xs
xsm
sm
md
lg

คนญี่ปุ่นกับพฤติกรรมนุ่งกางเกงใน‼

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว เพื่อนๆ ชอบเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาตร์ สังคมและเศรษฐกิจไหมครับ วันนี้จะพูดเกี่ยวกับงานศึกษามนุษยวิทยาสักหน่อย (มนุษยวิทยา คือ ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับมนุษยชาติ พฤติกรรมศาสตร์ ทั้งความเป็นมาของมนุษยชาติ กำเนิดและวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์ กลุ่มวัฒนธรรม และสังคมมนุษย์ เช่น โครงสร้างทางสังคม ระบบความเชื่อ องค์กรและสถาบันทางการเมือง ประเพณีและพิธีกรรม วัฒนธรรม ความเชื่อ อุดมการณ์ จารีตประเพณี และกฎหมาย เศรษฐกิจ ต่างๆ) แต่ไม่เป็นทางการขนาดนั้นครับที่ญี่ปุ่นมีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์วัฒนธรรม Economic Anthropology และเป็นนักการเมืองด้วย ท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นข่าวทางทีวีบ่อยๆ นอกจากนั้นยังเป็นนักเขียนด้วย มีหนังสือที่เขาเขียนเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมการนุ่งกางเกงใน ชื่อว่า パンツをはいたサル Pants wo haita saru [English title : Apes in pants] หรือ ลิงใส่กางเกงลิง (กางเกงใน ) หนังสือเล่มนี้เขียนเมื่อกว่า 30 ปีก่อน ตอนที่สภาพสังคมญี่ปุ่นเริ่มมีการเซ็นเซอร์ทุกอย่างที่ฉายทางทีวีและสื่อสิ่งพิมพ์ มีไตเติ้ลที่ตลกน่าสนใจ เขียนเกี่ยวกับลิง มนุษยชาติ เศรษฐกิจและสังคม ตัวอย่างแนวคิดที่เขาเขียน ประเด็นหนึ่งคือ "คิดว่าทำไมจะต้องมีเซ็นเซอร์ หน้าอก หรือส่วนที่สงวน แสดงให้เห็นในสื่อไม่ได้ ไม่ว่าจะสื่อทีวีหรือสิ่งพิมพ์ " พูดง่ายๆ คือคิดว่าจะปิดบังหรือใส่กางเกงในเพื่ออะไร

เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่า คนเราใส่กางเกงในเพื่ออะไร อาจจะมีหลายๆ เหตุผล แต่อย่างน้อยกางเกงในก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้ปกป้องส่วนสงวนของบุคคลซึ่งถือว่าเป็นจุดซ่อนเร้นไม่ให้เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะชน

คนที่อ่านประเด็นนี้ก็พูดกันต่างๆ นานา บ้างก็ว่าการใส่กางเกงในเพื่อซ่อนส่วนที่สงวนไว้ก็ดีแล้วนี่ ใช่ไหม เขามีความคิดเห็นว่า ถ้าสื่อต่างๆ ไม่มีการห้ามฉายหรือสั่งให้ปิดของสงวนไว้ อาจจะทำให้คนซึ่งก็ไม่ว่าจะคนสมัยยุคแรกหรือยุคปัจจุบันรู้สึกไม่ปลอดภัย แล้วก็ต้องหาจุดอื่นมาเป็นข้อห้ามทดแทนอีกแน่นอน ดังนั้นแค่มีเซ็นเซอร์ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงเลย ยกตัวอย่างง่ายๆ อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าผู้หญิงทั้งโลกนี้ไม่ใส่กางเกงในจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่าวันสองวันแรกหนุ่มๆ อาจจะตื่นเต้นดีใจ พอเข้าวันที่สามพวกหื่นบ้ากามอาจจะเริ่มกระทำการมิดีมิร้าย แล้วจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น และเมื่อผ่านไปสักหนึ่งอาทิตย์ หลายคนอาจเริ่มชินและหมดความตื่นเต้น และนานเข้าก็เริ่มเบื่อ ไม่เอาแล้วไม่ไหว เมื่อถึงวันนั้น ก็จะมีสาวบางคนเริ่มใส่กางเกงใน ซึ่งก็จะกระตุ้นให้ผู้ชายรู้สึกตื่นเต้น จะเปลี่ยนจากความรู้สึกชินเป็นความรู้สึกว่าตื่นเต้นกว่าเดิม ทำไมสาวคนนี้ใส่กางเกงในแล้วเซ็กซี่แบบนี้ คือให้ได้ปกปิดไว้เล็กๆ น้อยๆ ดีกว่าเปิดจนหมด

ที่ญี่ปุ่นมีคำว่า 勝負パンツ Shōbu pants คือ กางเกงในพิชิตเกมส์ของสาวๆ เพื่อให้เกิดความเซ็กซี่ ส่วนใหญ่แรกๆ จะหมายถึงกางกางในของสาวๆ มากกว่าไม่เกี่ยวกับผู้ชาย ในสถานการณ์เมื่อจะมีความสัมพันธ์ทางเพศกันครั้งแรก สาวๆ บางคนใส่กางเกงในที่เซ็กซี่มาก เช่น สีแดง สีดำ สีน้ำเงิน หรือสีที่เกินความคาดหมาย นั่นคือ 勝負パンツ Shōbu pants คุณคิดว่าชายเห็นแล้วต้องทำอย่างไรดี หรือพูดอะไร

1. (# ゚Д゚)ใส่กางเกงในเซ็กซี่เกินไปเหมือนสาวบริการ กลับไปเลยไป

2.  ̄ー ̄)ไม่พูดอะไร

3. ( * ゚∀゚)คุณก็รอวันนี้เหมือนกันใช่ไหม

4. ( ´・ω・)สวย เหมาะ

ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่า มาสไตล์นี้หนุ่มๆ จะพูดแบบไหน และแบบไหนที่ไม่ควรพูด แน่นอนต้องบอกข้อสี่ใช่ไหม อย่างไรในช่วงเวลานั้นใครๆ ก็ต้องพูดชมเชย ถ้าใครพูดข้อหนึ่งคงมีตบ

1. ใส่กางเกงในเซ็กซี่เกินไปเหมือนสาวบริการ กลับไปเลยไป: ถ้าพูดเช่นนี้ก็เหมือนกับดูถูกไล่เธอแบบไม่ไว้หน้า

2. ไม่พูดอะไร : เธออุตส่าห์เตรียมตัวมา ถ้าไม่พูดอะไรเลยก็ดูจะเสียมารยาทไปหน่อย

3. คุณก็รอวันนี้เหมือนกันใช่ไหม: ข้อนี้ถ้าสาวเข้าใจผิดอาจหนีกลับบ้านได้นะ จะพูดหรือไม่พูดต้องดูท่าทีฝ่ายตรงข้ามด้วย

4. สวย เหมาะ: ชมเชยเล็กๆ พอให้ชื่นใจเพราะเธออุตส่าห์ใส่เกงเกงในสวยๆ มา ไม่ต้องพูดมาก

ในขณะที่ตอนนั้นอาจารย์นักเขียนกำลังพูดถึงประเด็นเรื่องสาวๆ ใส่กางเกงในเพื่ออะไรจะกระตุ้นอะไร สื่อควรมีการเซ็นเซอร์เพราะอะไร ต่างๆ นานา สังคมปัจจุบันในตอนนี้ก็พัฒนาเรื่องความสามารถทางเทคโนโลยีอย่างก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ เทคโนโลยีต่างๆ นั้นมีผลกระทบต่อสังคมปัจจุบันไม่มากก็น้อย อย่างหนึ่งเลยคือคนหนุ่มสาวญี่ปุ่นแต่งงานกันน้อยลง ทำงานมากขึ้น ใช้ชีวิตลำพัง เช่น มีหนุ่มคนหนึ่งทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ทำงานหนักตามปกติทั่วไปของบริษัทญี่ปุ่น ใช้ชีวิตโสด อยู่ลำพัง ไม่มีแฟน เขาตอบคำถามผู้สัมภาษณ์ในข้อคำถามที่ว่า แล้วชอบอะไร มีงานอดิเรกอะไรบ้าง เขาตอบว่าเล่นเกมส์ เล่น VR เพื่อนๆ น่าจะพอรู้จัก VR นะครับ คือ

Virtual Reality (VR) & Augmented Reality (AR) เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกมส์หรือภาพที่ดูหรือเล่นอยู่นั้น เสมือนอยู่ในโลกความเป็นจริง คนสัมภาษณ์จึงบอกว่าถ้าเช่นนั้นก็ไม่ค่อยเจอสังคมนะสิ แล้วจะเจอคนรักหรือแฟนได้อย่างไร แต่เหตุการณ์เช่นนี้ในสังคมญี่ปุ่นกำลังจะบอกว่า คนส่วนหนึ่งไม่ต้องการโลกในชีวิตจริงแล้ว เขาอยู่ในโลกส่วนตัวและเกมส์ ในโลกนั้นมีผู้หญิงและสาวๆ ที่อาจจะถูกใจเขามากกว่าในชีวิตจริงก็เป็นไปได้ เขาคงไม่ต้องการเป็นคนเด่นสะดุดตาในชีวิตจริงแล้วล่ะมัง ในนั้นไม่มีการเซ็นเซอร์ด้วย

ก่อนหน้านี้มีประเด็นเรื่องกางเกงในโด่งดังมากที่ญี่ปุ่น คือ กางเกงในยาเสพติดของดาราดัง นั่นคือคุณ 勝新太郎 Katsu shintaro ผู้ซึ่งเป็นดาราดังในยุคโชวะ ดาราท่านนี้มีคำพูดน่าสนใจมากมาย เช่น

🔹勝新太郎 Katsu shintaro มีชื่อเล่นว่า Katsu Shin เขาชอบทำให้คนหัวเราะ แบบทำอะไรแปลกๆ โอเวอร์โชว์คน เขาใช้คำพูดแบบเสี่ยเปย์ พูดตลก เล่นหัวชวนฮาเยอะ มีแฟนคลับทั้งคนเอเชียและฝรั่งก็มากมาย เขาแสดงละครและภาพยนตร์มากหลายเรื่อง แต่ผมไม่ค่อยได้ดูเรื่องที่เขาเล่นเท่าไหร่นัก เพราะตอนนั้นผมยังเด็ก ผมรู้จักเขาเพราะเขาโดนตำรวจจับเนื่องจากขนยาเสพติด ที่สนามบินฮาวาย เพราะค้นเจอยาเสพติดในกางเกงใน ทำให้ผมนึกภาพเขากับกางเกงในมาตลอด ตอนนั้นผมเป็นเด็กน้อย ป. 3 ป.4 เอง เลยไม่ค่อยรู้จักเขา แต่ปู่ผมนี่เสียใจเลยที่ดาราที่ชอบถูกจับ

🔹ตอนที่โดนค้นตัวเจอยาเสพติด เขาปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง เขาไม่ได้ทำ ยาเสพติดมาอยู่ในกางเกงในเขาได้อย่างไร ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไม่ใส่กางเกงในแล้ว ทักษะการพูดของเค้าสูงมาก จนไม่รู้ว่าตรงไหนคือการแสดง ตอนไหนคือความจริง

🔹ตอนที่พี่ชาย และคุณพ่อของเขาเสียชีวิต เขาโชว์การกินกระดูกของคนเสียชีวิตย่าง แบบไลฟ์โชว์ เหมือนคนโรคจิต ผมจำไม่ได้แน่ชัดว่าอ่านมาจากไหน เขาเล่าประวัติของ Katsu shintaro มีตอนหนึ่งที่เขาเล่นดนตรี 三味線 Shamisen ตามคุณพ่อที่เป็นนักดนตรี Shamisen ครั้งหนึ่งมีสาวๆ เกอิชามาเรียน ดนตรี Shamisen ที่บ้านเขา ด้วยความสนิทสนมจึงเกิดรักใคร่กับสาวเกอิชาคนหนึ่ง เหมือนความรักจะสุกงอมจะหนีตามกัน แต่แล้วกลับมีเศรษฐีคนหนึ่งซื้อบ้านหลังใหญ่ให้สาวเกอิชาคนนั้นอยู่ และเธอก็ยอมเป็นเมียน้อยเศรษฐีไปตามระเบียบ ทำให้ Katsu shintaro เสียใจมาก มีคนเล่าว่าจากนั้นเมื่อเขาเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงก็เริ่มทำตัวเอ็นเตอร์เทน พูด แสดง ต่างๆ นานา ให้ผู้ชมเกิดเสียงหัวเราะ จนไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันคือเรื่องจริงหรือเรื่องแสดง
  勝新太郎 Katsu shintaro
🔹มีครั้งหนึ่งหลังเลิกงานก็ชวนเพื่อนฝูงคนรู้จักไปปาร์ตี้ ดื่มเหล้ากันสนุกสนาน คนก็มาเพิ่มเรื่อยๆ เขาเลี้ยงหมดเลย ทำแบบนี้บ่อยๆ ไม่ว่าเงินจะเยอะแค่ไหนก็หมดแน่ๆ ทำเหมือนเซอร์วิสและความบันเทิงยังไงยังงั้น

🔹สุดท้ายเขาเป็นมะเร็ง เขาถูกห้ามสูบบุหรี่ แต่ก็โชว์สูบบุหรี่หน้ากล้อง

ยุคเฮเซย์มีกฏระเบียบการเข้มงวดมากขึ้น เช่นนักร้องลูกทุ่งไปร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ยากุซ่า หรือไปเล่นกอล์ฟด้วย อาจถูกแบนจากต้นสังกัดห้ามออกทีวีได้ ไม่เหมือนสมัยโชวะที่ไม่เป็นไรเลย มีคำพูดหนึ่งพูดว่า 義理と褌 Giri to fundoshi หรือหน้าที่ สิ่งที่ถูกต้องที่ต้องทำต้องปฏิบัติ เปรียบกับผ้าเตี่ยวที่ยังไงก็ต้องใส่ คือ สิ่งที่ต้องมี สิ่งที่ต้องทำ เป็นหน้าที่ความรับผิดผิดชอบ เหมือนกับเรื่องที่ Katsu shintaro ว่ากันว่าที่เขาถูกจับแล้วแกล้งหรือแสดงเป็นไม่รู้เรื่อง พูดกล้ำๆกึ่งๆ ก็คงเพราะไม่อยากให้คนที่ร่วมขบวนการถูกซัดทอด เลยกลายเป็นประเด็นกางเกงในยาเสพติดมาจนทุกวันนี้ และนี่ก็คือหนังสือที่เกี่ยวกับสังคมญี่ปุ่นกับกางเกงใน และพฤติกรรมตัวอย่างของสังคมญี่ปุ่นครับ วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น