xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 22 หนังฆาตกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

นายทามามุระและลูกทั้งสามของเขาตกลงชมภาพยนตร์ 16 มม.ตามคำเชิญชวนของเจ้าของคฤหาสน์

“เราจะไม่ชมกันที่นี่ ผมมีห้องสตูดิโอใต้ดินไว้สำหรับฉายหนังโดยเฉพาะ พอบอกว่าใต้ดินคุณคงจะรู้สึกไม่ค่อยดี แต่คฤหาสน์เก่าแก่ของซามุไรแบบนี้มีห้องใต้ดินเล็ก ๆ ไว้สำหรับเก็บข้าวของกันทั้งนั้น ห้องใต้ดินเหมาะสำหรับทำเป็นสตูดิโอฉายหนังมากเพราะแม้แต่กลางวันก็ยังมืด ผมจัดเครื่องฉายหนังเอาไว้ครบชุดและขึงจอไว้ที่ผนังห้องด้วยครับ”

พอได้ยินคำว่าห้องใต้ดินผู้มาเยือนโดยเฉพาะหนุ่มสาวสามพี่น้องก็สนใจขึ้นมาทันที มันเหมือนกับมีแรงจูงใจอะไรสักอย่างให้เยี่ยมหน้าเข้าไปมองอีกโลกหนึ่งที่อยู่ต่างมิติ

นายอุชิฮาระเดินนำหน้าเข้าไปในห้องว่างข้างห้องรับแขก ตรงไปเปิดประตูเลื่อนของตู้ที่ปกติใช้เก็บเครื่องนอน เปิดไม้กระดานปูพื้นออกเผยให้เห็นบันไดทอดลงไปยังห้องใต้ดิน

“ดูลึกลับน่ากลัวยังไงไม่รู้นะครับ”

นายทามามุระพูดปนหัวเราะ

“ก็แปลกอยู่ครับ บ้านนี้แต่เดิมอาจเป็นที่ซ่องสุมอย่างบ่อนการพนันหรืออะไรสักอย่างก็เป็นได้”

นายอุชิฮาระพูดเรื่อย ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญขณะเดินลงบันไดนำหน้าไป สี่พ่อลูกได้ยินดังนั้นก็คลายใจก้าวตามลงไปยังห้องใต้ดินอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ โดยไม่มีใครรู้เลยว่าจะมีแผนลึกลับอย่างคาดไม่ถึงแฝงอยู่

พอลงไปสุดขั้นบันไดทุกคนก็พบประตูเหล็กแข็งแรงด้านนอกมีก้อนอิฐสุมเอาไว้เป็นกองไม่รู้ว่าเอาไว้สำหรับทำอะไร

ห้องใต้ดินเป็นห้องแคบ ๆ ขนาดประมาณหกเสื่อทาทามิ เพดานและผนังสี่ด้านก่อด้วยอิฐสีแดงแบบโบราณ ผนังด้านหนึ่งมีผ้าขาวขึงเอาไว้ ภายในห้องมีเครื่องฉายหนัง และโต๊ะ เก้าอี้แบบเรียบง่าย วางอยู่เกะกะ

นายอุชิฮาระยกเครื่องฉายหนังวางบนโต๊ะเล็กเตรียมฉาย เสร็จแล้วจึงเชิญให้ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้

“เริ่มเลยนะครับ”

พูดพลางเอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟ ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิดมองแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร และพอมีเสียงม้วนฟิล์มหมุนดังแกรก ๆ ก็ปรากฏภาพเคลื่อนไหวที่ไม่คมชัดนักขึ้นมาบนจอ

เมื่อจ้องมองดี ๆ ทุกคนก็พบว่านายอุชิฮาระใช้คฤหาสน์ของตนเองเป็นฉาก โดยจับภาพส่วนต่าง ๆ มาผสมผสานกันอย่างแนบเนียน นักแสดงที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้าแสดงบทบาทตามท้องเรื่องอยู่หน้าฉากนั้น ๆ

ภาพเคลื่อนไหวบนจอที่ไม่คมชัดแสดงให้เห็นถึงความเป็นมือสมัครเล่นของผู้ถ่ายทำนั้น กลับทำให้มีบรรยากาศของความลึกลับน่ากลัวราวกับภาพในฝันร้ายที่สยองขวัญ

ผลงานของนายอุชิฮาระเรื่องนี้เป็นหนังเงียบไม่มีทั้งดนตรีประกอบและเสียงพูด เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงหมุนแกรกกรากของม้วนฟิล์ม นักแสดงหัวเราะ ร้องไห้ และเจรจากันโดยไม่มีเสียง เป็นละครใบ้ของแท้เลยทีเดียว

ฉากของเรื่องเป็นคฤหาสน์ในปัจจุบันก็จริง แต่เนื้อเรื่องดูเหมือนจะอยู่ในช่วงต้นสมัยเมจิ ทรงผมและเครื่องแต่งกายเป็นแบบเก่าที่ชวนให้นึกถึงภาพพิมพ์สีในยุคนั้น

สาวงามปรากฏตัวขึ้นในฉากนัดพบยามค่ำคืน เจ้าหล่อนเป็นนางบำเรอคนโปรดของชายคนหนึ่ง ทั้งสองแสดงบทรักรัญจวนใจกันหลายฉากหลายตอน

เจ้าหล่อนมีสามีที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กอยู่แล้ว และชายคนนั้นเฝ้าคอยโอกาสลอบเข้าหาเวลาที่สามีเจ้าหล่อนไม่อยู่ ฉากผิดศีลธรรมเหล่านี้ถ่ายทำได้อย่างเป็นจริงเป็นจังมาก

ทว่า วันหนึ่งสามีของเจ้าหล่อนเห็นชายชู้กำลังลอบเข้าหาเมียตน ความโกรธนั้นรุนแรงจนแทบทำให้เขาเสียสติและความระทมขมขื่นทำให้หัวใจเขาแทบแหลกสลายเพราะเขารักเจ้าหล่อนสุดหัวใจ

แต่ช้าก่อน...เขาสะกดกลั้นห้ามใจเอาไว้ด้วยความยากลำบากไม่ให้ปราดเข้าไปจัดการชายชู้ในทันที และตั้งแต่นั้นมาก็ได้พยายามทำตัวใกล้ชิดกับศัตรูหัวใจคนนั้น สามีของเจ้าหล่อนอยู่ในวัยสี่สิบ ส่วนชายชู้อ่อนกว่าห้าหกปี ชายทั้งสองต่างมีลูกมีเมียและเป็นคนฐานะดีในสังคม

กล้องจับไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มที่แฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นชิงชัง กับใบหน้าที่มีริ้วรอยของความหวาดหวั่นกังวลที่อ่านใจจริงของอีกฝ่ายไม่ออก

ระหว่างที่ทำตัวสนิทสนมกับชายชู้ สามีของเจ้าหล่อนก็ไปซื้อคฤหาสน์หลังหนึ่งแล้วสั่งให้ช่างขุดห้องใต้ดินแล้วก่อผนังล้อมด้วยอิฐเอาไว้ คฤหาสน์ที่ชายใจสลายซื้อก็คือคฤหาสน์ของนายอุชิฮาระหลังนี้ และห้องใต้ดินผนังอิฐก็คือห้องใต้ดินที่เขากำลังฉายหนังเรื่องนี้ให้สี่พ่อลูกดูอยู่นั่นเอง

ตั้งแต่นั้น ภาพในห้วงคิดของผู้ชมทั้งสี่ก็เริ่มสับสน ภาพสมมติบนจอหนังที่เหมือนจริงอย่างน่าประหลาดเริ่มปะปนกับความเป็นจริงจนแยกไม่ออก

หนังฉายมาถึงตอนที่ช่างกำลังก่ออิฐสร้างห้องใต้ดินเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว เหลือผนังอิฐอยู่แค่ประมาณตารางเมตรครึ่งเท่านั้น แล้วอยู่ ๆ เจ้าของบ้านเข้ามาสั่งให้หยุดทำแล้วไล่กลับไปโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ จากนั้นเขาก็ฉวยจอบขึ้นมาเริ่มขุดเข้าไปในผนังห้องส่วนที่เหลืออย่างไม่หยุดมือจนกลายเป็นถ้ำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ

ภาพบนจอฉายให้เห็นห้องใต้ดินที่เป็นของแปลกสำหรับยุคสมัยนั้น ก้อนอิฐสีแดงอย่างที่ใช้กันในต่างแดน และชายผมยาวทรงที่นิยมไว้กันในสมัยเมจิกำลังขุดเจาะอุโมงค์เข้าไปในผนังอย่างไม่ยั้งมือ ช่างเป็นองค์ประกอบที่แปลกประหลาดอะไรเช่นนั้น

ไม่นานผนังก็ถูกเจาะเข้าไปลึกเข้าไปเป็นโพรงลึกพอที่คน ๆ หนึ่งจะเข้าไปอยู่ในนั้นได้

ชายใจสลายวัย 40 มองไปที่โพรงที่ผนังแล้วแสยะยิ้ม
เขากลับขึ้นมาจากห้องใต้ดิน เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าไปนั่งนิ่งคอยใครคนหนึ่งที่ห้องรับแขก ห้องเดียวกับที่ผู้ชมภาพยนตร์ทั้งสี่ได้รับเชิญให้เข้าไปนั่งรับประทานอาหารค่ำเมื่อครู่ก่อน ต่างกันตรงการตกแต่งที่เป็นแบบญี่ปุ่น ปูเบาะรองนั่งบนพื้นเสื่อทาทามิและกล่องเครื่องสูบบุหรี่ ไม่ใช่ตั้งโต๊ะกับเก้าอี้แบบตะวันตกบนพรม

แขกของเขาคือชายชู้ซึ่งคงจะนัดกันมา คนรับใช้นำสุราและกับแกล้มมาวางตรงหน้าแขก แม้ว่าสิ่งที่นำมาจะต่างกันแต่ทุกคนก็จำได้ดีว่าเป็นการต้อนรับเช่นเดียวกันกับเมื่อตอนได้รับเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้...อย่างนี้พอรับประทานอาหารเสร็จ เป็นต้องถูกเชิญลงไปที่ห้องใต้ดินแน่

จริงดังการคาดเดา เจ้าของบ้านลุกขึ้นจากที่นั่งเดินนำชายชู้ที่เขาชิงชังและเคียดแค้นเข้าไปในห้องว่างข้าง ๆ และทำทุกอย่างไม่ผิดอะไรกับเมื่อผู้ชมทั้งสี่ได้พบเมื่อครู่ก่อน คือเปิดบานประตูเลื่อนของตู้เก็บเครื่องนอน เปิดไม้ปูพื้นที่ปิดช่องบันไดออกแล้วก้าวนำลงไป

ภาพบนจอกับความเป็นจริงที่ทุกคนเพิ่งประสบมาทาบทับกันสนิทและดำเนินต่อไป น่าสงสัยจริง...ทำไมถึงได้เหมือนกันอย่างนี้ มีใครจงใจทำให้เป็นไปเช่นนั้นหรือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ

ฉากภายในห้องใต้ดินที่มืดมิดถ่ายทำโดยใช้แสงช่วยด้วยเทคนิคของมืออาชีพ ทั้งเจ้าของบ้านและแขกอยู่ในสภาพเมามายได้ที่ พอเจ้าของบ้านโยนตัวหัวเราะซึ่งคงจะดังลั่นห้องด้วยเส้นเสียงที่แฝงความหมายลี้ลับน่ากลัวเอาไว้ แขกของเขาก็หัวเราะตาม ภาพคนเมาสองคนขยายใหญ่เต็มจอชวนให้ขนลุก

เจ้าของบ้านชี้มือไปที่โพรงบนผนังห้องที่เขาขุดเองด้วยมือ แขกของเขาคงเข้าใจคิดว่าเป็นทางเดินจึงก้าวตรงไป กล้องจับภาพชายชู้ผู้น่าสงสารเสียหลักกลิ้งเข้าไปในโพรงดินทั้ง ๆ ที่ยังหัวเราะไม่หยุด ขยายใหญ่เต็มจอ

ทันใดนั้นท่าทีของเจ้าของบ้านก็เปลี่ยนไป ชายใจสลายผู้นี้ไม่ได้เมาสุราเลยจนนิด เขายืดตัวตรงฉวยก้อนอิฐและเกรียงโบกปูนที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมาอย่างฉับไว แล้วลงมือใช้เกรียงจ้วงปูนขึ้นมายาก้อนอิฐซ้อน ๆ กันขึ้นไปปิดช่องโพรงที่ผนังนั้น ขณะที่คนเมาในโพรงผนังยังคงหัวเราะครึกครื้น ตาพร่ามัวด้วยฤทธิ์สุรามองไปยังผนังที่กำลังจะถูกปิดตายด้วยก้อนอิฐที่ก่อซ้อนกันขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสติที่จะบอกตัวเองได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

ไม่นานงานการก่ออิฐน่าสยองของชายใจสลายก็เกือบเสร็จสมบูรณ์ เหลืออีกห้าหกก้อนก็จะปิดโพรงที่ผนังได้สนิท กล้องจับไปที่หน้าชายชู้ในโพรงที่ยังหัวเราะไม่หยุดด้วยความเมามาย ถึงจะเป็นหนังเงียบแต่ก็พอเดาจากสีหน้าได้ว่า...ฮะ ฮะ ฮะ คุณเข้าใจเล่นตลก โอ๊ย...ขำจริง ดูซิหัวเราะไม่หยุดเลย ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน เยี่ยม เยี่ยมมาก ฮะ ฮะ ฮะ...

ชายใจสลายสอดอิฐก้อนสุดท้ายปิดช่องโพรงสนิท เขายิ้มอย่างพอใจขณะปัดมือไล่ฝุ่นผงออกจากเสื้อผ้า แล้วเดินเนิบ ๆ ออกไปจากห้องใต้ดิน ปิดประตูเหล็กแล้วเดินขึ้นบันไดกลับไปที่ห้องรับแขกตามเดิม ดื่มสุราที่เหลืออยู่หลายอึก เลียริมฝีปากพลางแสยะยิ้มแล้วหัวเราะจนตัวโยน

ฉากเปลี่ยนกลับไปที่ห้องใต้ดินอีกครั้ง กล้องจับภาพภายในโพรงหลังผนังห้องที่ถูกปิดตายขยายใหญ่ให้เห็นชายชู้ยังหัวเราะกลิ้งเกลือกอยู่กับดินในความมืดสลัว โดยไม่รู้เลยว่าตนไม่มีวันได้ออกไปจากโพรงนั้นแล้วตลอดชีวิต ช่างเป็นเสียงหัวเราะที่น่าสมเพทชวนให้ขนลุกอะไรเช่นนั้น

อยู่ ๆ จอภาพก็ดับวูบ...มืดสนิทไปครู่หนึ่ง และเมื่อแสงสลัววาบขึ้นใหม่กล้องก็ยังจับอยู่ภายในโพรงพลังผนังห้องใต้ดินตามเดิม

คราวนี้ชายชู้หยุดหัวเราะเพราะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ตาถลนแทบจะกระเด็นออกมานอกเบ้า อ้าปากกว้างสุดล้าแผดเสียงอะไรออกมาซึ่งคงจะดังก้องคับโพรง กางมือทั้งสองตะกายอากาศอย่างบ้าคลั่ง

ชายชู้รู้ชะตากรรมของตนเองแล้วในที่สุด รู้ตัวว่าถูกสามีของหญิงคนรักจับได้แล้วว่าเป็นชู้และกำลังล้างแค้นเขาด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมสยองขวัญเช่นนี้ รู้ตัวแล้วว่าถึงจะแผดเสียงกู่ตะโกนเพียงใดก็ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครเข้ามาช่วย เขาจะต้องถูกฝังทั้งเป็นอยู่ในนี้จนตาย ปูนที่ยาประสานก้อนอิฐแข็งตัวเร็วมาก ไม่ว่าจะออกแรงผลัก ดันหรือทุบแค่ไหนผนังหนาที่ก่อด้วยอิฐนั้นก็ไม่เขยื้อนเลยแม้แต่นิด

ถึงจะรู้ว่าไร้ประโยชน์แต่ชายชู้ก็ยังดิ้นรนสุดฤทธิ์ ตะเกียกตะกายอยู่ในโพรงดินเหมือนคนบ้า ตะกุยตะกายผนังอิฐเหมือนหนูติดกับดัก

กล้องจับใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยหวาดกลัวสุดขีดของชายชู้ขยายใหญ่เต็มจอ ก่อนที่ดับวูบไปแสดงว่าภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องนี้จบลงแล้ว

ห้องใต้ดินตกอยู่ในความมืดมิดและเงียบกริบ ไม่มีใครเคลื่อนไหวหรือพูดอะไรอยู่หลายวินาที ในที่สุดนายอุชิฮาระก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นด้วยเสียงพูดที่เน้นทุกถ้อยคำฟังดูน่าประหลาด

“คุณทามามุระครับ ดูหนังเรื่องนี้แล้วเข้าใจความหมายของมันบ้างไหม”

นายทามามุระพูดไม่ออกเพราะจิตใจกำลังหวาดหวั่นกับลางสังหรณ์ที่น่าสะพรึงกลัว

“ไงล่ะ ไม่เข้าใจเลยหรือครับคุณทามามุระ แต่เอาเถอะผมจะบอกให้ เมื่อห้าสิบปีก่อนมีชายที่น่าเวทนาคนหนึ่งถูกฝังทั้งเป็นอยู่หลังผนังห้องใต้ดินห้องนี้จริง ๆ และคน ๆ นั้นก็คือพ่อของผมเอง ส่วนคนใจโหดที่ลงมือล้างแค้นพ่อผมด้วยวิธีทารุณที่สุดอย่างไม่มีใครเคยพบเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อนก็คือ นายโคเอมง พ่อของคุณ

คุณอาจไม่รู้เรื่องนี้และไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องอุบาทแบบนี้เกิดขึ้น แต่ผมเชื่อว่าคุณต้องเคยได้ยินเรื่องราวของ โอคุมุระ เก็นจิโรชายชู้ที่ทิ้งลูกทิ้งเมียหายสาบสูญไปมาบ้าง คนทั่วไปต่างก็คิดว่าเก็นจิโรคงทำอะไรผิดกฎหมายจนทำให้ต้องหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าเขาตกเป็นเหยื่อล้างแค้นอย่างน่าอนาถเช่นนั้น

แต่มีคนรู้ความจริงอยู่คนเดียว คน ๆ นั้นพยายามค้นหาความลับของห้องใต้ดินนี้ด้วยความทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานาน จนในที่สุดผมก็พบศพของเก็นจิโร และได้อ่านคำสั่งเสียที่เขาขีดเขียนไว้บนผนังอิฐก่อนสิ้นใจ ผมตกลงใจในวินาทีนั้นที่จะล้างแค้นแทนเขา คงไม่จำเป็นต้องบอกหรอกนะว่าความจริงแล้วผมคือ โอคุมุระ เก็นโซ ลูกชายคนเดียวของเก็นจิโรเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นเอง”

ห้องใต้ดินเงียบบกริบไปอีกครั้งเมื่อสิ้นเสียงในความมืด

“คุณอุชิฮาระ” นายทามามุระเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นไหว พยายามพูดกลบเกลื่อนเพราะกลัวเกินกว่าจะเชื่อตามคำพูดนั้น “จะเล่นตลกอะไรก็เบา ๆ หน่อย อย่างนี้มันออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า แกล้งให้พวกเรากลัวแล้วจะได้หัวเราะทีหลังใช่ไหม ผมพอจะอ่านเกมคุณออก ไม่หลงเชื่อง่าย ๆ หรอกน่า”

“เล่นตลกรึ” เสียงเจือหัวเราะเย้ยหยันดังออกมาจากความมืด “คุณรู้ดีนี่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องตลก ตอนดูเพชรเม็ดนั้นคุณยังคิดสงสัยผมเลยว่า คน ๆ นี้อาจเป็นโจรที่ได้ชื่อว่าปีศาจมายากล แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย เห็นไหม...ผมเล่นตลกเมื่อไรกัน ที่ผมมีเพชรเม็ดนั้นอยู่ในมือก็เพราะผมเป็นฆาตกรตัวจริงที่ฆ่านายโทกุจิโรยังไงเล่า

หลังจากรู้ความจริงผมก็อุทิศครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ให้แก่การล้างแค้น ผมมีชีวิตอยู่เพื่อสนองความตั้งใจของพ่ออย่างเดียว ในที่สุดผมก็บรรลุเป้าหมายแล้วในคืนนี้ ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลทามามุระจะต้องสิ้นชาติกันเสียที คุณ ทามามุระ...คุณรู้ไหมว่าผมดีใจแค่ไหน ดีใจจนแทบจะเป็นบ้าไปเลยละคุณ”

“เรื่องนี้ผมไม่รู้อะไรด้วยเลยนะคุณ ลูก ๆ ของผมยิ่งไม่เกี่ยวด้วยใหญ่ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลูกหลานจะต้องมาตกเป็นเหยื่อรับกรรมการล้างแค้นเพื่อพ่อของคุณไปด้วย คุณสับสนเกินไปรึเปล่า ผมว่าคุณเสียสติไปแล้วแน่ คุณมาคุกคามพวกเราที่ไม่รู้ไม่เห็นด้วยให้ได้อะไรขึ้นมา”

นายทามามุระค้านอย่างเอาเป็นเอาตาย

“คุณอยากรู้ไหมล่ะ ถ้าอยากรู้ก็ลองเข้าไปดูในผนังห้องหลังจอหนังนั่น แล้วคุณจะเข้าใจยิ่งกว่าเข้าใจว่าทำไมผมถึงได้เคียดแค้นถึงขนาดนี้”

พอสิ้นเสียงทุกคนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินออกไปจากห้อง ตามมาด้วยเสียงหนัก ๆ เมื่อบานประตูเหล็กถูกปิด และเสียงหัวเราะก้องราวเสียงของปีศาจทำเอาทุกคนขนลุกเกรียว

อิจิโรกับจิโรปราดฝ่าความมืดมิดไปที่ประตูทันทีและพยายามเปิด แต่ประตูเหล็กบานหนาแข็งแรงถูกล็อกปิดสนิทจากด้านนอกไม่ขยับเขยื้อนเลยจนนิดด้วยกำลังของคนเพียงสองสามคน

สองหนุ่มกดสวิตช์ไฟแต่ไม่ได้ผลเพราะคงถูกปิดจากภายนอก

“แย่แล้วครับพ่อ เราถูกขังอยู่ในนี้”

“พ่อขา พี่ ๆ ล่ะอยู่ไหน หนูกลัว”

“อย่าท้อถอย ทุกคนตั้งสติเอาไว้ให้ดี อะไรกันแค่นี้เอง...อย่าเพิ่งคิดว่าจะไม่มีทางรอด”

ขณะที่สี่คนพ่อลูกกำลังร้องเรียกหากันในความมืดนั้นเอง ก็มีเสียงดังกึกกักอยู่ด้านนอกประตูเหล็ก ใช่แล้ว...ปีศาจฆาตกรใจเหี้ยมกำลังใช้อิฐที่กองอยู่ตรงนั้นก่อขึ้นมาปิดช่องประตูเช่นเดียวกับที่นายทามามุระ โคเอมงชายใจสลายในอดีตเมื่อห้าสิบปีก่อนทำเพื่อฝังชายชู้ทั้งเป็นไว้ในห้องใต้ดิน อิฐที่เห็นกองอยู่นอกประตูเหล็กตอนที่ทุกคนลงมาที่นี่นั้นเตรียมไว้เพื่อการนี้เอง

“มืดอย่างนี้จะคิดทำอะไรก็ไม่ได้ ใครมีไม้ขีดไฟบ้างไหม”

พอได้ยินพ่อบอกจิโร่ก็ได้สติรีบหยิบไฟแช็กที่พกติดตัวออกมาจุดไฟสว่างวาบขึ้น ผนังอิฐสีแดงดูน่ากลัวเป็นทวีคูณในแสงไฟริบหรี่

ทุกคนรู้แน่แก่ใจกันแล้วว่าถึงจะร้อนรนกระวนกระวายไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะดูภาวะแวดล้อมแล้วเห็นชัดว่าถึงจะพยายามเพียงใดก็ไม่อาจออกไปจากห้องใต้ดินนี้ได้ในทันดี และตกลงใจที่จะสำรวจดูภายในโพรงผนังที่โอคุมุระ เก็นโซ ปีศาจใจโหดพูดทิ้งเอาไว้ บางทีหากขุดโพรงนั้นลึกเข้าไปอาจมีทางออกไปข้างนอกได้

นายทามามุระคิดได้ดังนั้นจึงเดินตรงไปที่ผนังห้องโดยมีแสงไฟแช็กในมือเจ้าหนุ่มจิโรเป็นเครื่องนำทาง พอไปถึงเขาก็ดึงผ้าที่ขึงเป็นจอหนังออกเหวี่ยงทิ้งไปทางหนึ่ง เผยให้เห็นผนังอิฐเก่าแก่ ปูนที่ยาประสานไว้ร่วงหลุดหลายแห่งช่วยให้รื้อออกได้ง่าย

สามพ่อลูกช่วยกันออกแรงรื้ออิฐออกทีละก้อนจนปากโพรงมืดสนิทค่อย ๆ กว้างออกราวกับประตูนรกกำลังเปิด
ไม่นานปากโพรงก็กว้างยาวราวสองฟุต

“ขอยืมไฟแช็กหน่อย พ่อจะลองส่องเข้าไปดูข้างใน”

นายทามามุระรับไฟแช็กจากลูกชาย เอามือป้องเปลวไฟพลางยื่นศีรษะเข้าไปในโพรงที่มืดมิด

และในทันใดนั้น เขาก็ร้องออกมาแทบไม่เป็นเสียงมนุษย์ แล้วถอยกรูดออกมายืนตะลึงตัวสั่นอยู่ตรงนั้น ความกลัวสุดขีดฉายอยู่เต็มใบหน้าที่ซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด เหยื่อเม็ดโป้งซึมออกมาที่ปลายจมูก ตั้งแต่เกิดมาลูกทั้งสามไม่เคยเห็นหน้าพ่อที่แสดงความหวาดกลัวถึงขนาดนี้มาก่อน

อิจิโรกับจิโรพลอยตัวสั่นและผงะถอยหลังออกมาตามไปด้วย ส่วนทาเอโกะกรีดร้องสุดเสียง


กำลังโหลดความคิดเห็น