xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นคนจน ไม่มีปัญญาซื้อ Amplifier ราคาแพงได้เหมือนคนไทย !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว วันนี้อยากจะเล่าเกี่ยวกับการเลือกซื้อของของคนญี่ปุ่นที่มีมุมมองที่แตกต่างจากคนไทยครับ ตอนที่ผมมาเที่ยวเมืองไทยครั้งแรกผมเพิ่งเรียนจบมัธยมปลายใหม่ๆ และเพิ่งสอบเข้าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยได้หมาดๆ เรียกว่าเที่ยวฉลองการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็ว่าได้ ครั้งนั้นผมไป Scuba diving ที่ภูเก็ต, กระบี่ แค่ครั้งแรกที่มาเมืองไทยก็รู้สึกประทับใจความสวยงามของทะเลไทยเป็นอย่างมาก และรู้สึกชอบเมืองไทยมากๆ

ครั้งนั้นมีคู่สามีภรรยาชาวญี่ปุ่นคู่หนึ่งอยู่ในทีมดำน้ำด้วย พวกเขาเห็นผมพร่ำพูดว่าชอบเมืองไทย อยากอยู่เมืองไทย จนเขาเห็นใจผม ฝ่ายภรรยาบอกว่า “ดีแล้ว คุณยังเด็กถ้าอยากทำอะไร ก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างมันขึ้นมาได้ “ ตอนนั้นผมยังนึกเลยว่าคุณพี่พูดอะไรออกมา ผมไม่ใช่คนไทยถึงผมจะชอบเมืองไทยแต่ผมจะมาอาศัยอยู่ที่เมืองไทยได้ยังไง

ตอนนั้นแม้ว่าผมจะเพิ่งเข้าศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยหรือถือว่าเป็นนักศึกษาปี 1 ก็ว่าได้ แต่ก็ไม่เหงาเลยเพราะมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเยอะมาก มีพวกนักศึกษาปี 4 และนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบมาเที่ยวเยอะแยะไปหมด นักศึกษาที่จบการศึกษาแล้ว ต่อไปก็ต้องก้าวเข้าสู่ชีวิตจริงคือการทำงานเป็น Salaryman อย่างจริงจัง แต่ดูหน้าตาของพวกพี่ๆ ที่มาเที่ยวแล้วน่าสงสารมากครับ เพราะพวกเขาได้มีโอกาสมาเจอธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้แต่ต้องกลับไปรับกรรมต่อที่ญี่ปุ่น ดูแล้วพี่ๆ เขาไม่ค่อยอยากกลับไปเจอโหมดเคร่งเครียดสักเท่าไหร่นัก พวกเขาต่างอิจฉาผมเพราะผมเพิ่งปี 1 ยังมีเวลาเที่ยวอีกหลายปี หลายคนบอกว่า การได้มาเจอธรรมชาติเมืองไทยคือความโชคดีแต่ถ้าไม่ได้มาเจอก็คงจะดีซะมากกว่า!! พวกพี่แกน่าจะหมายถึง ถ้าไม่เจอก็ไม่ต้องมารู้จักชีวิตและความสุขสบายแบบที่เมืองไทย เพราะถ้ากลับไปญี่ปุ่นแล้วทุกคนต่างรู้ว่าชีวิตตนจะเป็นเช่นไร

ตอนนั้นนอกจากภูเก็ตแล้ว ผมก็ได้ไปที่เกาะสวยๆ ของจังหวัดกระบี่ด้วย เกาะที่มีบาร์และร้านค้าร้านอาหารมากมาย Dive Master เล่าให้ฟังว่าเคยมีคนญี่ปุ่นเจอกับสาวไทยแค่อาทิตย์เดียวแล้วตกลงจะแต่งงานกับสาวไทยคนนั้นโดยเชิญคนญี่ปุ่นที่อยู่ที่นี่มาทานอาหารฟรีและ Dive Master ก็รับอาสาเป็นช่างภาพให้ด้วย วันแต่งงานจัดที่บาร์แห่งหนึ่งบนเกาะนั้น แต่ปรากฏว่าอยู่ๆ เจ้าสาวก็หนีไปเฉยเลย ทำให้หนุ่มญี่ปุ่นคนนั้นต้องจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่าง Dive Master ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร คิดไปหลายอย่าง ไม่รู้เป็นความบ้า หรือความซวยแต่ก็สงสารเขามากเหมือนกัน ตอนที่ผมฟังผมก็ไม่คิดว่าเขาบ้านะครับ

บาร์ที่เกาะนั้นค่อนข้างได้รับความนิยม เพราะมีการร้องเพลงเล่นดนตรีสด ผมชอบเล่นกีต้าร์และเคยรวมตัวกับเพื่อนๆ ตั้งวงมาก่อนแล้ว พอเห็น アンプ Amplifier ยี่ห้อหนึ่งที่ร้านใช้ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ประมาณตู้เย็นใหญ่ๆ เลย และก็น่าจะแพงมาก ปกติคนญี่ปุ่นถ้าใช้สำหรับซ้อมที่บ้านก็จะใช้อันเล็กๆ พอมาเห็นใหญ่ขนาดนี้ก็รู้สึกแปลกตา นอกจากนั้นแบรนด์นี้ก็เพิ่งเคยมาเห็นที่นี่จึงยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ที่ญี่ปุ่นถ้าคนที่ฝึกเล่นเองตามบ้านก็จะใช้ตัวเล็กๆ แต่ถ้าอยากไปใช้เครื่องที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็จะไปเช่าตามห้องสตูดิโอที่มีไว้สำหรับนักซ้อมดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อน นักดนตรีทั้งหลายก็มักจะไม่ซ้อมที่บ้านตัวเองล่ะเพราะร้อน ยิ่งเปิดแอร์ยิ่งเปลืองไฟ เลือกที่จะไปซ้อมตามห้องเช่าสำหรับซ้อมดนตรีซะมากกว่า

แล้วทำไมญี่ปุ่นมักจะเลือกใช้สินค้าที่คุณภาพดีตามจุดประสงค์การใช้งานและราคาถูกกว่า

ในหนึ่งห้องที่ให้เช่าเพื่อซ้อมดนตรีก็จะมี Amplifier หลายขนาดวางไว้ให้เลือกใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นยี่ห้อ M 🇬🇧(นามสมมุติ) และยี่ห้อ R 🇯🇵 (นามสมมุติ) หรืออาจจะมี F 🇺🇸(นามสมมุติ) มาบ้าง เมื่อเห็นว่าร้านบาร์ในเกาะใช้ยี่ห้อ L 🇬🇧 และ P 🇺🇸 ซึ่งก็เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอยู่มากและแพงมาก แต่ที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยได้ใช้ยี่ห้อนี้ จึงคิดว่าไม่ว่ายี่ห้อไหนก็มีข้อดีข้อเสียของตนเอง และมีลักษณะเฉพาะที่เหมาะกับการใช้งานตามความประสงค์ที่แตกต่างกันของลูกค้า

◇ทำไมญี่ปุ่นชอบใช้ยี่ห้อ M (นามสมมุติ) เจ้าของแบรนด์คือประเทศอังกฤษ 🇬🇧: สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ต้นแบบของร็อคกีต้าร์คือขาร็อคRock’n roll อเมริกา Rock’n roll อังกฤษ เมื่อใช้ Amplifier ยี่ห้อ M แล้วจะปล่อยเสียงออกมาที่ให้ความรู้สึกว่า มีพลังร็อค เป็นแบบลำโพง ปล่อยพลังเสียงเต็มที่ มีดีไซน์ที่โดดเด่น คุณภาพของเสียงมีประสิทธิภาพ High prestige ผู้ที่คลั่งไคล้แบรนด์ หรือชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาตลอดก็จะชอบสิ่งนั้นไปตลอด อุปมาเหมือนพวกที่ชอบยี่ห้อรถหรู ผู้มีรสนิยมแบบผู้ดีเก่าก็จะเลือกใช้รถยี่ห้อที่บ่งบอกถึงรสนิยมหรูของตนเอง สำหรับ Amplifier ก็เช่นกัน ส่วนยี่ห้อ M นี้ก็มีข้อจำกัดคือ ค่อนข้างมีขนาดใหญ่ (แต่อันเล็กก็มี) , แพง, ไม่ได้เป็นแบบดิจิตอล อิมเมจแบบเก่านิดนึง แต่ก็ดู Vintage ได้อยู่ คนญี่ปุ่นที่มีพื้นที่บ้านแคบก็เลยซื้อมาไว้บ้านไม่สะดวกนักแต่จะไปซ้อมที่ห้องซ้อมตามสตูดิโอแทน แต่การใช้งานก็มีข้อควรระวังมาก ตามสตูดิโอจะเขียนป้ายติดไว้เลยว่าต้องระวังอะไร เสียบปลั๊กแล้วอย่าเพิ่งเล่นนะ ต้องรอสัก 3-5 นาที พวกผมก็กลัวจะไปทำของเขาพัง เกิดเสียหรือเป็นอะไรขึ้นมานี่คงต้องจ่ายเยอะเลย

◇ทำไมญี่ปุ่นชอบใช้ยี่ห้อ R (นามสมมุติ) แบรนด์ญี่ปุ่น 🇯🇵: หรือแอมป์กีต้าร์ตระกูล Jazz Chorus บอกตรงๆ ตอนแรกผมนึกว่าเป็นแบรนด์ของอเมริกาแต่ที่จริงแล้วเป็นแบรนด์ของญี่ปุ่น อาทิตย์ก่อนผมคิดจะไปเดินหา Amplifier ตัวเล็กๆ มาไว้ใช้ที่ห้อง ไปเจอที่วางขายที่ร้านหนึ่งเป็นของยี่ห้อ M ผมถามว่ามี Jazz Chorus ไหม คนขายถามว่าคุณจะซื้อไปเล่นกับอะไร ผมบอกว่าเล่นกับกีต้าร์ กีต้าร์อะไรเหรอ กีต้าร์อคูสติกใช่ไหม ผมชี้ไปที่กีต้าร์ไฟฟ้า เขาบอกว่าถ้ากีต้าร์ไฟฟ้าทำไมไม่ใช่ M ใช้ Jazz Chorus ทำไม ..

Jazz Chorus มีลักษณะโครงสร้างที่ต่างจาก M โดยจะใช้ Transistor มีข้อดีคือ มีน้ำหนักเบา เสียหายยาก วัสดุที่ใช้ทำก็แข็งแรงทนทาน ใช้งานง่าย ดูแลซ่อมแซมง่าย และถ้าเทียบกับ M ก็ถูกกว่า ให้เสียงคลีนดีมาก ๆ เนื้อเสียงดี ให้ความโปร่งของกีตาร์ ใสสะอาด รายละเอียดคมชัด ให้มิติที่กว้าง ตั้งแต่เริ่มแรกที่ผลิตนั้น ผลิตออกมาเพื่อเปียโนและแจ๊ส แต่ด้วยความที่ใช้ง่ายและดูแลง่ายกว่า พวกนักกีต้าร์ร็อคญี่ปุ่นก็เริ่มใช้มากขึ้นๆ ผมเองก็ชอบใช้เพราะใช้ง่าย วันนั้นที่คนขายถามผมว่าจะเอาไปใช้กับอะไร พอผมบอกว่ากีต้าร์ไฟฟ้าเขาก็ทำหน้าแปลกใจนิดหน่อย คงเพราะรูปแบบการใช้งานผลิตภัณฑ์ในมุมมองผมและเขาต่างกัน ผมขอแค่ฟังก์ชั่นง่ายๆ ใช้งานง่าย ไว้ซ้อมชิลๆ ราคาไม่ต้องแพงมากก็ตอบโจทย์ผมได้แล้ว ไม่ต้องของที่แพงที่สุดก็ได้ และคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็คิดเช่นนี้

มีคนกล่าวไว้ว่า ถ้าพูดถึง Amplifier กีต้าร์ต้องใช้ แบรนด์ M แต่ที่สตูดิโอสำหรับห้องซ้อมให้เช่านั้น เมื่อคนญี่ปุ่นเข้าไปใช้บริการก็มักจะรีบเข้าไปเลือกใช้ของยี่ห้อ R หลายคนอาจจะแปลกใจว่า ทำไมไม่เลือก M เพราะแพงกว่า เสียงร็อคกว่า อย่างที่บอกครับว่า เพราะคนญี่ปุ่นกลัวไปทำของเขาเสียมากกว่า และการใช้ R ก็ง่ายกว่าด้วย คิดว่าข้อนี้อาจจะต่างจากเพื่อนคนไทยหรือเปล่า เพราะหลายครั้งที่เพื่อนคนไทยผมบอกว่า ถ้าเลือกของที่แพงกว่าคือคิดว่ามันจะดีกว่าของที่ถูกกว่า ไหนๆ ซื้อแล้วก็เลือกของแพงๆ ดีๆ ไปเลย แต่อย่างที่ผมยกตัวอย่างไปนั้นอยากจะแสดงให้เห็นว่า ลักษณะการเลือกซื้อของหรือเลือกใช้ของของคนญี่ปุ่นนั้นมักจะเลือกจากสิ่งที่อำนวยความสะดวกแบบตอบสนองความต้องการการใช้งานของตนมากกว่าแบรนด์และราคาครับ

เพื่อนคนไทยของผมเล่าให้ฟังว่า เพราะแบรนด์และราคามีผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อของของคนไทยมากเหมือนกัน ไม่ทราบว่าจริงไหมครับ เพื่อนบอกว่าผลิตภัณฑ์บางอย่างหรือยกตัวอย่างเช่น อสังหาริมทรัพย์บางเจ้าอัพราคาอย่างสูง เพราะถ้า ของสิ่งเดียวกัน คุณภาพเท่ากัน ทำเลเดียวกัน แต่เจ้าหนึ่งขายที่ 2 ล้านบาท แต่อีกเจ้าขาย 3 ล้านบาททำการตลาดที่เชิญชวนสักหน่อยหนึ่ง คิดว่าคนจะเลือกซื้อของเจ้าไหนมากกว่ากันครับ ?

และนี่ก็คือตัวอย่างหนึ่งของพฤติกรรมการเลือกซื้อของของคนญี่ปุ่น ที่จริงแล้วอาจจะยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกหลายข้อ เช่น พฤติกรรมการซื้อของที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ช่วงอายุ รายได้ รสนิยม เป็นต้น ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ เลือกซื้อของโดยยึดหลักอะไรครับ อย่างไรก็ตามอย่าลืมออมเงินกันวันละนิด จิตแจ่มใสครับ วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น