รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย ที่จะรับแรงงานมาทำงานตามนโยบายวีซ่าแบบใหม่ เริ่มต้นในเดือนเมษายน ปีหน้า แต่ต้องผ่านการทดสอบภาษาและทักษะวิชาชีพก่อน
รัฐบาลของนายกฯ ชินโซ อาเบะ ประสบความสำเร็จในการผลักดันร่างแก้ไขกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองจนผ่านรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถึงแม้จะถูกตั้งคำถามและคัดค้านจากพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มรณรงค์สิทธิแรงงานก็ตาม ขณะนี้คณะทำงานของกระทรวงต่างๆ กำลังเร่งกำหนดรายละเอียดของนโยบาย เพื่อให้เริ่มต้นได้ในเดือนเมษายน ปีหน้า
รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าจะรับแรงงานถึง 345,000 คน ภายในช่วงเวลา 5 ปี เริ่มจากเดือนเมษายนปีหน้า และไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย 8 ประเทศที่จะได้รับสิทธิ์นี้ร่วมกับ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย จีน และเมียนมา รวมเป็น 7 ประเทศที่ยืนยันแล้วในขณะนี้ ส่วนอีก 1 ประเทศที่เหลืออยู่ในระหว่างการหารือ
วีซ่าประเภทใหม่นี้สามารถพำนักและทำง่านในญี่ปุ่นได้นาน 5 ปี และไม่สามารถนำครอบครัวมาอยู่ได้ ยกเว้นว่าจะมีทักษะเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ซึ่งจะถือเป็นวีซ่าอีกประเภทหนึ่ง
นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าจะทำงานได้ทุกอย่าง แต่จะต้องเป็นงานใน 14 กลุ่มอุตสาหกรรมเท่านั้น โดยงานพยาบาลดูแลและการก่อสร้างมีสัดส่วนการต้องการแรงงานมากที่สุด ส่วนผู้ที่ทำงานในภาคการประมงและเกษตรกรรม อาจต้องเปลี่ยนที่ทำงานหลายที่ ตามฤดูกาลเก็บเกี่ยวหรือประมง
รัฐบาลญี่ปุ่นยังจะจัดทดสอบความสามารถด้านภาษาญี่ปุ่นแบบใหม่ แก่ผู้ที่ขอรับวีซ่าซึ่งเป็นแรงงานในแต่ละภาคส่วน รวมทั้งสอบวัดความรู้ศัพท์เฉพาะทางสำหรับชาวต่างชาติที่สมัครทำงานบางอย่างด้วย
รัฐบาลญี่ปุ่นกำชับว่า ผู้ที่จะมาจะมีการจ้างงานโดยตรงโดยบริษัทนายจ้าง เพื่อป้องกันการหลอกลวงโดยนายหน้า ที่มักจะเรียก "ค่าหัวคิว" ในการหางานในญี่ปุ่น
ศึกษาเงื่อนไขให้ดี ห่วงแรงงานถูกหลอกลวง
องค์กรคุ้มครองสิทธิแรงงานต่างกังวลว่า นโยบายวีซ่าใหม่นี้จะทำให้เกิดการล่อลวง และละเมิดสิทธิของแรงงานมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นได้เตรียมมาตรการรับมือ โดยจะควบคุมการตรวจการจ้างงานผิดกฎหมายให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
หนึ่งในมาตรการป้องกันคือ จะแก้ไขระเบียบให้ชาวต่างชาติสามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ง่ายขึ้น โดยนายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างผ่านระบบธนาคารเท่านั้น เพื่อให้ตรวจสอบได้ว่ามีการหักเงินหรือค่านายหน้าที่ผิดกฎหมายหรือไม่
หน่วยงานของท้องถิ่นต่าง ๆ ยังจะตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาสำหรับแรงงานต่างชาติ และหน่วยราชการต่างๆ รวมทั้งสถานพยาบาลมีระบบแปลภาษาต่างประเทศ เช่นเดียวกับสัญญาต่างๆ เช่น สัญญาเช่าบ้าน สัญญาจ้างงาน และสัญญาบริการต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ, อินเทอร์เน็ต, น้ำ ไฟฟ้า จะมีฉบับภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาอื่น เพื่อให้แรงงานต่างชาติเข้าใจได้ และไม่ถูกหลอกลวง
องค์กรคุ้มครองสิทธิแรงงานและพรรคฝ่ายค้านของญี่ปุ่น ระบุว่า ไม่ได้คัดค้านแผนการรับแรงงานต่างชาติมาทำงานในญี่ปุ่น เพราะตระหนักว่าญี่ปุ่นขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก แต่เรียกร้องให้เตรียมความพร้อมให้ดี
รวมทั้งเตือนว่า ผู้ที่ต้องการมาทำงานในญี่ปุ่นควรเตรียมความพร้อม ทุกคนต้องผ่านการทดสอบภาษาและทักษะการทำงาน และต้องยืนยันตัวตนของบริษัทที่จะจ้างงาน และเงื่อนไขการทำงาน ไม่หลงเชื่อว่าสามารถมาทำงานในญี่ปุ่นได้ง่ายๆ และตกเป็นเหยื่อของขบวนการนายหน้า เนื่องจากหากมาทำงานอย่างผิดกฎหมายแล้ว จะต้องรับโทษตามกฎหมาย ถูกส่งตัวกลับประเทศ และขึ้นบัญชีดำไม่สามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้อีก.