คนเราคงจะมีบ้างที่รู้สึกว่าร้อนลนเมื่อเห็นคนอื่นกำลังมีความสุข และไม่สามารถแสดงความยินดีได้อย่างที่ใจคิดจริงๆ หรือบางครั้งเมื่อเราทำเรื่องที่ผิดพลาด หรือทำเรื่องที่น่าอาย ก็ให้เกิดความรู้สึกว่า ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ ทำไมไม่เป็นคนคนนั้นทำไม่ไม่เป็นคนนี้ เช่นนี้เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความอิจฉา นั่นเอง
นอกจากนั้นเมื่อเพื่อนๆ แต่งงาน หรือเพื่อนมีครอบครัวที่อบอุ่น เพื่อนมีลูก สิ่งเหล่านี้ยิ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อจิตใจเหลือเกิน แม้ว่าเพื่อนเราก็ไม่ได้เป็นคนแย่หรือคนไม่ดี แต่เราก็ไม่สามารถแสดงความยินดีได้อย่างจริงใจ
เมื่อไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ วันนี้เราลองมาเปลี่ยนอาการอิจฉาให้เป็นความสุขใจดีกว่า
1. ยอมรับและอภัยให้กับความรู้สึกนึกคิดของตนเอง
ความอิจจา เมื่อเกิดขึ้นในจิตใจแล้ว ไม่ใช่จะแก้ไขให้หายไปได้ง่ายๆ ภายในวันสองวัน ยิ่งพยายามข่มใจก็ทำให้หายไปได้อย่างยากเย็นแล้วยังทำให้เกิดปัญหาสุขภายกายใจตามมา บางคนยังเกิดแรงกระตุ้นให้เกิดความอิจฉามากยิ่งขึ้นไปอีก
การลดระดับความอิจฉาให้เบาบางลงบ้าง วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะนั้นโดยตรง แม้ว่าเรารู้สึกตัวว่าเราเกิดความอิจฉาขึ้นก็ไม่ใช่ว่าเราผิดปกติ ให้ทำความรู้ตัวโดยตรงอย่างมีสติว่าเราเกิดความรู้สึก อิจฉา และพิจารณาอารมณ์นั้นว่าดีหรือไม่ดีอย่างเป็นกลาง
จากนั้นให้ยอมรับอาการที่เกิด และพิจารณาไปด้วยว่าเราเองก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อย และคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน เราทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบแต่ควรเข้าใจกันและกัน
2. พิจารณาว่าความอิจฉาเกิดขึ้นเพราะอะไร
บางครั้งเกิดความอิจฉาเพราะเราไม่รู้จักความดีของเพื่อนอย่างแท้จริงถ้าเรารู้สาเหตุที่เราอิจฉา เราก็จะสามารถจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
นอกจากการรู้จักและยอมรับข้อดีข้อด้อยของตัวเองแล้ว เราจะเข้าใจว่าคนอื่นก็มีข้อดีและข้อด้วยเช่นกัน เราจะไปอยากมีอยากเป็นอย่างเขาทำไม ถ้าเราใช้ข้อดีของแต่ละคนมาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจะไม่ดีกว่าหรือ
นอกจากนั้นเมื่อเราเข้าใจและยอมรับในตนเองแล้ว เราจะไม่กังวลกับคำพูดด้านลบของคนอื่น ไม่คิดเปรียบเทียบเพราะอาจจะยิ่งทำให้มีอารมณ์อิจฉาครุกรุ่นอยู่ในจิตใจมากขึ้นและควรมองหาจุดเด่นของตัวเองแล้วลงมือทำมันให้ดีเพื่อเสริมสร้าง ความเชื่อมันในตัวเองมากขึ้น
3.ให้ความเป็นมิตรแม้ว่าอยู่ในขณะที่รู้สึกกำลังอิจฉา
ข้อก่อนหน้านี้บอกให้เข้าใจอารมณ์เมื่อเกิดความอิจฉา เมื่อบุคคลอยู่ในสังคมก็ต้องพบประสันทนาการกับบุคคลทั่วไปเป็นธรรมดา จึงควรเรียนรู้การใช้อารมณ์อย่างเหมาะสม ให้ความเป้นมิตรกับเพื่อนๆ และคนอื่นอย่างจริงใจ หรือไม่ก็ลองพูดคุยเปิดใจคนอื่นให้มากขึ้นเพื่อทำให้เรามีโอกาสเข้าใจและได้ปรับทัศนะคติและมุมมองให้หลากหลายมากขึ้น
นอกจากนั้นฝึกความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเอาใจเขามาใส่ใจเราก็จะให้ความรู้สึกน่าเข้าหาและได้มิตรภาพกลับคืนมาน้ำใจและความจริงใจจะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดีๆ
4. แก้ที่ต้นตอของบ่อเกิดความอิจฉา
ข้อนี้แนะนำถึงการแก้ที่ต้นตอที่เป็นบ่อเกิดของความอิจฉา เช่น อย่าคาดหวังและกดดันตัวเองมากเกินขอบเขต เข้าใจความสามารถของตนและทุกคนมีขีดจำกัด บางครั้งความกดดันนั้นเองคือต้นเหตุของความคิดด้านลบและความวิตกกังวล
รู้จักและยอมรับข้อดีข้อด้อยของตัวเอง และให้อภัย การให้อภัยนับว่ามีคุณอย่างมากเพราะแสดงถึงความเมตตากรุณา ไม่มุ่งร้ายต่อกันและกัน
นอกจากนั้นลองถามตัวเองดูว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคง หรือหวาดหวั่น เรากลัวว่าจะสูญเสียอะไรไปแล้วพยายาม เอาชนะสิ่งที่เราหวาดหวั่นนั้นให้ได้ อาจจะด้วยการทำงานอย่างมีแผนการ หรือการขอคำแนะนำจากผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญ และการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งมั่นคง