xs
xsm
sm
md
lg

ทำไมคนญี่ปุ่นเห็นด้วยให้รีบปลดประธานบริษัทรถยนต์นิสสันคนเก่ง !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ผมได้อ่านข้อความในทวิตเตอร์ ที่มีคนแชร์เกี่ยวกับข้อความกินใจที่อดีตประธานบริษัทนิสสันพูดไว้ ประมาณว่า “คุณค่าของคนเราไม่ได้วัดกันตอนที่ชีวิตรุ่งเรือง แต่วัดกันเมื่อเขาอยู่ในช่วงที่ตกต่ำที่สุด” ตอนอ่านผมก็ไม่รู้ข่าวคราวเขาเลย แค่นึกว่าเป็นคำพูดที่ดีจัง แต่พอมีหลายคนแชร์ข้อความกันมากขึ้นๆ ก็นึกแปลกใจว่ามีอะไรหรือเปล่าทำไมคนสนใจกันจัง จึงตามอ่านข่าวและคิดว่าเพื่อนๆ ก็คงพอจะได้อ่านข่าวเกี่ยวกับการจับกุมตัวประธานบริษัทรถยนต์นิสสันมาบ้างแล้ว ตามข่าวบอกว่า

"ได้มีการจับกุมตัว Mr. Carlos Ghosn (นายคาร์ลอส กอส์น) วัย 64 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มพันธมิตรบริษัท เรโนลต์-นิสสัน (Renault-Nissan Alliance) เขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานและซีอีโอของกลุ่ม เรโนลต์ของฝรั่งเศสและดำรงตำแหน่งประธานบริษัท นิสสันมอเตอร์ จำกัด ( ญี่ปุ่น) และ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ จำกัด( ญี่ปุ่น) ด้วย มิตซูบิชิ มอเตอร์นี่คือหลังจากที่บริษัทนิสสันเข้าซื้อหุ้นของบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ เป็นสัดส่วน 34% เขาก็ได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทด้วย เขาถูกจับกุมตัวในญี่ปุ่นหลังผลสืบสวนภายในพบว่ามีความประพฤติที่ผิดต่อหน้าที่หลายประการ รวมทั้งแจ้งผลตอบแทนที่ได้รับต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ยังพบการประพฤติผิดต่อหน้าที่อย่างมีนัยสำคัญอีกหลายอย่าง เช่น การนำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้ส่วนตัว และใช้งบประมาณบริษัทในทางไม่ถูกต้อง เช่นอะไรบ้างเดี๋ยวจะเล่าต่อครับ จึงทำให้คณะกรรมการนิสสันและมิตซูบิชิ เตรียมพิจารณาเพื่อปลดนายกอส์นออกจากตำแหน่ง

คือก่อนหน้านี้บริษัทนิสสันได้จับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทเรโนลด์ของฝรั่งเศส ภายใต้การนำของนายกอส์นจึงทำให้นิสสันสามารถฟื้นตัวและกลับมาเป็นคู่แข่งกับโฟล์คสวาเกน,โตโยต้าและรถตลาดอื่นๆ ได้ในแง่ของยอดขายรถยนต์

นายกอส์น จึงเป็นผู้บริหารระดับสูงที่เป็นชาวต่างชาติในบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งไม่ค่อยมีให้เห็นนัก เขาเป็นผู้วางรากฐานของแผนการฟื้นฟูบริษัทนิสสัน ที่ทำให้บริษัทนิสสันออกจากวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ได้ และสามารถกลับสู่บริษัทที่มีศักยภาพในการทำกำไรได้อีกครั้ง ทั้งนี้ยังช่วยให้นิสสันพลิกฟื้นจากการล้มละลายด้วยการใช้กลยุทธ์และมาตรการแรงๆ อย่างเช่น การปิดโรงงานบางแห่งและการปรับโครงสร้างขนานใหญ่ครับ และชื่อของเขาเป็นที่ยอมรับกันอย่างรวดเร็วในญี่ปุ่น ซึ่งแทบจะไม่ค่อยมีผู้บริหารชาวต่างชาติซึ่งเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างเช่นนี้ "

เมื่อประมาณ 3 ปี ก่อนหน้านี้ มีคำพูดเกี่ยวกับ グローバルエリート Global Elite ดังมาก แพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่นเลยคือ เขาบอกว่า " ต่อจากนี้ไปจะมีการแข่งขันอย่างแข็งขันกันทั่วโลก นักศึกษาที่จบใหม่จากทั้งคนจีน คนอินเดียจะเข้าสู่ตลาดแรงงานทั่วโลกกันมากขึ้น คนที่เป็นคนประเภท Elite ( ซึ่งดีที่สุด) หมายถึงคนที่จะเสียดายเวลาในชีวิต จะทำงานหนักแม้เวลาพักผ่อน พวกเขาเก่งทั้งภาษา เทคโนโลยี มีความรู้ความสามารถ เก่งทุกทาง ทั้งการเรียน การใช้ชีวิต เก่งกีฬา วาดเขียน เป็นต้น คนประเภทนี้แหละที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานในโลกแห่ง Global Elite กันมากขึ้น ในสื่อบอกว่าพวกคุณก็ต้องทำตัวให้เป็น Global Elite เช่นกัน " นี่คือสิ่งที่ดังมากๆ เมื่อสักสามปีก่อน ผมยังคิดว่าต้องเลิศขนาดนั้นเลยเหรอ なんでそんな面倒な事をせにゃならんのか…(´Д`) ซึ่งถ้าโปร์ไฟล์ดีขนาดนี้ แค่ข้อที่บอกว่าต้องพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ยากแล้วครับ แต่ตอนนี้ก็ไม่เห็นพูดถึงกันสักเท่าไหร่แล้วนะครับ แต่อย่างหนึ่งที่เห็นได้จากกรณีของ Mr. Carlos Ghosn คือ เขานี่แหละที่ถือว่าเป็นคนหนึ่งละที่เรียกได้ว่า Global Elite ตัวจริงคนหนึ่งเลยเชียวเพราะว่า

ประวัติและความสามารถดีมาก เขาเกิดที่บราซิล เป็นชาวบราซิล เชื้อสาย ฝรั่งเศส-เลบานอน เขาใช้เวลาวัยเยาว์ส่วนใหญ่ในเลบานอน เขาจบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์จาก École Polytechnique ของฝรั่งเศส สามารถพูดได้มากกว่า 5 ภาษา มีความสามารถสูงเป็นผู้บริหารระดับสูงของโรงงานของบริษัท มิชลิน บริษัทยางรถยนต์ตั้งแต่อายุเพียง 30 ปี ถ้าเทียบกับ CEO คนญี่ปุ่นในบริษัทญี่ปุ่นทั่วไป อายุขนาดนี้บางทียังเพิ่งไต่เต้าเป็นพนักงานเดินไลน์ หรือขัดโครงรถอยู่เลย การที่คนสไตล์ Global Elite ที่ว่านี้ต้องมาทำงานในระบบบริษัทญี่ปุ่นนี้บางทีก็นึกไม่ออกว่า เป็นส่วนผสมที่เข้ากันได้อย่างไร

หลายท่านอาจคิดว่า เรื่องแบบนี้ที่ญี่ปุ่นก็มีเหรอ ครั้งแรกที่ผมได้ยินข่าวก็ยังคิดเช่นกันว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยนะ こんな事ってあるんだな ( ゚д゚) ...ที่ญี่ปุ่นมีคำพูดหนึ่งบอกไว้ว่า 一寸先は闇 issun saki wa yami ไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต! จากกรณีนี้ก็คงจะอ้างอิงใช้คำพูดนี้ได้ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่านิสสันจะมีประธานบริษัทเป็นคนต่างชาติ แต่ตอนนี้ประธานบริษัทคนนี้ก็กำลังถูกปลด ถ้าไม่ปลดจะเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าปลดออกไปแล้วจะไรจะตามมา จากตอนแรกที่ผมอ่านข่าวผมก็คิดว่าแค่เรื่องหนีภาษีทั่วไปหรือแสดงรายได้น้อยกว่าที่ควรเท่านั้น แต่เมื่ออ่านจากหลายๆ แหล่งข่าวก็ได้ข้อมูลที่หลากหลายยิ่งขึ้น ข้อมูลต่างๆ นี้ทำให้คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เห็นด้วยที่ต้องปลดเขาออกจากการเป็นประธานบริษัท พูดไปก็คล้ายๆ กับการปฏิวัติ

นอกจากเนื้อหาเรื่องราวตามที่ข่าวสื่อออกมาว่า เขาแจ้งเรื่องผลตอบแทนต่ำว่าที่เป็นจริงแล้ว บางข่าวก็บอกว่าเขานำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้ส่วนตัว และใช้งบประมาณบริษัทในทางไม่ถูกต้อง เช่น อนุมัติให้ใช้เงินบริษัทซื้อบ้านพักที่ตนเองพอใจในประเทศที่ตนเองสนใจในชื่อของบริษัท เพื่อใช้ในการเข้าพักส่วนตัว คล้ายๆ ว่าเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งจากบริษัท หรือที่เรียกว่า 現物支給、フリンジ・ベネフィット fringe benefit ก็คงจะได้ คือเป็นผลประโยชน์เพิ่มเติมที่นอกเหนือไปจากค่าจ้างซึ่งคนทำงานจะได้รับ เช่น การจ่ายค่าจ้างทำงานในวันหยุด พวกเงินบำนาญ หรือการประกันสุขภาพ เป็นต้น คืออย่างกรณีนี้นี่ถึงแม้ว่าจะดูว่าเป็นการกระทำที่ไม่ค่อยดี ไม่น่าเอาอย่าง แต่ถ้าลองคิดอีกแง่ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ ถ้าเป็นพนักงานบริษัทเข้าพักบ้านพักบริษัทมันก็น่าจะเป็นสิทธิอย่างหนึ่งหรือเปล่า ( ´・ω・)それは……社宅では…? แต่ที่เค้าโดนประเด็นนี้เพราะเขาไม่ได้แจ้งบริษัทว่าได้ใช้ทรัพย์สินของบริษัทอยู่ คือไม่ได้รายงาน 有価証券報告書 Annual Report นั้นเอง และจำนวนเงินก็เป็นจำนวนมากอยู่เหมือนกัน คือคนจะโดนเล่นอ่ะนะครับอย่างไรก็ต้องโดนเอามาเป็นประเด็นจนได้ เป็นต้น

หลายคนมองว่าประเด็นเช่นเดียวกันนี้ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรอื่นๆ ก็ทำกันทั่วไป บางทีให้ภรรยาน้อยมาอาศัยอยู่ด้วยซ้ำ เรื่องจ่ายภาษี หรือแจ้งเงินได้ หรือใช้สวัสดิการบริษัทแบบประโยชน์ตัวเองเช่นนี้ หลายๆ แห่งก็คงมีบ้างล่ะที่ทำอยู่ เพียงแต่จะถูกจับหรือเปล่าเท่านั่นแหละ แต่กรณีของ Mr. Carlos Ghosn นายคาร์ลอส กอส์น นี้เขาว่ากันว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านี้ คืออาจจะเป็นแผนการเพื่อให้เขาได้โดนปลดก็เป็นได้

แต่อีกหนึ่งประเด็นร้อนๆ ที่แหล่งข่าวซุบซิบกันที่บอกว่าเหมือนเป็นแผนปฏิวัติ ชิงเลื่อยขานาย Mr. Carlos Ghosn ก็เพราะว่า กลัวว่าอีกไม่นานนี้ถ้าไม่รีบทำอะไรเลย บริษัทรถยนต์นิสสันของคนญี่ปุ่นอาจจะถูกกลืนไปเป็นของฝรั่งเศสทั้งหมด ดังนั้นความเป็นญี่ปุ่นและเทคโนโลยีต่างๆ ที่สร้างมาคือคนญี่ปุ่นก็คงไม่ยอมนะครับ มีแหล่งข่าวบอกว่า Renault ถือหุ้นของนิสสัน 43% และรัฐบาลฝรั่งเศสถือหุ้นใหญ่ของบริษัท Renault มีหุ้นอยู่ 15% นั่นหมายความว่ารัฐบาลฝรั่งเศสมีส่วนที่เป็นเจ้าของบริษัท Nissan อยู่ ปัจจุบันหุ้นของบริษัทนิสสันกำไรปีละ 6% ซึ่งถือว่าดีเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจเช่นนี้ และเงินกำไรก็คือคนญี่ปุ่นทำงานหนักเพื่อเข้ารัฐบาลฝรั่งเศส และมีแหล่งข่าวบอกว่าอีกไม่นานก็เป็นไปได้ว่าจะถูกรวบรัดนั่นเองคือชื่อนิสสันอาจจะหายไป หรือเป็นชื่อร่วมระหว่าง Renault Nissan หรืออะไรก็ตามที่เค้ากำลังจะรวบให้เป็นบริษัทเดียวกัน คือถ้าไม่มีมูลว่าจะมีโครงการรวมบริษัทให้เป็นบริษัทเดียว เรื่องอาจจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบก็ได้นะครับเพราะว่า 一寸先は闇 issun saki wa yami ไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต!

วันนี้คงจบประเด็นที่แค่นี้ก่อน อาจจะนำข้อมูลมาแชร์เพื่อนๆ ต่อโอกาสหน้าครับ วันนี้สวัสดีครับ



กำลังโหลดความคิดเห็น