เศรษฐีชาวญี่ปุ่นยังคงมีมูลค่าทรัพย์สินมากที่สุดในเอเชีย หากแต่เศรษฐีชาวจีนกำลังสั่งสมความมั่งคั่งมากขึ้น จนอาจแซงหน้าได้ในไม่ช้า
ผลการสำรวจเรื่องความมั่งคั่งในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ของบริษัทที่ปรึกษา Capgemini ระบุว่า เศรษฐีในญี่ปุ่นมีมูลค่าทรัพย์สินมากที่สุด กว่า 7.7 ล้านล้านดอลลาร์ ผู้ที่ร่ำรวยที่สุด คือ มาซาโยชิ ซง CEO ของบริษัทซอฟแบงก์ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของญี่ปุ่น ตามมาด้วย ทาดาชิ ยาไน ประธานบริษัทฟาส รีเทลลิง เจ้าของร้านเสื้อผ้ายูนิโคล
อย่างไรก็ตาม มูลค่าทรัพย์สินของเศรษฐีชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากถึงร้อยละ 144 ในช่วงปี 2010-2017 โดยมีมูลค่า 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ พูดได้ว่าเศรษฐีชาวจีน “รวยเร็ว” กว่าเศรษฐีชาวญี่ปุ่น และหากเศรษฐกิจแดนมังกรยังเติบโตเช่นนี้ ทรัพย์สินของเศรษฐีชาวจีนจะแซงหน้าชาวญี่ปุ่นในไม่ช้า
เศรษฐีชาวจีนหลายคนร่ำรวยแซงหน้าเศรษฐีชาวญี่ปุ่น เช่น หม่า ฮว่าเถิง CEO ของเทนเซนต์ ผู้ให้บริการแอพลิเคชั่น WeChat และบริการอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ซึ่งเป็นคนที่รวยที่สุดในเอเชีย รวมทั้ง แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งกลุ่มอาลีบาบา หากแต่เมื่อรวมทั้งประเทศแล้ว เศรษฐีในญี่ปุ่นยังรั้งแชมป์
ทั้งนี้ นิยามของ “เศรษฐี” จากจากการสำรวจนี้ คือ ทรัพย์สินในการลงทุนมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์
ประเทศอื่น ๆ ที่มีเศรษฐีจำนวนมากจากการสำรวจนี้ ได้แก่ อินเดีย, เกาหลีใต้, ฮ่องกงที่เศรษฐีส่วนใหญ่ร่ารวยจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ไทย, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และอินโดนีเซียที่เศรษฐีมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาก หลังจากรัฐบาลนิรโทษกรรมผู้ที่ขาดชำระภาษีในช่วงปี 2016-2017
ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกมีเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.4 ของความมั่งคั่งทั่วโลก เศรษฐีชาวเอเชียมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันมากถึง 21.6 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัวเป็น 42 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 จนเรียกว่าว่าเป็น “ช่วงเวลามหัศจรรย์แห่งเอเชีย”.
