xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่น-จีนเปิดฉากสัมพันธ์ใหม่ จากแข่งขันสู่ร่วมมือ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผลจากการเยือนประเทศจีนของนายกฯ ชินโซ อาเบะ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติเปลี่ยนจากการแข่งขันสู่ความร่วมมือ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการร่วมกันในประเทศที่ 3 ซึ่งภูมิภาคอาเซียนจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากความร่วมมือของ 2 มหาอำนาจ

นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้พบกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง และนายกฯ หลี่เค่อเฉียงของจีน ในการเยือนประเทศจีนเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นการเยือนจีนครั้งแรกในรอบ 7 ปีของผู้นำญี่ปุ่น

นายกฯ อาเบะ กล่าวว่า ต้องการให้การเดินทางเยือนจีนของตน ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนไปสู่ก้าวใหม่ จากการแข่งขันกันเป็นความร่วมมือ ญี่ปุ่นและจีนเป็นทั้งเพื่อนบ้านและหุ้นส่วน และจะไม่เป็นภัยคุกคามต่ออีกฝ่าย

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง กล่าวว่า ขณะที่สถานการณ์ระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลง จีนและญี่ปุ่นก็กำลังพึ่งพาอีกฝ่ายหนึ่งมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบนโลกได้มอบโอกาสมากมายให้จีนและญี่ปุ่น เพื่อความร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น

ทั้งญี่ปุ่นและจีนต่างบรรลุสิ่งที่ตนเองต้องการผลักดัน และ “เคลียร์ใจ” ในประเด็นค้างคาที่สำคัญ

สิ่งที่ญี่ปุ่นต้องการจากจีน ได้แก่

•ความขัดแย้งในการแย่งชิงเกาะเซ็งกากุ หรือที่ฝ่ายจีนเรียกว่าเกาะเตี้ยวอวี๋ ทั้งญี่ปุ่นกับจีนได้ให้คำมั่นที่จะทำงานเพื่อมุ่งสู่การรับประกันว่าน่านน้ำมีความปลอดภัย โดยจะจัดการซ้อมกู้ภัยในทะเลร่วมกัน และจะหารือเรื่องการสำรวจก๊าซในทะเลจีนตะวันออกร่วมกันด้วย

•ญี่ปุ่นต้องการให้จีนช่วยให้การปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือบรรลุผลสำเร็จ ซึ่งทั้งสองประเทศเห็นพ้องที่จะรับประกันสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค โดยถึงแม้จะจีนสนับสนุนเกาหลีเหนือมาตลอด แต่ก็มีจุดยืนเรื่องปลอดอาวุธนิวเคลียร์เช่นเดียวกัน

•ญี่ปุ่นจะยุติการการให้เงินช่วยเหลือด้านการพัฒนา หรือ ODA กับจีน โดยระบุว่า “บรรลุภารกิจประวัติศาสตร์แล้ว” เนื่องจากจีนแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก

•ผู้นำญี่ปุ่นเชิญผู้นำจีนเดินทางเยือนญี่ปุ่น และร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศที่สำคัญและชาติที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู 20 ชาติหรือ G20 ซึ่งจะจัดขึ้นที่โอซากาในปีหน้า ซึ่งผู้นำจีนตอบรับ

•ญี่ปุ่นขอให้จีนยกเลิกข้อห้ามนำเข้าสินค้าจาก 10 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ โดยนายกฯ หลี่เค่อเฉียงตอบรับว่าจะพิจารณาเรื่องนี้

สิ่งจีนต้องการจากญี่ปุ่น ได้แก่

•ความร่วมมือกันรับมือสงครามการค้ากับสหรัฐ โดยทั้ง 2 ชาติประกาศ “สนับสนุนการค้าเสรี” ซึ่งมีนัยยะถึงนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างได้รับผลกระทบ จากการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ

•จีนต้องการปรับปรุงความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นและชาติอาเซียน เพื่อรับมือการกดดันจากสหรัฐ

•จีนต้องการเรียนรู้เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น เพื่อยกระดับเศรษฐกิจให้พ้นจากการชะลอตัวต่อเนื่องหลายปี โดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิงประกาศชัดเจนว่า "จีนต้องพัฒนาเทคโนโลยีสำคัญ เพื่อให้พึ่งพาตัวเองได้"

•จีนหวังให้ญี่ปุ่นสนับสนุนแนวคิด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” หรือ One Belt, One Road ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง

ทั้งสองชาติยังจะรื้อฟื้นการประชุมระดับคณะทำงานที่ร้างลาไปตั้งแต่ปี 2012 และจะให้ปี 2019 เป็นปีแห่งการแลกเปลี่ยนของเยาวชนทั้ง 2 ประเทศ โดยจะสนับสนุนให้เยาวชน 30,000 คนเดินทางเยือนระหว่างกันในรอบ 5 ปี

ความสำเร็จที่น่าจับตาที่สุดจากการพบกันในครั้งนี้ คือ ทั้งสองชาติได้ตกลงที่จะร่วมมือกันพัฒนาโครงการในประเทศที่ 3 โดยมีเป้าหมายแรกที่ 5 ประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะการลงทุนเส้นทางรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ของประเทศไทย

ความร่วมมือของ 2 มหาอำนาจแห่งเอเชียจะส่งผลดีต่อประเทศอาเซียนอย่างมาก จากอดีตที่หลายประเทศที่ต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต้องเลือกระหว่างจีนและญี่ปุ่น รักษาความสัมพันธ์แบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น แต่เมื่อจีนและญี่ปุ่นเปลี่ยนจากคู่แข่งเป็นร่วมมือ ไม่เพียงประโยชน์จะตกอยู่กับทั้ง 2 ชาติ แต่ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งไทย ก็พลอยได้อานิสงค์ไปด้วย.


กำลังโหลดความคิดเห็น