้จักผู้หญิงดีนัก ความที่เป็นคนเก็บตังอ่านหนังสืออยู่คนเดียวในห้องเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่มีโอกาสได้คบหาสมาคมกับเพื่อนผู้หญิงมากนัก ไม่เหมือนกับผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันส่วนใหญ่ เคยมีประสบการณ์เที่ยวผู้หญิงเพียงครั้งเดียวแล้วก็ไม่เอาอีก

ใบหน้าของผู้หญิงและร่างกายทุกส่วนของผู้หญิงคนนั้นผ่านเข้ามาเป็นภาพฝันลวงตาคล้ายฉากหนังที่ย้อนอดีต สกปรก ทำไมถึงได้สกปรกอย่างนี้ สัมผัสมือและนิ้วนิ่มนวลของคุณนายยุมิโกะทำไมถึงทำให้หวนคิดถึงสิ่งพวกนั้น คลื่นไส้ อยากถ่มน้ำลายทิ้ง อยากอาเจียน

ถึงจะรู้สึกผะอืดผะอมเต็มที แต่ภาพพวกนั้นก็ยังวนเวียนเข้ามาเองไม่หยุดหย่อน

คืนปลายฤดูใบไม้ผลิสองปีก่อน ตอนนั้นทาเคฮิโกะอายุ 23 ขณะที่กำลังเดินลอดทางรถไฟในย่านกลางใจเมืองของกรุงโตเกียวอยู่นั้นเอง เขาเห็นร่างขาวโพลนของผู้หญิงคนหนึ่งเด่นขึ้นมาในความมืดสลัว และพอเดินไปใกล้ก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวสีแดงแปร้ด ทาลิปสติกสีแดงเกินควร แต่ก็ดูไม่น่าเกลียด

“พ่อหนุ่ม มานะ มาด้วยกัน”

ผู้หญิงชุดแดงร้องทักเชิงออดอ้อนด้วยเสียงหวานเจื้อย แล้วเข้ามากระแซะ

“ไปไหนรึ”

“มีที่ดี ๆ จะพาไป โรงแรมอยู่ใกล้ ๆ ตรงนี้เอง”

หนุ่มอ่อนหัดพ้าการยั่วยวน ตกลงใจลองดูเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต แต่ก็กังวลอยู่เพราะเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวมีไม่มาก และพอบอกเช่นนั้นอีกฝ่ายก็ยืนยันว่าพอ แต่ก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง ความมืดช่วยให้เขากล้าถาม

“ผมกลัวเป็นโรค”

ผู้หญิงหัวเราะคิกคักแล้วบอกว่ามีวิธีป้องกันง่าย ๆ ความมืดช่วยให้หล่อนพูดอย่างเปิดเผยเหมือนกัน การสนทนาสิ้นสุดลงแค่นั้น เพราะมีอะไรที่น่าสนใจกว่าการพูดคุยรออยู่ ใจต่อต้านด้วยความรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนแต่ร่างกายไม่รับรู้ด้วย ทาเคฮิโกะรุดหน้าตามผู้หญิงด้วยความรู้สึกของนักย่องเบาที่เมื่องัดแงะเข้ามาในบ้านเหยื่อแล้วก็ต้องดันทุรังต่อไป

ร่างเปลือยของผู้หญิงภายใต้แสงสลัวของดวงไฟในห้องโรงแรมที่ไม่ค่อยสะอาดนั้นไม่มีอะไรน่าดู ใบหน้าผิดกับที่เห็นในความมืดใต้ทางรถไฟ ยิ่งกว่านั้นผู้หญิงคนนี้ยังไม่ใช่แบบกอดให้แต่เป็นแบบต้องกอด การตกลงรับและให้บริการไม่ได้ผิดอะไรกับการเจรจาต่อรองการซื้อขาย เมื่อเสร็จกิจทาเคฮิโกะเดินออกมาจากโรงแรมด้วยความรู้สึกแย่ อยากอาเจียน

ครั้งนั้นครั้งเดียว จากนั้นมาชายหนุ่มไม่ยอมตกเป็นเหยื่อผู้หญิงแบบนั้นอีก ก่อนหน้าที่มาทำงานกับนายโองาวาระเขาบำเพ็ญตนเป็นหนอนหนังสือมาตลอด เขาโปรดปรายหนังสือนักสืบเป็นพิเศษ อ่านไม่เลือกทั้งของญี่ปุ่นเองและของต่างประเทศ ทาเคฮิโกะเป็นคนไม่ชอบกีฬาจึงออกนอกบ้านน้อยมาก จนถูกมองในหมู่เพื่อนว่าเป็นคนประหลาด

คุณนายยุมิโกะเป็นผู้หญิงคนแรกตั้งแต่เกิดมาที่เขาพบแล้วรู้สึกรักและอยากอยู่ใกล้ชิด ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีผู้หญิงอย่างเธออยู่ในโลก การที่ผู้ชายนิสัยชอบเก็บตัวอย่างเขารู้สึกรักผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้นั้นนับเป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่งเลยทีเดียว

ทว่า ยุมิโกะเป็นผู้หญิงที่เกิดมาในตระกูลสูง ทั้งยังเป็นศรีภรรยาของขุนนางชั้นสูงอดีตผู้ครองแคว้น ความรักของเขาก็คงจะยุติลงอยู่แต่ความปรารถนาที่จะได้อยู่ใกล้ชิด ไม่มีทางที่จะงอกเลยขึ้นเป็นอื่นได้ ทาเคฮิโกะเติบโตมาในครอบครัวที่บิดาเป็นผู้นิยมศักดินา จึงมีความกลัวเรื่องการถือชนชั้น กลัวข้อห้ามต่าง ๆ ในระบอบศักดินาติดตัวตั้งแต่เกิด ซึ่งยากที่จะหาเหตุผลมาอธิบาย ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอเขาจึงต้องเก็บตัวสงบเสงี่ยมอยู่ในกรอบ หนีเข้าไปอยู่ในโลกของจินตนาการ แม้จะรู้ตัวว่าตนเองคุ้นเคยกับการหนี แต่ครั้งนี้ทาเคฮิโกะอดคิดไม่ได้ว่าตนกำลังเสี่ยงอยู่กับอันตราย เพราะไม่มั่นใจว่าจะทนไปได้แค่ไหน

ขณะที่จิตใจของทาเคฮิโกะกำลังปั่นป่วนอยู่นั้นเอง นายโองาวาระกับคุณนายสาวของเขาก็ออกเดินทางไปยังบ้านพักตากอากาศของครอบครัวที่อาตามิ เลขานุการหนุ่มได้รับคำสั่งให้ติดตามไปด้วย และที่อาตามินั้นเองทุกคนก็ได้พบกับเหตุการณ์ประหลาดเป็นครั้งแรก


กำลังโหลดความคิดเห็น