สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วพูดเรื่องปฏิทิน 六曜 Rikuyo ที่ใช้ทำนายว่าวันไหนจะโชคดี วันไหนจะโชคร้าย Lucky and Unlucky Days นั่นเอง แม้แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำทำนายนี้แทรกอยู่ในปฏิทินด้วย คนญี่ปุ่นบอกว่าให้เป็นที่พึงทางใจและเอาไว้ดูฤกษ์งามยามดีต่างๆ ครับ ตั้งแต่โบราณกาลมาแล้วจะเห็นได้ว่าพิธีการสำคัญต่างๆ ของชาวญี่ปุ่นนั้นถูกจัดขึ้นโดยการดูวันดีวันไม่ดีจากปฏิทินโบราณนี้ด้วย ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยจนถึงเรื่องใหญ่ เช่น การเลือกฤกษ์งามยามดีเพื่อทำพิธีเปิดร้านหรือสร้างบ้านใหม่ การแต่งงาน หรืองานสีดำ
คนญี่ปุ่นรุ่นปัจจุบันบางคนเยาะเย้ยคนสมัยโบราณว่าการเชื่อถือสิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นเรื่องงมงาย คงจะมีแต่คนสมัยก่อนเท่านั้นแหละที่เชื่อ เพราะเมื่อก่อนสมัยพันกว่าปีที่แล้วคนในราชสำนักมีความเชื่อในทำนายเหล่านี้มาก และคำทำนายก็ยิบย่อยกว่านี้เยอะ ขนาดคนในวังหลวงพวกมหาอำมาตย์จะเดินทางไปทำงาน หรือไปต่างเมือง ก่อนเดินทางได้ดูคำทำนายมาว่าช่วงเช้าวันนี้ๆ ห้ามใช้ทางตรง เพราะถ้าใช้ทางตรงจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นได้ ขณะที่พวกเขานั่งรถม้าออกไปแล้ว พวกเขายังบังคับให้รถม้าวิ่งอ้อมเขาไปอีกทาง ซึ่งคนสมัยนี้ฟังแล้วขำมากบอกว่างมงายกันจริงๆ
แต่ที่ไหนได้ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เอาเข้าจริงแม้แต่สังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้ก็ยังมีความเชื่อเรื่องคำทำนายอยู่มาก แค่เรื่องการดูทำนายในปฏิทินก็ยังต้องดูก่อนออกจากบ้าน ทุกเช้ารายการข่าวมีช่วงทำนายดวงประจำวัน ปฏิทินที่มีคำทำนายแทรกมาด้วยจะเป็นที่นิยมซื้อหามาไว้ในครอบครองมากกว่าปฏิทินที่ไม่มีคำทำนายครับ แต่จะว่าไปปฏิทิน 六曜 Rikuyo ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้างนะครับสำหรับการใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินเรื่องงาน อย่างไร? เพราะบางกรณีการเลือกหรือตัดสินใจเกี่ยวกับงานนั้นบางครั้งก็ยากมาก เช่น ทีม 2 ทีมที่ต่างก็มีหัวหน้าของทีมตนเอง และต่างก็มีพาวเวอร์ทั้งคู่ ต่างก็มีคนในกลุ่มของตัวเอง เมื่อจะต้องจัดประชุมกัน บางทีตัดสินไม่ได้สักทีเพราะต่างก็ไม่ยอมกัน อีกคนบอกว่าว่างวันจันทร์ขอให้จัดประชุมวันจันทร์ดีกว่า ส่วนอีกคนบอกจัดวันอังคารดีกว่า คือลงตัวได้ยากจะจัดอีกวันอีกกลุ่มไม่ว่าง ต่างก็อ้างนู้นนี่นั่น แต่ถ้าคนจัดงานบอกว่าขอเป็นวันนั้นวันนี้เพราะดูทำนายแล้วว่าเป็นวันดี สมมุติเป็นวัน 大安 Taian หมายถึง วันที่ดีที่สุด วันธงชัย วันมงคล เหมาะมากที่จะทำกิจการต่างๆ จะประสบแต่ความสำเร็จ ทุกคนทั้งสองทีมก็พร้อมจะเห็นด้วยทันที
อย่างที่บอกว่าปัจจุบันนี้ก็ยังใช้คำทำนายกันอยู่เพื่อเป็นตัวช่วยด้านกำลังใจ เช่นบางวันที่ฤกษ์ไม่ค่อยดี คนไม่นิยมจัดงานแต่งงาน แต่ในแง่ธุรกิจก็มีบางบริษัทหัวหมอทำแพ็คเกจลดราคากระชากใจมาก ไม่มีคนแต่งวันนี้ใช่ไหม อย่าให้เสียโอกาสเลยเสนอลดราคาสุดๆ แสนสองแสนเยนกันเลยทีเดียว เช่น วัน 仏滅 Butsumetsu หมายถึง วันที่ฤกษ์แย่ที่สุด เชื่อกันว่า เศร้าโศกปะหนึ่งวันที่พวกเราสูญเสียพระพุทธศาสดา คนญี่ปุ่นจึงไม่ค่อยจัดงานมงคลอะไรในวันนี้ แต่ถ้าใครจัดงานแต่งงานในวันนี้เราให้ส่วนลด 2 แสนเยนทันที พร้อมของกำนัลนู้นนี่นั่น ทำให้คู่รักที่ไม่สนใจเรื่องวันโชคดีโชคร้ายได้มีทางเลือกมากขึ้น และบริษัทก็ได้ประโยชน์มากขึ้น
อีกตัวอย่างคือ วัน 友引 Tomobiki หมายถึง เวลาช่วงเช้าถือว่าดี บ่ายและช่วงเวลาเย็นๆ ก็จะเป็นฤกษ์ดี จากความหมายตามตัวอักษรที่เขียนนั่นเชื่อกันว่าเป็นการ ‘เรียกเพื่อน’ คือถ้าแต่งงานในวันนี้ เพื่อนจะได้แต่งงานต่อ แต่วันนี้ห้ามจัดงานศพ เพราะจะต้องจัดงานต่อ ในวันนี้ถ้ามีคนที่ต้องเผาหรือทำพิธีฝั่งศพก็ทำไม่ได้ กฏหมายไม่ได้ห้ามแต่บริษัทจัดงานปิดทำการในวันนี้ เลยไม่มีคนจัดให้ นับว่าคนญี่ปุ่นรุ่นปัจจุบันก็ยังมีความเชื่อเรื่องเหล่านี้กันอยู่มากและค่อนข้างมีผลกระทบในชีวิตด้วย
ที่ญี่ปุ่นก็มีคำสุภาษิตหรือที่เรียกว่า 諺 (ことわざ) Kotowaza หมายถึง ถ้อยคำที่กล่าวเพื่อเป็นการแนะนำ มีจุดมุ่งหมายเพื่อการสั่งสอน เตือนสติ ด้วยหลักความจริง เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่ว ๆ ไป บางครั้งภาษิตนี้ยังมีความหมายรวมไปถึงสัจธรรม และคำสั่งสอนที่เป็นความจริงอันเที่ยงแท้ทางศาสนาด้วย
ตัวอย่างสำหรับวันนี้
🔹 夫婦喧嘩は犬も食わない
🐕 Fūfugenka wa inu mo kuwanai
คนญี่ปุ่นมองว่าสุนัขเป็นสัตว์ที่กินอะไรก็ได้เกือบทุกอย่าง คือชอบทุกอย่าง แต่จะไม่สนใจเรื่องสามีภรรยาทะเลาะกัน ถ้าคู่สามีภรรยาทะเลาะกันสุนัขเองก็ยังเบือนหน้าหนีเลย เพราะคนญี่ปุ่นมองว่าการที่คู่สามีภรรยาทะเลาะกันนั้นเป็นเรื่องภายใน ไม่เกี่ยวกับคนนอก ไม่รู้ใครถูกผิด หรือจะพูดแบบสำนวนก็คงพูดได้ว่าเวลาที่สามีภรรยาทะเลาะกันนั้นสุนัขยังไม่รับประทาน
สมัยที่ผมยังทำงานออฟฟิศที่ญี่ปุ่น ใครๆ ก็รู้กันว่ามีเจ้าป้าคนหนึ่งเธอเป็นคนเจ้าอารมณ์มากและช่างหาเรื่องได้กับทุกคน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำเธอหงุดหงิดได้เสมอ จนพี่ๆ ที่ทำงานแซวกันว่าน่าจะทะเลาะกับสามีที่บ้านแล้วเอามาลงกับคนในออฟฟิศ เวลาเจอเรื่องในออฟฟิศก็คงเอาไประบายกับสามีที่บ้านแล้วก็ทะเลาะกันต่อเป็นวัฏจักรแบบนี้ ซึ่งพวกเราคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว มันเรื่องไร้สาระและไม่ใช่เรื่องของพวกเรา 夫婦喧嘩は犬も食わない Fūfugenka wa inu mo kuwanai
บางทีคู่สามีภรรยาชาวญี่ปุ่นที่อยู่กินด้วยกันมานาน ก็มีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ้าง บางคู่เลยเถิดถึงขั้นฆ่ากันตายก็หลายกรณี ตัวอย่างเช่น สามีโหดฆ่าหมกภรรยา จากสาเหตุที่กระทบกระทั่งกันจนหมดความอดทน เมื่อภรรยาเสียชีวิตแล้วสามีและคุณแม่ของเขายังช่วยกันขุดหลุมฝังศพภรรยาหลังบ้านตัวเอง อย่างที่ไม่รู้สึกว่าเป็นความผิดอะไร
🔹嘘つきは泥棒の始まり
👣 Usotsuki ha dorobō no hajimari
หรือกล่าวกันว่า การโกหกก็คือการเริ่มต้นของการเป็นขโมย
เชื่อกันว่าคนที่สามารถพูดโกหกต่างๆ นานาได้อย่างหน้าตาเฉย ไม่สะทกสะท้านอะไรว่าตัวเองกำลังโกหกนั้น หมายถึงเขาคนนั้นย่อมสามารถลักขโมยได้อย่างหน้าตาเฉยเหมือนกัน คนญี่ปุ่นมักจะสอนให้ลูกหลานมีความซื่อสัตย์ สอนไม่ให้พูดโกหกตั้งแต่เด็กๆ ที่ยังเป็นไม้อ่อนดัดง่าย
🔹盗人にも三分の理
⚖ Nusubito ni mo sanbu no ri
แม้แต่ขโมย(ผู้ร้าย) ก็มีเหตุผลอยู่ด้วย กรณีนี้พูดถึงทุกคนมีเหตุผลหรือแรงจูงใจที่จะกระทำสิ่งใดๆ แม้แต่ผู้ร้ายที่กระทำผิดก็อาจมีเหตุผลใดๆ ซ่อนอยู่อย่างน้อยก็ 30% หรือสิ่งที่ค้างคาในใจที่อยากชี้แจง กรณีนี้ไม่ได้หมายความว่าการกระทำความผิดเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเราทราบเหตุผลและแรงจูงใจนั้นๆ ก็อาจนำมาเป็นข้อมูลในการสร้างมาตรการป้องกันและแก้ไขได้ต่อไป วันนี้จะยกตัวอย่างกรณีพยาบาลสาวญี่ปุ่นใส่ยาพิษฆ่าผู้ป่วยชราภาพจนเสียชีวิตไปหลายคน
ข่าวเล่าว่าได้เกิดเหตุคนแก่ชราภาพเสียชีวิตอย่างน่าสงสัยที่โรงพยาบาล Ōguchi hospital เมือง Yokohama โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลที่มีคนแก่คนชราภาพอยู่รักษาตัวจำนวนมาก หรือจะเรียกได้ว่ามีส่วนหนึ่งที่คล้ายศูนย์รับฝากดูแลคนแก่ที่บางคนก็อยู่ในขั้นนอนรอวาระสุดท้ายของชีวิต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนช่วยป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดอุจจาระปัสสาวะ บางคนก็ช่วยเหลือตัวเองได้แต่ก็อารมณ์คนแก่ที่เอาแต่ใจ และต้องมีคนดูแล
เหตุมีอยู่ว่าอยู่ๆ ก็ค่อยๆ มีคนแก่ตายจากไปที่ละคนๆ แต่เป็นการเสียชีวิตอย่างผิดปกติไปซะหลายคนเพราะจากการชันสูตรผ่าพิสูจน์ศพเพื่อหาสาเหตุการตายของตำรวจนิติเวชวิทยาพบว่า คนแก่หลายคนเสียชีวิตเนื่องจากการได้รับสารพิษชนิดหนึ่งที่ผสมอยู่ในสารฟอกขาว มีผู้ป่วยเสียชีวิตที่ผ่านมารวมมากถึง 50 กว่ารายเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาสืบสวนสอบสวนตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อสองปีก่อนนั้นและใช้เวลาเกือบ2 ปีในการหาตัวฆาตกร จนในที่สุด ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว ซึ่งเธอเป็นอดีตนางพยาบาลที่เข้าเวรทำงานในตอนกลางคืนในช่วงเวลาที่เกิดเหตุดังกล่าวนั่นเอง นางพยาบาลผู้ต้องสงสัยมีชื่อว่า คุณ Kuboki Ayumi อายุ 31 ปี และจากการสอบสวนเธอเองก็ให้การยอมรับสารภาพทั้งหมดว่าเป็นคนลงมือผสมยาพิษใส่ลงไปในขวดน้ำเกลือที่ให้ผู้ป่วย และก็ได้ลงมือทำแบบเดียวกันหลายครั้ง จนสามารถช่วยให้ผู้ป่วยส่งผู้ระยะสุดท้ายไปสวรรค์ได้หลายคน!!
เธอบอกว่า เธอรู้สึกเหนื่อยล้ามากและเครียดมากที่ต้องทำงานที่ต้องคอยดูแลคนแก่ที่ป่วยที่ใกล้ตายแบบนี้ และต้องตอบคำถามให้ญาติพี่น้องผู้ป่วยซึ่งมันเป็นงานที่เธอเกลียดและเบื่อหน่ายมาก จะว่าไปเธอนี่ช่างโหดร้ายจริงๆ
ข่าวออกมาตามเนื้อหาด้านบนนะครับ การที่เธอฆ่าคนเป็นสิ่งที่ผิด เป็นสิ่งที่ไม่ดีที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง แต่มาดูมูลเหตุจูงใจที่มีผู้กล่าวถึงในกระทู้พูดคุยของเวปไซต์ญี่ปุ่นกันครับ ถ้าใครพอรู้เรื่องสวัสดิการสังคมของญี่ปุ่น จะรู้ว่ามีสวัสดิการเงินบำนาญที่รัฐบาลจ่ายให้คนแก่ตามเกณฑ์ที่จะได้รับทุกคนตามอัตราส่วนและเงื่อนไขที่ต่างกันไป แล้วแต่ใครทำมามากน้อย แต่ขั้นต่ำคนหนึ่งก็น่าจะได้รับแน่ๆ ตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท อนึ่ง สถาบันครอบครัวญี่ปุ่นไม่ได้เป็นสังคมที่มีลักษณะลูกเลี้ยงดูพ่อแม่ผู้ชราเฒ่าแบบเมืองไทย คนแก่ส่วนหนึ่งย้ายตัวเองไปอยู่สถานดูแลคนชรา คนแก่ส่วนหนึ่งถูกลูกๆ ส่งตัวไปอยู่โรงพยาบาลคนแก่ และเงินบำนาญในส่วนที่คนแก่คนนั้นจะได้นั้นลูกๆ ส่วนใหญ่เอาไว้ใช้ในครอบครัว เพียงเจียดส่วนหนึ่งไปเป็นค่าโรงพยาบาล ก็มีอีกส่วนที่ยังพอเหลือใช้ โดยไม่ต้องมาเลี้ยงดูพ่อแม่ผู้ชราภาพของตนเอง
บางคนเรียกว่าการทำธุรกิจ หรือ Spread คล้ายๆ กับค่าบริการหรือค่าธรรมในการเทรด ค่าบริการที่ต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ หรือค่า Comission นั่นเองนั่นเอง เงินบำนาญที่ต้องจ่ายให้โรงบาล อาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเงินได้ในแต่ละเดือนเท่านั้น ส่วนที่เหลือลูกๆ ก็เอาไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ลูกๆ พวกนี้ไม่ได้มีความรักความต้องการที่จะดูแลพ่อแม่ผู้ชราภาพของตัวเองนักหรอก เอาไปไว้ที่อื่นก็สบายไปเลย ภาระก็ไปตกที่สถานรับดูแลคนชรานั่นเอง และการดูแลคนชราก็เป็นงานที่เหนื่อยมากจริงๆ
นี่คือคำสุภาษิตและคำทำนายที่คนสมัยก่อนกล่าวไว้ ซึ่งสิ่งที่เคยเป็นคำสอนมาแต่อดีตล้วนมีความหมายและนำมาเป็นแนวทางให้คิดและปฏิบัติได้ วันนี้นำเสนอมุมมองของสังคมญี่ปุ่นเท่านี้ครับ สวัสดีครับ