บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ
ปีศาจร้ายเล่นกลได้แนบเนียนอย่างน่าอัศจรรย์ ชั่วเวลาสองสามนาทีมันสามารถเปลี่ยนตัวผู้หญิงได้ และยิ่งกว่านั้นทำไมจึงต้องเป็นผู้หญิงคนนี้...ทำไม
ต่อรองกันด้วยชีวิต
ไม่ใช่...ผิดตัวแล้ว นั่นไม่ใช่ฟุมิโยะ ความมืดสลัวของห้องพรางตาเอาไว้ไม่ให้เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฟุมิโยะ ปีศาจร้ายทำได้ฉับไวเหลือเชื่อราวกับมีเวทมนต์
และที่ทำให้ยิ่งตกใจไปกว่านั้นก็คือเชลยสาวที่ถูกมัดอยู่กับเสาคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่ชายหนุ่มทั้งสองรู้จักยิ่งกว่ารู้จัก เพราะเธอคือทามามุระ ทาเอโกะ น้องสาวของจิโรผู้ที่น่าจะนอนรักษาตัวอยู่ในห้องคนไข้ในโรงพยาบาลศัลยกรรมโอโมริ
ทาเอโกะถูกมัดติดกับเสาและผูกปากไว้เหมือนกับที่อาเกจิทำกับฟุมิโยะ อยู่ในสภาพที่กระดิกตัวไม่ได้และพูดอะไรก็ไม่ออก ได้แต่เงยหน้าซีดขาวนองน้ำตาขึ้นมองมาที่อาเกจิกับจิโร ซึ่งยืนตกตะลึงพรึงเพริดอยู่ตรงหน้า
ปีศาจร้ายหัวเราะก้อง
“เห็นความฉับไวเป็นจักรผันของมายากรเอกอย่างข้าแล้วหรือยังเล่าท่านนักสืบเลืองนาม ถึงกับตกตะลึงพูดอะไรไม่ออกทีเดียวรึ”
ว่าแล้วก็ระเบิดหัวเราะอย่างเย้ยหยันจนใบหน้าบิดเบี้ยวน่าขยะแขยง และยังไม่ทันที่ใครจะไหวตัวทำอะไรมันก็เข้าไปประชิดตัวเชลยสาวแล้วจ่อปากกระบอกปืนไปที่สีข้างของเธอ คราวนี้นักสืบเอกกลับต้องตกเป็นเบี้ยล่างไปอย่างไม่มีทางสู้
มารู้กันในภายหลังว่าวันนั้นทาเอโกะอาการดีขึ้นมากแล้ว แผลที่เกิดจากการถูกจู่โจมทำร้ายหายเกือบสนิท จึงออกไปเดินเล่นที่สวนของโรงพยาบาลเพราะเบื่อเต็มทีกับการนอนแบ็บอยู่บนเตียงทั้งวันทั้งคืน และเพียงแค่พริบตาเดียวที่นางพยาบาลที่ตามไปดูแลละสายตาไปทางอื่น เธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จนพลบค่ำก็ยังไม่กลับมา เมื่อโทรศัพท์ไปที่คฤหาสน์ทามามุระแล้วคนที่นั่นก็แจ้งว่าทาเอโกะไม่ได้กลับบ้าน ทางโรงพยาบาลจึงแจ้งตำรวจ และขณะที่กำลังค้นหาตัวลูกสาวเศรษฐีใหญ่ทั่วทุกหนแห่งกันเป็นจ้าละหวั่นอยู่นั้นเอง ทาเอโกะก็ตกมาอยู่ในเงื้อมมือปีศาจบ้านริมทะเลแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว
ผู้อ่านคงจำหีบสีดำเหมือนโรงศพในห้องข้างโถงทางเข้าบ้านที่เกริ่นเอาไว้กันได้ ตอนที่ฟุมิโยะเปิดประตูให้อาเกจิกับจิโรเข้ามาในบ้านทาเอโกะถูกขังอยู่ในหีบใบนั้นโดยไม่มีใครล่วงรู้ และระหว่างที่อาเกจิกับจิโรชวนกันย่องกริบเข้าไปดูลาดเลาภายในบ้าน สมุนโจรก็สับเปลี่ยนตัวฟุมิโยะที่ถูกมัดไว้กับเสากับทาเอโกะด้วยความฉับไว ตามแผนตลบหลังของปีศาจฆาตกรที่หวังเย้ยหยันนักสืบเอกให้เสียหน้า
“เยี่ยม เยี่ยมที่สุด สมกับเป็นฝีมือของมายากรเอก แต่ขอให้รู้ไว้เลยว่าสำหรับฉัน มันก็ไม่ผิดอะไรกับกลหลอกเด็กเลยสักนิด”
นักสืบอาเกจิพูดเจือเสียงหัวเราะทำท่าเหมือนกำลังดูละครตลก แล้วโยนปืนพกในมือลงกับพื้นดังเปรื่อง สมุนโจรรีบฉวยขึ้นมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อของมันทันที
“อ้าว อ้าว ทำไมถึงต้องเก็บไอ้ของพรรคนั้นเข้ากระเป๋ายังกับเป็นของสำคัญอย่างนั้น มันแค่ปืนของเล่นที่พวกแกใช้เล่นกล ฉันเก็บมาจากหลังเวทีเองนะ”
สมุนโจรสะดุ้งนิดหนึ่งแล้วบอกหน้าตาเฉยว่า
“ถ้าไม่มีไอ้นี่แล้วพรุ่งนี้ข้าจะเอาอะไรเล่นกลเล่าฮึ”
นักสืบเอกละความสนใจจากสมุนโจรหันไปทางจอมโจรปีศาจ แล้วเริ่มพูดข่มด้วยท่าทีองอาจหาญกล้า
“เอาละ อีกไม่นานเราก็จะรู้ว่าใครแพ้ใครชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ก่อนอื่นขอให้แกตรองดูให้ดีว่าในสถานการณ์ตอนนี้ใครเป็นฝ่ายได้เปรียบ แกฉลาดเป็นกรดคงจะพอมองชะตากรรมของตัวแกเองได้ล่วงหน้าแล้วละมัง”
“ข้ามีอาวุธ มีตัวประกัน แต่แกมือเปล่า”
จอมโจรพุดพร้อมทำท่าข่มคู่ต่อสู้
“แกคงลืมซินะว่าตำรวจเขาล้อมบ้านนี้ไว้หมดแล้ว”
“ฮะ ฮ้า แต่แกก็ต้องไม่ลืมว่ากว่าตำรวจเข้ามาจับตัวข้าได้นางทาเอโกะตัวประกันนี่ก็เป็นศพไปแล้ว เป็นการต่อรองที่ไม่เลวเลยทีเดียวใช่ไหม”
นักสืบอาเกจิหัวเราะบ้าง
“แกจะตลบตะแลงยังไงก็หลอกฉันไม่สำเร็จหรอก เห็นอยู่ทนโท่ว่าแกกลัวตำรวจจนหน้าซีดไม่มีสีเลือดออกอย่างนี้ แลกเปลี่ยนชีวิตแกกับชีวิตของทาเอโกะ...เชอะ อย่าพูดให้หัวเราะหน่อยเลย จะให้ฉันเชื่อว่าที่แกทนทุกข์ทรมานกับความแค้นมาสี่สิบกว่าปีก็เพื่อล้างแค้นทาเอโกะสาวน้อยคนนี้คนเดียวอย่างนั้นรึ ฉันรู้ว่าแกยังมีเป้าหมายอื่นที่สำคัญกว่านี้ และรู้ดีด้วยว่าฆาตรกรใจโหดอย่าแกต้องไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ ด้วยการเอาคอขึ้นไปแขวนบนตะแลงแกงอย่างนี้”
นักสืบเอกหัวเราะเย้ยหยัน
“ใช่...มันเป็นการต่อรองที่ไม่เลวก็จริง แต่ฉันไม่เชื่อว่าแกจะยอมเสียเปรียบถึงขนาดเอาชีวิตเข้าแลก”
ปีศาจร้ายนิ่งเงียบเมื่อถูกจี้ตรงจุดอ่อน ไม่อาจแฝงแววกังวลที่ฉายเด่นชัดอยู่บนใบหน้า แต่ก็วางไพ่ตายได้โดยพลันสมกับความเหี้ยมโหดของมัน
“เอาละ ในเมื่อแกอ่านเกมออกถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม ข้ามีเวลาตัดสินใจไม่มากเรามาเจรจาต่อรองกันเลยดีกว่า บอกตรง ๆ ว่าข้าไม่คิดเลยว่าได้พลาดพลั้งอะไรไปตรงไหนจึงทำให้พวกแกตามมาถึงที่นี่ ดีที่บังเอิญได้ตัวนางทาเอโกะมาไว้เป็นประกันไม่เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จบ ทางรอดของข้าอยู่ที่นางนี่คนเดียว เอาละข้าขอเสนอขายนางทาเอโกะ แกกำหนดราคามาเลยว่าจะซื้อสักเท่าไร”
“อิสรภาพของแกอย่างนั้นรึ ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ”
“ข้าก็จะฆ่าตัวตายพร้อมกับนางทาเอโกะด้วยกระสุนนัดเดียว เพื่อจบทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้”
“ข้อต่อรองของแกแพงมาก แต่มันไม่พอที่จะแลกกับชีวิตของทาเอโกะหรอกนะ เอาละรู้แล้ว...ฉันปล่อยแกเป็นอิสระ”
“แกคงไม่ขี้ขลาดพอที่จะคิดตลบหลังฉันหรอกนะ”
นักสืบเอกหัวเราะลั่น
“รับตัวทาเอโกะมาแล้วเรียกตำรวจให้เข้ามาจับแกอย่างนั้นรึ นอนใจได้ คนอย่างฉันมีคุณธรรมพอที่จะรักษาคำพูดแม้แต่กับฆาตกรใจโหดอย่างแก แก้มัดทาเอโกะได้แล้ว”
“แกจะบอกพวกที่คอยอยู่ข้างนอกว่ายังไง ตำรวจรึจะยอมให้ทำอย่างนี้”
อาเกจิหัวเราะ
“ท่าทางแกจะปอดลอยเอามาก ๆ เรื่องตำรวจปล่อยให้เป็นธุระของเรา พวกแกหนีออกไปทางประตูหลัง ฉันจะเรียกให้พวกตำรวจมารวมตัวกันด้านหน้า”
ในที่สุดทาเอโกะก็เป็นอิสระอยู่ในอ้อมกอดของจิโรพี่ชาย ส่วนปีศาจมายากลกับสมุนของมันและฟุมิโยะที่ซ่อนตัวอยู่ในอีกห้องหนึ่ง พากันวิ่งไปที่ประตูหลังตามข้อต่อรอง
“ไอ้ปีศาจ ดูแลฟุมิโยะ ลูกสาวแสนประเสริฐของแกให้ดี ๆ”
อาเกจิตะโกนไล่หลังไปด้วยความรู้สึกเสียดายที่ต้องปล่อยให้ฟุมิโยะหนีตามเหล่าร้ายไป ถึงจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของโจรใจอำมะหิตเขาก็ไม่ใจแข็งพอที่จะแยกลูกแยกพ่อออกจากกันได้
ยังไม่ทันที่หมู่โจรจะพ้นออกไปจากประตูด้านหลัง นักสืบอาเกจิก็กระโจนออกไปทางหน้าบ้านแล้วเป่าปากหวีดหวิวเป็นสัญญาณ ตำรวจทุกคนที่ล้อมบ้านไว้กรูเข้ามารวมตัวที่ด้านหน้าทันที
“ผู้ร้ายหนีเข้าไปในห้องไหนไม่รู้ ข้างในนั่นมืดมากผมมองไม่เห็นถนัด ระวังตัวด้วยนะครับเพราะมันมีปืน”
ระหว่างที่ตำรวจกำลังค้นหาตามห้องหับภายในบ้านอย่างระมัดระวังตามคำเตือนของนักสืบเอกนั้นเอง หมู่โจรก็เล็ดลอดออกทางประตูหลังไปสู่ความมืดมิดแล้วหนีเตลิดไปทางไหนไม่มีใครรู้ได้

เครื่องเพชร
อุชิฮาระ โคโซ ผู้มีฐานะมั่งคั่งเป็นลูกค้าสำคัญอันดับหนึ่งของแผนกเครื่องเพชรในร้านอัญมณีทามามุระ สุภาพบุรุษเศรษฐีใหม่ที่เดินทางกลับมาจากอเมริกาได้ราวสองปีผู้นี้ แม้จะไม่สู้จะมีชื่อเสียงเด่นดังในวงสังคมเท่าใดนัก แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักนิยมอัญมณีที่มีรสนิยมเพริดแพร้วคนหนึ่ง ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ นายอุชิฮาระซื้อเพชรพลอยจากร้านอัญมณีทามามุระเป็นจำนวนเงินมหาศาลอย่างที่ไม่มีลูกค้าระดับราชนิกูลหรือมหาเศรษฐีคนใดเคยจ่ายมาก่อน
ไม่มีใครรู้ว่าเศรษฐีใหม่ผู้นี้ซื้ออัญมณีไปให้ใครเพราะเป็นคนโสดไม่มีภรรยาหรือบุตรแม้แต่คนเดียว อาศัยอยู่กับบริวารหลายคนในคฤหาสน์เก่าแก่หลังใหญ่ที่เขตโคอิชิคะวะซึ่งเคยเป็นของนักรบซามุไรชั้นสูง
นายอุชิฮาระเป็นคนเรียบง่ายมีอิสระเสรีแบบคนอเมริกัน เขามักจะขับรถยนต์ไปที่ร้านอัญมณีทามามุระบ่อยครั้ง ความเป็นคนช่างพูดและมีอัธยาศรัยไมตรีดีงาม จึงสนิทสนมกับนายทามามุระเจ้าของร้านเป็นอันดีถึงขั้นไปมาหาสู่ถึงที่บ้านซึ่งกันและกัน
หลังเกิดเหตุการณ์ข้างต้นประมาณหนึ่งเดือนซึ่งย่างเข้าสู่ปีใหม่ วันหนึ่งในช่วงปลายเดือนมกราคม นายอุชิฮาระได้เชิญนายทามามุระกับบุตรชายหญิงทั้งสาม คือ อิจิโร จิโร และทาเอโกะ มารับประทานอาหารค่ำที่คฤหาสน์
การนัดรับประทานอาหารค่ำนี้มีมาก่อนหน้านี้สองสามเดือนเห็นจะได้ แต่ต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีกเนื่องจากเกิดเหตุร้ายหลายครั้งหลายหนที่ทำให้ไม่อาจมานั่งรับประทานอาหารกันอย่างสงบได้ เริ่มตั้งแต่การตายอย่างน่าอนาถของฟุกุดะ โทกุจิโรน้องชายของนายทามามุระ และยังเกิดเหตุร้ายแก่ลูกชายลูกสาวของเขาตามมาติด ๆ จนกระทั่งช่วงเดือนกว่า ๆ มานี้ดูเหมือนว่าจะสงบลงเพราะไม่เกิดเหตุอะไร ทำให้คิดได้ว่าจอมโจรปีศาจร้ายคงจะหมดฤทธิ์ไปแล้ว จึงได้ทำตามนัดให้สมกับที่ตั้งใจกันเอาไว้นานเสียที แต่แม้จะเป็นงานกินเลี้ยงธรรมดาที่ไม่น่ามีอันตรายใด ๆ นายทามามุระก็ไม่ลืมที่จะพาเสมียนหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันหลายคนมาล้อมหน้าล้อมหลังคอยคุ้มกัน ตามคำกำชับเตือนของนักสืบเอกอาเกจิ โคโงโร
หกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลานัด รถยนต์สองคันก็แล่นอย่างสง่างามเข้ามาเทียบประตูทางเข้าคฤหาสน์อุชิฮาระในละแวกที่อยู่อาศัยอันเงียบสงบและเปล่าเปลี่ยวของเขตโคอิชิคาวะ
นายอุชิฮาระเดินนำหน้ากลุ่มคนรับใช้ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แล้วเชิญนายทามามุระกับลูก ๆ เข้าไปยังห้องรับแขกที่อยู่ด้านใน ส่วนบริวารที่ตามมาก็ได้รับเชิญให้ไปอีกห้องหนึ่งที่เตรียมอาหารและสุราไว้เลี้ยงกันเต็มที่
ห้องรับแขกจัดแบบไม่พิถีพิถันตามนิสัยของเจ้าของบ้าน คือปูพรมบนพื้นเสื่อทาทามิ วางเก้าอี้ วางโต๊ะให้ดูเหมือนห้องฝรั่ง แต่โต๊ะเก้าอี้ที่เป็นเครื่องเรือนหรูหราของฝรั่งไม่ได้เข้ากันเลยกับห้องญี่ปุ่นที่เพดานต่ำและมีเวิ้งสำหรับประดับสิ่งของแบบญี่ปุ่น ทำให้รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในห้องฝรั่งบนภาพพิมพ์สีสมัยต้นเมจิ
บนโต๊ะใหญ่กลางห้องจัดอาหารไว้พร้อมเพรียงสำหรับห้าคน
“เชิญนั่งครับ เชิญ เชิญ...อาหารวันนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ งานเลี้ยงคืนนี้ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่อาหาร แต่อยู่ที่ฝีมือเปียโนของคุณหนูทาเอโกะ กับกรุสะสมเครื่องเพขรลับเฉพาะที่ผมสัญญาไว้ว่าจะให้ชมกันครับ”
นายอุชิฮาระรับแขกของเขาด้วยทท่าทางรื่นเริงและมีไมตรีจิต
เหตุผลสำคัญที่สุดที่นายทามามุระรับคำเชิญมากินเลี้ยงคืนนี้ก็คือการจะได้ชมเครื่องเพชรที่นายอุชิฮาระภูมิใจนักหนาบอกว่าได้มาจากชาวต่างชาติคนหนึ่ง แค่ได้ยินเรื่องราวพ่อค้าเพชรอย่างเขาก็จินตนาการได้ว่าจะต้องเป็นอัญมณีที่แปลกมากทีเดียว และพอบอกว่าอยากขอชมด้วยตาตนเองสักครั้ง นายอุชิฮาระก็ชวนทันทีให้มารับประทานอาหารค่ำด้วยกันแล้วจะเอาออกมาอวด จนในที่สุดก็สามารถดึงตัวเขามาได้ในคืนนี้
ความจริงนายทามามุระไม่คิดที่จะพาลูก ๆ ไปด้วยแต่นายอุชิฮาระไม่ยอม อีกทั้งช่วงนี้ยังไม่อยากให้คนในครอบครัวแยกกันไปคนละทางสองทางเพราะไม่รู้ว่าจอมโจรปีศาจซึ่งตอนนี้เงียบไปนั้นจะกลับมาตุกคามทำร้ายเอาอีกเมื่อไร เลยตกลงใจมากันสี่คนพ่อลูก
ระหว่างรับประทานอาหารนายอุชิฮาระรับบทบาทเป็นตัวเอกตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเล่าเรื่องขำขันให้ทุกคนหัวเราะกันบ้าง เล่าเรื่องที่น่าสนใจให้ฟังกันบ้าง
“เอาละครับ เรามาชมเครื่องเพชรกันดีกว่า”
หลังจากที่คนรับใช้เก็บผ้าขาวที่ปูโต๊ะออกไปแล้ว นายอุชิฮาระก็ลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องข้าง ๆ ครู่หนึ่งจึงกลับเข้ามาพร้อมกับหีบบุกำมะหยี่
“นี่ไงครับที่ผมอยากให้คุณทามามุระวินิจฉัยให้ละเอียดสักหน่อย”
นายทามามุระที่นั่งคอยดูอยู่อย่างใจจดใจจ่อรีบรับหีบกำมะหยี่มาเปิดดูทันที
หัวของคนทั้งห้าก้มลงมาที่หีบกำมะหยี่ใบนั้นราวกับนัดกันไว้
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เพชรเจียระไนเหลี่ยมกุหลาบแบบโบราณหนักกว่าสิบกะรัต แสงจากหลอดไฟกระทบเหลี่ยมเจียระไนสะท้อนประกายแปลบปลาบราวเปลวเพลิง
“ต๊าย สวยจัง”
ทาเอโกะเป็นคนแรกที่อุทานออกมาด้วยความชื่นชมจับใจ
“โอ้โฮ สวยจัง” “งามมาก” “เพชรเม็ดนี้วิเศษสุด”
ทุกคนในที่นั้นร้องชมอย่างตื่นตาตื่นใจ มีแต่นายทามามุระผู้เชี่ยวชาญอัญมณีเท่านั้นที่จ้องมองไปที่เพชรล้ำค่าโดยไม่ปริปากสักคำเดียว
“เป็นยังไงครับคุณทามามุระ ผมซื้อมาหนึ่งหมื่นเยน (ราคาเมื่อ 1931) คุณว่าแพงไปไหม”
“แพงอะไรได้ ถูกเหมือนได้เปล่าเลยละครับ เพชรน้ำงามอย่างนี้มีค่าเกินราคาที่คุณซื้อเป็นสองเท่าเลยทีเดียว...”
นายทามามุระชะงักคำพูดแล้วนิ่งขึงไปในทันใด เพชรเม็ดงามที่เขาใช้นิ้วบรรจงคีบขึ้นมาส่องดูร่วงตกลงกับพื้นโต๊ะ ผู้เชี่ยวชาญอัญมณีตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกราวได้เห็นสิ่งประหลาด นายอุชิฮาระตกใจจึงถามว่า
“คุณทามามุระเป็นอะไรไปหรือครับหน้าซีดเชียว”
“ผมรู้จักเพชรเม็ดนี้ดี จำได้แม่นยำเลยทีเดียว คุณไปซื้อมาจากใคร”
“พ่อค้าชาวอเมริกันครับ ตอนนี้กลับประเทศไปแล้ว”
“คุณคงไม่บอกว่าเขาเอามันมาจากอเมริกาหรอกนะ เขาได้มาจากในญี่ปุ่นนี่เองใช่ไหม”
“แต่นายนั่นพูดคล้ายกับว่าเอาติดตัวมาด้วยตอนมาญี่ปุ่นนะครับ”
“ไม่จริงหรอกครับ เพชรเม็ดนี้มีรอยตำหนิเล็กมากขนาดมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีเพชรที่ไหนจะมีตำหนิเหมือนกันตรงที่เดียวกันถึงสองเม็ดหรอกครับ นี่เป็นของโจรแน่ ๆ”
“คุณว่าอะไรนะ เพชรเม็ดนี้เป็นของที่โจรขโมยมาอย่างนั้นหรือครับ”
“ใช่ โจรมันฆ่าเจ้าของแล้วขโมยเอาไป”
“ใครถูกขโมยเมื่อไร ที่ไหนครับ”
“เพชรเม็ดนี้เป็นของน้องชายผม ถูกขโมยไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว”
“คุณหมายความว่าตอนเกิดคดีฆาตกรรมศพหัวขาดบนเรือนรกอย่างนั้นรึ”
นายอุชิฮาระตะโกนลั่นด้วยความตกใจเป็นที่สุด
“ใช่ เพชรเจียระไนเหลี่ยมกุหลาบเม็ดนี้หายไปตอนที่ฟุกุดะ โทกุจิโรน้องชายแท้ ๆ ของผมถูกโจรร้ายที่ชาวบ้านเรียกกันว่าปีศาจมายากลฆ่าตัดคอ หนังสือพิมพ์ยังเอาไปลงเป็นข่าวใหญ่ เพชรเม็ดนี้ผู้จัดการร้านผมไปซื้อมาจากพ่อค้าเพชรที่ฝรั่งเศส พอน้องชายผมเห็นเข้าก็ชอบใจผมก็เลยขายให้เขาไป คุณอุชิฮาระครับ นี่เป็นหลักฐานสำคัญมากที่จะสืบสาวไปถึงฆาตกร คุณพอจะรู้ไหมว่าชาวอเมริกันที่กลับประเทศไปแล้วคนนั้นซื้อเพชรนี่มาจากใคร”
“ตกลงนี่เป็นเพชรที่ถูกขโมยไปตอนนั้นนั่นเอง...ผมไม่รู้หรอกครับว่าชาวอเมริกันคนนั้นไปซื้อมาจากใคร แต่เห็นจะต้องสืบให้ได้ว่าความจริงโดยเร็วว่ามันยังไงกันแน่ นายคนนั้นกลับประเทศไปแล้วแต่ผมรู้ว่าเขามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง พรุ่งนี้ผมจะรีบไปหาและสอบถามดู”
ทั้งสองพูดถึงความเป็นมาอันน่าพิศวงของเพชรล้ำค่าเม็ดนั้นกันต่อไปอีกพักหนึ่ง นายอุชิฮาระก็สรุปว่า
“เอาละครับ เราพักเรื่องนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน ผมรับรองว่าจะสืบหาต้นตอของการซื้อขายเพชรเม็ดนี้ให้ได้ ขอให้คุณทามามุระนอนใจได้ วันนี้คุณและหลาน ๆ อุตส่าห์มาถึงที่นี่ เรามาสนุกกันดีกว่า คุณหนูทาเอโกะจะช่วยแสดงฝีมือเปียนโนให้เราฟังกันได้ไหมนะ”
เจ้าของคฤหาสน์เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อให้บรรยากาศที่ตึงเครียดไปกลับมาแจ่มใสอีกครั้ง
แต่สำหรับทาเอโกะ ความทรงจำอันเลวร้ายจากการถูกปีศาจฆาตกรคุกคามถึงสองครั้งสองหนยังคุกคามเธออยู่จนทุกวันนี้ และยิ่งได้มาเห็นและได้ยินได้ฟังลงเล่นเปียนโนเรื่องราวของเพชรเม็ดนั้นอีกด้วยเช่นนี้ หญิงสาวก็หมดอารมณ์รื่นเริง นั่งซึมอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นไปเล่นเปียนโนตามคำขอ
นายทามามุระเห็นดังนั้นก็หัวเราะเจื่อน ๆ
“ตายละ คุณหนูหมดสนุกอย่างนี้ ไม่ได้การเสียแล้ว...เอาอย่างนี้ เรามาแลกเปลี่ยนกันนะครับ ระยะนี้ผมมาเอาดีทางภาพยนตร์ 16 มม. ผมสร้างบทเองให้พวกเสมียนเล่นแล้วก็ถ่ายเป็นภาพยนตร์ ผมจะฉายให้ดูเรื่องหนึ่ง และพอดูจบคุณหนูต้องเล่นเปียโนให้ผมฟังนะ”
ภาพยนตร์จอเล็ก 16 มม...นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนรู้ว่านายอุชิฮาระมีการสร้างภาพยนตร์เป็นงานอดิเรก หนุ่มสาวอย่างสามพี่น้องย่อมสนใจเป็นธรรมดา และแม้แต่นายทามามุระเองก็ยังอยากถามอะไร ๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์จอเล็กที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากอยู่ในขณะนั้น
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ
ปีศาจร้ายเล่นกลได้แนบเนียนอย่างน่าอัศจรรย์ ชั่วเวลาสองสามนาทีมันสามารถเปลี่ยนตัวผู้หญิงได้ และยิ่งกว่านั้นทำไมจึงต้องเป็นผู้หญิงคนนี้...ทำไม
ต่อรองกันด้วยชีวิต
ไม่ใช่...ผิดตัวแล้ว นั่นไม่ใช่ฟุมิโยะ ความมืดสลัวของห้องพรางตาเอาไว้ไม่ให้เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฟุมิโยะ ปีศาจร้ายทำได้ฉับไวเหลือเชื่อราวกับมีเวทมนต์
และที่ทำให้ยิ่งตกใจไปกว่านั้นก็คือเชลยสาวที่ถูกมัดอยู่กับเสาคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่ชายหนุ่มทั้งสองรู้จักยิ่งกว่ารู้จัก เพราะเธอคือทามามุระ ทาเอโกะ น้องสาวของจิโรผู้ที่น่าจะนอนรักษาตัวอยู่ในห้องคนไข้ในโรงพยาบาลศัลยกรรมโอโมริ
ทาเอโกะถูกมัดติดกับเสาและผูกปากไว้เหมือนกับที่อาเกจิทำกับฟุมิโยะ อยู่ในสภาพที่กระดิกตัวไม่ได้และพูดอะไรก็ไม่ออก ได้แต่เงยหน้าซีดขาวนองน้ำตาขึ้นมองมาที่อาเกจิกับจิโร ซึ่งยืนตกตะลึงพรึงเพริดอยู่ตรงหน้า
ปีศาจร้ายหัวเราะก้อง
“เห็นความฉับไวเป็นจักรผันของมายากรเอกอย่างข้าแล้วหรือยังเล่าท่านนักสืบเลืองนาม ถึงกับตกตะลึงพูดอะไรไม่ออกทีเดียวรึ”
ว่าแล้วก็ระเบิดหัวเราะอย่างเย้ยหยันจนใบหน้าบิดเบี้ยวน่าขยะแขยง และยังไม่ทันที่ใครจะไหวตัวทำอะไรมันก็เข้าไปประชิดตัวเชลยสาวแล้วจ่อปากกระบอกปืนไปที่สีข้างของเธอ คราวนี้นักสืบเอกกลับต้องตกเป็นเบี้ยล่างไปอย่างไม่มีทางสู้
มารู้กันในภายหลังว่าวันนั้นทาเอโกะอาการดีขึ้นมากแล้ว แผลที่เกิดจากการถูกจู่โจมทำร้ายหายเกือบสนิท จึงออกไปเดินเล่นที่สวนของโรงพยาบาลเพราะเบื่อเต็มทีกับการนอนแบ็บอยู่บนเตียงทั้งวันทั้งคืน และเพียงแค่พริบตาเดียวที่นางพยาบาลที่ตามไปดูแลละสายตาไปทางอื่น เธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จนพลบค่ำก็ยังไม่กลับมา เมื่อโทรศัพท์ไปที่คฤหาสน์ทามามุระแล้วคนที่นั่นก็แจ้งว่าทาเอโกะไม่ได้กลับบ้าน ทางโรงพยาบาลจึงแจ้งตำรวจ และขณะที่กำลังค้นหาตัวลูกสาวเศรษฐีใหญ่ทั่วทุกหนแห่งกันเป็นจ้าละหวั่นอยู่นั้นเอง ทาเอโกะก็ตกมาอยู่ในเงื้อมมือปีศาจบ้านริมทะเลแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว
ผู้อ่านคงจำหีบสีดำเหมือนโรงศพในห้องข้างโถงทางเข้าบ้านที่เกริ่นเอาไว้กันได้ ตอนที่ฟุมิโยะเปิดประตูให้อาเกจิกับจิโรเข้ามาในบ้านทาเอโกะถูกขังอยู่ในหีบใบนั้นโดยไม่มีใครล่วงรู้ และระหว่างที่อาเกจิกับจิโรชวนกันย่องกริบเข้าไปดูลาดเลาภายในบ้าน สมุนโจรก็สับเปลี่ยนตัวฟุมิโยะที่ถูกมัดไว้กับเสากับทาเอโกะด้วยความฉับไว ตามแผนตลบหลังของปีศาจฆาตกรที่หวังเย้ยหยันนักสืบเอกให้เสียหน้า
“เยี่ยม เยี่ยมที่สุด สมกับเป็นฝีมือของมายากรเอก แต่ขอให้รู้ไว้เลยว่าสำหรับฉัน มันก็ไม่ผิดอะไรกับกลหลอกเด็กเลยสักนิด”
นักสืบอาเกจิพูดเจือเสียงหัวเราะทำท่าเหมือนกำลังดูละครตลก แล้วโยนปืนพกในมือลงกับพื้นดังเปรื่อง สมุนโจรรีบฉวยขึ้นมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อของมันทันที
“อ้าว อ้าว ทำไมถึงต้องเก็บไอ้ของพรรคนั้นเข้ากระเป๋ายังกับเป็นของสำคัญอย่างนั้น มันแค่ปืนของเล่นที่พวกแกใช้เล่นกล ฉันเก็บมาจากหลังเวทีเองนะ”
สมุนโจรสะดุ้งนิดหนึ่งแล้วบอกหน้าตาเฉยว่า
“ถ้าไม่มีไอ้นี่แล้วพรุ่งนี้ข้าจะเอาอะไรเล่นกลเล่าฮึ”
นักสืบเอกละความสนใจจากสมุนโจรหันไปทางจอมโจรปีศาจ แล้วเริ่มพูดข่มด้วยท่าทีองอาจหาญกล้า
“เอาละ อีกไม่นานเราก็จะรู้ว่าใครแพ้ใครชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ก่อนอื่นขอให้แกตรองดูให้ดีว่าในสถานการณ์ตอนนี้ใครเป็นฝ่ายได้เปรียบ แกฉลาดเป็นกรดคงจะพอมองชะตากรรมของตัวแกเองได้ล่วงหน้าแล้วละมัง”
“ข้ามีอาวุธ มีตัวประกัน แต่แกมือเปล่า”
จอมโจรพุดพร้อมทำท่าข่มคู่ต่อสู้
“แกคงลืมซินะว่าตำรวจเขาล้อมบ้านนี้ไว้หมดแล้ว”
“ฮะ ฮ้า แต่แกก็ต้องไม่ลืมว่ากว่าตำรวจเข้ามาจับตัวข้าได้นางทาเอโกะตัวประกันนี่ก็เป็นศพไปแล้ว เป็นการต่อรองที่ไม่เลวเลยทีเดียวใช่ไหม”
นักสืบอาเกจิหัวเราะบ้าง
“แกจะตลบตะแลงยังไงก็หลอกฉันไม่สำเร็จหรอก เห็นอยู่ทนโท่ว่าแกกลัวตำรวจจนหน้าซีดไม่มีสีเลือดออกอย่างนี้ แลกเปลี่ยนชีวิตแกกับชีวิตของทาเอโกะ...เชอะ อย่าพูดให้หัวเราะหน่อยเลย จะให้ฉันเชื่อว่าที่แกทนทุกข์ทรมานกับความแค้นมาสี่สิบกว่าปีก็เพื่อล้างแค้นทาเอโกะสาวน้อยคนนี้คนเดียวอย่างนั้นรึ ฉันรู้ว่าแกยังมีเป้าหมายอื่นที่สำคัญกว่านี้ และรู้ดีด้วยว่าฆาตรกรใจโหดอย่าแกต้องไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ ด้วยการเอาคอขึ้นไปแขวนบนตะแลงแกงอย่างนี้”
นักสืบเอกหัวเราะเย้ยหยัน
“ใช่...มันเป็นการต่อรองที่ไม่เลวก็จริง แต่ฉันไม่เชื่อว่าแกจะยอมเสียเปรียบถึงขนาดเอาชีวิตเข้าแลก”
ปีศาจร้ายนิ่งเงียบเมื่อถูกจี้ตรงจุดอ่อน ไม่อาจแฝงแววกังวลที่ฉายเด่นชัดอยู่บนใบหน้า แต่ก็วางไพ่ตายได้โดยพลันสมกับความเหี้ยมโหดของมัน
“เอาละ ในเมื่อแกอ่านเกมออกถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม ข้ามีเวลาตัดสินใจไม่มากเรามาเจรจาต่อรองกันเลยดีกว่า บอกตรง ๆ ว่าข้าไม่คิดเลยว่าได้พลาดพลั้งอะไรไปตรงไหนจึงทำให้พวกแกตามมาถึงที่นี่ ดีที่บังเอิญได้ตัวนางทาเอโกะมาไว้เป็นประกันไม่เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จบ ทางรอดของข้าอยู่ที่นางนี่คนเดียว เอาละข้าขอเสนอขายนางทาเอโกะ แกกำหนดราคามาเลยว่าจะซื้อสักเท่าไร”
“อิสรภาพของแกอย่างนั้นรึ ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ”
“ข้าก็จะฆ่าตัวตายพร้อมกับนางทาเอโกะด้วยกระสุนนัดเดียว เพื่อจบทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้”
“ข้อต่อรองของแกแพงมาก แต่มันไม่พอที่จะแลกกับชีวิตของทาเอโกะหรอกนะ เอาละรู้แล้ว...ฉันปล่อยแกเป็นอิสระ”
“แกคงไม่ขี้ขลาดพอที่จะคิดตลบหลังฉันหรอกนะ”
นักสืบเอกหัวเราะลั่น
“รับตัวทาเอโกะมาแล้วเรียกตำรวจให้เข้ามาจับแกอย่างนั้นรึ นอนใจได้ คนอย่างฉันมีคุณธรรมพอที่จะรักษาคำพูดแม้แต่กับฆาตกรใจโหดอย่างแก แก้มัดทาเอโกะได้แล้ว”
“แกจะบอกพวกที่คอยอยู่ข้างนอกว่ายังไง ตำรวจรึจะยอมให้ทำอย่างนี้”
อาเกจิหัวเราะ
“ท่าทางแกจะปอดลอยเอามาก ๆ เรื่องตำรวจปล่อยให้เป็นธุระของเรา พวกแกหนีออกไปทางประตูหลัง ฉันจะเรียกให้พวกตำรวจมารวมตัวกันด้านหน้า”
ในที่สุดทาเอโกะก็เป็นอิสระอยู่ในอ้อมกอดของจิโรพี่ชาย ส่วนปีศาจมายากลกับสมุนของมันและฟุมิโยะที่ซ่อนตัวอยู่ในอีกห้องหนึ่ง พากันวิ่งไปที่ประตูหลังตามข้อต่อรอง
“ไอ้ปีศาจ ดูแลฟุมิโยะ ลูกสาวแสนประเสริฐของแกให้ดี ๆ”
อาเกจิตะโกนไล่หลังไปด้วยความรู้สึกเสียดายที่ต้องปล่อยให้ฟุมิโยะหนีตามเหล่าร้ายไป ถึงจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของโจรใจอำมะหิตเขาก็ไม่ใจแข็งพอที่จะแยกลูกแยกพ่อออกจากกันได้
ยังไม่ทันที่หมู่โจรจะพ้นออกไปจากประตูด้านหลัง นักสืบอาเกจิก็กระโจนออกไปทางหน้าบ้านแล้วเป่าปากหวีดหวิวเป็นสัญญาณ ตำรวจทุกคนที่ล้อมบ้านไว้กรูเข้ามารวมตัวที่ด้านหน้าทันที
“ผู้ร้ายหนีเข้าไปในห้องไหนไม่รู้ ข้างในนั่นมืดมากผมมองไม่เห็นถนัด ระวังตัวด้วยนะครับเพราะมันมีปืน”
ระหว่างที่ตำรวจกำลังค้นหาตามห้องหับภายในบ้านอย่างระมัดระวังตามคำเตือนของนักสืบเอกนั้นเอง หมู่โจรก็เล็ดลอดออกทางประตูหลังไปสู่ความมืดมิดแล้วหนีเตลิดไปทางไหนไม่มีใครรู้ได้
เครื่องเพชร
อุชิฮาระ โคโซ ผู้มีฐานะมั่งคั่งเป็นลูกค้าสำคัญอันดับหนึ่งของแผนกเครื่องเพชรในร้านอัญมณีทามามุระ สุภาพบุรุษเศรษฐีใหม่ที่เดินทางกลับมาจากอเมริกาได้ราวสองปีผู้นี้ แม้จะไม่สู้จะมีชื่อเสียงเด่นดังในวงสังคมเท่าใดนัก แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักนิยมอัญมณีที่มีรสนิยมเพริดแพร้วคนหนึ่ง ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ นายอุชิฮาระซื้อเพชรพลอยจากร้านอัญมณีทามามุระเป็นจำนวนเงินมหาศาลอย่างที่ไม่มีลูกค้าระดับราชนิกูลหรือมหาเศรษฐีคนใดเคยจ่ายมาก่อน
ไม่มีใครรู้ว่าเศรษฐีใหม่ผู้นี้ซื้ออัญมณีไปให้ใครเพราะเป็นคนโสดไม่มีภรรยาหรือบุตรแม้แต่คนเดียว อาศัยอยู่กับบริวารหลายคนในคฤหาสน์เก่าแก่หลังใหญ่ที่เขตโคอิชิคะวะซึ่งเคยเป็นของนักรบซามุไรชั้นสูง
นายอุชิฮาระเป็นคนเรียบง่ายมีอิสระเสรีแบบคนอเมริกัน เขามักจะขับรถยนต์ไปที่ร้านอัญมณีทามามุระบ่อยครั้ง ความเป็นคนช่างพูดและมีอัธยาศรัยไมตรีดีงาม จึงสนิทสนมกับนายทามามุระเจ้าของร้านเป็นอันดีถึงขั้นไปมาหาสู่ถึงที่บ้านซึ่งกันและกัน
หลังเกิดเหตุการณ์ข้างต้นประมาณหนึ่งเดือนซึ่งย่างเข้าสู่ปีใหม่ วันหนึ่งในช่วงปลายเดือนมกราคม นายอุชิฮาระได้เชิญนายทามามุระกับบุตรชายหญิงทั้งสาม คือ อิจิโร จิโร และทาเอโกะ มารับประทานอาหารค่ำที่คฤหาสน์
การนัดรับประทานอาหารค่ำนี้มีมาก่อนหน้านี้สองสามเดือนเห็นจะได้ แต่ต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีกเนื่องจากเกิดเหตุร้ายหลายครั้งหลายหนที่ทำให้ไม่อาจมานั่งรับประทานอาหารกันอย่างสงบได้ เริ่มตั้งแต่การตายอย่างน่าอนาถของฟุกุดะ โทกุจิโรน้องชายของนายทามามุระ และยังเกิดเหตุร้ายแก่ลูกชายลูกสาวของเขาตามมาติด ๆ จนกระทั่งช่วงเดือนกว่า ๆ มานี้ดูเหมือนว่าจะสงบลงเพราะไม่เกิดเหตุอะไร ทำให้คิดได้ว่าจอมโจรปีศาจร้ายคงจะหมดฤทธิ์ไปแล้ว จึงได้ทำตามนัดให้สมกับที่ตั้งใจกันเอาไว้นานเสียที แต่แม้จะเป็นงานกินเลี้ยงธรรมดาที่ไม่น่ามีอันตรายใด ๆ นายทามามุระก็ไม่ลืมที่จะพาเสมียนหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันหลายคนมาล้อมหน้าล้อมหลังคอยคุ้มกัน ตามคำกำชับเตือนของนักสืบเอกอาเกจิ โคโงโร
หกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลานัด รถยนต์สองคันก็แล่นอย่างสง่างามเข้ามาเทียบประตูทางเข้าคฤหาสน์อุชิฮาระในละแวกที่อยู่อาศัยอันเงียบสงบและเปล่าเปลี่ยวของเขตโคอิชิคาวะ
นายอุชิฮาระเดินนำหน้ากลุ่มคนรับใช้ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แล้วเชิญนายทามามุระกับลูก ๆ เข้าไปยังห้องรับแขกที่อยู่ด้านใน ส่วนบริวารที่ตามมาก็ได้รับเชิญให้ไปอีกห้องหนึ่งที่เตรียมอาหารและสุราไว้เลี้ยงกันเต็มที่
ห้องรับแขกจัดแบบไม่พิถีพิถันตามนิสัยของเจ้าของบ้าน คือปูพรมบนพื้นเสื่อทาทามิ วางเก้าอี้ วางโต๊ะให้ดูเหมือนห้องฝรั่ง แต่โต๊ะเก้าอี้ที่เป็นเครื่องเรือนหรูหราของฝรั่งไม่ได้เข้ากันเลยกับห้องญี่ปุ่นที่เพดานต่ำและมีเวิ้งสำหรับประดับสิ่งของแบบญี่ปุ่น ทำให้รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในห้องฝรั่งบนภาพพิมพ์สีสมัยต้นเมจิ
บนโต๊ะใหญ่กลางห้องจัดอาหารไว้พร้อมเพรียงสำหรับห้าคน
“เชิญนั่งครับ เชิญ เชิญ...อาหารวันนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ งานเลี้ยงคืนนี้ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่อาหาร แต่อยู่ที่ฝีมือเปียโนของคุณหนูทาเอโกะ กับกรุสะสมเครื่องเพขรลับเฉพาะที่ผมสัญญาไว้ว่าจะให้ชมกันครับ”
นายอุชิฮาระรับแขกของเขาด้วยทท่าทางรื่นเริงและมีไมตรีจิต
เหตุผลสำคัญที่สุดที่นายทามามุระรับคำเชิญมากินเลี้ยงคืนนี้ก็คือการจะได้ชมเครื่องเพชรที่นายอุชิฮาระภูมิใจนักหนาบอกว่าได้มาจากชาวต่างชาติคนหนึ่ง แค่ได้ยินเรื่องราวพ่อค้าเพชรอย่างเขาก็จินตนาการได้ว่าจะต้องเป็นอัญมณีที่แปลกมากทีเดียว และพอบอกว่าอยากขอชมด้วยตาตนเองสักครั้ง นายอุชิฮาระก็ชวนทันทีให้มารับประทานอาหารค่ำด้วยกันแล้วจะเอาออกมาอวด จนในที่สุดก็สามารถดึงตัวเขามาได้ในคืนนี้
ความจริงนายทามามุระไม่คิดที่จะพาลูก ๆ ไปด้วยแต่นายอุชิฮาระไม่ยอม อีกทั้งช่วงนี้ยังไม่อยากให้คนในครอบครัวแยกกันไปคนละทางสองทางเพราะไม่รู้ว่าจอมโจรปีศาจซึ่งตอนนี้เงียบไปนั้นจะกลับมาตุกคามทำร้ายเอาอีกเมื่อไร เลยตกลงใจมากันสี่คนพ่อลูก
ระหว่างรับประทานอาหารนายอุชิฮาระรับบทบาทเป็นตัวเอกตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเล่าเรื่องขำขันให้ทุกคนหัวเราะกันบ้าง เล่าเรื่องที่น่าสนใจให้ฟังกันบ้าง
“เอาละครับ เรามาชมเครื่องเพชรกันดีกว่า”
หลังจากที่คนรับใช้เก็บผ้าขาวที่ปูโต๊ะออกไปแล้ว นายอุชิฮาระก็ลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องข้าง ๆ ครู่หนึ่งจึงกลับเข้ามาพร้อมกับหีบบุกำมะหยี่
“นี่ไงครับที่ผมอยากให้คุณทามามุระวินิจฉัยให้ละเอียดสักหน่อย”
นายทามามุระที่นั่งคอยดูอยู่อย่างใจจดใจจ่อรีบรับหีบกำมะหยี่มาเปิดดูทันที
หัวของคนทั้งห้าก้มลงมาที่หีบกำมะหยี่ใบนั้นราวกับนัดกันไว้
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เพชรเจียระไนเหลี่ยมกุหลาบแบบโบราณหนักกว่าสิบกะรัต แสงจากหลอดไฟกระทบเหลี่ยมเจียระไนสะท้อนประกายแปลบปลาบราวเปลวเพลิง
“ต๊าย สวยจัง”
ทาเอโกะเป็นคนแรกที่อุทานออกมาด้วยความชื่นชมจับใจ
“โอ้โฮ สวยจัง” “งามมาก” “เพชรเม็ดนี้วิเศษสุด”
ทุกคนในที่นั้นร้องชมอย่างตื่นตาตื่นใจ มีแต่นายทามามุระผู้เชี่ยวชาญอัญมณีเท่านั้นที่จ้องมองไปที่เพชรล้ำค่าโดยไม่ปริปากสักคำเดียว
“เป็นยังไงครับคุณทามามุระ ผมซื้อมาหนึ่งหมื่นเยน (ราคาเมื่อ 1931) คุณว่าแพงไปไหม”
“แพงอะไรได้ ถูกเหมือนได้เปล่าเลยละครับ เพชรน้ำงามอย่างนี้มีค่าเกินราคาที่คุณซื้อเป็นสองเท่าเลยทีเดียว...”
นายทามามุระชะงักคำพูดแล้วนิ่งขึงไปในทันใด เพชรเม็ดงามที่เขาใช้นิ้วบรรจงคีบขึ้นมาส่องดูร่วงตกลงกับพื้นโต๊ะ ผู้เชี่ยวชาญอัญมณีตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกราวได้เห็นสิ่งประหลาด นายอุชิฮาระตกใจจึงถามว่า
“คุณทามามุระเป็นอะไรไปหรือครับหน้าซีดเชียว”
“ผมรู้จักเพชรเม็ดนี้ดี จำได้แม่นยำเลยทีเดียว คุณไปซื้อมาจากใคร”
“พ่อค้าชาวอเมริกันครับ ตอนนี้กลับประเทศไปแล้ว”
“คุณคงไม่บอกว่าเขาเอามันมาจากอเมริกาหรอกนะ เขาได้มาจากในญี่ปุ่นนี่เองใช่ไหม”
“แต่นายนั่นพูดคล้ายกับว่าเอาติดตัวมาด้วยตอนมาญี่ปุ่นนะครับ”
“ไม่จริงหรอกครับ เพชรเม็ดนี้มีรอยตำหนิเล็กมากขนาดมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีเพชรที่ไหนจะมีตำหนิเหมือนกันตรงที่เดียวกันถึงสองเม็ดหรอกครับ นี่เป็นของโจรแน่ ๆ”
“คุณว่าอะไรนะ เพชรเม็ดนี้เป็นของที่โจรขโมยมาอย่างนั้นหรือครับ”
“ใช่ โจรมันฆ่าเจ้าของแล้วขโมยเอาไป”
“ใครถูกขโมยเมื่อไร ที่ไหนครับ”
“เพชรเม็ดนี้เป็นของน้องชายผม ถูกขโมยไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว”
“คุณหมายความว่าตอนเกิดคดีฆาตกรรมศพหัวขาดบนเรือนรกอย่างนั้นรึ”
นายอุชิฮาระตะโกนลั่นด้วยความตกใจเป็นที่สุด
“ใช่ เพชรเจียระไนเหลี่ยมกุหลาบเม็ดนี้หายไปตอนที่ฟุกุดะ โทกุจิโรน้องชายแท้ ๆ ของผมถูกโจรร้ายที่ชาวบ้านเรียกกันว่าปีศาจมายากลฆ่าตัดคอ หนังสือพิมพ์ยังเอาไปลงเป็นข่าวใหญ่ เพชรเม็ดนี้ผู้จัดการร้านผมไปซื้อมาจากพ่อค้าเพชรที่ฝรั่งเศส พอน้องชายผมเห็นเข้าก็ชอบใจผมก็เลยขายให้เขาไป คุณอุชิฮาระครับ นี่เป็นหลักฐานสำคัญมากที่จะสืบสาวไปถึงฆาตกร คุณพอจะรู้ไหมว่าชาวอเมริกันที่กลับประเทศไปแล้วคนนั้นซื้อเพชรนี่มาจากใคร”
“ตกลงนี่เป็นเพชรที่ถูกขโมยไปตอนนั้นนั่นเอง...ผมไม่รู้หรอกครับว่าชาวอเมริกันคนนั้นไปซื้อมาจากใคร แต่เห็นจะต้องสืบให้ได้ว่าความจริงโดยเร็วว่ามันยังไงกันแน่ นายคนนั้นกลับประเทศไปแล้วแต่ผมรู้ว่าเขามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง พรุ่งนี้ผมจะรีบไปหาและสอบถามดู”
ทั้งสองพูดถึงความเป็นมาอันน่าพิศวงของเพชรล้ำค่าเม็ดนั้นกันต่อไปอีกพักหนึ่ง นายอุชิฮาระก็สรุปว่า
“เอาละครับ เราพักเรื่องนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน ผมรับรองว่าจะสืบหาต้นตอของการซื้อขายเพชรเม็ดนี้ให้ได้ ขอให้คุณทามามุระนอนใจได้ วันนี้คุณและหลาน ๆ อุตส่าห์มาถึงที่นี่ เรามาสนุกกันดีกว่า คุณหนูทาเอโกะจะช่วยแสดงฝีมือเปียนโนให้เราฟังกันได้ไหมนะ”
เจ้าของคฤหาสน์เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อให้บรรยากาศที่ตึงเครียดไปกลับมาแจ่มใสอีกครั้ง
แต่สำหรับทาเอโกะ ความทรงจำอันเลวร้ายจากการถูกปีศาจฆาตกรคุกคามถึงสองครั้งสองหนยังคุกคามเธออยู่จนทุกวันนี้ และยิ่งได้มาเห็นและได้ยินได้ฟังลงเล่นเปียนโนเรื่องราวของเพชรเม็ดนั้นอีกด้วยเช่นนี้ หญิงสาวก็หมดอารมณ์รื่นเริง นั่งซึมอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นไปเล่นเปียนโนตามคำขอ
นายทามามุระเห็นดังนั้นก็หัวเราะเจื่อน ๆ
“ตายละ คุณหนูหมดสนุกอย่างนี้ ไม่ได้การเสียแล้ว...เอาอย่างนี้ เรามาแลกเปลี่ยนกันนะครับ ระยะนี้ผมมาเอาดีทางภาพยนตร์ 16 มม. ผมสร้างบทเองให้พวกเสมียนเล่นแล้วก็ถ่ายเป็นภาพยนตร์ ผมจะฉายให้ดูเรื่องหนึ่ง และพอดูจบคุณหนูต้องเล่นเปียโนให้ผมฟังนะ”
ภาพยนตร์จอเล็ก 16 มม...นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนรู้ว่านายอุชิฮาระมีการสร้างภาพยนตร์เป็นงานอดิเรก หนุ่มสาวอย่างสามพี่น้องย่อมสนใจเป็นธรรมดา และแม้แต่นายทามามุระเองก็ยังอยากถามอะไร ๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์จอเล็กที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากอยู่ในขณะนั้น