บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ
จิโรตะโกนสั่งเสียงกร้าว ดีที่ประตูไม่แข็งแรงเท่าประตูห้องของนายฟุกุดะ ใช้แรงคนเพียงสองคนช่วยกันกระแทกก็เปิดกว้างออก จิโรกับตาเฒ่าถลันเข้าไปในห้อง และทันทีที่เห็นภาพภายในห้องชายต่างวัยก็แผดเสียงลั่นราวกับไม่ใช่เสียงมนุษย์มนาออกมาพร้อมกัน
ทาเอโกะตกจากเตียงลงมานอนจมกองเลือดแดงฉานอยู่บนพื้นห้อง มีดสั้นที่ปักอยู่ตรงโคนแขนยังสั่นระริก
คนทั้งบ้านกรูกันเข้ามารวมตัวอยู่ที่ห้องนอนของทาเอโกะ ตำรวจนักสืบผู้ทำหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกคฤหาสน์ติดต่อแจ้งข่าวไปยังสถานีตำรวจต้นสังกัด ไม่นานคณะเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนก็มาถึงและเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงแต่เพียงย่นย่อในประเด็นที่มีนัยสำคัญ
ตำรวจไม่พบเส้นทางการเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุของปีศาจฆาตกรเช่นเดียวกับคดีของนายฟุกุดะ ประตูหน้าต่างทุกบานล้วนปิดสนิทจากภายใน คนรับใช้หนุ่มที่อยู่เวรเฝ้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ตื่นตัวไม่ได้หลับนอนอยู่ตลอดเวลาจะไปกล่าวหาว่าหลับในไม่ได้แน่ ส่วนตำรวจนักสืบที่เฝ้าระวังที่ประตูกำแพงรั้วทั้งด้านหน้าและด้านหลังต่างยืนยันกันและกันว่าไม่มีใครละทิ้งจุดประจำการไปไหนเลยสักคน ถ้าไม่เรียกว่าอัศจรรย์ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร หรือว่าคนร้ายจะเป็นนักเล่นกลจริง ๆ อย่างที่สงสัยกัน เป็นเรื่องที่อัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ
โชคยังดีที่เจ้าหนุ่มจิโรรู้สึกผิดสังเกตและรีบรุดมายังที่เกิดเหตุทันเวลา เสียงตวาดลั่นของเขาทำเอาฆาตกรตื่นตระหนกและเตลิดหนีไปโดยไม่ทันแทงซ้ำให้เหยื่อของมันขาดใจตายตามเป้าหมาย แผลถูกแทงที่ต้นแขนออกจะเป็นแผลฉกรรจ์อยู่แต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ที่ทาเอโกะแน่นิ่งไปก็เพราะความตกใจจนสิ้นสตินั่นเอง

ตำรวจจัดการนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลโอโมริโดยไม่รีรอแต่ปรากฏว่าทาเอโกะได้สติก่อนหน้านั้นเสียอีก พอตำรวจถามว่า “เห็นหน้าคนร้ายไหม” หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายก็ตอบว่า “ไม่เห็นหน้า แต่รู้ว่าเป็นผู้ชายร่างใหญ่ดำทะมึนน่ากลัวสูงราวเจ็ดฟุต จนครือ ๆ กับเพดานห้องเลยทีเดียว” ที่รู้มีอยู่แค่นั้นไม่มีอะไรที่พอจะเป็นเบาะแสให้สืบจับได้สักอย่างเดียว มีดสั้นด้ามนั้นเป็นมีดของทาเอโกะเองที่นายทามามุระให้ไว้ป้องกันตัวหลังจากที่น้องชายแท้ ๆ ของเขาถูกฆาตกรรม และครั้งนี้ฆาตกรไม่ได้ทิ้งรอยพิมพ์มือขนาดใหญ่ไว้บนผนังห้องเหมือนเมื่อครั้งที่มันฆ่านายฟุกุดะ
ช้าก่อน...ปีศาจฆาตกรทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างหนึ่ง สิ่งนั้นมีความเป็นจริงเป็นจังกว่าเมื่อเทียบกับรอยพิมพ์นิ้วมือขนาดใหญ่ อาจเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของปีศาจที่สะท้อนความหฤโหดกระหายเหยื่อของมันได้อย่างสยองขวัญเป็นที่สุด
นั่นก็คือการ์ดสีขาวแผ่นหนึ่งที่ถูกมีดเสียบติดเอาไว้กับต้นแขนของทาเอโกะดูราวกับเป็นคอมีด และบนการ์ดแผ่นนั้นเขียนเลข 4 ตัวโตด้วยลายมือน่าเกลียดน่ากลัวที่คุ้นตา
หลังจากที่ทาเอโกะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล คนที่เหลืออยู่บนพื้นที่เกิดเหตุก็เริ่มยกเรื่องการ์ดใบนั้นขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียงกันว่า เลข 4 บนแผ่นการ์ดหมายความว่าอย่างไร?
“ถ้าจะเรียงลำดับเหยื่อสังหาร รายนี้ก็ควรเป็นรายที่ 3 และจนถึงวันนี้ฆาตกรใช้ตัวเลขเป็นคำเตือนว่าอีกกี่วันมันจะลงมือฆ่า ไม่มีการใช้นอกเหนือจากนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้เลข 4 น่าจะหมายถึงคำเตือนว่าอีก 4 วันจะถึงวันที่มันลงมือฆ่าอีก คุณว่าไหม”
ตำรวจนักสืบคนหนึ่งเอ่ยถึงสิ่งที่ใคร ๆ ก็คิดแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมาเป็นคำพูดด้วยความหวาดกลัว
“ฆาตรกรรมครั้งแรกมันเตือนล่วงหน้า 14 วัน และครั้งนี้ 8 วัน ครั้งนี้มันร่นเวลาเข้ามาเหลือ 4 วัน คิดได้อย่างเดียวเลยว่าไอ้ปีศาจฆาตกรมันกำลังเร่งจังหวะการฆ่าให้ถี่ขึ้น”
นายตำรวจพูดด้วยเสียงเคร่งและเย็นชาพลางกวาดสายตาไปยังทุกคนในที่ชุมนุมนั้น
การคาดเดานั้นตรงจุดจริง ๆ จดหมายและไปรณียภัณฑ์ที่ส่งมายังคฤหาสน์มีเลข 3 เล็ก ๆ เขียนด้วยดินสอแดงกำกับไว้ทุกชิ้นไม่มีเว้นแม่แต่ชิ้นเดียว ตำรวจไปตรวจสอบที่ที่ทำการไปรษณีย์ในทันทีและสอบปากคำพนักงานที่ไปเก็บรวบรวมไปรษณียภัณฑ์มาแต่ก็ไม่ได้เรื่องแต่อย่างใด วันรุ่งขึ้น อิจิโรลูกชายคนโตของนายทามามุระไปธุระนอกบ้านกลับมาพบว่าในการ์ดเขียนเลข 2 อยู่ในกระเป๋าเอกสารที่ถือติดตัว
อิจิโรเป็นคนจิตใจเข้มแข็งกล้าหาญสมเป็นบุตรชายคนโตของตระกูล เขาหัวเราะขบขันกับความเชื่องมงายของคนในบ้านที่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดนั้นเป็นพฤติกรรมของนักมายากล ประการแรกคือไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ถึง 7 ฟุตอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลกอันกว้างใหญ่นี้ ชายร่างยักษ์ที่น้องสาวเขาเห็นไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าฆาตกรวิกลจริตบ้าเลือดคนหนึ่ง ไม่ใช่ปีศาจหรือนักเล่นกลอะไรทั้งนั้น ใคร ๆ พากันตระหนกตกใจที่ฆาตกรเข้ามาในห้องที่ปิดตายได้ แต่นั่นมันต้องมีช่องโหว่อะไรสักอย่างที่ทุกคนมองข้ามไป ถ้าระวังตัวดี ๆ โดยไม่ประมาทเดี๋ยวก็รู้เองว่าที่แท้มันก็เป็นคนอย่างเรา ๆ นี้แหละ ไม่ต้องมานั่งกลัวกันจนตัวสั่นอย่างนี้
แล้วยังไงเล่าคราวนี้เมื่อการ์ดเขียนเลขมายาปีศาจมาอยู่ในกระเป๋าเอกสารของคนที่หัวเราะขบขันคนอื่น อยู่ในกระเป๋าที่เจ้าของถือไว้ไม่ห่างตัวระหว่างออกไปทำธุระข้างนอก แต่ถึงอย่างนั้นอิจิโรก็ไม่กลัว และแทนที่จะกลัวเขากลับโกรธมาก โกรธที่ฆาตกรเล่นตลกกับเขาราวกับนักเล่นกล นั่นคือเหตุผลที่อิจิโรก็ได้เข้าร่วมกลุ่มกับจิโรน้องชายมุ่งหาตัวฆาตกรใจโหด
วันคืนผ่านไปจนถึงวันที่พบเลข 1 และวันที่ฆาตกรแจ้งล่วงหน้าว่าเป็นวันก่อเหตุจะมาถึงในวันรุ่งขึ้น การคุ้มกันคฤหาสน์ทามามุระเป็นไปอย่างเคร่งครัดเข้มขวดที่สุดเช่นเดียวกับเมื่อครั้งก่อนหน้า
แต่พอถึงวันจริงกลับเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน คือฆาตกรทิ้งคำเตือนว่าเหลืออีกหนึ่งวันเป็นวันสุดท้ายไว้เมื่อวาน แต่พอถึงวันจริงมันกลับส่งสัญญาณปีศาจมาอีก และสถานที่พบคำเตือนนั้นก็ช่างพิสดารยิ่งนัก
บ่ายวันนั้น อิจิโรแยกตัวจากกลุ่มคนในบ้านที่รวมตัวกันอยู่ที่ห้อง ๆ หนึ่งออกไปที่สวนคนเดียว แล้วเดินตรวจดูไปรอบ ๆ ตัวเรือน เพราะสงสัยมาตลอดว่า ณ จุดใดจุดหนึ่งของอาคารหลังนี้จะต้องมีช่องทางลับสำหรับเข้านอกออก ในได้โดยที่คนในบ้านไม่เห็น
ระหว่างที่เดินตรวจดูอยู่นั้นชายหนุ่มไม่พบช่องทางลับแต่พบอะไรอย่างหนึ่งที่แปลกมาก เขาเงยหน้าขึ้นไปมองหอนาฬิกาบนหลังคาโดยไม่ได้ตั้งใจ หน้าปัดอยู่ไกลเกินกว่าจะอ่านตัวเลขได้ชัด แต่เขาสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งเขียนอะไรสักอย่างคล้ายตัวหนังสือแบะอยู่ที่หน้าปัดนั้น
“เอ๊ะ หรือว่ามันจะเลื่อนวัน”
อิจิโรนึกฉงนเมื่อเห็นตัวอักษรบนแผ่นกระดาษที่เขาคิดว่าเป็นตัวเลขนั้นไม่ได้มีเพียงตัวเดียว
“ดีละ เราปีนขึ้นไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาดูดีกว่า”
ชายหนุ่มตัดสินใจทันที เขาขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองของตึกฝรั่งโดยไม่บอกใคร แล้วไต่บันไดพิเศษขึ้นไปยังหอนาฬิกา อิจิโรเป็นคนกล้าหาญที่เขาไม่บอกคนที่บ้านก็เพราะไม่อยากให้คนที่กำลังประสาทอ่อนไหวอย่างพวกนั้นต้องตกอกตกใจไปกับเรื่องแค่นี้
และแล้วฆาตกรใจโหดก็หันมาใช้ประโยชน์จากหอนาฬิกา หอคอยปีศาจกับปีศาจฆาตกรช่างเข้าคู่สยองขวัญกันอย่างเหมาะเหม็งอะไรเช่นนี้ แต่ เอ๊ะ...เจ้าปีศาจฆาตกรเอากระดาษแผ่นนั้นขึ้นไปแปะบนหน้าปัดนาฬิกาสูงขนาดนั้นได้ยังไง จะว่าไต่ขึ้นไปเดินบนหลังคาก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ปัญหาอยู่ที่ว่าเจ้าปีศาจลอบเข้าไปภายในคฤหาสน์โดยไม่มีใครเห็นแล้วขึ้นไปบนหลังคาได้อย่างไร มันขึ้นไปตอนกลางคืนอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง เพราะตอนกลางคืนมีคนเดินยามและยืนยามคอยสอดส่ายสายตาอย่างเคร่งครัดไม่มีอะไรที่จะลอดสายตาไปได้
ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นปีศาจ เป็นนักมายากลตัวจริง อันตรายมาก...ทามามุระ อิจิโรกำลังจะตกลงไปในกับดักอันโหดร้ายของปีศาจฆาตกรโดยที่ไม่คิดให้ลึกซึ้ง
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ
จิโรตะโกนสั่งเสียงกร้าว ดีที่ประตูไม่แข็งแรงเท่าประตูห้องของนายฟุกุดะ ใช้แรงคนเพียงสองคนช่วยกันกระแทกก็เปิดกว้างออก จิโรกับตาเฒ่าถลันเข้าไปในห้อง และทันทีที่เห็นภาพภายในห้องชายต่างวัยก็แผดเสียงลั่นราวกับไม่ใช่เสียงมนุษย์มนาออกมาพร้อมกัน
ทาเอโกะตกจากเตียงลงมานอนจมกองเลือดแดงฉานอยู่บนพื้นห้อง มีดสั้นที่ปักอยู่ตรงโคนแขนยังสั่นระริก
คนทั้งบ้านกรูกันเข้ามารวมตัวอยู่ที่ห้องนอนของทาเอโกะ ตำรวจนักสืบผู้ทำหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกคฤหาสน์ติดต่อแจ้งข่าวไปยังสถานีตำรวจต้นสังกัด ไม่นานคณะเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนก็มาถึงและเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงแต่เพียงย่นย่อในประเด็นที่มีนัยสำคัญ
ตำรวจไม่พบเส้นทางการเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุของปีศาจฆาตกรเช่นเดียวกับคดีของนายฟุกุดะ ประตูหน้าต่างทุกบานล้วนปิดสนิทจากภายใน คนรับใช้หนุ่มที่อยู่เวรเฝ้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ตื่นตัวไม่ได้หลับนอนอยู่ตลอดเวลาจะไปกล่าวหาว่าหลับในไม่ได้แน่ ส่วนตำรวจนักสืบที่เฝ้าระวังที่ประตูกำแพงรั้วทั้งด้านหน้าและด้านหลังต่างยืนยันกันและกันว่าไม่มีใครละทิ้งจุดประจำการไปไหนเลยสักคน ถ้าไม่เรียกว่าอัศจรรย์ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร หรือว่าคนร้ายจะเป็นนักเล่นกลจริง ๆ อย่างที่สงสัยกัน เป็นเรื่องที่อัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ
โชคยังดีที่เจ้าหนุ่มจิโรรู้สึกผิดสังเกตและรีบรุดมายังที่เกิดเหตุทันเวลา เสียงตวาดลั่นของเขาทำเอาฆาตกรตื่นตระหนกและเตลิดหนีไปโดยไม่ทันแทงซ้ำให้เหยื่อของมันขาดใจตายตามเป้าหมาย แผลถูกแทงที่ต้นแขนออกจะเป็นแผลฉกรรจ์อยู่แต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ที่ทาเอโกะแน่นิ่งไปก็เพราะความตกใจจนสิ้นสตินั่นเอง
ตำรวจจัดการนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลโอโมริโดยไม่รีรอแต่ปรากฏว่าทาเอโกะได้สติก่อนหน้านั้นเสียอีก พอตำรวจถามว่า “เห็นหน้าคนร้ายไหม” หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายก็ตอบว่า “ไม่เห็นหน้า แต่รู้ว่าเป็นผู้ชายร่างใหญ่ดำทะมึนน่ากลัวสูงราวเจ็ดฟุต จนครือ ๆ กับเพดานห้องเลยทีเดียว” ที่รู้มีอยู่แค่นั้นไม่มีอะไรที่พอจะเป็นเบาะแสให้สืบจับได้สักอย่างเดียว มีดสั้นด้ามนั้นเป็นมีดของทาเอโกะเองที่นายทามามุระให้ไว้ป้องกันตัวหลังจากที่น้องชายแท้ ๆ ของเขาถูกฆาตกรรม และครั้งนี้ฆาตกรไม่ได้ทิ้งรอยพิมพ์มือขนาดใหญ่ไว้บนผนังห้องเหมือนเมื่อครั้งที่มันฆ่านายฟุกุดะ
ช้าก่อน...ปีศาจฆาตกรทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างหนึ่ง สิ่งนั้นมีความเป็นจริงเป็นจังกว่าเมื่อเทียบกับรอยพิมพ์นิ้วมือขนาดใหญ่ อาจเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของปีศาจที่สะท้อนความหฤโหดกระหายเหยื่อของมันได้อย่างสยองขวัญเป็นที่สุด
นั่นก็คือการ์ดสีขาวแผ่นหนึ่งที่ถูกมีดเสียบติดเอาไว้กับต้นแขนของทาเอโกะดูราวกับเป็นคอมีด และบนการ์ดแผ่นนั้นเขียนเลข 4 ตัวโตด้วยลายมือน่าเกลียดน่ากลัวที่คุ้นตา
หลังจากที่ทาเอโกะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล คนที่เหลืออยู่บนพื้นที่เกิดเหตุก็เริ่มยกเรื่องการ์ดใบนั้นขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียงกันว่า เลข 4 บนแผ่นการ์ดหมายความว่าอย่างไร?
“ถ้าจะเรียงลำดับเหยื่อสังหาร รายนี้ก็ควรเป็นรายที่ 3 และจนถึงวันนี้ฆาตกรใช้ตัวเลขเป็นคำเตือนว่าอีกกี่วันมันจะลงมือฆ่า ไม่มีการใช้นอกเหนือจากนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้เลข 4 น่าจะหมายถึงคำเตือนว่าอีก 4 วันจะถึงวันที่มันลงมือฆ่าอีก คุณว่าไหม”
ตำรวจนักสืบคนหนึ่งเอ่ยถึงสิ่งที่ใคร ๆ ก็คิดแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมาเป็นคำพูดด้วยความหวาดกลัว
“ฆาตรกรรมครั้งแรกมันเตือนล่วงหน้า 14 วัน และครั้งนี้ 8 วัน ครั้งนี้มันร่นเวลาเข้ามาเหลือ 4 วัน คิดได้อย่างเดียวเลยว่าไอ้ปีศาจฆาตกรมันกำลังเร่งจังหวะการฆ่าให้ถี่ขึ้น”
นายตำรวจพูดด้วยเสียงเคร่งและเย็นชาพลางกวาดสายตาไปยังทุกคนในที่ชุมนุมนั้น
การคาดเดานั้นตรงจุดจริง ๆ จดหมายและไปรณียภัณฑ์ที่ส่งมายังคฤหาสน์มีเลข 3 เล็ก ๆ เขียนด้วยดินสอแดงกำกับไว้ทุกชิ้นไม่มีเว้นแม่แต่ชิ้นเดียว ตำรวจไปตรวจสอบที่ที่ทำการไปรษณีย์ในทันทีและสอบปากคำพนักงานที่ไปเก็บรวบรวมไปรษณียภัณฑ์มาแต่ก็ไม่ได้เรื่องแต่อย่างใด วันรุ่งขึ้น อิจิโรลูกชายคนโตของนายทามามุระไปธุระนอกบ้านกลับมาพบว่าในการ์ดเขียนเลข 2 อยู่ในกระเป๋าเอกสารที่ถือติดตัว
อิจิโรเป็นคนจิตใจเข้มแข็งกล้าหาญสมเป็นบุตรชายคนโตของตระกูล เขาหัวเราะขบขันกับความเชื่องมงายของคนในบ้านที่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดนั้นเป็นพฤติกรรมของนักมายากล ประการแรกคือไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ถึง 7 ฟุตอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลกอันกว้างใหญ่นี้ ชายร่างยักษ์ที่น้องสาวเขาเห็นไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าฆาตกรวิกลจริตบ้าเลือดคนหนึ่ง ไม่ใช่ปีศาจหรือนักเล่นกลอะไรทั้งนั้น ใคร ๆ พากันตระหนกตกใจที่ฆาตกรเข้ามาในห้องที่ปิดตายได้ แต่นั่นมันต้องมีช่องโหว่อะไรสักอย่างที่ทุกคนมองข้ามไป ถ้าระวังตัวดี ๆ โดยไม่ประมาทเดี๋ยวก็รู้เองว่าที่แท้มันก็เป็นคนอย่างเรา ๆ นี้แหละ ไม่ต้องมานั่งกลัวกันจนตัวสั่นอย่างนี้
แล้วยังไงเล่าคราวนี้เมื่อการ์ดเขียนเลขมายาปีศาจมาอยู่ในกระเป๋าเอกสารของคนที่หัวเราะขบขันคนอื่น อยู่ในกระเป๋าที่เจ้าของถือไว้ไม่ห่างตัวระหว่างออกไปทำธุระข้างนอก แต่ถึงอย่างนั้นอิจิโรก็ไม่กลัว และแทนที่จะกลัวเขากลับโกรธมาก โกรธที่ฆาตกรเล่นตลกกับเขาราวกับนักเล่นกล นั่นคือเหตุผลที่อิจิโรก็ได้เข้าร่วมกลุ่มกับจิโรน้องชายมุ่งหาตัวฆาตกรใจโหด
วันคืนผ่านไปจนถึงวันที่พบเลข 1 และวันที่ฆาตกรแจ้งล่วงหน้าว่าเป็นวันก่อเหตุจะมาถึงในวันรุ่งขึ้น การคุ้มกันคฤหาสน์ทามามุระเป็นไปอย่างเคร่งครัดเข้มขวดที่สุดเช่นเดียวกับเมื่อครั้งก่อนหน้า
แต่พอถึงวันจริงกลับเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน คือฆาตกรทิ้งคำเตือนว่าเหลืออีกหนึ่งวันเป็นวันสุดท้ายไว้เมื่อวาน แต่พอถึงวันจริงมันกลับส่งสัญญาณปีศาจมาอีก และสถานที่พบคำเตือนนั้นก็ช่างพิสดารยิ่งนัก
บ่ายวันนั้น อิจิโรแยกตัวจากกลุ่มคนในบ้านที่รวมตัวกันอยู่ที่ห้อง ๆ หนึ่งออกไปที่สวนคนเดียว แล้วเดินตรวจดูไปรอบ ๆ ตัวเรือน เพราะสงสัยมาตลอดว่า ณ จุดใดจุดหนึ่งของอาคารหลังนี้จะต้องมีช่องทางลับสำหรับเข้านอกออก ในได้โดยที่คนในบ้านไม่เห็น
ระหว่างที่เดินตรวจดูอยู่นั้นชายหนุ่มไม่พบช่องทางลับแต่พบอะไรอย่างหนึ่งที่แปลกมาก เขาเงยหน้าขึ้นไปมองหอนาฬิกาบนหลังคาโดยไม่ได้ตั้งใจ หน้าปัดอยู่ไกลเกินกว่าจะอ่านตัวเลขได้ชัด แต่เขาสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งเขียนอะไรสักอย่างคล้ายตัวหนังสือแบะอยู่ที่หน้าปัดนั้น
“เอ๊ะ หรือว่ามันจะเลื่อนวัน”
อิจิโรนึกฉงนเมื่อเห็นตัวอักษรบนแผ่นกระดาษที่เขาคิดว่าเป็นตัวเลขนั้นไม่ได้มีเพียงตัวเดียว
“ดีละ เราปีนขึ้นไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาดูดีกว่า”
ชายหนุ่มตัดสินใจทันที เขาขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองของตึกฝรั่งโดยไม่บอกใคร แล้วไต่บันไดพิเศษขึ้นไปยังหอนาฬิกา อิจิโรเป็นคนกล้าหาญที่เขาไม่บอกคนที่บ้านก็เพราะไม่อยากให้คนที่กำลังประสาทอ่อนไหวอย่างพวกนั้นต้องตกอกตกใจไปกับเรื่องแค่นี้
และแล้วฆาตกรใจโหดก็หันมาใช้ประโยชน์จากหอนาฬิกา หอคอยปีศาจกับปีศาจฆาตกรช่างเข้าคู่สยองขวัญกันอย่างเหมาะเหม็งอะไรเช่นนี้ แต่ เอ๊ะ...เจ้าปีศาจฆาตกรเอากระดาษแผ่นนั้นขึ้นไปแปะบนหน้าปัดนาฬิกาสูงขนาดนั้นได้ยังไง จะว่าไต่ขึ้นไปเดินบนหลังคาก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ปัญหาอยู่ที่ว่าเจ้าปีศาจลอบเข้าไปภายในคฤหาสน์โดยไม่มีใครเห็นแล้วขึ้นไปบนหลังคาได้อย่างไร มันขึ้นไปตอนกลางคืนอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง เพราะตอนกลางคืนมีคนเดินยามและยืนยามคอยสอดส่ายสายตาอย่างเคร่งครัดไม่มีอะไรที่จะลอดสายตาไปได้
ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นปีศาจ เป็นนักมายากลตัวจริง อันตรายมาก...ทามามุระ อิจิโรกำลังจะตกลงไปในกับดักอันโหดร้ายของปีศาจฆาตกรโดยที่ไม่คิดให้ลึกซึ้ง