xs
xsm
sm
md
lg

ยลศิลป์ยินญี่ปุ่น : ไม้มงคลบนภาพเขียน

เผยแพร่:   โดย: โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์

“ภาพนกน้ำ ไผ่ และต้นบ๊วยกลางหิมะ” (Setsuchū Baichiku Yūkin-Zu)
ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
Tokyo University of Foreign Studies


“ยลศิลป์ยินญี่ปุ่น” คือมุมพิเศษมุมใหม่ที่มาแทน “สะดุดคำ” หลังจากที่ได้นำเสนอมาครบ 3 ปีเต็ม มุมนี้จะแนะนำญี่ปุ่นผ่านงานศิลปะเดือนละครั้ง ด้วยการบอกเล่าแง่มุมที่น่าสนใจในเชิงศิลปะ สังคม และเกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการมองผ่านจิตรกรรมประเภทต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ประกอบกับคำอธิบายสะท้อนภูมิหลังทางยุคสมัยในลักษณะที่หาอ่านที่อื่นได้ยาก

ญี่ปุ่นเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ความหนาวนำมาซึ่งหิมะในหลายภูมิภาค คนญี่ปุ่นจำนวนมากไม่ชอบฤดูนี้ และยินดีที่จะอยู่ในพื้นที่ร้อน ๆ อย่างเมืองไทยมากกว่า ความหนาวคืออุปสรรคอย่างหนึ่งต่อชีวิตคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะในสมัยที่ไม่มีเทคโนโลยีทำความร้อนดังเช่นปัจจุบัน คนญี่ปุ่นจึงมองว่าความทรหดต่อความหนาวคือคุณสมบัติที่ดีและจำเป็นต่อการใช้ชีวิต พอมองไปรอบตัวก็พบว่ามีต้นไม้บางชนิดที่ไม่ยอมแพ้ความหนาว นั่นถือว่าเป็นสัญลักษณ์ในทางบวกและเป็นพืชมงคลในสายตาคนญี่ปุ่น (และคนจีน) ต้นไม้ 3 ชนิดนี้คือ “สน-ไผ่-บ๊วย” ภาษาญี่ปุ่นเรียกรวมกันว่า “โช-ชิกุ-ไบ” (松竹梅;shōchikubai) ซึ่งผูกพันกับชีวิตคนญี่ปุ่นมาเนิ่นนานในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการนำไปใช้ในพิธีมงคล และกลายเป็นแม่บทในงานศิลปะอีกมากมาย



งานจิตรกรรมหลายชิ้นที่ใช้ไม้มงลคลเป็นต้นแบบและกลายเป็นตัวแทนศิลปะชิ้นเอกของญี่ปุ่น ได้แก่ ผลงานของจิตรกรคาโน ทันยู (狩野探幽, Kanō Tanyu; 1602-1674) แห่งสำนักคาโน ซึ่งมีบทบาทในสมัยเอโดะ โดยได้รับมอบหมายจากรัฐบาลโชกุนตระกูลโทกูงาวะให้เป็นจิตรกรของทางการคนแรก ภาพหนึ่งที่ถือว่าเป็นผลงานอมตะคือภาพต้นไม้กลางหิมะ ซึ่งวาดลงบนแผ่นประตูเลื่อนสำหรับกั้นห้องญี่ปุ่น
คาโน ทันยู (Kanō Tanyu; 1602-1674)
เมื่อเห็นภาพอยู่ตรงหน้า ก่อนจะจับสายตาลงรายละเอียด สิ่งที่ดูเหมือนเปล่งพลังดึงดูดออกมาทันทีคือพื้นหลังสีทอง บางจุดอาจดูด้านหรือซีดลงไปบ้างเพราะวาดไว้เกือบ 400 ปีแล้ว ภาพดูเรียบง่าย แต่สะดุดตาด้วยองค์ประกอบที่ดูมีพลัง เนื้อหาที่ปรากฏนั้นเห็นชัดว่าเป็นฤดูหนาวโดยสังเกตได้จากสีขาว ๆ ของหิมะที่เกาะกิ่งและลำต้นของต้นไม้อย่างชัดเจน แต่สำหรับต้นไม้นั้น หากไม่บอกคงมองออกได้ยากว่าคือต้นอะไร
“ภาพนกน้ำ ไผ่ และต้นบ๊วยกลางหิมะ” (Setsuchū Baichiku Yūkin-Zu)
ภาพนี้คือผลงานในปี 1634 ที่ทันยูรังสรรค์ขึ้นเป็นของกำนัลเพื่อต้อนรับโชกุนโทกูงาวะ อิเอมิตสึตอนแวะพักที่ปราสาทนาโงยะระหว่างเดินทางสู่เกียวโต เป็นภาพที่อวดฝีมือของทันยูในศิลปะที่เรียกว่า “ซุยโบกุ-งะ” (水墨画;Suiboku-ga) หรือ “ภาพหมึกดำ” ออกมาอย่างยอดเยี่ยม ปัจจุบันยังคงประดับอยู่ที่ปราสาทนาโงยะ โดยมีขนาดภาพครอบคลุมพื้นที่สี่แผ่นประตู แต่ละแผ่นมีขนาด 191.3 x 135.7 เซนติเมตร เมื่อเรียงต่อกันจะยาวทั้งสิ้นประมาณ 5 เมตรครึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นภาพใหญ่ทีเดียว

จากมุมล่างขวา หิมะสีขาวเกาะติดลำต้นใหญ่และกิ่งไม้ที่หยักคดโค้ง ยื่นออกไปทางซ้ายเหมือนมือที่คล้ายจะเอื้อมจับอะไรบางอย่าง บริเวณฐานภาพตรงนั้นมีใบไผ่ซอยเป็นแฉกแต้มอยู่ นัยว่าคงมีต้นไผ่เกาะกลุ่มกันอยู่และโน้มกิ่งส่งใบมาเยี่ยมเยียนไม้ใหญ่ และไผ่ก็ทนหนาวได้ดีไม่แพ้กัน ไม้ใหญ่ที่ว่านั้นคือต้นบ๊วยซึ่งปลิดใบออกหมดและยืนต้นสู้ทนอากาศ จนกระทั่งกลับมาออกดอกสะพรั่งได้อีกแม้อากาศยังคงหนาวเหน็บ ด้วยองค์ประกอบเช่นนั้น ผลงานนี้จึงได้ชื่อว่า “ภาพนกน้ำ ใบไผ่ และต้นบ๊วยกลางหิมะ” (雪中梅竹遊禽図 ; Setsuchū Baichiku Yūkin-Zu)

รูปทรงของบ๊วยต้นนี้ หากลองลากเส้นตามโครงจากมุมถึงมุมจะได้รูปสามเหลี่ยม โดยมียอดเด่นบนประตูแผ่นที่สองจากทางขวา องค์ประกอบตรงนี้ออกแนวเพรียว ให้ความรู้สึกเบา ๆ ลอยขึ้นฟ้าโดยได้ฐานแน่นคอยค้ำจุน และเมื่อหวนไปดูที่ชื่อภาพ จะพบว่าชื่อนี้ชวนให้สงสัยว่า “นก” ไปอยู่เสียที่ไหน? ด้วยอิทธิพลของต้นบ๊วยที่ดูเหมือนแผ่รัศมีกลบไปทั่ว ส่วนอื่นจึงคล้าย ๆ กับแอบซ่อนตัวตนหลบเร้นเสียเกือบหมด รวมทั้งใบไผ่ที่แซมขึ้นมาด้วย ทว่าตรงนี้เมื่อสังเกตให้ดีย่อมเห็นว่านั่นคือใบไม้คนละชนิดกับไม้ใหญ่ อีกทั้งพอไล่สายตาให้ทั่ว จะเห็นนกตัวเล็กปรากฏในภาพ 2 ตัว แต่ละตัวอยู่บนแผ่นริมสุดของแต่ละฝั่ง

นอกจากไผ่กับบ๊วยในภาพนี้แล้ว แน่นอนว่าต้นสนก็อยู่ในจิตรกรรมของทันยูเช่นกัน ต้นสนมีหลายพันธุ์ พันธุ์ที่แพร่หลายในภาพเขียนคือ “มัตสึ” ซึ่งยืนต้นทนหนาวเช่นเดียวกับบ๊วย แต่ที่เหนือกว่านั้นคือสนไม่สลัดใบ จะเขียวอยู่เช่นนั้นตลอดปีแม้อยู่กลางหิมะ เป็นสัญลักษณ์ของอายุยืนยาว คนญี่ปุ่นเชื่อด้วยว่าสนป้องกันความชั่วร้ายได้และมีรุกขเทวารักษา ในช่วงเทศกาลปีใหม่ คนญี่ปุ่นจะนำพุ่มสน ซึ่งเรียกว่า “คาโดะ-มัตสึ” (門松; kado-matsu) มาติดที่ประตูบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือนของเทพเจ้า
“คาโดะ-มัตสึ” (พุ่มสนต้อนรับเทพเจ้าช่วงปีใหม่)
สนมัตสึเป็นไม้มงคลที่ปรากฏในศิลปะญี่ปุ่นบ่อยมาก และได้รับความนิยมนำไปทำเป็นบอนไซไม้ดัดด้วย ในภาพเขียนตามที่ต่าง ๆ เช่น ฉากกั้นห้อง ประตูเลื่อน ภาชนะ สนปรากฏทั้งในฐานะศูนย์กลางภาพและในฐานะองค์ประกอบรอง ในละครโนหรือคาบูกิซึ่งเป็นศิลปะการแสดงดั้งเดิม ภาพฉากบนเวทีมักมีสนปรากฏ สนไม่เพียงแต่มีคุณค่าเชิงวัฒนธรรม แต่มีประโยชน์จับต้องได้ในชีวิตประจำวันด้วย กล่าวคือ ตามแนวชายฝั่งทะเล หรือรอบ ๆ บ้าน หรือริมถนน คนญี่ปุ่นปลูกต้นสนเป็นแนวป้องกันลมและป้องกันการพังทลายของดิน
สนบอนไซ
ด้วยความใกล้ชิดกับชีวิต ในบรรดาจิตรกรรมดังประจำชาติ จึงพบว่ามีหลายชิ้นที่ใช้ต้นสนมัตสึเป็นแม่บท และชุดหนึ่งที่ขึ้นชื่อคือผลงานของทันยูอีกเช่นกัน ได้แก่ “ฉากกั้นห้องภาพสนมัตสึสี่ฤดู” (四季松図屏風;Shiki Matsu-zu Byōbu) โดยวาดบนฉากกั้นห้องแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการนำความภูมิใจของคนญี่ปุ่นต่อ “สี่ฤดูกาล” (คนญี่ปุ่นภูมิใจเรื่องนี้มาก และมักถามคนต่างชาติว่าประเทศของคุณมี 4 ฤดูเหมือนญี่ปุ่นด้วยหรือไหม) ที่ส่งผลต่อทัศนียภาพและชีวิตความเป็นอยู่มาถ่ายทอดเป็นงานศิลปะ โดยยกให้ต้นสนหลากลักษณะเป็นตัวเอก ภาพนี้คาดว่าคงวาดขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่งประมาณปี 1641-1646
ฉากกั้นห้องภาพสนมัตสึสี่ฤดู” ” (Shiki Matsu-zu Byōbu)
ต้นสนทางขวาสุดชูยอดสูงเด่น ชวนให้คิดว่านี่คือสนต้นอ่อน เจริญวัยขึ้นสู่ฟ้า มีแรงมีกำลังสดใส เป็นสนฤดูใบไม้ผลิ ถัดไปทางซ้ายคือสนที่มีลำต้นภูมิฐานมั่นคง แผ่กิ่งใบออกในแนวนอนมากกว่า นี่คือสนหน้าร้อน ถัดไปถึงต้นที่สามมีรอยแดงแต่งแต้มตลอดต้น สื่อถึงสีใบไม้ที่เปลี่ยนแปลงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว นี่คือสนฤดูใบไม้ร่วง และต้นริมซ้ายสุดมีสีขาวทาบทา บ่งชี้ว่ามีหิมะปกคลุม นี่คือสนหน้าหนาว และสี่ช่วงเหล่านี้สื่อความตามการเจริญวัยของคนได้ตามลำดับด้วย คือ “เด็ก-หนุ่มสาว-กลางคน-ชรา”

หากใครมาเยือนญี่ปุ่นแล้วหลบลี้ความพลุกพล่านของย่านจับจ่ายซื้อของไปเข้าพิพิธภัณฑ์ ตรงไหนมีผลงานจิตรกรรมจัดแสดงอยู่ นอกจากจะได้ดูดอกซากุระแล้ว มักจะได้เห็นต้นไม้ 3 ชนิดข้างต้นนี้อยู่บ่อย ๆ ซากุระเด่นเรื่องความสวย แต่ “สน-ไผ่-บ๊วย” เด่นเรื่องความทน จึงถือเป็นไม้มงคลและครองพื้นที่ในวงการศิลปะญี่ปุ่นมานานไม่แพ้กัน

**********
คอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึก โดย ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ แห่ง Tokyo University of Foreign Studies จะมาพบกับท่านผู้อ่านโต๊ะญี่ปุ่น ทุกๆ วันจันทร์ ทาง www.mgronline.com



กำลังโหลดความคิดเห็น