xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 26 ปริศนากำลังจะคลี่คลาย (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

ฆาตกรตัวจริง

ลำแสงเส้นบางราวเส้นด้ายส่องลอดออกมาจากรอยแยกของผ้าม่านสองไข สะท้อนเป็นเส้นอยู่บนใบหน้าขาวซีดของทาเอโกะ

สาวน้อยสอดส่ายสายตาผ่านช่องว่างนั้นเข้าไปภายในห้องด้านโน้นแต่ก็ไม่เห็นใครสักคนอยู่ในขอบเขตอันสายตาอันจำกัดน้อยนิด จึงกลั้นใจแง้มผ้าม่านออกทีละนิดพร้อมตั้งท่าวิ่งหนี เพราะอาจมีคนประสงค์ร้ายซุ่มตัวแฝงเงามืดคอยจังหวะเผ่นโผนเข้ามาจู่โจมทำร้ายอยู่ก็ได้

ทาเอโกะกลั้นใจยาวนานจนรู้สึกแทบจะสิ้นลม หัวใจก็แทบจะหยุดเต้นลงไปในบัดดล แต่น่าแปลกเป็นที่สุดไม่มีใครแม้แต่เงาที่หลังม่านสีชมพู ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครกระโจนเข้าใส่

ทาเอโกะชักจะกล้าขึ้น เธอแหวกม่านกว้างออกทีละนิดจนมองเห็นไปทั่วห้องทุกมุมห้อง...ไม่มีใครสักคน และในนั้นก็ไม่มีซอกมุมให้ใครเข้าไปซ่อนตัวได้สักแห่งเดียวด้วย

สาวน้อยโผล่หัวเข้าไปในช่องว่างระหว่างม่านสองไข หันหน้ามองไปรอบ ๆ ไม่ว่าจะมองซ้ำกี่รอบต่อกี่รอบก็เห็นแต่ห้องว่างเปล่า จะว่าอาเกจิแกล้งเล่นตลกก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะนักสืบเอกย้ำกับเธอเป็นมั่นเป็นเหมาะออกอย่างนั้น

แปลกจริง...ทาเอโกะตัดสินใจเปิดม่านให้กว้างออก และพอตั้งท่าจะก้าวเข้าไปภายในห้องนั้นเองเธอก็ต้องหยุดชะงักยืนตะลึงอยู่กับที่

อะไรกันนั่น...ตรงหน้าเธอมีม่านสีเดียวกันห้อยอยู่ ม่านถูกเปิดออกในจังหวะเดียวกันนั้นเหมือนล้อเลียน เผยให้เห็นร่างของสาวสวยคนหนึ่ง

นักสืบอาเกจิบอกว่าฆาตกรตัวจริงเป็นผู้หญิง นี่หมายความว่าสาวงามที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผู้นี้คือฆาตกรใจโหดอย่างนั้นหรือ

ทาเอโกะหน้าซีดขาว เบิกตาโพลงจ้องเขม็งไปที่สาวงามตรงหน้า อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะตระหนกตกใจมากจนหน้าซีดขาวไร้สีเลือด เบิกตาโพลงจ้องตอบมาไม่แพ้กัน

แสงสลัวจากดวงไฟจับภาพการเผชิญหน้ากันของหญิงทั้งสอง สะท้อนเงาต่างระดับและแง่มุมดูประหลาดล้ำ ครู่หนึ่งผ่านไปความขึ้งเครียดบนใบหน้าของฝ่ายทาเอโกะก็คลายลง หน้าซีดขาวเริ่มมีสีสันขึ้นมา แล้วอยู่ ๆ สาวงามก็หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

แต่แล้วในวินาทีต่อมา เสียงหัวเราะก็ขาดหายราวปลิดทิ้ง สาวงามทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าที่เพิ่งมีสีสันขึ้นมาเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของคนที่เห็นสิ่งทำให้เกิดความหวาดกลัวอย่างที่สุดในชีวิต ทาเอโกะกรีดร้องเสียงแหลมราวกับผ้าไหมเนื้อดีถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆ ด้วยกำลังแรง

เสียงกรีดร้องแหลมสูงก้องสะท้อนไปทั่วห้องที่ว่างเปล่า และยังไม่ทันสิ้นเสียงดี ก็ปรากฏว่าทาเอโกะหันหลังวิ่งหนีออกไปตามระเบียงทางเดินที่ยาวเหยียด มุ่งไปทางประตูทางเข้าตึกเสียแล้ว สาวสวยผู้ตื่นตระหนกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เตลิดไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวหลังราวกับถูกภูตผีไล่ตาม

พอมาถึงชานหน้าประตูทางเข้าตึกที่มืดมิด เงาทะมึนของคน ๆ หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาขวางทางเอาไว้ แล้วหัวเราะเสียงดังเป็นกังวานน่ากลัว

“นึกว่าจะหนีพ้นอย่างนั้นรึแม่โฉมงาม ไม่มีทางหนีรอดไปได้หรอกจะบอกให้”

ชายลึกลับขู่เสียงกร้าว ตะปบฝ่ามือใหญ่โตลงบนบ่าของทาเอโกะแล้วบีบด้วยกำลังแรง สาวน้อยตกอยู่ในสภาพเหมือนนกกระจอกตัวน้อย ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะสะบัดขัดขืน ทิ้งร่างอ่อนระทวยทรุดลงกับพื้นตรงนั้นเอง

รูบนกำแพง

พอดีกับช่วงเวลานั้น ในห้องที่มืดมิดไม่เปิดไฟติดกับห้องม่านสีชมพู ชายสามคนรวมตัวกันอยู่ในท่าเกาะก่ายกันอย่างน่าขัน เพื่อส่องสายตามองผ่านรูเล็ก ๆ 3 รู ที่ไม่รู้ว่าใครเจาะไว้บนผนังห้องเก่าคร่ำคร่า เข้าไปดูความเป็นไปในห้องข้าง ๆ

มองออกไปจากรูเห็นม่านสองไขที่ทาเอโกะเปิดออกพอดี ชายทั้งสามจึงเห็นอากัปกิริยาและสีหน้าของสาวงามอย่างใกล้ชิดจนแทบจะยื่นมือไปจับต้องได้ ตั้งแต่ต้นจนเธอกรีดร้องเสียงแหลมวิ่งหนีออกไป

“คุณอาเกจิครับ ทำไมทาเอโกะถึงได้กรีดร้องแล้ววิ่งหนีออกไปอย่างนั้น”

หลังจากที่ทาเอโกะวิ่งลับตัวไป ชายหนึ่งในสามละสายตาจากรูบนผนังแล้วเอ่ยถามขึ้นในที่สุดด้วยเสียงที่เกือบเหมือนกระซิบ

“คุณเห็นหน้าเจ้าหล่อนไหม” คนในเงาดำมืดที่ถูกเรียกว่าอาเกจิย้อนถาม

“เห็นครับ ผมไม่เคนเห็นน้องทำหน้าน่ากลัวอย่างนั้นมาก่อน รู้สึกเหมือนกับเป็นผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ทาเอโกะ”

จากการที่เอ่ยถึงทาเอโกะว่าน้องสาว ทำให้ดูเหมือนว่าคนพูดต้องเป็นพี่ชายคนใดคนหนึ่งของครอบครัวทามามุระ

“มนุษย์เราน้อยคนมากครับที่จะประสบเหตุการณ์ที่ต้องทำหน้าน่ากลัวที่สุดเช่นนั้นในชีวิต คุณเข้าใจความหมายของสีหน้านั้นไหม”

เสียงที่ถามน่าจะเป็นของนักสืบอาเกจิ

“สีหน้าของคนที่เห็นอะไรน่ากลัวที่สุดในชีวิต ผมขนลุกเลยครับที่เห็นว่าคนเรากลัวอะไรได้สุดขีดถึงขนาดนี้”

อีกเสียงหนึ่งกระซิบแทรกเข้ามา ฟังแล้วน่าจะเป็นเสียงของพี่ใหญ่ ทามามุระ อิจิโร และเมื่อเป็นเช่นนี้เสียงแรกจึงน่าจะเป็นของจิโรน้องชาย น่าสงสัยไหมว่าทำไมสองพี่น้องถึงได้ลอบเข้ามาในตึกร้างและมาแอบดูถ้ำมองอยู่ตรงนี้

“น้องสาวเราเห็นอะไร ถึงได้ตื่นตระหนกและหวาดกลัวถึงขนาดนั้น บอกตรง ๆ ว่า ผมแปลกใจจริง ๆ ”

คำถามของจิโร แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งของรูบนผนังที่เจ้าหนุ่มมองออกไปนั้น อยู่ในมุมที่ไม่เห็นภาพผู้หญิงที่ ทาเอโกะเห็น

“ทาเอโกะเห็นหน้าฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าคุณพ่อคุณไงครับ”

“อะไรนะ หมายความว่าคนฆ่าคุณพ่ออยู่ในห้องนั้นจริง ๆ หรือครับ แต่เท่าที่มองออกไปจากรูนี่ ห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนเลยนี่ครับ”

เจ้าหนุ่มจิโรย้อนถามด้วยความสงสัย

“ฆาตกรตัวจริงอยู่ในห้องนั้นแน่หรือครับ ถ้าใช่ทำไมคุณถึงยังลังเลไม่เข้าไปจับตัวให้เสร็จสิ้นไปเสียโดยเร็ว”

เจ้าหนุ่มรุกเป็นเชิงตำหนิ

“ผมไม่ได้ลังเล ตอนนี้สารวัตรนามิโคชิน่าจะจับตัวคนร้ายไว้ได้แล้ว”

จริงด้วย...มิน่าเล่าเมื่อตะกี้สารวัตรกับนักสืบอาเกจิ ถึงได้ซุบซิบอะไรกันแล้วสารวัตรก็รีบแยกตัวไป คงจะไปคอยดักจับผู้ร้ายนั่นเอง

“แต่ก็ยังรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ คนร้ายน่าจะอยู่ในห้องข้าง ๆ นี้ใช่ไหม เท่าที่เฝ้าดูจากรูบนกำแพงนี้ ห้องนั้นเป็นห้องว่างชัด ๆ ไม่มีใครอยู่สักคนและไม่เห็นสารวัตรนามิโคชิเข้าไปในนั้นด้วย”

เจ้าหนุ่มจิโรกระซิบพลางมองเข้าไปในรูบนผนัง

“ใช่ครับห้องว่างจริง ๆ ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นหรอกครับ”

นักอาเกจิพูดอะไรฟังดูแปลก ๆ

“อ้าว แล้วเมื่อกี้คุณบอกว่าน้องผมเห็นคนร้ายไม่ใช่รึ”

“คุณหนูทาเอโกะเห็นฆาตกรจริง ๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฆาตกรซ่อนตัวอยู่ในห้องนั้นนะครับ”

ทาเอโกะเห็นฆาตกร แต่ฆาตกรไม่ได้อยู่ในห้อง...ตรรกะที่ย้อนแย้งเช่นนี้ไม่มีทางเป็นจริงไปได้ นักสืบอาเกจิกำลังจะบอกอะไร ที่แน่ ๆ คือนี่ไม่ใช่เวลาที่จะตั้งปริศนาขึ้นมาลองภูมิกัน

นักสืบเอกหัวเราะชอบใจ “ก็ไม่แปลกอะไรที่คุณจะงงงวย เราไปดูห้องข้าง ๆ กันดีกว่า แล้วปริศนาลึกลับทั้งหมดก็จะกระจ่างแจ้งทันทีเลย”

อาเกจิ หัวเราะเสียงดังจนสองคนพี่น้องรู้สึกตัวเย็นไปตาม ๆ กันด้วยความหวั่นใจว่าหากฆาตกรตัวจริงได้ยินเข้าจะทำกันอย่างไร

นักสืบอาเกจิเดินนำหน้าออกไปที่ระเบียงทางเดินโดยมีอิจิโรกับน้องชายเดินตามไปอย่างงง ๆ ทั้งสามเดินอ้อมเข้าไปในห้องที่มีผ้าม่านสองไขขึงอยู่ ซึ่งพวกเขามองเห็นจากรูบนผนังก่อนหน้านี้

ทั้งหมดเดินมายืนรวมกลุ่มกันที่ด้านหน้าของม่านสองไขเช่นเดียวกับทาเอโกะเมื่อครู่ก่อน แล้วค่อยแหวกม่านออก

“เอาละ เข้าไปดูกันเลยครับ”

เจ้าหนุ่มจิโรก้าวเข้าไปเป็นคนแรกทันทีที่สิ้นเสียงนักสืบอาเกจิ และทันใดนั้นเขาก็เห็นม่านอีกผืนหนึ่งที่ขึงอยู่สุดด้านในของห้องถูกแหวกออกเผยให้เห็นชายหนุ่มในชุดสากลคนหนึ่ง พอเห็นหน้าชัดจิโรก็หยุดยืนตะลึงแล้วก็หัวเราะเขิน ๆ

“โธ่เอ๊ยนึกว่าอะไร ทีแท้ก็กระจกเงา”

ใช่...บนฝาผนังด้านตรงข้ามกับที่ทุกคนยืนอยู่มีกระจกเงาบานใหญ่แบบเห็นทั้งตัวแขวนอยู่ และคงไม่ต้องบอกว่ากระจกเงาบานนั้นสะท้อนให้เห็นทุกอย่างที่อยู่ทางด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่านหรือคน ผู้ชายที่เห็นในกระจกก็คือเจ้าหนุ่มจิโรนั่นเอง

เข้าใจละ กระจกบานนี้เองที่เป็นต้นเหตุทำให้ทาเอโกะตกใจแทบสิ้นสติ เธอวิ่งหนีภาพตัวเองที่สะท้อนในกระจกอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความกลัวสุดขีด

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วฆาตกรตัวจริงล่ะอยู่ที่ไหน

“เมื่อตะกี้ดูเหมือนคุณจะบอกว่า ทาเอโกะตกใจเมื่อเห็นฆาตกร”

อิจิโรหน้าซีดเมื่อจ้องหน้าจ้องตาถามนักสืบเอก

“ใช่ครับ”

“แล้วมันหายไปไหน”

“ไม่หายไปไหนหรอกครับ เพราะไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก”

“แล้ว...”

สองพี่น้องดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจคำพูดของนักสืบอาเกจิขึ้นมาลาง ๆ แต่สิ่งที่เขาคิดมันน่ากลัวเกินกว่าที่จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูด

“คุณหนูทาเอโกะเห็นฆาตกรตัวจริงที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเธอในกระจกเงาบานนี้ครับ”

ในที่สุด อาเกจิ โคโงโรก็เผยความจริง

“อะไรกัน...เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง”

อิจิโร เผลอตัวตะโกนออกมาเสียงดังลั่น

“นี่คุณกำลังบอกว่า น้องสาวของเราเป็นฆาตกรฆ่าพ่อแท้ ๆ ของตนเองอย่างนั้นรึ”

เจ้าหนุ่มจิโรเกรี้ยวกราด

“คุณสองคนก็ได้เห็นหลักฐานชัดเจนด้วยตาตนเองอยู่เดี๋ยวนี้แล้วไงครับ”

นักสืบอาเกจิตอบโต้อย่างใจเย็น

“ตอนแรกเมื่อเห็นภาพในกระจกเงาคุณหนูทาเอโกะสะดุ้งตกตะลึงไป แต่ก็หัวเราะออกเมื่อรู้ว่ามันคือกระจกเงาเหมือนกับที่คุณจิโรหัวเราะเมื่อตะกี้ แต่ในวินาทีต่อมา ผู้หญิงในกระจกหยุดหัวเราะทันที หน้าซีดขาวและตาเบิกโพรงด้วยความกลัว ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนชวนให้ขนลุก จะมีใครบ้างไหมในโลกนี้ที่เห็นหน้าตนเองในกระจกเงาแล้วเกิดความกลัวสุดขีดขึ้นมาขนาดนั้น ในห้วงวิกฤติผู้หญิงที่มีสติปัญญาเฉียบคมอย่างเธอย่อมรู้ทันทีเลยว่าได้ถลำตัวลงไปในกับดักของผมแล้ว คุณหนูทาเอโกะเข้าใจทันทีว่าฆาตกรที่ผมบอกว่าซ่อนตัวอยู่หลังม่านนั้น ที่แท้ก็คือตัวเธอเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงา”

พี่ชายทั้งสองได้เห็นความหวาดกลัวสุดขีดบนใบหน้าน้องสาวกันแล้ว และในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังเผชิญกันอยู่นี้ ถ้าทาเอโกะไม่ใช่ฆาตกรตัวจริงก็ไม่น่าที่จะหวาดกลัวจนปรากฏเด่นชัดขึ้นมาบนใบหน้าถึงขนาดนั้น ทว่าลูกสาวจะฆ่าพ่อของตนเองได้อย่างไร

“ทำไม...มีเหตุจูงใจอะไรที่ทำให้ทาเอโกะต้องฆ่าคุณพ่อ”

เจ้าหนุ่มจิโรตะโกนก้อง

“เหตุจูงใจหรือครับ อธิบายได้ง่ายมากเลย” นักสืบอาเกจิพูดเรื่อย ๆ อย่างไม่พรั่นพรึงกับอะไร

“ก็เพราะ ทาเอโกะที่คุณคิดว่าเป็นน้องสาวนั้น จริง ๆ แล้วเธอไม่ใช่ลูกสาวของนายทามามุระครับ”

นักสืบเอกพูดเสียงเบา ๆ แต่ความหมายของคำพูดนั้นดูเหมือนสั่นสะเทือนไปถึงผืนฟ้าเลยทีเดียว คำบอกกล่าวของอาเกจิที่อยู่เหนือความคาดฝันอย่างสิ้นเชิงทำให้เอาอิจิโรและจิโรพูดไม่ออกไปตาม ๆ กัน

คนอย่างอาเกจิ โคโงโรย่อมไม่พูดอะไรที่ไร้มูลเหตุแน่นอน อีกทั้งลักษณะอาการที่ผิดปกติของทาเอโกะก็ฟ้องตัวเองอยู่แล้วชัด ๆ และคำพูดแบบฟันธงของนักสืบเอกก็ต้องไม่ใช่เรื่องโกหก

“ถ้าอย่างนั้น ทาเอโกะเป็นลูกใคร แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ในบ้านเรา คุณคงไม่รู้ว่าผมเห็นน้องมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารก”

เจ้าหนุ่มจิโรเถียงเสียงแข็ง

“อย่าตกใจ ผมจะบอกให้ว่า ทาเอโกะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของนายโอคุมุระ เก็นโซ ปีศาจพยาบาทคนนั้น”

“บ้า...เป็นไปได้ยังไง”

“ไม่แปลกที่คุณจะต้องสงสัย แต่นั่นเป็นความจริงแท้แน่นอนที่ผมสืบมาได้ ทารกเกิดใหม่ถูกสับเปลี่ยนตัวกันที่โรงพยาบาล โดยที่การสับเปลี่ยนตัวทารกเป็นไปตามแผนล้างแค้นที่ล้ำลึกของนายเก็นโซ เขาติดสินบนนางพยาบาลคนหนึ่งให้แอบสับเปลี่ยนตัวลูกสาวของตนที่เพิ่งเกิดกับน้องสาวแท้ ๆ ของพวกคุณที่เผอิญเกิดในช่วงเดียวกัน”

“เดี๋ยว...เดี๋ยว...อะไรนะ นี่หมายความว่า ฟุมิโยะ ลูกโจรนั่น...”

“ใช่ ฟุมิโยะ คือน้องสาวที่สืบสายเลือดเดียวกันกับคุณสองคน เรื่องนี้ผมมีพยานรู้เห็น นางพยาบาลคนนั้นยังอยู่ดีและพร้อมพูดความจริง”

“แต่ทำไมนายเก็นโซถึงต้องทำอะไรอุบาทอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจเหตุผลเลยจริง ๆ “

เจ้าหนุ่มจิโรถามอย่างกราดเกรี้ยว

“เหตุผลอยู่ที่จิตใจอันเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทของนายเก็นโซนั่นเอง หลังจากเปลี่ยนตัวทารกแล้วมันก็คอยเฝ้าดูลูกสาวแท้ ๆ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีในฐานะลูกสาวคนเดียวอันเป็นที่รักของนายทามามุระโดยที่ไม่มีใครรู้ความจริง และพอลูกสาวโตจนรู้ความดีแล้วมันจึงแอบมาพบแล้วเปิดเผยความจริง จากนั้นก็หว่านล้อมให้ลูกสาวเข้าร่วมแผนล้างแค้นของมัน ซึ่งเป็นแผนอุบาทอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คิดดูก็แล้วกันจิตใจของมันชั่วช้าถึงขนาดใช้ทาเอโกะที่คุณทั้งสองคิดว่าเป็นน้องแท้ ๆ และรักมากด้วยนั้นเป็นเครื่องมือแก้แค้นครอบครัวคุณได้อย่างเลือดเย็น สำหรับปีศาจร้ายอย่างมัน ไม่มีอะไรจะแนบเนียนไปกว่าส่งลูกแท้ ๆ ของตนเองเข้าไปเป็นไส้ศึกในบ้านศัตรูโดยทำให้ทุกคนในบ้านนั้นเชื่อว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูล”

เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของนักสืบอาเกจิและนึกย้อนไปในอดีตที่ผ่านมา อิจิโรกับจิโรก็ค่อย ๆ รู้สึกสะกิดใจขึ้นมาทีละน้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมาความที่เชื่อสนิทว่าเป็นน้องแท้ ๆ สองพี่น้องจึงไม่ได้คิดสงสัยอะไร แต่พอคิดขึ้นมาเมื่อรู้ความจริงแล้วเช่นนี้ จึงเห็นว่าอากัปกิริยาของทาเอโกะในบางช่วงตอนดูน่าประหลาดชวนให้สงสัยไม่น้อยเลย

นักสืบเอกกล่าวต่อไปว่า

“เมื่อเรารู้ว่าทาเอโกะเป็นลูกสาวโจรแล้วเช่นนี้ ปริศนาลึกลับหลายประการที่ยังหาคำตอบกันไม่ได้มาจนบัดนี้ คงถึงคราวที่จะคลี่คลายออกมาได้เสียที คนร้ายอยู่ในคฤหาสน์ของคุณเอง แม้ว่าจะปิดประตูหน้าต่างแน่นหนา จัดเวรยามเฝ้าอย่างเคร่งครัดแค่ไหนก็ไม่มีทางป้องกันได้ เพราะลูกสาวเจ้าของบ้านเป็นฆาตกรเสียเอง”

“เข้าใจแล้วครับ คุณช่วยให้เราสองคนได้พบกับทาเอโกะหน่อยได้ไหม ผมอยากฟังจากปากของเธอโดยตรง สารวัตร นามิโคชิ เป็นคนจับทาเอโกะเองหรือครับ”

จิโรตัดบทคำอธิบายของนักสืบเอกด้วยอารมณ์หงุดหงิด

“ใช่ครับ สารวัตรนามิโคชิสกัดจับทาเอโกะเอาไว้ได้ ตอนนี้น่าจะรออยู่ที่ห้องด้านโน้น เดี๋ยวคุณก็จะได้พบผู้สมรู้ร่วมคิดที่ไม่มีใครคาดฝัน และเราได้เชิญคุณป้านางพยาบาลคนนั้นมาด้วย”

อาเกจิ โคโงโรพูดพลางออกเดินนำไปทางห้องด้านโน้น


กำลังโหลดความคิดเห็น