ครอบครัวของนายโชโก อาซาฮาระ ผู้ก่อตั้งลัทธิโอมชินริเกียว ที่ถูกประหารชีวิตไป แย่งชิงสิทธิ์จัดการศพ ขณะที่ทางการญี่ปุ่นเฝ้าระวังเข้มงวดเพราะเกรงว่าจะใช้การตายของเขามาปลุกปั่นกลุ่มผู้สนับสนุนลัทธิที่ยังหลงเหลืออยู่
นายโชโก อาซาฮาระ ผู้ก่อตั้งลัทธิโอมชินริเกียว และสาวกรวม 7 คนได้จบชีวิตตามคำสั่งประหารชีวิตของรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม ชดใช้ความผิดที่ได้ใช้แก๊สพิษสังหารผู้บริสุทธิ์ในรถไฟใต้ดินกลางกรุงโตเกียว และก่อคดีอาชญากรรมอีกมากมาย
แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นระบุว่า ศพของเจ้าลัทธิโอมชินริเกียวได้ถูกเผาแล้วที่กรุงโตเกียวในวันจันทร์ โดยไม่มีการทำพิธีศพ แต่ทางครอบครัวอาซาฮาระกำลังแย่งชิงเป็นผู้รับสิทธิ์ในเถ้ากระดูก
กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นระบุว่า ก่อนจะถูกประหาร นายอาซาฮาระแสดงความจำนงค์มอบศพหรือเถ้ากระดูกของเขาให้กับลูกสาวคนที่ 4 ในบรรดาลูก 6 คนของเขา แต่ภรรยาและลูกคนอื่น ๆ ของเขาได้ร้องต่อทางการว่าต้องการขอรับเถ้ากระดูก โดยอ้างว่าไม่เชื่อว่านายอาซาฮาระจะมีสติสัมปัญชัญญะเพียงพอที่จะกำหนดให้ใครเป็นผู้จัดการศพและเถ้ากระดูก พร้อมอ้างถึงคำกล่าวของแพทย์ประจำเรือนจำที่ว่า นายอาซาฮาระมีอาการประสาทหลอนจนไม่สามารถสื่อสารได้
ปัญหาซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อลูกสาวคนที่ 4 ได้ประกาศตัดขาดกับลัทธิไปก่อนหน้านี้ และยังยื่นขอต่อศาลให้ตัดเธอออกจากสิทธิฐานะทายาทของพ่อแม่ด้วย
ตามกฎหมายของญี่ปุ่น ผู้ที่ผู้ตายระบุไว้จะได้สิทธิ์จัดการศพหรือเถ้ากระดูก หลังจากนั้นจึงเป็นภรรยา ลูก และพ่อแม่ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ทางการญี่ปุ่นได้จับตาว่าอาจมีการใช้ความตายของเจ้าลัทธิ “โอมชินริเกียว” เพื่อสร้างกระแสกับบรรดาสาวกที่ยังหลงเหลืออยู่.