xs
xsm
sm
md
lg

เครื่องดื่มลดความอ้วนสไตล์ญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านที่รักทุกท่าน สัปดาห์ก่อนเราพูดถึงอาหารที่ว่ากันว่าจะช่วยให้หุ่นดีไปแล้ว สัปดาห์นี้เรามาคุยกันเรื่องเครื่องดื่มที่คนญี่ปุ่นใช้เป็นตัวช่วยในการลดความอ้วนกันบ้างดีกว่า

ชาลดไขมัน
ญี่ปุ่นมีชาลดไขมันบรรจุขวดวางจำหน่ายอยู่หลายยี่ห้อและหาซื้อได้ง่ายทั้งจากร้านสะดวกซื้อและทางออนไลน์ ชาแต่ละประเภทเหมาะสำหรับดื่มในเวลาที่แตกต่างกันออกไป บางชนิดดื่มเมื่อไหร่ก็ได้ บางชนิดควรดื่มพร้อมอาหาร

บริษัทผลิตชาเหล่านี้จะโฆษณาสารประกอบสำคัญที่ช่วยลดไขมันแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัท ไม่ว่าจะเป็นแคทีซิน เควอซิทิน โพลิฟีนอล และอื่น ๆ จะว่าไปก็แปลกดีเหมือนกันค่ะที่แต่ละบริษัทชูประเด็นเรื่องสารประกอบในน้ำชาของตนเองแตกต่างชนิดกัน ราวกับได้สัมปทานมากันคนละประเภท ในบทความนี้ขอพูดถึงน้ำชาบรรจุขวดเฉพาะสามยี่ห้อเท่านั้นก็แล้วกันนะคะ
ภาพจาก https://www.fitnessjunkie.jp
บริษัทชาสองแห่ง (ฉลากสีเขียวทางซ้าย และเขียวกับเขียว-ขาวบนสุดดังรูปข้างต้น) บอกว่าชาของพวกเขานั้นอยากดื่มเมื่อไหร่ก็ดื่มได้ ไม่จำเป็นต้องรอดื่มพร้อมอาหาร ขอเพียงดื่มวันละขวดทุกวัน แหม...ฟังแล้วถูกใจมนุษย์ที่ชอบความสะดวกดีจัง แต่อย่างว่าเขาก็ให้เหตุผลว่าเพราะชาเหล่านี้ช่วยเผาผลาญไขมันสะสมในร่างกาย ไม่ใช่เผาผลาญไขมันในอาหารที่กินเข้าไปนั่นเอง

ในน้ำชาสองยี่ห้อนี้จะเน้นสารประกอบที่ช่วยลดไขมันกันคนละตัว ซึ่งได้แก่

สารแคทีซิน มีอยู่มากในใบชา ช่วยให้เอ็นไซม์ในร่างกายที่ย่อยไขมันและเผาผลาญไขมันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งผลให้ไขมันในร่างกายลดลง

สารเควอทิซิน เป็นสารโพลิฟีนอลชนิดหนึ่งซึ่งออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ บริษัทที่ผลิตชาโดยเน้นสารดังกล่าวบอกว่า สารนี้กระตุ้นให้เอ็นไซม์ในร่างกายที่ย่อยไขมันทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและลดไขมันในร่างกายได้

สารเควอทิซินพบในผักผลไม้สีเข้ม เช่น หัวหอม หอมแดง พืชตระกูลถั่ว ไวน์แดง แอปเปิล ชาเขียว และชาโซบะ น่าแปลกที่บริษัทนี้ไม่ได้ผลิตชาโซบะออกมาในฐานะของชาลดไขมัน อาจเพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่แพ้โซบะ หรือไม่ก็ชาโซบะไม่เป็นที่นิยมดื่มมากนัก เกรงจะขายไม่ออกหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ แต่เขาก็บอกว่าชาของเขาขวดหนึ่ง ๆ มีสารเควอทิซินเท่ากับหัวหอมสามหัวเลยทีเดียวเชียว (คิดในทางกลับกันหัวหอมสามหัวน่าจะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลากชนิดกว่าชานี้มากนัก เพียงแต่คงไม่ค่อยมีใครรับประทานหัวหอมถึงวันละสามหัว)
ภาพจาก https://weekly.ascii.jp/
ส่วนชาอีกยี่ห้อหนึ่ง (ขวดที่ฉลากสีดำดังรูปข้างต้น) ที่นอกจากจะมีวางขายในร้านสะดวกซื้อแล้ว บางคราวยังพบในเมนูเครื่องดื่มตามร้านอาหารนั้น เป็นชาที่เขาแนะให้ดื่มพร้อมอาหารเพราะช่วยยับยั้งการดูดซึมไขมันในอาหารเข้าสู่ร่างกาย มีสารประกอบซึ่งช่วยลดไขมันที่น่าสนใจคือ

สาร OTPP (Oolong Tea Polymerized Polyphenols)ป็นสารโพลิฟีนอลที่เกิดจากการแปรรูปใบชาอูหลงด้วยการบ่มกึ่งหมัก เมื่อดื่มพร้อมมื้ออาหารจะช่วยลดการดูดซึมไขมันจากอาหาร และลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ร่างกายสะสมไขมันน้อยลงกว่าเดิม เมื่อดื่มอย่างต่อเนื่องทุกวัน วันละสองขวด

ช่วงที่เริ่มมีชาเหล่านี้ออกสู่ตลาด ฉันก็สนใจและซื้อมาดื่มเป็นครั้งเป็นคราวอยู่เหมือนกัน ยิ่งเห็นเพื่อนร่วมงานรูปหล่อหุ่นดีที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอและควบคุมอาหารเองก็ดื่มอยู่เป็นประจำ จึงยิ่งรู้สึกว่ามันต้องช่วยให้ผอมลงได้บ้างสิน่า แต่อาจเป็นเพราะฉันไม่ได้ดื่มทุกวี่วันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วงนั้นก็ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายมากนัก และไม่ได้ควบคุมประเภทอาหารจริงจัง ฉันก็เลยไม่เห็นผลอันใด และคงเพราะมีคนที่ดื่มเป็นครั้งคราวแบบฉันเยอะกระมัง จึงมีชาอยู่ยี่ห้อหนึ่งที่โฆษณาว่า “แคทีซินที่บ้าน” คือให้สต็อกชายี่ห้อนั้นไว้ที่บ้านจะได้ดื่มต่อเนื่องทุกวัน

กาแฟ
พอมีชา ก็ต้องมีกาแฟมาเป็นตัวเลือกให้ด้วย คนชอบกาแฟอย่างฉันหูผึ่งในวันหนึ่งเมื่อเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นคนสวยเล่าว่า “เดี๋ยวนี้มีวิธีลดหุ่นด้วยการดื่มกาแฟด้วยนะ” แต่ฉันก็หูผึ่งได้ไม่นานก็ปล่อยผ่านไปอีก ทำนองเชื่อยากว่าการบริโภคอะไรโดด ๆ หรือใช้วิธีการอะไรง่าย ๆ จะช่วยให้ผอมเพรียว ไม่อย่างนั้นคนคงหุ่นดีกันหมดทั้งโลก
ภาพจาก https://www.alpina-water.co.jp/blog/
แต่ในเมื่อเขาพูดกันหนาหูก็ไปหาข้อมูลเสียหน่อย ได้ความมาว่าสารประกอบสำคัญในกาแฟบางอย่าง เช่น คาเฟอีน และกรดคอโรจีนิก มีส่วนกระตุ้นอัตราการเผาผลาญไขมันในร่างกาย จึงอาจมีส่วนช่วยลดความอ้วนได้ โดยกาแฟจะให้ผลดีที่สุดเมื่อดื่มวันละสามแก้ว และควรดื่มก่อนออกกำลังกาย หรือก่อนมื้ออาหาร ที่สำคัญต้องเป็นกาแฟดำ ไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล บางคนก็ว่าเพียงแค่ดื่มให้ “ถูกหลัก” แบบนี้ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญได้มากกว่าเดิมแล้ว

เดี๋ยวนี้ยังมีกระแสลดความอ้วนด้วยการดื่มกาแฟดำใส่เนย(ที่ได้จากวัวซึ่งเลี้ยงด้วยหญ้า)และน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวชนิดโมเลกุลปานกลาง (Medium Chain Triglyceride หรือ MCT oil) แทนอาหารเช้า เน้นว่าต้องเป็นเนยแบบนี้และน้ำมันแบบนี้เท่านั้น เขาว่าส่วนผสมดังกล่าวทำให้ร่างกายดูดซึมคาเฟอีนในกาแฟได้ช้าลง ทำให้มีแรงทำงานต่อเนื่องยาวหลายชั่วโมง นอกจากนี้ยังทำให้ไม่รู้สึกอยากอาหารไปจนถึงเที่ยง กระแสฮิตกาแฟใส่เนยแบบนี้เริ่มในอเมริกาและตอนนี้แพร่หลายไปถึงญี่ปุ่นด้วย ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในเมนูของคนที่ใช้วิธีลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิกไดเอ็ท (Ketogenic Diet) ซึ่งเน้นการงดคาร์โบไฮเดรตให้มาก รับประทานโปรตีนปานกลาง และเน้นบริโภคไขมันดี
ภาพจาก https://jibun-workout.design/healthy/meal
สมัยก่อนเรามักได้ยินว่าการดื่มกาแฟมีโทษต่อร่างกาย แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่ามุมมองใหม่ที่มีต่อกาแฟจะเป็นไปในทิศทางอันดีงาม คือมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ที่สำคัญข้อดีที่แสนจะเอาใจคอกาแฟเหล่านี้ก็เป็นที่ได้ยินหนาหูในช่วงที่การดื่มกาแฟเป็นที่นิยมไปทั่วโลก และธุรกิจกาแฟก็กำลังทำเงินมหาศาล การศึกษาวิจัยจำนวนไม่น้อยเลยที่พูดถึงข้อดีของสารประกอบในกาแฟก็ได้รับเงินสนับสนุนในการทำวิจัยจากบริษัทที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการทำธุรกิจกาแฟเสียด้วยสิ

ทั้งนี้ เรื่องกาแฟนี่มีผลการวิจัยหลากหลายมาก แถมยังเป็นไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงเสียอีก เช่น บางแห่งก็ว่าช่วยลดอาการปวดศีรษะ ลดความเครียด แต่บางแห่งก็ว่ายิ่งทำให้ปวดศีรษะและเพิ่มความเครียด หรืองานวิจัยบางส่วนก็ว่ากาแฟอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น แต่บางส่วนกลับบอกว่าอาจป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ กาแฟยังอาจเหมาะหรือไม่เหมาะกับสุขภาพร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกันออกไปในแต่ละช่วงอีกด้วย

ในส่วนของการช่วยลดน้ำหนักและความอ้วนนั้น เห็นเขาว่ายังมีการทดลองในคนจำนวนไม่มาก และยังมีข้อจำกัดต่าง ๆ จึงยังมีความน่าเชื่อถือไม่มากพอ บางแห่งก็บอกว่าเผลอ ๆ กาแฟอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้นด้วยซ้ำไปหากบริโภคกาแฟที่ไม่ผ่านการกรองกากออก เพราะเมล็ดกาแฟมีไขมันหลายชนิด และที่สำคัญคือต่อให้กาแฟมีส่วนช่วยเผาผลาญไขมัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าลำพังกาแฟอย่างเดียวจะทำให้ร่างกายเราเผาผลาญดีเสียจนผอมเพรียวได้ เขาว่าอย่างนั้นนะคะ

โดยสรุปแล้ว ฉันคิดว่าทั้งอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่คนพากันพูดถึงว่าจะช่วยให้ผอมได้นั้น อาจใช้เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักได้ส่วนหนึ่ง แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด บางคนคิดว่าอาหารบางอย่างที่มีคุณสมบัติดีจะเป็นเหมือนเวทมนตร์ที่ทำให้ผอมสวยหรือสุขภาพดีได้ในเวลาสั้น ๆ ขอเพียงแค่บริโภคเข้าไว้ แต่ถ้าไม่ได้ใช้วิธีที่จะทำให้ผอมอย่างมีสุขภาพดีในระยะยาวแล้ว ไม่นานก็คงกลับมาอ้วนอีก เผลอ ๆ จะมากกว่าเดิม
ภาพจาก https://www.foodnetwork.com/healthyeats
คนรู้จักฉันคนหนึ่งได้ยินมาว่าถ้ารับประทานข้าวต้มกับหมูหยองตลอดทุกวัน วันละ 2-3 มื้อ โดยไม่รับประทานอาหารอย่างอื่นแล้วจะผอม เธอจึงรับประทานอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งเธอก็ผอมลงจริง เพราะเธอไม่ได้ไปรับประทานของทอดและขนมหวานที่โปรดปราน แต่พอเธอผอมลงแล้ว เธอก็กลับมามีพฤติกรรมการกินแบบเมื่อก่อน จึงได้อ้วนขึ้นอีก และถ้าขืนเธอรับประทานข้าวต้มกับหมูหยองไปตลอดชีวิต เธอก็อาจจะผอมจากการขาดสารอาหาร และเป็นโรคอื่น ๆ ตามมา

มีพี่อีกคนหนึ่งมีน้ำหนักเกินมาตรฐานและเป็นเบาหวาน เธอพยายามลดละเลิกอาหารโปรดบางอย่างตามที่หมอบอก แต่บางคราวก็กลับไปตามใจตัวเองอีก วันหนึ่งเธออ่านบทความในอินเทอร์เน็ตพบว่าทุเรียนมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและอาจช่วยลดความคอเลสเตอรอลได้ด้วย เธอก็เลยดีอกดีใจและทำท่าจะไม่ปรานีปราศรัยใด ๆ ต่อการรับประทานทุเรียนอีกต่อไป ฉันได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้เธออย่าได้เอาจริงเลย เกรงว่าอาการทั้งหลายที่เธอเป็นอยู่อาจจะกำเริบยิ่งไปกว่าเดิม

อันที่จริงแล้วในพวกอาหารคลีน (อาหารที่ไม่ปรุงแต่งด้วยสารเคมี หรือผ่านการแปรรูปให้น้อยที่สุด) มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ผักผลไม้หลายชนิดอาจมีดียิ่งกว่าพวก “ซูเปอร์ฟู้ด” ที่ฮิต ๆ กันด้วยซ้ำไป ถ้าเราเน้นรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ให้หลากหลายชนิด และเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย ลดอาหารที่ให้โทษมากกว่าคุณ รวมทั้งออกกำลังกายสม่ำเสมอ เราอาจจะไม่ต้องพึ่งพาตัวช่วยใด ๆ เพื่อลดความอ้วนเลยก็ได้นะคะ

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.



"ซาระซัง"
สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.


กำลังโหลดความคิดเห็น