บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ
ขณะที่ชีวิตในวาระสุดท้ายของทามามุระ อิชิโรกำลังจะสิ้นสุดลงบนแท่นประหาร ณ หอนาฬิกามรณะ ญาติพี่น้องที่มารวมตัวกันอยู่ในห้องชั้นล่างของเรือนฝรั่งได้ยินเสียงกรีดร้องแว่วมาจากที่ไหนสักแห่งซึ่งคงจะไกลโพ้น ทุกคนสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วเงี่ยฟังกันหูผึ่ง ใช่...มันเป็นเสียงกรีดร้องคร่ำครวญของใครสักคนที่กำลังทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่เอ๊ะ...ทำไมน้ำเสียงจึงคุ้นหู
“คุณพี่อยู่ไหน คุณพี่ไปไหนใครเห็นบ้าง”
จิโรตะโกนก้องหลังจากกวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วไม่เห็นพี่ชายในกลุ่มคนที่ชุมนุมกันอยู่ ไม่มีใครตอบ ทุกคนปิดปากเงียบและหน้าซีดขาวไปตาม ๆ กัน
“ผมจะออกไปตามหาเอง”
ชายหนุ่มผลุดลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินดุ่ม ๆ ออกจากห้องไปค้นหาพี่ชายจนทั่วทุกซอกมุมของระเบียงทางเดิน พอไม่พบก็ขึ้นบันไดไปชั้นบน ซึ่งก็ไม่มีแม้แต่เงาของพี่ชาย เขานิ่งคิดเพราะค่อนข้างแน่ใจว่าที่มาของเสียงกรีดร้องโหยหวนนั้นน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งบนนี้ แล้วก็เอะใจขึ้นมาในทันใด จิโรชะงักเท้าหยุดกึกที่เชิงบันไดวนขึ้นสู่หอนาฬิกา
แต่อนิจจา เสียงกรีดร้องโหยหวนนั้นเงียบหายไปแล้วราวกับถูกปลิดทิ้ง
แม้ทั่วบริเวณจะเงียบกริบ แต่ความสงสัยที่ยังค้างคาใจอยู่ผลักดันให้ชายหนุ่มกระโจนขึ้นบันไดเวียนไปอย่างรวดเร็ว ก้าวข้ามทีละขั้นสองขั้นมุ่งไปที่ห้องเครื่องนาฬิกา
ท่ามกลางความมืดสลัวชายหนุ่มเห็นเงาของใครสักคนเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฟันเฟืองนาฬิกา...ตาเฆ่าคนนั้นเอง
“เฮ้ย...นั่นมันตาเฒ่าโอโตคิจิ ขึ้นมาทำอะไร”
จิโรตวาดเสียงเขียวทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งตกใจหันมามอง ตาเฒ่าโอโตคิจิจริง ๆ ด้วย
“ตาเฒ่า แกขึ้นมาทำอะไร”
ชายหนุ่มปราดเข้าไปประชิดตัวทันทีที่รู้ว่าเงาดำนั้นคือใคร แทนที่โอโตคิจิจะใส่ใจกับเสียงตวาดอย่างเอาเรื่องของ จิโร แกกลับบอกด้วยเสียงสั่นเครือว่า
“คุณมาพอดีเลยขอรับ” แล้วชี้มือไปที่อะไรสักอย่างที่เห็นเป็นกองตะคุ่ม ๆ อยู่ตรงมุมมืดสลัวของห้องเครื่อง
จิโรมองเขม้นตามมือชี้ และพอสายตาปรับเข้ากับความมืดได้ชายหนุ่มก็ใจหายวาบ เพราะนั่นคือร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงราวกับศพนั้นคืออิชิโรที่เขากำลังตามหาอยู่
“เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรคุณพี่”
ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียงราวคนเสียสติ ปราดไปที่ร่างของพี่ชายทันที
รอบคอของอิจิโรเป็นแผลสาหัสราวกับถูกรัดไว้ด้วยปลอกคอสีแดงฉาน แต่โล่งอกไปทีที่ยังไม่ถึงแก่ชีวิตและยังพอมีสติอยู่บ้างแม้จะลางเลือนเต็มที
ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดแก่ตนให้น้องชายฟังด้วยเสียงที่อ่อนแรงเต็มที
อิจิโรเล่าว่าตาเฒ่าโอโตคิจิเป็นคนช่วยชีวิตเขาในเสี้ยววินาทีวิกฤติ ตาเฒ่าได้ยินเสียงกรีดร้องของเขาเช่นเดียวกับเจ้าหนุ่มจิโรจึงรีบรุดขึ้นมาที่ห้องเครื่องแล้วหยุดเครื่องจักรกลของนาฬิกาเรือนยักษ์ไว้ได้ทันการ แล้วขืนเข็มบอกนาทีที่กดบาดคอเหยื่อของมันจนแทบขาดให้ย้อนขึ้นไป ปล่อยให้รอดพ้นภาวะวิกฤติออกมาได้อย่างเฉียดฉิว
เจ้าหนุ่มจิโรดีใจและโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่พี่ชายของเขารอดตายมาได้ แต่ก็อดผิดหวังไม่ได้ที่ผู้ช่วยชีวิตพี่ชายคือตาเฒ่าโอโตคิจิที่เขาคิดระแวงพฤติกรรมของแกตลอดมา แล้วอย่างนี้จะให้เชื่อได้หรือว่าวีรกรรมครั้งนี้ของตาเฒ่าเกิดจากความจงรักภักดีต่อนายจ้างจริง ๆ
ไม่หรอก...เจ้าหนุ่มจิโรไม่เชื่อแน่ ตาเฒ่าคนนี้ไม่ใช่หรือที่เอาง่ามหนังสติ๊กยิงขึ้นไปที่ทาเอโกะน้องสาวของเขา แล้วใครเล่าที่ยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าประตูห้องของทาเอโกะตอนที่เธอถูกลอบทำร้ายอยู่ในห้องนอนที่ปิดตาย ทว่าอาชญากรรมในห้องปิดตายจะเกิดขึ้นได้อย่างไรเล่าถ้าตัวอาชญากรไม่ใช่คนที่สร้างห้องปิดตายขึ้นมาเอง

ตาเฒ่าโอโตคิจิเป็นคนหนึ่งในบรรดาคนรับใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ปิดประตูหน้าต่างทุกบานไม่ใช่หรือ
ทำไมตาเฒ่าจึงช่วยชีวิตอิจิโรเอาไว้ทั้ง ๆ ที่ถ้าปล่อยไว้อย่างนั้นจะต้องสิ้นใจตายไปแน่อยู่แล้ว ประเด็นนี้เมื่อจินตนาการจากพฤติกรรมที่ผ่านมาแล้ว อาจคิดได้ว่าปีศาจฆาตกรก่อเหตุวิกฤติครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้คนในครอบครัว ทามามุระต้องทุกข์ทรมานอยู่ในความหวาดกลัวสยองขวัญอย่างยาวนานและลึกล้ำเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ผิดอะไรกับการตีงูแค่เจียนตายแล้วปล่อยให้มันกระเสือกกระสนทรมานแสนสาหัสไปจนกว่าจะสิ้นใจ อา...ใจของมันช่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนาอะไรเช่นนี้
เอาละ...เจ้าหนุ่มจิโรคิดแล้วจึงตกลงใจว่า ควรสงบจิตสงบใจไว้ก่อนเพราะถ้าเอะอะออกไปโดยไม่มีหลักฐานที่มัดตัวชัดเจนอาจทำให้เกิดผลเสียแก่รูปคดี และตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำตัวเป็นนักสืบคอยติดตามสอดส่องความเคลื่อนไหวของตาเฒ่าคนนี้อย่างใกล้ชิดไม่ให้รอดสายตาไปได้ คนที่แนะนำให้บิดาเขาจ้างตาเฒ่าโอโตคิจิเข้ามาทำงานเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ แต่เมื่อถึงขั้นนี้แล้วเห็นจะต้องสืบประวัติความเป็นมาของตาเฒ่าให้ละเอียดขึ้นก่อนเพื่อจะได้สืบสาวไปยังจุดที่จะสามารถจับหลักฐานมาเล่นงานให้อยู่หมัด
อาการของอิจิโรดีขึ้นจนแข็งแรงเป็นปกติภายในสองสามวันเหลือแต่แผลเป็นรอบคอที่ดูน่าฉงน แต่อาการของ ทาเอโกะไม่ดีขึ้นเลยเธอยังนอนซมด้วยพิษไข้สูงอยู่ที่แผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาล
วันหนึ่ง ฮานาโซโนะ โยโกะ มาเยี่ยมทาเอโกะเพื่อนของเธอที่โรงพยาบาลและขากลับได้แวะไปที่คฤหาสน์ทามามุระ ความจริงแล้วการไปเยี่ยมทาเอโกะนั้นเป็นแค่เรื่องบังหน้าที่เธออาศัยเป็นโอกาสไปพบกับเจ้าหนุ่มจิโร ซึ่งไม่ได้พบหน้ามาหลายวันหลังเกิดเหตุร้าย โยโกะเป็นลูกศิษย์ของนักดนตรีสตรีมีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งของโตเกียว เธอรู้จักกับเจ้าหนุ่มจิโรผ่านทางทาเอโกะผู้เป็นเพื่อน ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ได้ก้าวไกลจนกลายเป็นคู่รักซึ่งนาย ทามามุระผู้บิดารับรู้เป็นนัย ๆ
สองหนุ่มสาวปลีกตัวออกไปนั่งคุยกันบนโขดหินใช้ร่มไม้ใหญ่ในสวนท่ามกลางแสงแดดอบอุ่น แต่การสนทนาวันนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องหวานชื่นใจเช่นเคย
“อะไรนะ ผมน่ะหรือเขียนจดหมายถึงหนูโยทุกวัน” จิโรตกใจกับคำบอกเล่าของคู่รักจนต้องย้อนถาม
“จะเป็นไปได้ยังไง ผมวุ่นอยู่กับเรื่องของพี่ชายกับน้องสาวขนาดนี้ไม่มีเวลาเขียนหรอก เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้ซี ก็เห็นมีจดหมายที่จิโรเขียนแล้วก็เซ็นชื่อมาถึงฉันทุกวันเลย”
“เขียนมาว่ายังไง นี่ผมไม่ได้เขียนถึงหนูโยเลยจริง ๆ นะสาบานได้”
“ก็อ่านไม่รู้เรื่องน่ะซิ จิโร่จะแกล้งกันใช่ไหมล่ะ เขียนจดหมายเป็นรหัสอะไรไม่รู้”
“รหัสรึ” เจ้าหนุ่มจิโรตื่นตัวขึ้นมาทันที เขาเบิกตาโพลงขณะทวนถามว่า “รหัสรึ...มันเป็นยังไงไหนบอกผมซิ”
“ยังจะมาทำไก๋อีก เขียนมาแต่ตัวเลขอะไรไม่รู้ จะไม่ให้เรียกว่ารหัสแล้วจะเรียกว่าอะไร”
“ตัวเลขรึ ตัวเลขยังไง” ชายหนุ่มตัวแข็งเสียงแข็ง
“ใช่ เริ่มจากเลข 5 แล้วก็ลดลงไปทีละวัน เป็น 4 3 2 แล้วก็ 1แบบนี้น่ะ”
เจ้าหนุ่มจิโรได้ยินแล้วถึงกับหน้าซีดเผือด ผลุดลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว
“จริงหรือหนูโย แย่แล้ว คนเขียนจดหมายพวกนั้นต้องเป็นคนเดียวกับไอ้ปีศาจฆาตกรที่ฆ่าอาฟุกุดะของผมแน่ พี่กับน้องผมก็โดนแบบเดียวกัน”
“ตายจริง” โยโกะอุทานออกมาได้คำเดียว หน้างามของเธอพลอยขาวซีดไปด้วย
“หนูโยได้รับจดหมายที่เขียนเลข 1 เมื่อไร อย่าบอกนะว่า...”
“ใช่ ได้รับเมื่อวานนี้ คุณเขียนเลข 1 ตัวเบ้อเริ่ม แล้วยังเขียนกำกับมาข้างล่างด้วยว่ามีเรื่องอยากพูดด้วยด่วน พรุ่งนี้ให้มาหาที่บ้าน พอดีฉันตั้งใจจะไปเยี่ยมทาเอโกะอยู่แล้วก็เลยแวะมานี่แหละ อย่าแกล้งให้ฉันตกใจหน่อยเลย ขอร้อง”
“แกล้งอะไรกัน ผมบอกแล้วไงว่านั่นมันจดหมายปลอม ไอ้นั่นมันปลอมลายมือผมแนบเนียนจนหนูโยเชื่อสนิท จะบอกให้ว่าไม่มีอะไรที่มันจะทำไม่ได้หรอก”
“ไอ้นั่นที่คุณว่าน่ะใครกัน”
“มันคือปีศาจฆาตรกร ร่างกายกำยำสูงใหญ่กว่าเจ็ดฟุต เป่าขลุ่ยเก่ง...”
อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็หยุดชะงักทั้ง ๆ ที่ยังพูดค้างอยู่ชะงัก ใบหน้าคมสันที่ซีดเผือดอยู่นั้นฉายแววหวาดกลัวอย่างสุดระงับขณะพุ่งสายตาผ่านหมู่ไม้ไปยังจุดที่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร ท่าทีของคู่รักที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันทำให้ โยโกะพลอยตื่นตระหนกไปด้วย และพอมองตามสายตาของจิโรไปเธอก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินผ่านหมู่ไม้ออกไปทางด้านโน้น
“เอ๊ะ นั่นใคร”
“จุ๊ ๆ อย่าเอ็ดไป” ชายหนุ่มยกมือห้ามพร้อมกับบอกด้วยเสียงกระซิบ แล้วนิ่งคอยจนแน่ใจว่าชายคนนั้นเดินลับหายไปแน่แล้ว จึงหันมาตอบคำถามของโยโกะ
“คนทำความสะอาดเข้าใหม่ เราเพิ่งจ้างไม่กี่วันว่านี้ชื่อตาเฒ่าโอโตคิจิ”
“คงจะเป็นคนที่ฉันพบที่ประตูใหญ่ ฉันยังโค้งคำนับอย่างสุภาพเพราะเห็นเป็นคนสูงอายุ”
“ตาเฒ่านั่นอาจแอบฟังเราพูดกันก็ได้”
“แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรที่เป็นความลับแบบใครจะได้ยินไม่ได้นี่”
“เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เจ้าหนุ่มจิโรพูดกลบเกลื่อนอย่างไม่เต็มปากเต็มคำนักเพราะไม่อยากให้คู่รักสาวของเขากังวลมากจนเกินเหตุ เขากัดกรามกรอดเมื่อคิดว่ามือมายาของปีศาจร้ายกำลังขยายกรงเล็บเอื้อมเข้ามาถึงโยโกะ ผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลทามามุระในอีกไม่ช้า อา...ไม่นึกเลยว่าความโหดร้ายของมันจะลึกล้ำถึงขนาดนี้
จิโรเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคู่รักของเขาให้นายทามามุระตลอดจนตำรวจที่ประจำการเฝ้าระวังอยู่ที่คฤหาสน์รับรู้ไว้ พร้อมทั้งขอให้ช่วยกันคุ้มครองความปลอดภัยให้หญิงสาวอย่างเข้มงวดตอนที่เธอกลับบ้านด้วย
ทว่า พอออกจากห้องทำงานของบิดาหลังเสร็จจากการปรึกษาหารือกับบิดาและตำรวจแล้วเข้ามาในห้องโถงที่เขาทิ้งโยโกะเอาไว้เมื่อครู่ก่อน จิโรก็ต้องขมวดคิ้วเพราะไม่เห็นคู่รักสาวอยู่ตรงนั้น มีแต่อิจิโรพี่ชายของเขาที่คุยกับเธออยู่ก่อนหน้านั้นยืนเกร่อยู่คนเดียว
“หนูโยล่ะครับ”
“อ้าว ไม่ได้อยู่ในห้องแกรึ”
“ห้องผม”
จิโร่เบิกตาโพลง ปากซีดเขียว เขากระโจนไปที่ห้องทำงานของตนโดยเร็วเพื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น ชายหนุ่มผลุนผลันหันหลังกลับออกมาที่เฉลียงทางเดิน ส่งเสียงเรียกดังก้องด้วยเสียงสั่นไหวอย่างคนขวัญเสีย
“หนูโย...ฮานาโซโนะ ฮานาโซโนะ”
เจ้าหนุ่มจิโรวิ่งออกไปที่ประตูใหญ่ พอพบคนรับใช้หนุ่มที่คุ้นเคยก็ปราดเข้าไปเขย่าตัวแรง ๆ ราวกับคนเสียสติ
“เห็นคุณฮานาโซโนะกลับออกไปหรือเปล่า เห็นเธอออกไปจากประตูนี้ไหม”
คำตอบที่ได้รับก็คือไม่มีใครผ่านออกไปในช่วงราว 30 นาทีนี้
จากนั้น พอทุกคนรู้เรื่องทั้งคนรับใช้ ทั้งตำรวจนักสืบที่ประจำการอยู่ที่คฤหาสน์ก็แยกย้ายกันออกค้นหาจนทั่วทุกซอกมุม แต่ก็ไม่พบแม้เต่เงาของฮานาโซโนะ โยโกะ ราวกับเธอระเหยหายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ
ขณะที่ชีวิตในวาระสุดท้ายของทามามุระ อิชิโรกำลังจะสิ้นสุดลงบนแท่นประหาร ณ หอนาฬิกามรณะ ญาติพี่น้องที่มารวมตัวกันอยู่ในห้องชั้นล่างของเรือนฝรั่งได้ยินเสียงกรีดร้องแว่วมาจากที่ไหนสักแห่งซึ่งคงจะไกลโพ้น ทุกคนสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วเงี่ยฟังกันหูผึ่ง ใช่...มันเป็นเสียงกรีดร้องคร่ำครวญของใครสักคนที่กำลังทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่เอ๊ะ...ทำไมน้ำเสียงจึงคุ้นหู
“คุณพี่อยู่ไหน คุณพี่ไปไหนใครเห็นบ้าง”
จิโรตะโกนก้องหลังจากกวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วไม่เห็นพี่ชายในกลุ่มคนที่ชุมนุมกันอยู่ ไม่มีใครตอบ ทุกคนปิดปากเงียบและหน้าซีดขาวไปตาม ๆ กัน
“ผมจะออกไปตามหาเอง”
ชายหนุ่มผลุดลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินดุ่ม ๆ ออกจากห้องไปค้นหาพี่ชายจนทั่วทุกซอกมุมของระเบียงทางเดิน พอไม่พบก็ขึ้นบันไดไปชั้นบน ซึ่งก็ไม่มีแม้แต่เงาของพี่ชาย เขานิ่งคิดเพราะค่อนข้างแน่ใจว่าที่มาของเสียงกรีดร้องโหยหวนนั้นน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งบนนี้ แล้วก็เอะใจขึ้นมาในทันใด จิโรชะงักเท้าหยุดกึกที่เชิงบันไดวนขึ้นสู่หอนาฬิกา
แต่อนิจจา เสียงกรีดร้องโหยหวนนั้นเงียบหายไปแล้วราวกับถูกปลิดทิ้ง
แม้ทั่วบริเวณจะเงียบกริบ แต่ความสงสัยที่ยังค้างคาใจอยู่ผลักดันให้ชายหนุ่มกระโจนขึ้นบันไดเวียนไปอย่างรวดเร็ว ก้าวข้ามทีละขั้นสองขั้นมุ่งไปที่ห้องเครื่องนาฬิกา
ท่ามกลางความมืดสลัวชายหนุ่มเห็นเงาของใครสักคนเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฟันเฟืองนาฬิกา...ตาเฆ่าคนนั้นเอง
“เฮ้ย...นั่นมันตาเฒ่าโอโตคิจิ ขึ้นมาทำอะไร”
จิโรตวาดเสียงเขียวทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งตกใจหันมามอง ตาเฒ่าโอโตคิจิจริง ๆ ด้วย
“ตาเฒ่า แกขึ้นมาทำอะไร”
ชายหนุ่มปราดเข้าไปประชิดตัวทันทีที่รู้ว่าเงาดำนั้นคือใคร แทนที่โอโตคิจิจะใส่ใจกับเสียงตวาดอย่างเอาเรื่องของ จิโร แกกลับบอกด้วยเสียงสั่นเครือว่า
“คุณมาพอดีเลยขอรับ” แล้วชี้มือไปที่อะไรสักอย่างที่เห็นเป็นกองตะคุ่ม ๆ อยู่ตรงมุมมืดสลัวของห้องเครื่อง
จิโรมองเขม้นตามมือชี้ และพอสายตาปรับเข้ากับความมืดได้ชายหนุ่มก็ใจหายวาบ เพราะนั่นคือร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงราวกับศพนั้นคืออิชิโรที่เขากำลังตามหาอยู่
“เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรคุณพี่”
ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียงราวคนเสียสติ ปราดไปที่ร่างของพี่ชายทันที
รอบคอของอิจิโรเป็นแผลสาหัสราวกับถูกรัดไว้ด้วยปลอกคอสีแดงฉาน แต่โล่งอกไปทีที่ยังไม่ถึงแก่ชีวิตและยังพอมีสติอยู่บ้างแม้จะลางเลือนเต็มที
ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดแก่ตนให้น้องชายฟังด้วยเสียงที่อ่อนแรงเต็มที
อิจิโรเล่าว่าตาเฒ่าโอโตคิจิเป็นคนช่วยชีวิตเขาในเสี้ยววินาทีวิกฤติ ตาเฒ่าได้ยินเสียงกรีดร้องของเขาเช่นเดียวกับเจ้าหนุ่มจิโรจึงรีบรุดขึ้นมาที่ห้องเครื่องแล้วหยุดเครื่องจักรกลของนาฬิกาเรือนยักษ์ไว้ได้ทันการ แล้วขืนเข็มบอกนาทีที่กดบาดคอเหยื่อของมันจนแทบขาดให้ย้อนขึ้นไป ปล่อยให้รอดพ้นภาวะวิกฤติออกมาได้อย่างเฉียดฉิว
เจ้าหนุ่มจิโรดีใจและโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่พี่ชายของเขารอดตายมาได้ แต่ก็อดผิดหวังไม่ได้ที่ผู้ช่วยชีวิตพี่ชายคือตาเฒ่าโอโตคิจิที่เขาคิดระแวงพฤติกรรมของแกตลอดมา แล้วอย่างนี้จะให้เชื่อได้หรือว่าวีรกรรมครั้งนี้ของตาเฒ่าเกิดจากความจงรักภักดีต่อนายจ้างจริง ๆ
ไม่หรอก...เจ้าหนุ่มจิโรไม่เชื่อแน่ ตาเฒ่าคนนี้ไม่ใช่หรือที่เอาง่ามหนังสติ๊กยิงขึ้นไปที่ทาเอโกะน้องสาวของเขา แล้วใครเล่าที่ยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าประตูห้องของทาเอโกะตอนที่เธอถูกลอบทำร้ายอยู่ในห้องนอนที่ปิดตาย ทว่าอาชญากรรมในห้องปิดตายจะเกิดขึ้นได้อย่างไรเล่าถ้าตัวอาชญากรไม่ใช่คนที่สร้างห้องปิดตายขึ้นมาเอง
ตาเฒ่าโอโตคิจิเป็นคนหนึ่งในบรรดาคนรับใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ปิดประตูหน้าต่างทุกบานไม่ใช่หรือ
ทำไมตาเฒ่าจึงช่วยชีวิตอิจิโรเอาไว้ทั้ง ๆ ที่ถ้าปล่อยไว้อย่างนั้นจะต้องสิ้นใจตายไปแน่อยู่แล้ว ประเด็นนี้เมื่อจินตนาการจากพฤติกรรมที่ผ่านมาแล้ว อาจคิดได้ว่าปีศาจฆาตกรก่อเหตุวิกฤติครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้คนในครอบครัว ทามามุระต้องทุกข์ทรมานอยู่ในความหวาดกลัวสยองขวัญอย่างยาวนานและลึกล้ำเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ผิดอะไรกับการตีงูแค่เจียนตายแล้วปล่อยให้มันกระเสือกกระสนทรมานแสนสาหัสไปจนกว่าจะสิ้นใจ อา...ใจของมันช่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนาอะไรเช่นนี้
เอาละ...เจ้าหนุ่มจิโรคิดแล้วจึงตกลงใจว่า ควรสงบจิตสงบใจไว้ก่อนเพราะถ้าเอะอะออกไปโดยไม่มีหลักฐานที่มัดตัวชัดเจนอาจทำให้เกิดผลเสียแก่รูปคดี และตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำตัวเป็นนักสืบคอยติดตามสอดส่องความเคลื่อนไหวของตาเฒ่าคนนี้อย่างใกล้ชิดไม่ให้รอดสายตาไปได้ คนที่แนะนำให้บิดาเขาจ้างตาเฒ่าโอโตคิจิเข้ามาทำงานเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ แต่เมื่อถึงขั้นนี้แล้วเห็นจะต้องสืบประวัติความเป็นมาของตาเฒ่าให้ละเอียดขึ้นก่อนเพื่อจะได้สืบสาวไปยังจุดที่จะสามารถจับหลักฐานมาเล่นงานให้อยู่หมัด
อาการของอิจิโรดีขึ้นจนแข็งแรงเป็นปกติภายในสองสามวันเหลือแต่แผลเป็นรอบคอที่ดูน่าฉงน แต่อาการของ ทาเอโกะไม่ดีขึ้นเลยเธอยังนอนซมด้วยพิษไข้สูงอยู่ที่แผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาล
วันหนึ่ง ฮานาโซโนะ โยโกะ มาเยี่ยมทาเอโกะเพื่อนของเธอที่โรงพยาบาลและขากลับได้แวะไปที่คฤหาสน์ทามามุระ ความจริงแล้วการไปเยี่ยมทาเอโกะนั้นเป็นแค่เรื่องบังหน้าที่เธออาศัยเป็นโอกาสไปพบกับเจ้าหนุ่มจิโร ซึ่งไม่ได้พบหน้ามาหลายวันหลังเกิดเหตุร้าย โยโกะเป็นลูกศิษย์ของนักดนตรีสตรีมีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งของโตเกียว เธอรู้จักกับเจ้าหนุ่มจิโรผ่านทางทาเอโกะผู้เป็นเพื่อน ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ได้ก้าวไกลจนกลายเป็นคู่รักซึ่งนาย ทามามุระผู้บิดารับรู้เป็นนัย ๆ
สองหนุ่มสาวปลีกตัวออกไปนั่งคุยกันบนโขดหินใช้ร่มไม้ใหญ่ในสวนท่ามกลางแสงแดดอบอุ่น แต่การสนทนาวันนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องหวานชื่นใจเช่นเคย
“อะไรนะ ผมน่ะหรือเขียนจดหมายถึงหนูโยทุกวัน” จิโรตกใจกับคำบอกเล่าของคู่รักจนต้องย้อนถาม
“จะเป็นไปได้ยังไง ผมวุ่นอยู่กับเรื่องของพี่ชายกับน้องสาวขนาดนี้ไม่มีเวลาเขียนหรอก เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้ซี ก็เห็นมีจดหมายที่จิโรเขียนแล้วก็เซ็นชื่อมาถึงฉันทุกวันเลย”
“เขียนมาว่ายังไง นี่ผมไม่ได้เขียนถึงหนูโยเลยจริง ๆ นะสาบานได้”
“ก็อ่านไม่รู้เรื่องน่ะซิ จิโร่จะแกล้งกันใช่ไหมล่ะ เขียนจดหมายเป็นรหัสอะไรไม่รู้”
“รหัสรึ” เจ้าหนุ่มจิโรตื่นตัวขึ้นมาทันที เขาเบิกตาโพลงขณะทวนถามว่า “รหัสรึ...มันเป็นยังไงไหนบอกผมซิ”
“ยังจะมาทำไก๋อีก เขียนมาแต่ตัวเลขอะไรไม่รู้ จะไม่ให้เรียกว่ารหัสแล้วจะเรียกว่าอะไร”
“ตัวเลขรึ ตัวเลขยังไง” ชายหนุ่มตัวแข็งเสียงแข็ง
“ใช่ เริ่มจากเลข 5 แล้วก็ลดลงไปทีละวัน เป็น 4 3 2 แล้วก็ 1แบบนี้น่ะ”
เจ้าหนุ่มจิโรได้ยินแล้วถึงกับหน้าซีดเผือด ผลุดลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว
“จริงหรือหนูโย แย่แล้ว คนเขียนจดหมายพวกนั้นต้องเป็นคนเดียวกับไอ้ปีศาจฆาตกรที่ฆ่าอาฟุกุดะของผมแน่ พี่กับน้องผมก็โดนแบบเดียวกัน”
“ตายจริง” โยโกะอุทานออกมาได้คำเดียว หน้างามของเธอพลอยขาวซีดไปด้วย
“หนูโยได้รับจดหมายที่เขียนเลข 1 เมื่อไร อย่าบอกนะว่า...”
“ใช่ ได้รับเมื่อวานนี้ คุณเขียนเลข 1 ตัวเบ้อเริ่ม แล้วยังเขียนกำกับมาข้างล่างด้วยว่ามีเรื่องอยากพูดด้วยด่วน พรุ่งนี้ให้มาหาที่บ้าน พอดีฉันตั้งใจจะไปเยี่ยมทาเอโกะอยู่แล้วก็เลยแวะมานี่แหละ อย่าแกล้งให้ฉันตกใจหน่อยเลย ขอร้อง”
“แกล้งอะไรกัน ผมบอกแล้วไงว่านั่นมันจดหมายปลอม ไอ้นั่นมันปลอมลายมือผมแนบเนียนจนหนูโยเชื่อสนิท จะบอกให้ว่าไม่มีอะไรที่มันจะทำไม่ได้หรอก”
“ไอ้นั่นที่คุณว่าน่ะใครกัน”
“มันคือปีศาจฆาตรกร ร่างกายกำยำสูงใหญ่กว่าเจ็ดฟุต เป่าขลุ่ยเก่ง...”
อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็หยุดชะงักทั้ง ๆ ที่ยังพูดค้างอยู่ชะงัก ใบหน้าคมสันที่ซีดเผือดอยู่นั้นฉายแววหวาดกลัวอย่างสุดระงับขณะพุ่งสายตาผ่านหมู่ไม้ไปยังจุดที่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร ท่าทีของคู่รักที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันทำให้ โยโกะพลอยตื่นตระหนกไปด้วย และพอมองตามสายตาของจิโรไปเธอก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินผ่านหมู่ไม้ออกไปทางด้านโน้น
“เอ๊ะ นั่นใคร”
“จุ๊ ๆ อย่าเอ็ดไป” ชายหนุ่มยกมือห้ามพร้อมกับบอกด้วยเสียงกระซิบ แล้วนิ่งคอยจนแน่ใจว่าชายคนนั้นเดินลับหายไปแน่แล้ว จึงหันมาตอบคำถามของโยโกะ
“คนทำความสะอาดเข้าใหม่ เราเพิ่งจ้างไม่กี่วันว่านี้ชื่อตาเฒ่าโอโตคิจิ”
“คงจะเป็นคนที่ฉันพบที่ประตูใหญ่ ฉันยังโค้งคำนับอย่างสุภาพเพราะเห็นเป็นคนสูงอายุ”
“ตาเฒ่านั่นอาจแอบฟังเราพูดกันก็ได้”
“แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรที่เป็นความลับแบบใครจะได้ยินไม่ได้นี่”
“เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เจ้าหนุ่มจิโรพูดกลบเกลื่อนอย่างไม่เต็มปากเต็มคำนักเพราะไม่อยากให้คู่รักสาวของเขากังวลมากจนเกินเหตุ เขากัดกรามกรอดเมื่อคิดว่ามือมายาของปีศาจร้ายกำลังขยายกรงเล็บเอื้อมเข้ามาถึงโยโกะ ผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลทามามุระในอีกไม่ช้า อา...ไม่นึกเลยว่าความโหดร้ายของมันจะลึกล้ำถึงขนาดนี้
จิโรเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคู่รักของเขาให้นายทามามุระตลอดจนตำรวจที่ประจำการเฝ้าระวังอยู่ที่คฤหาสน์รับรู้ไว้ พร้อมทั้งขอให้ช่วยกันคุ้มครองความปลอดภัยให้หญิงสาวอย่างเข้มงวดตอนที่เธอกลับบ้านด้วย
ทว่า พอออกจากห้องทำงานของบิดาหลังเสร็จจากการปรึกษาหารือกับบิดาและตำรวจแล้วเข้ามาในห้องโถงที่เขาทิ้งโยโกะเอาไว้เมื่อครู่ก่อน จิโรก็ต้องขมวดคิ้วเพราะไม่เห็นคู่รักสาวอยู่ตรงนั้น มีแต่อิจิโรพี่ชายของเขาที่คุยกับเธออยู่ก่อนหน้านั้นยืนเกร่อยู่คนเดียว
“หนูโยล่ะครับ”
“อ้าว ไม่ได้อยู่ในห้องแกรึ”
“ห้องผม”
จิโร่เบิกตาโพลง ปากซีดเขียว เขากระโจนไปที่ห้องทำงานของตนโดยเร็วเพื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น ชายหนุ่มผลุนผลันหันหลังกลับออกมาที่เฉลียงทางเดิน ส่งเสียงเรียกดังก้องด้วยเสียงสั่นไหวอย่างคนขวัญเสีย
“หนูโย...ฮานาโซโนะ ฮานาโซโนะ”
เจ้าหนุ่มจิโรวิ่งออกไปที่ประตูใหญ่ พอพบคนรับใช้หนุ่มที่คุ้นเคยก็ปราดเข้าไปเขย่าตัวแรง ๆ ราวกับคนเสียสติ
“เห็นคุณฮานาโซโนะกลับออกไปหรือเปล่า เห็นเธอออกไปจากประตูนี้ไหม”
คำตอบที่ได้รับก็คือไม่มีใครผ่านออกไปในช่วงราว 30 นาทีนี้
จากนั้น พอทุกคนรู้เรื่องทั้งคนรับใช้ ทั้งตำรวจนักสืบที่ประจำการอยู่ที่คฤหาสน์ก็แยกย้ายกันออกค้นหาจนทั่วทุกซอกมุม แต่ก็ไม่พบแม้เต่เงาของฮานาโซโนะ โยโกะ ราวกับเธอระเหยหายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว