xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 14 หอนาฬิกาปีศาจ ฆ่าตัดคอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

อะไรบางอย่างที่อิชิโรฉุกคิดขึ้นมาระหว่างปีนบันไดวนมืดสลัวที่ทอดจากชั้นสองของเรือนฝรั่งขึ้นไปยังหอนาฬิกา ทำให้คนจิตใจเข้มแข็งกล้าหาญอย่างเขาถึงกับตัวเย็นวาบ หยิบปืนที่พกติดตัวมาในกระเป๋าอกเสื้อออกมากำแน่นอย่างไม่รู้ตัว

ถึงจะกลางวันแสก ๆ แต่ที่ที่อิชิโรกำลังมุ่งหน้าขึ้นไปคือหอนาฬิกาที่ถูกขนานนามว่าหอปีศาจอันสยองขวัญ เหนือขึ้นไปตรงสุดบันไดที่วนไปไม่รู้กี่ตลบท่ามกลางความมืดสลัว เป็นห้องเครื่องด้านหลังหน้าปัดนาฬิกาที่มีซอกมุมสลับซับซ้อนให้ซ่อนตัวได้ทุกที่ ปีศาจฆาตกรจะต้องเป็นตัวการทำอุบายเอากระดาษเขียนตัวอักษรอะไรสักอย่างไปปิดไว้บนหน้าปัดนาฬิกา ล่อให้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายปีนขึ้นมาให้มันฆ่าอย่างเลือดเย็นในความมืดสลัวของหอปีศาจแห่งนี้...ช่างเป็นแผนฆาตกรรมที่สยดสยองยิ่งนัก

ทว่า ความระแวงเช่นนั้นไม่ได้ทำให้คนใจกล้าจนเกือบเรียกได้ว่ามุทะลุอย่างอิชิโรหวาดหวั่นถึงกับถอยหลังกลับ เขากระชับปืนในมือไว้ในระดับอกแล้วเล็งไปข้างหน้า ขณะก้าวขึ้นบันไดไปที่ละขั้น ๆ พร้อมกับมองหน้ามองหลังด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด

ชายหนุ่มตื่นตัวตั้งสติเต็มที่เตรียมพร้อมรับมือการจู่โจมของศัตรูทุกเสี้ยววินาที แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนขึ้นมาถึงห้องเครื่องนาฬิกาตรงยอดบันไดวน

ห้องเครื่องมีลักษณะเป็นหลักเป็นฐานราวกับโรงงานขนาดย่อม ประกอบด้วยชุดฟันเฟืองขนาดใหญ่ยักษ์หมุนขบกันไม่หยุด เงาของกล่องเหล็กบรรจุลานนาฬิกาที่เป็นเสมือนกล่องหัวใจ เสาเหล็ก ก้านเหล็ก และแกนเหล็กต่าง ๆ ทาบทับกันสับสน ลูกตุ้มเหล็กขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางถึงสามฟุตแกว่งช้า ๆ เป็นจังหวะอยู่เหนือหัว

อิชิโรแฝงกายเข้าไปยืนกลั้นใจเงี่ยหูฟังเสียงผิดปกติอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องเครื่อง ชายหนุ่มตั้งท่าเตรียมรับการจู่โจมของศัตรูที่คาดว่าจะต้องเป็นไปอย่างสายฟ้าแลบ โดยไม่คลายมือที่กุมด้ามปืนเอาไว้แน่นออกเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว แต่แม้จะซุ่มคอยเพียงไรก็ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น เขาจึงรวบรวมความกล้าค่อย ๆ ย่องออกไปตรวจดูตามซอกมุมบริเวณรอบ ๆ เครื่องจักรกลภายในห้องแต่ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต ไม่พบร่องรอยว่าจะมีใครเข้ามาซ่อนตัวอยู่

ชายหนุ่มหัวเราะหึ หึ นึกอายความขี้ขลาดเกินไปของตนเองที่ทำให้ระแวงอะไรไม่เข้าเรื่อง เขาเก็บปืนพบเข้าที่ในกระเป๋าอกเสื้อแล้วเดินเข้าไปใกล้ด้านหลังของหน้าปัดนาฬิกา แกนเข็มนาฬิกาซึ่งเป็นท่อนเหล็กขนาดใหญ่ลักษณะเหมือนเพลารถยนต์ยื่นออกมาอยู่ครือ ๆ กับหัวของเขา ล่างลงมาตรงราวหน้าอกมีรูใหญ่ 2 รู อยู่ห่างออกไปคนละด้าน ซึ่งรู้จักกันในบรรดาผู้ที่คุ้นเคยกับหอนาฬิานี้ว่า “ดวงตาปีศาจ” คนออกแบบนาฬิกาเรือนนี้ทำรูทั้งสองให้ดูเหมือนนาฬิกาไขลานธรรมดาและเพื่อให้แสงสว่างแก่ห้องเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจทำไว้สำหรับใช้งานอะไร

อิชิโรจำได้ว่ากระดาษแผ่นนั้น ถ้ามองจากด้านหลังของหน้าปัดอย่างนี้มันจะอยู่ตรงด้านล่างของรูข้างซ้ายพอดี เขาจึงโผล่หัวออกจากรูไปดูตำแหน่งของกระดาษให้แน่ใจ จากนั้นจึงผลุบหัวกลับมาแล้วเอื้อมมือขวาออกไปหยิบ แต่น่าเสียดายถึงจะเอื้อมจนสุดล้าก็ยังหยิบไม่ถึง เหลืออีกนิดเดียวแท้ ๆ ชายหนุ่มมองหาไปทั่วห้องเครื่องเผื่อว่าจะมีไม้สักท่อนมาใช้เขี่ย แต่ก็ไม่พบอะไรที่พอจะใช้ได้

อิชิโรยืนคิดหาวิธีอยู่ครู่หนึ่ง และแล้วทันใดนั้นท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป ชายหนุ่มยืนนิ่งขึงราวกับพบอะไรที่น่ากลัวจนขนพองสยองเกล้า เขาเบิกตาโพลงเพ่งมองไปยังจุด ๆ หนึ่งในอากาศ ประสาทรับความรู้สึกทั้งหมดของอิชิโรตอนนี้ไปรวมกันอยู่ที่หูแห่งเดียว ใช่...เขาได้ยินเสียงแปลกประหลาดสะเทือนขวัญเป็นที่สุด

ไม่ใช่เสียงแกว่งเป็นจังหวะของลูกตุ้มนาฬิกา แต่เป็นเสียงหวีดหวิวของขลุ่ย เสียงขลุ่ยโหยหวนชวนเศร้าที่มาพร้อมกับความตาย
ห้องเครื่องนาฬิกา
เป็นไปไม่ได้ นี่หมายความว่าฆาตกรใจโหดกำลังลงมือสังหารเหยื่อของมันอย่างนั้นหรือ...ที่ไหน และใครคือเหยื่อ คนในครอบครัวไม่มีใครขึ้นมาบนหลังคาแน่ และในเมื่อบนหลังคาไม่เหยื่อของฆาตกรใจโหดแต่ทำไมเสียงขลุ่ยจึงดังหวีดหวิวชัดเจนเข้ามาจากหลังคานอกหอนาฬิกานี้

อิชิโรโผล่หัวออกไปจากช่องบนหน้าปัดมองลงไปที่หลังคาเรือนฝรั่งเพื่อดูที่มาของเสียงขลุ่ย แต่ก็ไม่เห็นเงาของใครสักคน จึงคิดว่าเจ้าปีศาจคงจะอยู่ด้านหลังของหอนาฬิกา เมื่อจินตนาการจากเสียงขลุ่ยดูเหมือนว่าคนเป่าจะไต่ไปตามหลังคาทางนั้นทางนี้ และในไม่ช้าก็อาจมาปรากฏตัวทางด้านนี้ ด้วยความอยากเห็นฆาตกรอุบาทให้เต็มตา อิชิโรจึงยื่นหัวออกไปรออยู่เป็นนาน

ทว่าระหว่างเขาที่ทำเช่นนั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ตลกอย่างร้ายและในเวลาเดียวกันก็สยดสยองนองเลือดอย่างที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน และเมื่อได้ยินแล้วไม่ว่าใครเป็นต้องขนลุกเกรียวไปตาม ๆ กัน

อิชิโรรู้สึกมาตั้งแต่แรกแล้วว่ามีอะไรกด ๆ อยู่ที่ต้นคอ แต่ก็ไม่มีเวลาคิดว่าอะไรเป็นอะไรเพราะความที่มัวแต่เอาใจใส่กับหลังคาบ้าน ทว่าไม่นานต่อมาความรู้สึกถูกกดนั้นได้กลายเป็นความเจ็บหนึบ ๆ และในที่สุดก็เจ็บมากจนทนไม่ได้

ตอนแรกชายหนุ่มไม่รู้สาเหตุ เขาตกใจแทบสิ้นสติคิดว่าปีศาจฆาตกรถือโอกาสที่เขาประมาทจู่โจมทำร้ายลงมาจากข้างบน แต่พอได้สติก็พบว่าแรงกดที่ต้นคอของเขานั้นไม่ได้เป็นฝีมือของมนุษย์แต่เกิดจากพลังของเครื่องจักรกล

เร็วเท่าความคิด อิชิโรหดหัวเข้ามาทันที แต่ช้าไปเสียแล้ว เขาถูกสิ่งที่มองไม่เห็นกดทับลงมาจนคางติดกับขอบรู ดังนั้นไม่ว่าจะพยายามเพียงไรก็ไม่สามารถหดหัวกลับเข้าไปได้

ความเจ็บปวดที่ต้นคอรุนแรงขึ้นทุกที ในที่สุดเขาก็รู้ว่าสิ่งที่กำลังทรมานเขาอยู่อย่างแสนสาหัสนั้นคืออะไร อิชิโรหัวเราะเสียงดัง หัวเราะจากใจจริงเลยทีเดียว ไม่มีอะไรในโลกจะขบขันไปกว่านี้อีกแล้ว ทำไมหรือ...ก็สิ่งที่กดต้นคอเขาอยู่นั้นคือเข็มนาฬิกาอันมหึมานั่นเอง

เข็มนาฬิกา...แต่จะพูดให้ถูกมันคือดาบเหล็กยาวเกือบสองเมตรและกว้างราวหนึ่งฟุต และด้านที่มีสันคมกำลังกดลงมาที่เนื้อต้นคอของเขา

อิชิโรระดมกำลังไปที่ต้นคอและเกร็งขึ้นเพื่อยกเข็มนาฬิกาขึ้น แต่นั่นเป็นการพยายามที่ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงเพราะลานนาฬิกาชุดใหญ่ที่ขับเคลื่อนมันอยู่นั้นมีพลังแรงเกินคาด ยิ่งออกแรงเกร็งคอขึ้นเพียงใดเข็มนาฬิกาก็ยิ่งกดลึกทำให้ยิ่งเจ็บปวดขึ้นเพียงนั้น

เรื่องมันบ้าบอจนอยากหัวเราะก้ากออกมา แต่ก็หัวเราะไม่ออกเพราะมันน่าเวทนาสิ้นดีที่มนุษย์มีแรงเพียงน้อยนิดไม่อาจสู้พลังอันมหาศาลของเครื่องจักรกลได้ไม่ว่าจะพยายามเพียงไร

ระหว่างที่ความอายสภาพน่าเกลียดของตนเองทำให้ลังเลว่าจะร้องขอความช่วยเหลือดีหรือไม่อยู่นั้น เข็มนาฬิกาก็เคลื่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ ตามจังหวะการแกว่งของลูกตุ้มแต่ละครั้ง อิชิโรเจ็บปวดสุดทน

อิชิโรกรีดร้องสุดเสียง...สุภาพบุรุษนักเรียนนอกวัยสามสิบกรีดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกเข็มนาฬิกาบีบต้นคอ แต่ไม่ว่าจะแผดเสียงร้องเพียงไรก็ไม่มีใครมาช่วย ไม่มีใครรู้ว่าเขาขึ้นมาที่พอนาฬิกา เอาเถอะ...อาจมีใครสักคนข้างล่างบังเอิญได้ยินเสียงของเขาที่ดังก้องไปบนฟ้าก็ได้ แต่ใครคนนั้นจะคาดคิดไหมว่าจะมีคนกำลังเจ็บปวดทรมานจากการถูกเข็มนาฬิกาหนีบอยู่บนนั้น

อิชิโรมองลงไปที่พื้นดินไม่เห็นเงาของคนสักคน ตำรวจนักสืบที่เฝ้าระวังประตูใหญ่ด้านหน้าและด้านหลังก็มองไม่เห็นเขาเพราะหลังคาบังเอาไว้ ชาวบ้านยิ่งไม่มีทางได้ยินเพราะไม่มีบ้านคนอยู่ในบริเวณสองสามร้อยเมตรนอกกำแพงรั้วคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนเนินสูง

เมื่อเงี่ยหูฟังอิชิโรก็เพิ่งรู้ว่าเสียงหวีดหวิวของขลุ่ยหยุดไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ ใช่...เสียงขลุ่ยประหลาดนั่นไม่มีอะไรมากไปกว่ากลอุบายล่อให้เขายื่นหัวออกจากจากรูบนหน้าปัดเท่านั้นเอง ปีศาจฆาตกรมันรู้โดยตลอดแล้วว่าเรื่องจะต้องเป็นอย่างนี้ และเมื่อบรรลุจุดมุ่งหมายแล้วมันก็หนีไปอย่างลอยนวล

ฆ่าตัดคอด้วยเข็มนาฬิกา...แผนสังหารของปีศาจมายากลช่างอุบาทอะไรเช่นนี้ มันใช้เข็มนาฬิกาเป็นเสมือนดาบเหล็กบั่นคอเหยื่ออย่างเลือดเย็นไร้ความปรานีราวกับไม่ใช่การกระทำของมนุษย์มนา นาฬิกาเคลื่อนไหวด้วยความเที่ยงตรง เข็มของมันเดินหน้าไปทุก ๆ วินาทีโดยไม่คำนึงว่าตรงนั้นมีคอของมนุษย์อยู่

ใบหน้าของอิชิโรที่กรีดร้องโหยหวนไม่หยุดนั้นบวมเบ่งขึ้นมาจากการที่เส้นเลือดตรงต้นคอถูกกดทับอย่างโหดร้าย ผมบนหัวตั้งชัน ตาแดงก่ำทั้งสองข้างเบิกถลนราวกับจะหลุดกระเด็นออกมาจากเบ้า

กระดูกต้นคอถูกบดลงไปเสียงดังกรอบ หลอดลมถูกบีบจนเริ่มหายใจไม่ออก ทำให้หมดเสียงที่จะกรีดตะโกนอีกต่อไป วาระสุดท้ายกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วินาที

และในวาระสุดท้ายนั้นเองที่ลูกตาของอิชิโรซึ่งถลนออกมานอกเบ้าอ่านพบข้อความในเศษกระดาษที่ติดอยู่บนหน้าปัดตรงข้างล่างนั้นพอดีราวกับโชคชะตาเย้ยหยัน

13 นาฬิกา 21 นาที

ปีศาจมายากลเขียนบอกเวลาจบชีวิตของเหยื่อสังหารไว้ตรงเผง ทำไมน่ะหรือ...ก็เพราะเข็มยาวของนาฬิกาเดินผ่านช่องสังหารเมื่อเวลา 21 นาทีพอดี


กำลังโหลดความคิดเห็น