xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจตอนที่ 16 ฆ่าหั่นศพสาวสวย มายากรใจโหด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

ฮานาโซโนะ โยโกะคู่รักคนงามของเจ้าหนุ่มจิโรหายตัวไปอย่างลึกลับแทบจะต่อหน้าต่อตา แม้จะระดมกำลังกันค้นหาภายในบริเวณคฤหาสน์จนแทบจะพลิกแผ่นดิน สอบถามไปยังบ้านของเจ้าหล่อนที่อยู่ชานเมืองและบ้านครูสอนดนตรี รวมทั้งที่อื่น ๆ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องทุกแห่ง แต่ก็ไม่พบวี่แววแม้แต่น้อย ยิ่งเวลาผ่านไปจากหนึ่งวันเป็นสองวัน ทุกคนก็เริ่มแน่ใจกันมากขึ้นว่าสาวงามผู้นี้ถูกลักพาตัวไป

จิโรเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของตาเฒ่าโอโตคิจิไม่ยอมห่างแต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าสงสัย บางครั้งตาเฒ่าจะออกจากบ้านไปคราวละชั่วโมงบ้างครึ่งชั่วโมงบ้าง แต่ก็มีจุดหมายที่ชัดเจนทุกครั้งเพราะเป็นการออกไปจับจ่ายซื้อของตามสั่ง

ทางด้านนักข่าวหนังสือพิมพ์สำนักต่าง ๆ นั้น พอรู้ข่าวการหายตัวไปของโยโกะต่างก็รีบรุดออกสืบหาแข่งกับตำรวจนักสืบ ผลก็คือหน้าข่าวสังคมของหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับเต็มเอี้ยดไปด้วยข่าวเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนายทามามุระเศรษฐีใหญ่ ส่วนข่าวอื่น ๆ ถูกบรรณาธิการขยำทิ้งลงถังผงอย่างไม่แยแส

เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเปรียบเสมือนฝันร้ายอันยาวนานราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุดสำหรับทามามุระ จิโร เพราะแม้เวลาจะล่วงเลยไปจากกลางคืนเป็นกลางวัน กลางวันเป็นกลางคืนเรื่อยไปไม่หยุดยั้ง แต่เหตุร้ายก็ไม่กลายเป็นดีเช่นเดียวกับเมื่อตื่นจากฝัน

เราไม่ได้ฝันไปมันไม่ใช่ความฝัน... จิโรร้องบอกตัวเอง...หรือว่าเราจะเสียสติไปแล้ว นี่หมายความว่าภาพอุบาทพวกนั้นจะตามหลอกหลอนเราไปตลอดชีวิตอย่างนั้นรึ

ไม่น่าแปลกอะไรหากจิโรจะสติฟั่นเฟือนไปจริง ๆ เพราะใครก็ตามที่คนรักหายตัวไปแทบจะต่อหน้าต่อตาราวกับไอน้ำที่ระเหิดระเหยเช่นนี้ ย่อมมองโลกด้วยสายตาที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ชายหนุ่มหยุดคิดฟุ้งซ่าน ได้แต่ออกเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย โดยไม่ใส่ใจว่ากำลังเดินอยู่ภายในสวนของคฤหาสน์ หรือว่าในเมืองละแวกบ้าน แต่ยังแอบมีความหวังไว้ที่มุมหนึ่งของหัวใจว่า หนูโยของเขาจะโผล่หน้าออกมา “โจ๊ะ” เขาจากหลังต้นไม้หรือจากชายคาบ้านหลังใดหลังหนึ่งที่เดินผ่าน

วันนั้นก็เช่นกัน เจ้าหนุ่มจิโรเดินใจลอยไปรอบ ๆ เมืองโอโมริอย่างไร้จุดหมาย และพอรู้สึกตัวขึ้นมาก็พบว่าตนเองกำลังเดินอยู่บนทางสายหนึ่งที่ไม่เคยเดินผ่านมาก่อน บรรยากาศรอบ ๆ ตัวทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ต่างแดน เขาหยุดยืนอยู่หน้าคือโรงละครเก่าโกโรโกโส ปักธงแถบแจ้งรายการแสดงสูงเด่นกระพือเล่นลมหนาว

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นชื่อนักแสดงมายากลที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
“อือม์ เล่นกลรึ”
โรงละคร
จิโรเปรยกับตัวเองขณะเดินเข้าไปดูแผ่นภาพที่ติดเรียงรายไว้ที่หน้าโรงละคร ภาพเหล่านั้นล้วนเป็นภาพวาดสีน้ำมันที่ถ่ายทอดฉากการแสดงมายากลอันประหลาดมหัศจรรย์ออกมาอย่างเหมือนจริงราวกับจะโลกแล่นออกมาหลอกหลอน มีทั้งภาพโครงกระดูกเต้นระบำแบบโบราณ ภาพสาวงามใต้น้ำ ภาพสยดสยองของคนที่ถูกไม้แหลมสวนผ่านเข้าไปในลำตัวแล้วหามไป ภาพหัวคนเป็น ๆ แย้มยิ้มอยู่บนแท่น ทั้งหมดเป็นภาพวาดที่ชวนให้ฟื้นความทรงจำถึงยุคสมัยที่มายากลเป็นที่นิยมกันอย่างมากเมื่อราวร้อยปีที่ผ่านมา

หรือว่าจะมีพรายกระซิบชวนจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากเข้าไปดูความเป็นไปข้างในโรงละคร ตอนนั้นเพิ่งจะบ่าย แก่ ๆ การแสดงและมายากลรายการเด็ดจึงยังไม่เริ่มจนกว่าจะค่ำ บนเวทีจึงมีการแสดงกลเบ็ดเตล็ดซึ่งแต่ละรายการล้วนเร้าใจให้จิโรกลับไปมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างที่เคยมีในวัยเด็กที่เขาลืมไปนานแล้ว ในเวลาเดียวกันการได้มานั่งดูแสดงกลสนุก ๆ ยังช่วยให้ชายหนุ่มได้ผ่อนอารมณ์อย่างที่จะหาเวลาทำเช่นนั้นได้ยากนักในช่วงนี้

การแสดงผ่านไปหลายรายการจนกระทั่งพลบค่ำมายากลบนเวทีจึงเริ่มจริงจังขึ้นตามลำดับ ในที่สุดวินาทีที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อหัวหน้าคณะมายากลปรากฏตัวขึ้นบนเวทีในชุดตัวตลกแบบฝรั่งเต็มยศ พอกหน้าขาววอกสวมหมวกรูปกรวยแหลมติดลูกกะพรวนดังกรุ๊งกริ๊งเวลาส่ายหัวไปมา แม้จะเป็นการเดินสายไปตามชนบทแต่ทุกรายการแสดงกลเม็ดเด็ดพรายกันอย่างสุดฝีไม่มีการลดราวาศอกแต่อย่างใด จนแม้แต่คนโต ๆ อย่างจิโรยังตื่นตาตื่นใจไปกับมายากลอันประหลาดมหัศจรรย์จนแทบจะลืมหายใจ

การแสดงบนเวทีทวีความเข้มข้นจริงจังขึ้นตามลำดับตั้งแต่สาวน้อยใต้น้ำ ระบำโครงกระดูก หัวคนเป็น ๆ แย้มยิ้มอยู่บนแท่น สะกดให้คนดูที่จ้องมองมายากลขั้นเทพกันอย่างเมามัน รู้สึกเคลิ้มไปราวกับกำลังอยู่ในดินแดนแห่งความฝันอันประหลาดล้ำ

เจ้าหนุ่มจิโรไม่รู้เบื้องหลังของเหตุการณ์เหมือนกับผู้อ่าน ซึ่งถ้าเข้าไปนั่งอยู่ในกลุ่มคนดูมายากลวันนั้นด้วยจะต้องอุทานออกมาด้วยความตระหนกสุดขีดเมื่อเห็นหน้าคนแสดงบนเวที ทำไม...?

ก็ดูนั่นซิ สาวสวยที่นอนยิ้มอยู่ใต้น้ำในถังแก้วใบใหญ่ สาวสวยที่ถูกตัดหัวมาวางไว้บนแท่นและหัวเราะก๊าก ๆ คนนั้น จำได้แล้วใช่ไหม เจ้าหล่อนคือฟุมิโยะลูกสาวโฉมงามของคนร้ายที่ผู้อ่านเคยพบอยู่ในเรือปีศาจที่ชินางาวะกับอาเกจิ โคโงโรนักสืบเอกผู้ล่วงลับคนนั้นเอง และพอจำได้แล้วเช่นนี้ก็คงจะตระหนกตกใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อคิดว่า หัวหน้าคณะมายากลในชุดตัวตลกฝรั่งเต็มยศคนนั้นไม่น่าจะเป็นใครอื่น นอกจากปีศาจตัวร้ายที่พยายามฉีดยาพิษร้ายแรงสังหารนักสืบเอกอาเกจิของเรา

ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า ปีศาจร้ายกางกรงเล็บของมันเข้ามาประชิดครอบครัวทามามุระที่เป็นเหยื่อของมันโดยปลอมตัวเป็นหัวหน้ามายากลมาพร้อมสมัครพรรคพวกอย่างนั้นหรือ

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงมันก็เป็นการรุกเข้าจู่โจมอย่างอุกอาจท้าทายอย่างไม่มีใดเทียม อย่างแรกคือจะทำอย่างไรหากมีใครจำหน้าสาวน้อยฟุมิโยะได้ แต่ก็นั่นแหละ...มาคิดดูอีกทีในโลกนี้คนที่รู้ว่าเจ้าหล่อนคือลูกสาวปีศาจตัวร้ายเห็นจะมีแต่นักสืบอาเกจิ โคโงโรคนเดียวเท่านั้น และตอนนี้นักสืบเอกก็ตายไปแล้ว คณะมายากลซึ่งดูเหมือนไม่มีพิษสงอะไรที่เจ้าหนุ่มจิโรกำลังดูอยู่นี้จึงเป็นเกราะกำบังอันปลอดภัยที่สุดของปีศาจร้าย

การแสดงมายากลผ่านไปทีละฉาก ๆ เบื้องหน้าเจ้าหนุ่มจิโรผู้ไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น

จนกระทั่งถึงฉากสำคัญ ม่านเลื่อนขึ้นเปิดให้เห็นเวทีที่มืดสนิทด้วยผืนผ้ากำมะหยี่สีดำที่ขึงเป็นฉากหลัง

ภายในโรงละครตกอยู่ในความมืดมิดทั้งด้านที่นั่งคนดูและบนเวที ยกเว้นจุดเดียวคือที่เก้าอี้ตัวงามราวบัลลังก์พระราชาที่ตั้งเด่นอยู่กลางเวทีในลำแสงสีฟ้าจาง ๆ ของดวงไฟที่คล้ายแสงจากสปอตไล้ท์ อึดใจต่อมาพิธีกรในชุด ทักซีโด้ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงนั้นแล้วเริ่มกล่าวเปิดการแสดงฉากสำคัญ

“การแสดงที่จะได้ชมต่อไปนี้ เป็นมายากลสุดยอดแห่งความมหัศจรรย์ที่หัวหน้าคณะของเราได้มีประสบการณ์เรียนรู้และจดจำมาระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปและอเมริกา...มายากลฆ่าหั่นศพสาวสวยครับ เราจะเชิญสาวสวนคนหนึ่งมานั่งบนเก้าอี้ตัวนี้แล้วหัวหน้าของเราจะมาลงมือแสดงด้วยตนเอง โดยขั้นแรกจะใช้ดาบตัดร่างของสาวงามคนนั้นแยกออกเป็นส่วน ๆ คือ หัว แขนและขาทั้งสองข้าง เสร็จแล้วเอาชิ้นส่วนทั้งห้าชิ้นนั้นมาประกอบเป็นตัวตนตามเดิม สาวงามที่ถูกฆ่าหั่นศพไปครั้งหนึ่งแล้วจะฟื้นขึ้นมายิ้มกับทุกท่าน นั่นเป็นที่มาของชื่อรายการมายากลสุดยอดแห่งความมหัศจรรย์...ฆ่าหั่นศพสาวสวย เชิญชมได้แล้วครับ”
พอพิธีกรในชุดทักซีโด้เข้าฉากไป ฟุมิโยะลูกสาวปีศาจตัวร้ายที่เจ้าหนุ่มจิโรจะไม่รู้จักก็ปรากฏตัวบนเวทีในชุดกระโปรงแหม่มตกแต่งเครื่องประดับงดงามครบครัน หัวหน้าคณะมายากลในชุดตัวตลกฝรั่งถือดาบเล่มใหญ่คมกริบก้าวตามมาด้วยท่วงท่าองอาจราวกับแม่ทัพจีนโบราณ

พอกล่าวคำทักทายผู้ชมตามธรรมเนียมจบลงและฟุมิโยะนั่งลงบนเก้าอี้หัวหน้าเข้าหาคนดู หัวหน้าคณะมายากลกับผู้ช่วยสองคนก็เข้ามายืนบังหน้าระหว่างที่เสื้อผ้าของฟุมิโยะถูกถอดออกจนหมด วินาทีต่อมาคนทั้งสามกระจายตัวห่างออกไปเผยให้เห็นร่างเปลือยหมดจดของเด็กสาวอย่างที่คนดูยังอายแทน ร่างกายทุกส่วนถูกมัดติดกับเก้าอี้ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา ตาถูกปิดด้วยแถบผ้าผืนกว้าง ทั้งยังมีผ้าคาดปากกันส่งเสียงร้องด้วย

คงไม่ต้องบอกหรอกว่าที่ชายสามคนช่วยกันบังร่างสาวน้อยบนเก้าอี้เอาไว้ทำทีว่าเปลื้องเสื้อผ้าของเจ้าหล่อนนั้นที่แท้เป็นการเล่นกลลวงตา เพราะระหว่างนั้นเก้าอี้ได้ถูกหมุนให้ตุ๊กตาเปลือยที่เหมือนสาวน้อยทุกอย่างออกมาด้านคนดู ส่วนสาวน้อยตัวจริงหายตัวเข้าไปหลังฉากกำมะหยี่ดำ

ถึงจะรู้กลอุบายแบบนี้มาก่อนแต่การแสดงนั้นแนบเนียนจนจิโรแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง เมื่อเห็นตุ๊กตาแทนตัวสาวน้อยหายใจได้จริง ๆ เหมือนกับหุ่นบุนระกุที่ชักเชิดโดยบรมครูจนดูเหมือนมีชีวิต จะเป็นเพราะความไม่นิ่งของลำแสงสีฟ้าซีด หรือไม่ก็เพราะหน้าอกของตุ๊กตาถูกรัดแน่นจนเนื้อล้นออกมา แต่ที่แน่กว่านั้นน่าจะเป็นเพราะตาฝาดที่ทำให้เห็นปทุมถันทั้งคู่ของสาวน้อยดูอวบอิ่มและไหวกระเพื่อมตามจังหวะหายใจ

ตาคมทั้งคู่ของเจ้าหนุ่มจิโรจับจ้องอยู่ที่ร่างเปลือยของตุ๊กตาสาวน้อยบนเวทีจนแทบไม่กระพริบ และระหว่างที่จับจ้องอยู่นั้นเอง จินตนาการสยองขวัญก็แวบเข้ามาในห้วงคิด...หรือว่าเจ้าหล่อนจะเป็นมนุษย์จริง ๆ และถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่ามายากรในชุดตัวตลกฝรั่งที่ทำหน้ายิ้มชวนให้ขนลุกอยู่ตลอดเวลาคนนี้ ฆ่าหั่นศพสาวสวยวันละคนทุกวันอย่างนั้นหรือ

และไม่ใช่แค่นั้น รูปทรงของตุ๊กตาตัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นขาที่เรียวงาม ความเต่งตึงของปทุมถัน และใบหน้าเรื่อยลงไปจนถึงคางที่งามหมดจด เป็นลักษณะของหญิงสาวที่เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบ และยิ่งพิศก็ยิ่งเหมือนใครคนหนึ่ง

“หรือว่าเราจะยังไม่ตื่นจากฝันร้าย”

จิโรคิดและรู้สึกคล้อยตามไปจริง ๆ และพอเผลอตัวเขาก็เห็นลูกโป่งใสสีฟ้าสีแดงลอยว่อน วนไปเวียนมาอยู่ตรงหน้าจนตาลาย

และแล้วการแสดงมายากลฆ่าสาวหั่นศพก็เริ่มขึ้น ตัวตลกหน้ายิ้มออกมายืนกลางเวทีหันหน้าเข้าหาคนดู กวัดแกว่งดาบใหญ่แหวกอากาศวื๊ดว้าดด้วยท่วงท่าองอาจของนักรบพญามังกรดูเกินจริงจนน่าขัน และก่อนที่ใครจะทันรู้ตัวเขาก็ร้องคำรามเสียงดังพร้อมกับเหวี่ยงคมมีดฟันฉับลงไปที่ขาของตุ๊กตา เลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูดราวน้ำพุ ขาข้างหนึ่งของสาวงามขาดกระเด็นลงมากลิ้งอยู่บนพื้นเวที เสียงกรีดร้องของเหยื่อสังหารดังลอดออกมาจากผ้าที่คาดปากอยู่

ตุ๊กตากรีดร้องไม่ได้แน่นอน มันเป็นเสียงของใครคนหนึ่งที่แอบอยู่หลังม่านกำมะหยี่สีดำส่งเสียงออกมาได้จังหวะสมบทบาทต่างหาก...แต่ทั้ง ๆ ที่รู้จิโร่ก็ยังตกใจแทบจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นั่งทันทีที่ได้ยิน ทำไมน่ะหรือ... ก็เพราะตุ๊กตาสาวงามบนเวทีนั้นไม่ว่าจะมองส่วนไหน รูปทรง เสียง และทุกสิ่งทุกอย่างในกายตัว จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากรูปจำลองเหมือนจริงราวกับมีชีวิตของฮานาโซโนะ โยโกะ

พอดาบใหญ่ที่ตัดขาทั้งสองของเหยื่อขาดกระเด็ดเลือดกระฉูดไปแล้ว กำลังจะถูกฟาดหันลงไปที่แขนขวา จิโรก็ลืมตัวผลุดลุกขึ้นจากที่นั่ง แต่ยังดีที่ได้สติยับยั้งใจเอาไว้ได้ทันก่อนกระโจนขึ้นไปบนทางเดินยกพื้นที่ทอดไปยังเวทีแสดง
เจ้าหนุ่มจิโรไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ในอาการเหมือนสติวิปราสไปเมื่อได้เห็นการแสดงสยดสยองนองเลือดบนเวที คนดูที่เป็นผู้หญิงแทบจะทุกคนร้องกรี๊ดกร๊าด บ้างเอามือปิดหน้า บางหน้ามืดเป็นลม บางคนถึงกับทนดูต่อไปไม่ได้ถึงกับต้องออกไปจากโรง

การแสดงมายากลฆ่าหั่นศพสาวงามบนเวทีทวีความดุเดือดเขย่าขวัญยิ่งขึ้น พอตัดแขนขวาขาดกระเด็นไปคนละทิศละทางแล้ว มายากรในชุดตัวตลกวาดดาบเล่มใหญ่ในมือวืดออกไปทางด้านข้างเป็นวงกว้าง และตวัดกลับมาฟันฉับเข้าที่ก้านคอ หัวของสาวน้อยขาดกระเด็นลอนขึ้นไปในอากาศ เลือดแดงฉายพุ่งออกมาจากลำคอราวกับน้ำพุ

แขนขาและหัวของสาวงามคลุกเคล้ากับเลือดสด ๆ กระเด็นกลิ้งเกลื่อนไปทั่ว ทำให้เวทีกลายสภาพเป็นเหมือนห้องของมนุษย์กินคน บนเก้าอี้เหลือแต่ร่างของตุ๊กตาที่ไม่มีแขนขาและหัวดูน่ากลัวจนขนหัวลุก

จิโรจ้องมองภาพบนเวทีด้วยความรู้สึกหวาดกลัวและสะเทือนใจจนตัวสั่นเทาและริมฝีปากซีดเผือดราวกับกับตุ๊กตาเคราะห์ร้ายนั้นคือตัวตนที่แท้จริงของ ฮานาโซโนะ โยโกะ ถึงจะพยายามเถียงตนเองว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็ไม่อาจระงับความกลัวอย่างประหลาดที่พลุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

นักแสดงมายากลดูเหมือนจะรู้ใจผู้ชมดีว่าจะต้องตื่นตระหนกและขนลุกขนพองไปกับฉากการแสดงนองเลือด ดังนั้นพอทันทีที่จบบรรยากาศบนเวทีก็เปลี่ยนไปเป็นฉากสนุก ๆ ของการประกอบชิ้นส่วนที่ถูกตัดขาดเข้ากับลำตัวอีกครั้ง ประกอบเพลงมาร์ชเร้าใจ ตัวตลกที่สวมวิญญาณเพชรฆาตเมื่อครู่ก่อนเริ่มเต้นไปตามจังหวะเพลง พลางเก็บแขนขาของตุ๊กตาที่ตกเกลื่อนอยู่บนเวทีทีละชิ้น โยนเข้าไปติดกับลำตัวบนเก้าอี้อย่างเหมาะเจาะทุกส่วนจนครบ หัวถูกโยนเข้าไปเป็นสิ่งสุดท้ายและพอหัวติดกับลำคอใบหน้านั้นก็แย้มยิ้มอย่างแจ่มใส

สาวงามผลุกลุกขึ้นยืนเมื่อตัวตลกแก้เชือกที่มัดร่างไว้กับเก้าอี้และผ้าคาดปากให้ เดินออกไปที่หน้าเวทีด้วยฝีเท้าที่มั่นคงเป็นปกติดี ยกมือขึ้นแก้ผ้าปิดตาออกเองแล้วก้มศีรษะทำความเคารพผู้ชมด้วยความอ่อนช้อยงดงาม สาวงามผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟุมิโยะลูกสาวจอมโจรผู้นั้นเอง

เจ้าหนุ่มจิโรรู้กลอุบายของมายากลชุดนี้ดีว่าระหว่างการแสดงเก้าอี้ที่สาวงามตัวจริงนั่งอยู่จะหมุนกลับมาโดยที่ผู้ชมไม่รู้ตัว โดยร่างนั้นใช้ผ้ากำมะหยี่สีดำปิดบังแขนขาและหัวพรางตาให้เห็นแต่ตัว ส่วนมายากรในชุดตัวตลกก็ทำทีว่าโยนแขนขาเข้าไปที่ร่างนั้น ซึ่งปลดผ้าดำพรางตาออกทีละชิ้น ๆ อย่างเข้าจังหวะกันดีจนทำให้เห็นว่าแขนขาเข้าไปติดกับร่างอย่างแนบเนียน

ชายหนุ่มไม่ได้ตื่นตาตื่นใจไปกับความประหลาดพิสดารของการแสดง แต่ที่ทำให้เขากลัวจนใจคอเต้นระทึกหน้าซีดตัวสั่นไปหมดก็คือ ความหวาดหวั่นที่ว่าตุ๊กตาที่ถูกดาบใหญ่หั่นออกเป็นท่อน ๆ เมื่อครู่ก่อนนั้นคือคนเป็น ๆ เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ลุกจากเก้าอี้เดินมาโค้งคำนับที่หน้าเวที เลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาเหมือนน้ำพุนั้นไม่ใช่หมึกแดงที่ใช้ลวงตาแต่เป็นเลือดคนจริง ๆ และเสียงครวญครางที่ได้ยินไม่ใช่เสียงคนพากษ์ในฉากหลังแต่เป็นเสียงจริงของเหยื่อสังหารยามต่อสู้กับความเป็นความตาย มันเป็นความคิดราวกับฝันร้ายที่เขากลัวเหลือเกินว่าจะเป็นความจริง

จิโรเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวทั้ง ๆ ที่อากาศหนาวเย็นตายังจับจ้องไปที่ม่านเวทีที่ปิดลงแล้ว เพราะรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วมาจากหลังม่าน กรี๊ดเดียวแล้วเงียบไป

“เจ้าหล่อนที่ออกมาคำนับคนดูเมื่อตะกี้ กลับเข้าไปคงจะเห็นร่างของสาวอีกคนหนึ่งถูกตัดเป็นท่อน ๆ จึงกรีดร้องออกมา แล้วถูกใครเอามืออุดปากเอาไว้ไม่ให้เอะอะ”

ชายหนุ่มจินตนาการต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การแสดงมายากลยังเหลืออยู่อีกหลายฉากเหมือนกันแต่เขาไม่มีอารมณ์ที่จะนั่งดูต่อไปได้อีกแล้ว จึงลุกขึ้นจากที่นั่งเดินหลีกผู้ชมคนอื่น ๆ ที่ถูกกระตุ้นให้หัวเราะกับการแสดงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สมอะไร ออกไปที่ประตูทางออก

ท้องฟ้าเหนือสวยงาม ถนนซอยที่มีบ้านเรือนเรียงรายอยู่ในความมืดสลัวเงียบสงบแทบไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในสุสาน จิโรออกเดินมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ไปได้เพียงห้าหกเก้าก็หยุดยืนนิ่งอยู่ อะไรบางอย่างชะงักเท้าเขาไว้ไม่ให้ไปจากโรงละครเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนมีอาถรรพ์แห่งนี้

ชายหนุ่มออกเดินมุ่งหน้ายังทางเข้าของนักแสดงที่ด้านหลังโรงละครด้วยอาการเหมือนคนเดินละเมอ พอเลี้ยวมุมอาคารเขาก็เห็นช่องประตูเล็ก ๆ เปิดอยู่ ดวงไฟแสงสลัว ๆ ส่องจับให้เห็นบริเวณสี่เลี่ยมผืนผ้าบนพื้นดิน เงาตะคุ่มที่เห็นเหมือนอุปกรณ์การแสดงนั้นอาจเป็นใครสักคนที่ซุ่มอยู่ก็ได้

จิโรย่องใกล้เข้าไปด้วยกิริยาของหัวขโมยและพอไปถึงก็ผลักบนประตูไม้ให้เผยอออกแล้วค่อย ๆ โผล่หัวเข้าไปดูข้างใน เขาตกตะลึงตัวชาเมื่อพบว่าตรงหน้าเขามีชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้ ยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับตุ๊กตา

ตอนนั้นเอง ประตูที่ถูกจิโรผลักเข้าไปทนแรงไปได้จึงกระทบกับผนังดังปัง ในจังหวะที่เขากำลังจะหดหัวเข้ามาด้วยความตกใจนั้นเอง ชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็หันขวับมาด้วยความตกใจเช่นกัน ทั้งสองจึงประจันหน้ากันอย่างจัง จิโรเห็นหน้าของคน ๆ นั้นเพียงแวบเดียวก็อุทานออกมาไม่เป็นภาษาราวกับเห็นผี แล้วหมุนตัวกลับวิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิตเหมือนกับมีผีวิ่งกวดไล่ตามหลังมา

ชายที่จิโร่พบยืนซุ่มอยู่ตรงช่องทางเข้าสำหรับนักแสดงด้านหลังโรงละคร จะว่าโดยบังเอิญหรืออย่างไรก็ตามที คือตาเฒ่าโอโตคิจิ คนทำความสะอาดสวนที่เขาตั้งแง่สงสัยมาหลายวันแล้วนั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น