คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"
สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านที่รักทุกท่าน ไม่นานมานี้ฉันได้อ่านบทความต่าง ๆ เกี่ยวกับท่าเดินของสาวญี่ปุ่นโดยบังเอิญ ตอนแรกฉันก็งง ๆ ว่ามันทำไมหรือ แต่พออ่านดูแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย ที่จริงเมื่อก่อนฉันก็ไม่ทันได้ฉุกคิดเลยค่ะว่าสาวญี่ปุ่นหลายคนมีวิธีเดินที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ แต่เมื่อนึกถึงว่าอะไรทำให้ฉันสามารถมองออกว่าสาวคนนี้ ๆ เป็นคนญี่ปุ่น หนึ่งในนั้นก็คือ ท่าเดิน นี่เอง
ราว 3-4 ปีก่อน บริษัท Omron Healthcare กับบริษัทวาโก้เคยทำแบบสอบถามในโครงการพัฒนาบุคลิกภาพสตรี โดยส่งเสริมให้ผู้หญิงเดินอย่างงดงามเฉิดฉายและสุขภาพดี บุคลิกที่งามสง่าจะได้ดึงเอาความงามที่เป็นเนื้อแท้ของผู้หญิงออกมา ผลจากแบบสอบถามพบว่าร้อยละ 98 ของผู้ชายต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นหนึ่งปีขึ้นไปเห็นว่าสาวญี่ปุ่นน่ารัก แต่ถ้าถามว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้รู้สึกว่าความน่ารักของสาวญี่ปุ่นด้อยลง เรื่องที่มาแรงแซงโค้งอันดับหนึ่งก็อยู่ที่ “ท่าเดิน” นี่เอง
ใครจะไปคิดว่า “ท่าเดิน” จะเป็นจุดที่ทำให้หนุ่ม ๆ พากันเซ็งได้ขนาดนั้นนะคะ ฉันอ่านถึงตรงนี้แล้วก็สงสัยมากว่า “เอ๊ะ มันเป็นยังไง” อาจเพราะเห็นสาวญี่ปุ่นจนชินก็เลยไม่เคยรู้สึกว่าท่าเดินของสาวญี่ปุ่นดูแล้วจะหมดเสน่ห์แต่อย่างใดก็เป็นได้
พอพูดถึงท่าเดินของสาวญี่ปุ่นขึ้นมา ก็นึกได้ว่าเพื่อนคนไทยหลายคนเคยตั้งข้อสังเกตว่าเวลาสาวญี่ปุ่นเดินหรือยืนจะเห็นว่าระหว่างขาสองข้างมีช่องว่างเป็นรูปคล้าย ๆ วงรีแทนที่ขาสองข้างจะตรงชิดอยู่ในระนาบเดียวกัน ฉันเคยเดาว่าสงสัยคนญี่ปุ่นคงจะนั่งคุกเข่ากันบ่อย ๆ ก็เลยทำให้ขาโก่งแบบออกไปด้านข้างกระมัง แต่ลองหาข้อมูลดูก็ไม่พบเรื่องนี้
เวลามองสาวญี่ปุ่นที่ใส่ส้นสูง (ส้นเข็ม) จากด้านหลังแล้ว จะเห็นว่าส้นแหลม ๆ ของรองเท้ามีลักษณะงอเฉียง ๆ เข้าหากลางลำตัว ดูแล้วชวนให้หวาดเสียวทุกทีว่าสาว ๆ เหล่านี้เดินไปแล้วส้นจะหักไหม
น้องฉันสังเกตเห็นว่าสาวญี่ปุ่นเวลาเดินขึ้นบันไดจะวางพาดเฉพาะฝ่าเท้า ส่วนส้นนั้นจะไม่เหยียบลงไปบนขั้นบันไดด้วย (ภายหลังมาสังเกตดู ฉันพบว่าคนหลายชาติในนิวยอร์กก็เดินขึ้นบันไดกันแบบนี้ รวมทั้งผู้ชายที่สวมรองเท้าหนังด้วย) พอฉันได้ยินก็เลยลองเดินขึ้นบันไดแบบเดียวกันดูบ้างยามใส่ส้นสูง พบว่าเดินอย่างนั้นสบายเท้าดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มเวลาที่ฝ่าเท้าจะได้เหยียดราบไปกับพื้นบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะเดินลงน้ำหนักอยู่แต่ปลายเท้า ดูเหมือนความอยากสวยมักมาคู่กับความเจ็บปวดอยู่เรื่อยเลยนะคะ
แล้วที่ว่าสาวญี่ปุ่นเดินเหมือน “นกพิราบ” นี่มันเป็นอย่างไร (ตอนแรกฉันนึกว่าเดินแบบส่ายหัวหงึกหงักไปข้างหน้าแบบนกพิราบ ก่อนจะบอกตัวเองว่ามีที่ไหนกัน) จากคำให้การของหนุ่มต่างชาติสรุปได้ว่าสาวญี่ปุ่นชอบเดินงอเข่ากระย่องกระแย่งเหมือนนกพิราบแทนที่จะเดินเหยียดขาเดินตรง ๆ ท่าเดินแบบกระย่องกระแย่งแบบนี้มักเห็นเวลาสาว ๆ ใส่ส้นสูงเดิน ซึ่งดูแล้วเหมือนลงน้ำหนักด้วยปลายเท้าก่อน สาวญี่ปุ่นหลายคนไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย พอรู้ว่าเป็นท่าเดินที่ดูแล้วเสียบุคลิกก็ตกใจ เพราะฉะนั้นระยะหลังมานี้จะเห็นเว็บไซต์ คลิปวีดีโอ หรือกระทั่งคลาสเรียนสอนท่าเดินที่ถูกต้องสำหรับผู้หญิงมากมาย ตอนแรกฉันเห็นแล้วงงว่าทำไมต้องสอนเดิน พอเห็นความแตกต่างระหว่างท่าเดินแบบงอเข่า กับท่าเดินแบบเหยียดขาตรงเต็มที่ถึงได้รู้สึกว่าเดินแบบ “นกพิราบ” ดูเสียบุคลิกจริงด้วย
จากแบบสอบถามของสองบริษัทข้างต้นพบว่า ผู้ชายบางคนบอกว่าถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเดินด้วยกับผู้หญิงที่เดินแบบนี้ (อะไรจะขนาดนั้น!) บางคนก็ว่ารู้สึกว่าน่าอาย ไม่ก็ดูเหมือนไม่มีความมั่นใจในตัวเอง บ้างก็ว่าดูราวกับไม่สบาย เหมือนปวดเข้าห้องน้ำแต่พยายามอั้นไว้ และอื่น ๆ อีกต่าง ๆ นานา ที่สำคัญคือร้อยละ 70 บอกว่าเห็นผู้หญิงที่เดินลักษณะนี้ทุกวัน แสดงว่าเป็นกันหลายคนทีเดียว
อาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งกล่าวว่า อันที่จริงรองเท้าส้นสูงช่วยให้ขาดูยาวเรียวสวยขึ้น เวลาก้าวเดินปลายเท้าจะเหยียดไปข้างหน้า ทำให้เข่าเหยียดตรง แต่สาวญี่ปุ่นกลับเดินแบบก้าวย่องและงอเข่ากันโดยไม่รู้ตัว ทำให้ใส่ส้นสูงเดินแล้วแทนที่จะดูดีเลยดูเสียบุคลิกไปอย่างน่าเสียดาย
เขาว่ากันว่าที่สาวญี่ปุ่นเดินงอเข่ากระย่องกระแย่งแบบนกพิราบน่าจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยเหล่านี้ค่ะ
ข้อแรกคือ ผลกระทบจากการมีวัฒนธรรมสวมชุดกิโมโนมาก่อน ชุดนี้จะไม่เปิดโอกาสให้เดินทอดน่องแบบเหยียดไปทั้งต้นขา ได้แต่เดินด้วยน่องกันเป็นหลัก เพราะฉะนั้นทุกคราวที่เท้าแตะถึงพื้น เข่าก็งอ กลายเป็นท่าเดินแบบค่อย ๆ เคลื่อนไปข้างหน้าทีละน้อย วิธีการเดินแบบนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น “วิธีการเดินแบบญี่ปุ่น” ซึ่งเหมาะกับชุดกิโมโนแต่ไม่เหมาะกับชุดตะวันตก แม้ปัจจุบันคนจะสวมกิโมโนกันน้อยลงมาก แต่ลักษณะการเดินแบบนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ไม่น้อย
ข้อสองคือ คนญี่ปุ่นคิดว่าการเดินแบบก้าวเล็ก ๆ ทีละนิดอย่างนี้ดูน่ารักและเป็นผู้หญิงดี (อันนี้คนญี่ปุ่นพูดเองนะคะ)
และข้อสามคือการเลือกรองเท้าส้นสูงเกินไป หรือไม่เหมาะกับเท้าของตัวเอง ทำให้เดินไม่เป็นธรรมชาติ
ฉันลองทดสอบว่าท่าเดินของตัวเองเป็นแบบนกพิราบหรือเปล่า ก็พบว่าตัวเองเดินเหยียดไปทั้งต้นขา แสดงว่าไม่เป็น แล้วพอลองเดินแบบงอเข่าดูก็พบว่าท่าเดินนี้ทำให้รู้สึกหนักและไม่เป็นธรรมชาติ แถมตอนเดินท่านี้ก็เห็นภาพใบหน้าเพื่อนสาวชาวญี่ปุ่นลอยผ่านเข้ามาในสมองทันใด ทำให้ถึงบางอ้อว่าท่าเดินแบบนี้นี่เองที่ทำให้ฉันรู้ว่าสาวคนไหนเป็นคนญี่ปุ่น แม้ที่ผ่านมาฉันจะบอกไม่ถูกก็ตามว่าเป็นอย่างไร
ตอนแรกฉันก็คิดว่าทำไมบริษัท Omron Healthcare กับบริษัทวาโก้ถึงได้ลงทุนทำแบบสอบถาม วิเคราะห์เรื่องการเดินของผู้หญิง จนกระทั่งออกมารณรงค์เรื่องท่าเดินของผู้หญิงกันจริงจัง แล้วก็พบว่าทั้งสองบริษัทผลิตสินค้าออกมาเพื่อช่วยให้เดินสวย อย่างบริษัทแรกก็มีเครื่องสแกนท่าเดินโดยต้องใช้คู่กับแอพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ตโฟนด้วย แต่ไม่ทราบว่าขายไม่ดีหรืออย่างไร ปัจจุบันแอพลิเคชั่นดังกล่าวถูกยกเลิกไปและอุปกรณ์นี้ก็ใช้ไม่ได้อีก ส่วนบริษัทวาโก้ก็ผลิตรองเท้าส้นสูงรุ่นที่ใส่แล้วเดินสบายไม่เมื่อยง่ายออกมา ซึ่งยังคงมีวางจำหน่ายอยู่ถึงปัจจุบัน
แต่ฉันว่าการจะปรับเปลี่ยนท่าเดินให้ดูบุคลิกดีน่าจะอยู่ที่ความใส่ใจเวลาเดินมากกว่าพึ่งพาอุปกรณ์ให้สิ้นเปลืองเงินทองโดยไม่จำเป็น และมีของรกบ้าน (ที่สำคัญฉันรู้สึกว่าญี่ปุ่นผลิตของออกมาหลอกให้เสียสตางค์ในทำนองนี้เยอะเสียด้วย) อย่างฉันเองก็ติดนิสัยไม่ดีคือเดินแบบไหล่ไม่ผึ่งผาย พอรู้สึกตัวก็ต้องคอยกางไหล่ออก หมอกายภาพเคยบอกว่าให้นึกว่าไหล่เราเป็นไม้แขวนเสื้อที่ถือตัวทั้งตัวเราอยู่ หรือไม่ก็ลองยืนตรงโดยเอาหลังแนบให้สนิทกับกำแพงดู แล้วในชีวิตประจำวันคอยยืนเดินให้ได้อย่างนี้ จะหลังตรง ไหล่กางออก อกผึ่งผาย พวกกระดูกจะได้ไม่คด ลดปัญหาปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลังอะไรไปได้มาก
มีคนบอกว่าเดี๋ยวนี้เห็นผู้หญิงญี่ปุ่นเดินแบบนกพิราบกันน้อยกว่าเมื่อก่อน ก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นผลพวงมาจากการรณรงค์ภายใต้โครงการของสองบริษัทนี้ เพราะหลังจากที่มีโครงการนี้ออกมาก็มีกระแสความตื่นตัวในหมู่คนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเรื่องท่าเดินนกพิราบ ยิ่งสาว ๆ ได้ยินว่าหากแก้ท่าเดินแบบนกพิราบได้ขาจะดูสวยเรียวขึ้นทันที ก็ยิ่งให้ความสนใจ
โดยสรุปแล้วท่าเดินเป็นเรื่องสำคัญกว่าที่คิดนะคะ ส่งผลต่อทั้งบุคลิกและสุขลักษณะทางสรีระด้วย ใครอยากดูดีกว่าที่เคยคงต้องใส่ใจเรื่องท่าเดินกันหน่อยล่ะค่ะ
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ
"ซาระซัง" สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.