สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วเล่าเกี่ยวกับคนร้ายที่ก่ออาชญากรรมที่ญี่ปุ่นในแบบแปลกๆ ซึ่งสรุปไปว่ามีบุคคลอยู่ 3 ประเภท คือ
1. 劇場型犯罪 🎭 พวกนักอาชญากรรมในโรงละคร คือพวกที่ชอบโชว์เพราะอยากออกสื่อ อยากเป็นที่จับตามอง หรือทำผิดเพราะอยากได้สิ่งได้สิ่งหนึ่ง เช่นมีผู้ร้ายคนหนึ่งขอแค่ได้ออกทีวี ได้มีชื่อในข่าว เขาฆ่าภรรยาของตัวเองเพื่อหวังจะได้ประกันชีวิต เมื่อเป็นข่าวได้ออกทีวีก็จะแสดงละครดราม่าต่างๆ นานาที่ตัวเองสร้างสรรค์ขึ้นมา จนทำให้คนอื่นจับตามองและผิดสังเกตว่าสามีนั่นแหละที่ดูอาการผิดปกติ หรืออีกข่าวที่เด็กอายุ 17 ปีฆ่าเด็กรุ่นน้องอายุ 14 ปีแล้วเขียนจดหมายไปดราม่ากับตำรวจว่าเขาเป็นคนฆ่าเอง มาจับสิ อะไรเช่นนี้เป็นต้น
ก่อนหน้านี้มีคดีอาชญากรรมที่เหมือนละครสืบสวนมาก แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมากแล้วตั้งแต่สมัยผมยังเป็นเด็กเล็กๆ จึงจำได้แค่เลือนลาง ผู้ร้ายคือนาย 三浦 和義 Miura Kazuyoshi (ไม่ใช่นักฟุตบอลนะครับ แค่มีชื่อและนามสกุลเหมือนกัน ) สมัยนั้นนาย Miura ทำงานและอาศัยอยู่ที่ลอสแองเจลิส กับภรรยา 2 คน จากนั้นมีข่าวว่าทั้งคู่ถูกโจรบุกเข้าทำร้าย โดยภรรยาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ และตัวเขาเองถูกยิงที่ขาข้างหนึ่ง ภรรยายังไม่เสียชีวิตทันทีแต่ต้องเป็นเจ้าหญิงนิททานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่าสามเดือนจึงจบชีวิตลง โดยระหว่างที่ภรรยานอนรักษาตัวนั้นเขาก็แสดงให้เห็นว่าเศร้าโศกเสียใจ คนญี่ปุ่นติดตามข่าวสารนี้กันมากเพราะอยากให้จับตัวผู้ร้ายมาลงโทษให้ได้ และต่างก็เห็นใจเขามาก
เมื่อเรื่องราวผ่านไปประมาณ 2 ปี ก็มีนิตยสารฉบับหนึ่ง นำเสนอเรื่องราวที่มีคนขุดคุ้ยและตามสืบเรื่องนี้มาแฉว่าผู้ร้ายที่แท้จริงคือ นาย Miura นั่นเอง ขณะนั้นเจ้าหน้าที่สืบสวนของอเมริกาก็มีหลักฐานการก่ออาชญากรรมของเขา และเมียน้อยคนหนึ่งที่เป็นนางแบบเอวีก็ออกมายอมรับว่า นาย Miura เคยว่าจ้างให้หล่อนบุกเข้าไปทำร้ายภรรยาตัวเองขณะที่เธอไปพักที่โรงแรมหนึ่งขณะที่เขาและภรรยาไปพักผ่อน ส่วนครั้งนี้เขาได้ว่าจ้างคนรู้จักคนหนึ่งให้ยิงภรรยาตัวเอง และเขาใช้ปืนยิงขาตัวเอง เหตุผลเพราะต้องการเงินประกันจำนวนมหาศาลนั่นเอง ที่จริงก่อนหน้านี้เขาเคยมีคดีฆ่าภรรยาคนก่อนๆ เพื่อเอาเงินประกันอีกด้วย เขาโดนตำรวจบุกมาจับกุมขณะที่เที่ยวพักผ่อนที่ไซปัน ขณะนั้นเขาใส่หมวกที่มีศัพท์ว่า bye bye และเมื่อโดนขังที่คุกเพื่อรอขึ้นศาล ก็มีข่าวว่าเขาผูกคอตายไปเสียแล้ว ข่าวนี้ทำให้คนที่ติดตามข่าวหลายคนมองว่าคนญี่ปุ่นนี้ดราม่ามาก ขนาดโกหกอยู่ยังเนียนและไม่คิดว่าการโกหกของตนคือการโกหก คนที่เกิดก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นคนที่มีบุคลิกค่อนข้างจริงจังและไม่โกหก เมื่อมีคนอย่าง นาย Miura ที่เกิดมาหลังสมัยสงครามโลกครั้งที่สองแล้วมีบุคลิกฉ้อโกงขี้ปดขี้โกหกหลอกลวงเช่นนี้จริงเป็นเรื่องแปลกใหม่ในสังคมสมัยนั้นมาก
2. 炎上 flames,バカッター bakatter 📱พวกชอบโชว์ โอ้อวด อยากเป็นตัวเด่นสะดุดตาในกลุ่มของตัวเอง เช่นอยากเด่นในกลุ่มเพื่อนในเว็ปเพจของตัวเอง
ตัวอย่างข่าว : กลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งถ่ายรูปโพสภาพที่กำลังบังคับให้เด็กสาววัยรุ่นดื่มเหล้า เมื่อรูปถูกเผยแพร่ออกไป จึงเป็นข่าวและเป็นประเด็นตามมา
3.無敵の人 Muteki no hito ,unbeatable people 🔪 พวกที่ซึ่งไม่อาจหาคู่แข่งได้!!
พวกนี้ขอแค่ได้ทำอะไรก็ที่ได้ reset ชีวิตตัวเอง แต่ไม่ใช่แบบการ Kamikaze เป็นการ 破滅 destruction ชีวิตล่มสลายและแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งได้มาทำลายความหวังของตนให้พังทลาย หมดหวังป่นปี้ ที่บอกตอนต้นว่าเป็นพวกที่ซึ่งไม่อาจหาคู่แข่งได้ คือบางคนนั้นหมดหวังจนหาทางออกไม่ได้ เขาเลือกที่จะจบชีวิตตนเอง ความกล้าตรงนี้เองที่เปรียบเปรยว่า ไร้คู่แข่ง! แต่คนละแบบกับฮาราคีรี ที่เป็นการฆ่าตัวตายโดยการคว้านท้องในยุคซามูไรนะครับ และไม่ใช่พวกพลีชีพแบบ 神風 Kamikaze หรือกองกำลังจู่โจมพิเศษ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งหรือเรียกว่าการโจมตีแบบพลีชีพ (suicide attacks)
ลักษณะของผู้ร้าย: เป็นผู้ที่มีปัญหาชีวิตจนถึงทางตัน เช่นข่าว โรคจิตใช้มีดไล่ทำร้ายผู้โดยสารในขบวนรถไฟชิงคันเซ็นสาย Tokaido ขบวนรถด่วน Nozomi ที่ออกจากสถานี Tokyo มุ่งหน้าสู่ Osaka เมื่อเร็วๆ นี้เอง
วันนี้จะเล่าเพิ่มเติมว่าทำไมจึงเรียกเช่นนั้น เริ่มจาก 無敵の人 Muteki no hito ก่อนอื่นถ้าดูแค่ความหมายของคำ คำนี้แปลว่า Invincible แต่ความหมายจริงๆ ที่บอกว่าซึ่งไม่อาจจะเอาชนะได้นั้น ไม่ใช่เก่งจนไม่มีใครเอาชนะได้ แต่ใช้ในความหมายที่ว่า จิตใจย่ำแย่ล้มเหลวจนไม่มีอะไรมาฉุดได้แล้ว เขาอาจหาทางออกด้วยการฆ่าตัวเอง หรือทำร้ายสังคมไปเลย
ผู้ร้ายที่ใช้มีดไล่ทำร้ายผู้โดยสารในขบวนรถไฟชิงคันเซ็นชื่อนาย Kojima Ichirō นั้นมีอายุแค่ 22 ปี เกิดที่จังหวัดไอจิ ข่าวที่เสนอไปบอกว่าเขาไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เคยทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดไซตามะ แต่ไม่นานก็ลาออกจากนั้นจึงเดินทางกลับบ้านเกิดแต่ก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่อแม่ และต้องหนีไปอยู่กับลุงแทน วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บางครั้งก็หมกตัวอยู่ในห้องแบบพวก Hikikomori ฮิคิโคโมริ ไม่ไปไหน ไม่ทำอะไร ไม่พบใคร เกลียดสังคม เขาให้การยอมรับสารภาพว่า “ ตั้งใจพกมีดมาขึ้นรถไฟเพื่อฆ่าใครก็ได้ เพราะว่าหงุดหงิดชีวิตมาก จะฆ่าใครสักคนก็ได้เพื่อระบายความเครียด “ นี่คือข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
เมื่อพูดถึงพวก 無敵の人 Muteki no hito ที่เป็นผู้สิ้นหวังในชีวิต ทำอะไรก็ที่ได้ reset ชีวิตตัวเอง นั้น ปกติการใช้ชีวิตในสังคมญี่ปุ่นที่เรียกได้ว่ามีความเคร่งเครียดและกดดันมาก ทั้งเรื่องครอบครัว การใช้ชีวิตส่วนตัว หน้าที่การงานต่างๆ เป็นต้น ความเครียดและกดดันที่สะสมพอกพูนไปนานวันเข้า มีผลทำให้คนบางคนที่หาทางออกไม่ได้แล้วกลายเป็นพวก 無敵の人 Muteki no hito ส่วนใหญ่เกิดกับคนช่วงอายุ สามสิบปลายถึงสี่สิบปี หรืออาจมี 30 ต้นๆ บ้าง ตัวอย่างเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดเหตุอาชญากรรมจากพวก 無敵の人 Muteki no hito ที่มีผลกระทบกับสังคมก็อย่างเช่น คนร้ายที่ใช้มีดไล่ฟันนักท่องเที่ยวที่ Akihabara หรือ คนร้ายที่ใช้มีดไล่ฟันในโรงเรียน และกรณีของนาย Kojima Ichirō ที่ใช้มีดไล่ฟันผู้โดยสารบนรถไฟชินคันเซ็นนั่นเอง แต่กรณีของนาย Kojima Ichirō Kojima นี้ถือว่าเป็นพวก 無敵の人 Muteki no hito ที่ยังอายุน้อยมาก จึงยิ่งเป็นการสะท้อนให้สังคมเห็นว่าคนที่สภาพจิตใจย่ำแย่ หมดสิ้นความหวังในชีวิตนั้นอายุน้อยลงเรื่อยๆ คนตกงาน ไม่มีงาน มีปัญหาครอบครัวและเศรษฐกิจกันเยอะมากขึ้น
บางคนอาจจะคิดว่า ยังอายุน้อยอยู่เลย ทำไมไม่พยายามหางานและอดทนทำไปก่อน อันที่จริงแล้วก็ถูกครึ่งหนึ่งและมีที่ไม่ถูกอีกครึ่งหนึ่ง บางทีชีวิตเขาอาจจะเกิดมาโชคร้ายไปหน่อย อีกแง่มุมในสังคมญี่ปุ่นที่อาจจะเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เขาต้องกลายเป็นฆาตกรในที่สุด มีแหล่งข่าวแชร์ข้อมูลในกระทู้ที่พูดคุยในเวปไซต์ต่างๆ บอกว่า ที่จริงแล้วเขามีอาการของโรคออทิสติก (Autistic spectrum disorder) ซึ่งเป็นกลุ่มของโรคที่มีสาเหตุจากความผิดปกติของสมอง อาจจะทำให้มีความบกพร่องของพัฒนาการหลายด้านตั้งแต่เด็กๆ เช่น พัฒนาการด้านภาษาและสังคมล่าช้า มีพฤติกรรมที่ไม่ปกติเหมือนบุคคลทั่วไป หรืออาจรับความกดดันได้ไม่เท่าคนอื่น เป็นต้น ดังนั้นถ้าถูกเลี้ยงมาแบบที่ไม่รู้จักลักษณะของอาการของโรคนี้และไม่ได้รับการการดูแลที่ถูกต้อง แต่โดนคาดหวังและต่อว่า คนประเภทนี้ก็อาจจะยิ่งเก็บกดและหาทางออกด้วยตนเองไม่ได้
เมื่อเรียนจบออกมา ก็ถูกคนรอบข้างกดดันให้ไปหางานทำ แต่ความเป็นจริงแล้วการหางานที่ดีที่ญี่ปุ่นนั้นยากมาก มีแต่งานที่ไม่ดีนัก อาจจะสวัสดิการไม่ดี หรือต้องทำงานนอกเวลามากกว่าปกติ หรืองานประเภทใช้แรงงาน งานก่อสร้าง หรืองานพาร์ทไทม์ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อต่างๆ งานดูแลคนสูงวัย เป็นต้น งานประเภทดังกล่าวขาดแคลนแรงงานมาก แต่นักศึกษาที่เรียนจบออกมาก็ไม่ค่อยมีคนอยากทำนัก โดยเฉพาะถ้าให้คนที่มีความผิดปกติทางสมองจิตใจ แบบนาย Kojima Ichirō ไปทำก็ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่แหล่งข่าวพูดคุยกัน อาทิเช่น
* สมัยเด็กๆ ทางโรงเรียนมีการจัดทัวร์ทัศนศึกษา เด็กๆ ต้องนำกระติกใส่น้ำของตัวเองไปด้วย แต่สำหรับของนาย Kojima Ichirō นั้นคุณแม่ของเขาไปหาซื้อกระติกใส่น้ำแบบมือสองมาให้ลูก ซึ่งมีคนบอกว่าครั้งนั้นเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งในหลายๆ รอยแผลในใจเขา ปกติแล้วกระติกน้ำมือหนึ่งนี่ก็หาไม่ยากนะครับ ต่อให้ไม่มีเงินจริงๆ ร้านร้อยเยนก็มีขายหาซื้อได้ง่ายๆ เลยนะเนี่ย การหากระติกน้ำมือสองดูแล้วยังจะหายากกว่าอีก
* หลังจากที่มีเหตุการณ์อีกหลายๆ เหตุการณ์ที่บ้านเขา ที่ทำให้เขาต้องหนีไปอยู่กับยายและลุงของตัวเอง แต่ด้วยความที่ลุงก็ไม่ค่อยพอใจนักเพราะลูกมีพ่อมีแม่ทำไมยายต้องเอามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมด้วย มันก็ไม่ใช่เรื่องนะ อะไรทำนองนั้น จนหลังๆ เขาก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านยายนัก เขาบอกว่าก็นอนเร่ร่อนไปเรื่อยเหมือนคนกล่องทั่วไปบ้าง กลับบ้านบ้าง ใช้เงินจากบัตรเอทีเอ็มที่ยายให้ไว้ มีเงินในบัญชีแค่ 7 แสนเยน ปีหนึ่งไม่มีทางพอใช้อย่างแน่นอน
* ตอนที่นักข่าวไปสัมภาษณ์ที่บ้านยาย มีนักข่าวไปส่องชั้นหนังสือของเขาว่าเขาอ่านและสนใจหนังสืออะไรบ้าง ก็มีแต่หนังสือวรรณคดีและหนังสือคู่มือการสมัครงาน วิธีการสอบสัมภาษณ์งาน แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ใฝ่หางาน เขามีความพยายามอยู่มากเหมือนกัน
* ตอนที่เขาถูกจับกุมตัว ฝากขังในห้องขังแล้วมีอาหารเป็นข้าวราดแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าเขาทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขาบอกว่า อร่อยมาก เหมือนอยู่ในที่ที่อิสระมีความรู้สึกดีเหมือนพักตามโรงแรม ก็ก่อนนี้เร่รอนไปมา อาหารการกินก็อดบ้างตามมีตามเกิด
คนที่พูดคุยอีกแง่มุมชีวิตของนาย Kojima Ichirō นี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ให้เกิดความเห็นใจเขาเพื่อรูปคดีอะไรนะครับ เพราะเขาทำผิดจริงและเป็นคดีอุกอาจ สร้างความสูญเสียและความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน รวมทั้งความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยของการโดยสารรถไฟชินคันเซ็นอีกต่างหาก แต่พูดถึงแรงจูงใจที่มาที่ไปบางประเด็นเพื่อสะท้อนให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งในชีวิตจริงของครอบครัวคนญี่ปุ่น และคงมีอีกหลายๆ ครอบครัวที่เป็นเช่นนี้ จะหามาตรการป้องกันและแก้ไขกันอย่างไรต่อไป มิเช่นนั้นอาจจะมีคนประเภท 無敵の人 Muteki no hito มาทำเหตุการณ์ช็อกสังคมอีกก็ได้
และล่าสุดก็มีวัยรุ่นแย่งปืนตำรวจและยิงคนตายอีกแล้วเป็น 無敵の人 Muteki no hito อีกเช่นกัน วันนี้สวัสดีครับ
1. 劇場型犯罪 🎭 พวกนักอาชญากรรมในโรงละคร คือพวกที่ชอบโชว์เพราะอยากออกสื่อ อยากเป็นที่จับตามอง หรือทำผิดเพราะอยากได้สิ่งได้สิ่งหนึ่ง เช่นมีผู้ร้ายคนหนึ่งขอแค่ได้ออกทีวี ได้มีชื่อในข่าว เขาฆ่าภรรยาของตัวเองเพื่อหวังจะได้ประกันชีวิต เมื่อเป็นข่าวได้ออกทีวีก็จะแสดงละครดราม่าต่างๆ นานาที่ตัวเองสร้างสรรค์ขึ้นมา จนทำให้คนอื่นจับตามองและผิดสังเกตว่าสามีนั่นแหละที่ดูอาการผิดปกติ หรืออีกข่าวที่เด็กอายุ 17 ปีฆ่าเด็กรุ่นน้องอายุ 14 ปีแล้วเขียนจดหมายไปดราม่ากับตำรวจว่าเขาเป็นคนฆ่าเอง มาจับสิ อะไรเช่นนี้เป็นต้น
ก่อนหน้านี้มีคดีอาชญากรรมที่เหมือนละครสืบสวนมาก แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมากแล้วตั้งแต่สมัยผมยังเป็นเด็กเล็กๆ จึงจำได้แค่เลือนลาง ผู้ร้ายคือนาย 三浦 和義 Miura Kazuyoshi (ไม่ใช่นักฟุตบอลนะครับ แค่มีชื่อและนามสกุลเหมือนกัน ) สมัยนั้นนาย Miura ทำงานและอาศัยอยู่ที่ลอสแองเจลิส กับภรรยา 2 คน จากนั้นมีข่าวว่าทั้งคู่ถูกโจรบุกเข้าทำร้าย โดยภรรยาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ และตัวเขาเองถูกยิงที่ขาข้างหนึ่ง ภรรยายังไม่เสียชีวิตทันทีแต่ต้องเป็นเจ้าหญิงนิททานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่าสามเดือนจึงจบชีวิตลง โดยระหว่างที่ภรรยานอนรักษาตัวนั้นเขาก็แสดงให้เห็นว่าเศร้าโศกเสียใจ คนญี่ปุ่นติดตามข่าวสารนี้กันมากเพราะอยากให้จับตัวผู้ร้ายมาลงโทษให้ได้ และต่างก็เห็นใจเขามาก
เมื่อเรื่องราวผ่านไปประมาณ 2 ปี ก็มีนิตยสารฉบับหนึ่ง นำเสนอเรื่องราวที่มีคนขุดคุ้ยและตามสืบเรื่องนี้มาแฉว่าผู้ร้ายที่แท้จริงคือ นาย Miura นั่นเอง ขณะนั้นเจ้าหน้าที่สืบสวนของอเมริกาก็มีหลักฐานการก่ออาชญากรรมของเขา และเมียน้อยคนหนึ่งที่เป็นนางแบบเอวีก็ออกมายอมรับว่า นาย Miura เคยว่าจ้างให้หล่อนบุกเข้าไปทำร้ายภรรยาตัวเองขณะที่เธอไปพักที่โรงแรมหนึ่งขณะที่เขาและภรรยาไปพักผ่อน ส่วนครั้งนี้เขาได้ว่าจ้างคนรู้จักคนหนึ่งให้ยิงภรรยาตัวเอง และเขาใช้ปืนยิงขาตัวเอง เหตุผลเพราะต้องการเงินประกันจำนวนมหาศาลนั่นเอง ที่จริงก่อนหน้านี้เขาเคยมีคดีฆ่าภรรยาคนก่อนๆ เพื่อเอาเงินประกันอีกด้วย เขาโดนตำรวจบุกมาจับกุมขณะที่เที่ยวพักผ่อนที่ไซปัน ขณะนั้นเขาใส่หมวกที่มีศัพท์ว่า bye bye และเมื่อโดนขังที่คุกเพื่อรอขึ้นศาล ก็มีข่าวว่าเขาผูกคอตายไปเสียแล้ว ข่าวนี้ทำให้คนที่ติดตามข่าวหลายคนมองว่าคนญี่ปุ่นนี้ดราม่ามาก ขนาดโกหกอยู่ยังเนียนและไม่คิดว่าการโกหกของตนคือการโกหก คนที่เกิดก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นคนที่มีบุคลิกค่อนข้างจริงจังและไม่โกหก เมื่อมีคนอย่าง นาย Miura ที่เกิดมาหลังสมัยสงครามโลกครั้งที่สองแล้วมีบุคลิกฉ้อโกงขี้ปดขี้โกหกหลอกลวงเช่นนี้จริงเป็นเรื่องแปลกใหม่ในสังคมสมัยนั้นมาก
2. 炎上 flames,バカッター bakatter 📱พวกชอบโชว์ โอ้อวด อยากเป็นตัวเด่นสะดุดตาในกลุ่มของตัวเอง เช่นอยากเด่นในกลุ่มเพื่อนในเว็ปเพจของตัวเอง
ตัวอย่างข่าว : กลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งถ่ายรูปโพสภาพที่กำลังบังคับให้เด็กสาววัยรุ่นดื่มเหล้า เมื่อรูปถูกเผยแพร่ออกไป จึงเป็นข่าวและเป็นประเด็นตามมา
3.無敵の人 Muteki no hito ,unbeatable people 🔪 พวกที่ซึ่งไม่อาจหาคู่แข่งได้!!
พวกนี้ขอแค่ได้ทำอะไรก็ที่ได้ reset ชีวิตตัวเอง แต่ไม่ใช่แบบการ Kamikaze เป็นการ 破滅 destruction ชีวิตล่มสลายและแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งได้มาทำลายความหวังของตนให้พังทลาย หมดหวังป่นปี้ ที่บอกตอนต้นว่าเป็นพวกที่ซึ่งไม่อาจหาคู่แข่งได้ คือบางคนนั้นหมดหวังจนหาทางออกไม่ได้ เขาเลือกที่จะจบชีวิตตนเอง ความกล้าตรงนี้เองที่เปรียบเปรยว่า ไร้คู่แข่ง! แต่คนละแบบกับฮาราคีรี ที่เป็นการฆ่าตัวตายโดยการคว้านท้องในยุคซามูไรนะครับ และไม่ใช่พวกพลีชีพแบบ 神風 Kamikaze หรือกองกำลังจู่โจมพิเศษ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งหรือเรียกว่าการโจมตีแบบพลีชีพ (suicide attacks)
ลักษณะของผู้ร้าย: เป็นผู้ที่มีปัญหาชีวิตจนถึงทางตัน เช่นข่าว โรคจิตใช้มีดไล่ทำร้ายผู้โดยสารในขบวนรถไฟชิงคันเซ็นสาย Tokaido ขบวนรถด่วน Nozomi ที่ออกจากสถานี Tokyo มุ่งหน้าสู่ Osaka เมื่อเร็วๆ นี้เอง
วันนี้จะเล่าเพิ่มเติมว่าทำไมจึงเรียกเช่นนั้น เริ่มจาก 無敵の人 Muteki no hito ก่อนอื่นถ้าดูแค่ความหมายของคำ คำนี้แปลว่า Invincible แต่ความหมายจริงๆ ที่บอกว่าซึ่งไม่อาจจะเอาชนะได้นั้น ไม่ใช่เก่งจนไม่มีใครเอาชนะได้ แต่ใช้ในความหมายที่ว่า จิตใจย่ำแย่ล้มเหลวจนไม่มีอะไรมาฉุดได้แล้ว เขาอาจหาทางออกด้วยการฆ่าตัวเอง หรือทำร้ายสังคมไปเลย
ผู้ร้ายที่ใช้มีดไล่ทำร้ายผู้โดยสารในขบวนรถไฟชิงคันเซ็นชื่อนาย Kojima Ichirō นั้นมีอายุแค่ 22 ปี เกิดที่จังหวัดไอจิ ข่าวที่เสนอไปบอกว่าเขาไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เคยทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดไซตามะ แต่ไม่นานก็ลาออกจากนั้นจึงเดินทางกลับบ้านเกิดแต่ก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่อแม่ และต้องหนีไปอยู่กับลุงแทน วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บางครั้งก็หมกตัวอยู่ในห้องแบบพวก Hikikomori ฮิคิโคโมริ ไม่ไปไหน ไม่ทำอะไร ไม่พบใคร เกลียดสังคม เขาให้การยอมรับสารภาพว่า “ ตั้งใจพกมีดมาขึ้นรถไฟเพื่อฆ่าใครก็ได้ เพราะว่าหงุดหงิดชีวิตมาก จะฆ่าใครสักคนก็ได้เพื่อระบายความเครียด “ นี่คือข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
เมื่อพูดถึงพวก 無敵の人 Muteki no hito ที่เป็นผู้สิ้นหวังในชีวิต ทำอะไรก็ที่ได้ reset ชีวิตตัวเอง นั้น ปกติการใช้ชีวิตในสังคมญี่ปุ่นที่เรียกได้ว่ามีความเคร่งเครียดและกดดันมาก ทั้งเรื่องครอบครัว การใช้ชีวิตส่วนตัว หน้าที่การงานต่างๆ เป็นต้น ความเครียดและกดดันที่สะสมพอกพูนไปนานวันเข้า มีผลทำให้คนบางคนที่หาทางออกไม่ได้แล้วกลายเป็นพวก 無敵の人 Muteki no hito ส่วนใหญ่เกิดกับคนช่วงอายุ สามสิบปลายถึงสี่สิบปี หรืออาจมี 30 ต้นๆ บ้าง ตัวอย่างเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดเหตุอาชญากรรมจากพวก 無敵の人 Muteki no hito ที่มีผลกระทบกับสังคมก็อย่างเช่น คนร้ายที่ใช้มีดไล่ฟันนักท่องเที่ยวที่ Akihabara หรือ คนร้ายที่ใช้มีดไล่ฟันในโรงเรียน และกรณีของนาย Kojima Ichirō ที่ใช้มีดไล่ฟันผู้โดยสารบนรถไฟชินคันเซ็นนั่นเอง แต่กรณีของนาย Kojima Ichirō Kojima นี้ถือว่าเป็นพวก 無敵の人 Muteki no hito ที่ยังอายุน้อยมาก จึงยิ่งเป็นการสะท้อนให้สังคมเห็นว่าคนที่สภาพจิตใจย่ำแย่ หมดสิ้นความหวังในชีวิตนั้นอายุน้อยลงเรื่อยๆ คนตกงาน ไม่มีงาน มีปัญหาครอบครัวและเศรษฐกิจกันเยอะมากขึ้น
บางคนอาจจะคิดว่า ยังอายุน้อยอยู่เลย ทำไมไม่พยายามหางานและอดทนทำไปก่อน อันที่จริงแล้วก็ถูกครึ่งหนึ่งและมีที่ไม่ถูกอีกครึ่งหนึ่ง บางทีชีวิตเขาอาจจะเกิดมาโชคร้ายไปหน่อย อีกแง่มุมในสังคมญี่ปุ่นที่อาจจะเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เขาต้องกลายเป็นฆาตกรในที่สุด มีแหล่งข่าวแชร์ข้อมูลในกระทู้ที่พูดคุยในเวปไซต์ต่างๆ บอกว่า ที่จริงแล้วเขามีอาการของโรคออทิสติก (Autistic spectrum disorder) ซึ่งเป็นกลุ่มของโรคที่มีสาเหตุจากความผิดปกติของสมอง อาจจะทำให้มีความบกพร่องของพัฒนาการหลายด้านตั้งแต่เด็กๆ เช่น พัฒนาการด้านภาษาและสังคมล่าช้า มีพฤติกรรมที่ไม่ปกติเหมือนบุคคลทั่วไป หรืออาจรับความกดดันได้ไม่เท่าคนอื่น เป็นต้น ดังนั้นถ้าถูกเลี้ยงมาแบบที่ไม่รู้จักลักษณะของอาการของโรคนี้และไม่ได้รับการการดูแลที่ถูกต้อง แต่โดนคาดหวังและต่อว่า คนประเภทนี้ก็อาจจะยิ่งเก็บกดและหาทางออกด้วยตนเองไม่ได้
เมื่อเรียนจบออกมา ก็ถูกคนรอบข้างกดดันให้ไปหางานทำ แต่ความเป็นจริงแล้วการหางานที่ดีที่ญี่ปุ่นนั้นยากมาก มีแต่งานที่ไม่ดีนัก อาจจะสวัสดิการไม่ดี หรือต้องทำงานนอกเวลามากกว่าปกติ หรืองานประเภทใช้แรงงาน งานก่อสร้าง หรืองานพาร์ทไทม์ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อต่างๆ งานดูแลคนสูงวัย เป็นต้น งานประเภทดังกล่าวขาดแคลนแรงงานมาก แต่นักศึกษาที่เรียนจบออกมาก็ไม่ค่อยมีคนอยากทำนัก โดยเฉพาะถ้าให้คนที่มีความผิดปกติทางสมองจิตใจ แบบนาย Kojima Ichirō ไปทำก็ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่แหล่งข่าวพูดคุยกัน อาทิเช่น
* สมัยเด็กๆ ทางโรงเรียนมีการจัดทัวร์ทัศนศึกษา เด็กๆ ต้องนำกระติกใส่น้ำของตัวเองไปด้วย แต่สำหรับของนาย Kojima Ichirō นั้นคุณแม่ของเขาไปหาซื้อกระติกใส่น้ำแบบมือสองมาให้ลูก ซึ่งมีคนบอกว่าครั้งนั้นเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งในหลายๆ รอยแผลในใจเขา ปกติแล้วกระติกน้ำมือหนึ่งนี่ก็หาไม่ยากนะครับ ต่อให้ไม่มีเงินจริงๆ ร้านร้อยเยนก็มีขายหาซื้อได้ง่ายๆ เลยนะเนี่ย การหากระติกน้ำมือสองดูแล้วยังจะหายากกว่าอีก
* หลังจากที่มีเหตุการณ์อีกหลายๆ เหตุการณ์ที่บ้านเขา ที่ทำให้เขาต้องหนีไปอยู่กับยายและลุงของตัวเอง แต่ด้วยความที่ลุงก็ไม่ค่อยพอใจนักเพราะลูกมีพ่อมีแม่ทำไมยายต้องเอามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมด้วย มันก็ไม่ใช่เรื่องนะ อะไรทำนองนั้น จนหลังๆ เขาก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านยายนัก เขาบอกว่าก็นอนเร่ร่อนไปเรื่อยเหมือนคนกล่องทั่วไปบ้าง กลับบ้านบ้าง ใช้เงินจากบัตรเอทีเอ็มที่ยายให้ไว้ มีเงินในบัญชีแค่ 7 แสนเยน ปีหนึ่งไม่มีทางพอใช้อย่างแน่นอน
* ตอนที่นักข่าวไปสัมภาษณ์ที่บ้านยาย มีนักข่าวไปส่องชั้นหนังสือของเขาว่าเขาอ่านและสนใจหนังสืออะไรบ้าง ก็มีแต่หนังสือวรรณคดีและหนังสือคู่มือการสมัครงาน วิธีการสอบสัมภาษณ์งาน แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ใฝ่หางาน เขามีความพยายามอยู่มากเหมือนกัน
* ตอนที่เขาถูกจับกุมตัว ฝากขังในห้องขังแล้วมีอาหารเป็นข้าวราดแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าเขาทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขาบอกว่า อร่อยมาก เหมือนอยู่ในที่ที่อิสระมีความรู้สึกดีเหมือนพักตามโรงแรม ก็ก่อนนี้เร่รอนไปมา อาหารการกินก็อดบ้างตามมีตามเกิด
คนที่พูดคุยอีกแง่มุมชีวิตของนาย Kojima Ichirō นี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ให้เกิดความเห็นใจเขาเพื่อรูปคดีอะไรนะครับ เพราะเขาทำผิดจริงและเป็นคดีอุกอาจ สร้างความสูญเสียและความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน รวมทั้งความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยของการโดยสารรถไฟชินคันเซ็นอีกต่างหาก แต่พูดถึงแรงจูงใจที่มาที่ไปบางประเด็นเพื่อสะท้อนให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งในชีวิตจริงของครอบครัวคนญี่ปุ่น และคงมีอีกหลายๆ ครอบครัวที่เป็นเช่นนี้ จะหามาตรการป้องกันและแก้ไขกันอย่างไรต่อไป มิเช่นนั้นอาจจะมีคนประเภท 無敵の人 Muteki no hito มาทำเหตุการณ์ช็อกสังคมอีกก็ได้
และล่าสุดก็มีวัยรุ่นแย่งปืนตำรวจและยิงคนตายอีกแล้วเป็น 無敵の人 Muteki no hito อีกเช่นกัน วันนี้สวัสดีครับ