จากการสำรวจข้อมูลการจัดอับดับจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น พบว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างก็แวะเวียนกันไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น จึงทำให้ทุกจังหวัดต้องเตรียมกำลังรับมือกับนักท่องเที่ยวขาเข้าสำหรับปีค.ศ.2020 พออ่านถึงตรงนี้เราก็อาจจะคิดว่าทุกจังหวัดในประเทศญี่ปุ่นก็ดูจะฮอตขนาดนี้ แล้วจังหวัดที่ไม่เป็นที่นิยมล่ะ มันคือที่ไหนบ้าง? และทำไมถึงไม่เป็นที่นิยมกันนะ? เราลองมาดูสาเหตุกันเถอะค่ะ
3 อันดับจังหวัดยอดแย่
ความนิยมในที่นี้จะวัดจากการสำรวจสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพัก จากที่ทางการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นเผย ในปีค.ศ. 2017 ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา 3 จังหวัดที่มีจำนวนชาวต่างชาติที่มาเข้าพักน้อยที่สุด ได้แก่ 3 จังหวัดดังต่อไปนี้
ยอดแย่อันดับ 1 คือ จังหวัดชิมาเนะ 47,860 คน (เทียบกับปี ค.ศ.2016 -17.9%)
ยอดแย่อับดับ 2 คือ จังหวัดฟุกุอุ 61,160 คน (เทียบกับปี ค.ศ.2016 +12.5%)
ยอดแย่อันดับ 3 คือ จังหวัดโคจิ 75,410 คน (เทียบกับปี ค.ศ.2016 +0.0%)
(ซึ่งจำนวนผู้เข้าพักที่เป็นชาวต่างชาติในจังหวัดชิมาเนะเท่ากับ 0.06% ของจำนวนผู้เข้าพักทั้งหมด)
จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวม
ทั้ง 3 จังหวัดที่กล่าวไปข้างต้น ล้วนแต่เป็นสถานที่ที่ทิวทัศน์สวยงามหันหน้าออกทะเลและมีปลาแสนอร่อยเลิศรส สำหรับจุดท่องเที่ยวเด่น ๆ ในจังหวัดชิมาเนะก็จะมีศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะกับสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะอะดาชิ ซึ่งก็เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากคนไทยอยู่ไม่น้อย ส่วนจังหวัดฟุกุอิจะโด่งดังเรื่องวัดเออิเฮจิและหน้าผาโทจินโบ นอกจากนี้หากใครเป็นแฟนคลับไดโนเสาร์แล้วหละก็ ต้องรู้จักพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ของจังหวัดฟุคุอิอย่างแน่นอน และส่วนของจังหวัดโคจิเองก็มีแม่น้ำชิมันโตะ และสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คเลยก็คือปราสาทโคจินั่นเอง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์ดึงดูด แม้แต่กับคนญี่ปุ่นเองก็ตาม
หรือสาเหตุอาจจะเป็นเพราะปัญหาที่พักไม่เพียงพอ ? แต่ก็คงไม่น่าใช่เพราะเมื่อดูความพร้อมในการใช้งานของห้องพักแล้ว พบว่าห้องพักในจังหวัดชิมาเนะมีความพร้อมในการใช้งานถึง 58.2% จังหวัดฟุกุอิมี 41.2% และจังหวัดโคจิมี 47.2% ดังนั้นจะว่าเป็นเพราะปัญหาที่พักไม่พอทำให้มีจำนวนผู้เข้าพักน้อยก็คงไม่ใช่
ความสะดวกในการเดินทาง
จะว่าไปการเดินทางไป 3 จังหวัดดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะทั้ง 3 จังหวัดเป็นจังหวัดที่ไม่มีรถไฟชินคันเซ็นผ่าน (แต่มีรถไฟ JR ไปถึงได้นะ แค่อาจจะต้องเปลี่ยนสายกันยุ่งยากสักหน่อย) แถมจังหวัดฟุกุอิก็ยังไม่มีสนามบินภายในจังหวัดทำให้ไม่มีเที่ยวบินไปถึงจังหวัดได้โดยตรง อีกทั้งปัจจุบันยังไม่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ไปกลับระหว่างสนามบินอิซุโมะในจังหวัดชิมาเนะกับสนามบินโคจิเรียวมะในจังหวัดโคจิอีกต่างหาก
ศาลเจ้าอิซุโมะไทชะ ในสายตาชาวต่างชาติ
สำหรับคนไทยถ้าพูดถึงศาลเจ้าคงต้องหนีไม่พ้นเรื่องการขอพร โดยเฉพาะศาลเจ้าอิซุโมะไทชะที่ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องโชคลาภและความรัก หลาย ๆ คนจึงเลือกที่จะไปขอพรกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้ อีกทั้งยังถือว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญมากในประเทศญี่ปุ่นและมีเชือกศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าชิเมะนะวะอันใหญ่โต ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศาลเจ้าอิซุโมะไทชะ นอกจากนี้ยังมีเสียงจากทั้งชาวจีนและชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่บอกว่าสามารถสัมผัสได้ถึงเสน่ห์อันลึกลับเกี่ยวกับตำนานที่ว่าเทพเจ้าทั้งหลายจะมารวมตัวกันอยู่ที่ศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะ ในช่วงเดือนตุลาคมหรือที่โบราณเรียกว่าคันนะซึกิ
แต่อีกด้านก็มีเสียงจากชาวสวิตเซอร์แลนด์บอกว่า “ไม่สามารถเข้าชมภายในตัวอาคารไหนได้สักที่เลย” “ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ดู” “ในพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ มีอะไรอยู่บ้างก็มองไม่เห็น คำบรรยายภาษาอังกฤษก็หาไม่เจอ เลยไม่ได้เข้าไปเลย” ได้ยินแบบนี้แล้วก็น่าเสียดายใช่ไหมคะ เพราะทั้ง ๆ ที่พิพิธภัณฑ์ในศาลเจ้าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ในบริเวณจังหวัดชิมาเนะ ซึ่งมีสาระและน่าค้นหาแท้ ๆ แต่ยังมีหลายบริเวณที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
เป็นอย่างไรบ้างคะ พอได้ทราบสาเหตุของการกลายมาเป็นจังหวัดยอดแย่ที่ไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวแล้ว ทุกคนเห็นด้วยหรือไม่คะ แต่การไม่เป็นที่นิยมก็อาจจะเป็นข้อดีเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายก็ได้ค่ะ และเชื่อว่าถึงแม้จะถูกจัดอันดับเป็นจังหวัดยอดแย่ แต่ทั้งจังหวัดชิมาเนะ จังหวัดฟุกุอุและจังหวัดโคจิ ต่างก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวอันน่าหลงใหลรอให้ทุกคนลองไปสัมผัสด้วยตัวเองอยู่อย่างแน่นอนค่ะ
ที่มา : tabizine, airticket-mall
ผู้เขียน : หยงๆ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ anngle.org