สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ช่วงนี้ไม่รู้เป็นเพราะร้อนมากหรืออะไรอย่างไร มีข่าวคนบ้า โรคจิต ข่าวฆาตกรรมเยอะมาก และมาในรูปแบบแปลกๆ สไตล์โรคจิตญี่ปุ่นเลย อ่านข่าวแล้วบางครั้งยังคิดว่านี่มันข่าวจริงหรือป่าวเนี่ย อ่านๆ ไปบางทีนึกว่าเหมือนนิยายเลย บางเรื่องก็เหมือนจะไม่น่าเป็นไปได้ เหมือนมันแต่งขึ้นมายังไงยังงั้น แต่มันก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันนี้
หลังจากอ่านข่าวหลายๆ ข่าวทำให้ผมนึกถึงช่วงที่ผมยังเป็นนักเดินทาง ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวหลายเมืองในหลายๆ ประเทศ เมืองที่เขาร่ำลือกันนักหนาว่ามีความอันตรายมากก็ไปมาแล้ว เช่นครั้งหนึ่งตอนนั้นผมอายุประมาณ 20 ปี ได้เดินทางแบบนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ไปเที่ยวที่เม็กซิโก ท่องเที่ยวไปหลายเมือง ตอนนั้นยังเด็กๆ การมองโลกยังเป็นแบบใสๆ รู้สึกว่าคนรอบข้างช่างมีน้ำใจและให้การช่วยเหลือเด็กๆ ตลอด ทำให้มีความประทับใจ ตอนนั้นผมยังเป็นนักศึกษาอยู่ จึงเป็นนักเดินทางที่อายุน้อยกว่าคนญี่ปุ่นคนอื่นๆ ที่พบเจอกันระหว่างเดินทาง เพราะนักเรียนคนอื่นๆ อาจจะติดเรียนและจะลาหยุดยาก จึงมีแต่คนที่อายุมากกว่าหลายปี รุ่นพี่จึงใจดีด้วยตลอด แต่การเป็นรุ่นน้องก็ไม่ได้ถือว่าเป็น easy mode ครับ คือชีวิตจริงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คนอื่นมอง ช่วงนั้นแม้ว่ายังอายุไม่เยอะแต่ก็มีปัญหาสุขภาพ เป็นโรคภูมิแพ้ หรือโรคแพ้(アレルギー Allergy) หมายถึง โรคที่เกิดขึ้นโดยแสดงอาการไวผิดปกติต่อสิ่งซึ่งสามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ ผมไม่แน่ใจว่าแพ้อะไร แต่จะคันและเป็นผื่นขึ้นเต็มตัว โดยเฉพาะที่เท้า จนมันลอกเป็นเกร็ดๆ เจ็บมาก และถึงแม้ว่าผมจะมีมุมมองน้อย หรืออาจจะมีปัญหาบ้างในชีวิตตั้งแต่สมัยเด็กหรือสมัยนี้ก็ตาม ผมก็ไม่เคยเกลียดสังคมเลย
ตอนที่ไปเที่ยวเม็กซิโกเคยนั่งรถบัสจากเม็กซิโกซิตี้ไปอีกเมืองหนึ่งประมาณครึ่งชั่วโมงหรือเกือบๆ หนึ่งชั่วโมงนี่แหละ แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลมากแต่ต้องขึ้นเขาคดเคี้ยวไปมาจึงกินเวลามากไปหน่อย เมืองที่ว่านั้นมีโบสถ์คริสต์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกยูเนสโก ทำไมผมถึงไปเที่ยวเมืองนั้นเพราะว่า ไปชมบันทึกที่จารึกบนผนังโบสถ์คริสต์ ที่เกี่ยวกับคริสเตียนชาวญี่ปุ่นนั่นเอง และไม่ไกลจากเมืองนี้มีโรงงานประกอบรถยนต์ของญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ด้วย ตอนแรกยังคิดว่าทำไมเมืองเล็กๆ นี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นขายด้วย ก็คงเพราะมีโรงงานญี่ปุ่นนี่เอง ที่นั่นผมก็เลยได้มีโอกาส สนทนากับคนญี่ปุ่นด้วยจนได้รับมุมมองหลากหลายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินขณะเดินทางหรือใช้ชีวิตนอกประเทศ
ที่จริงเม็กซิโกก็ถือว่าเป็นเมืองหนึ่งที่มีคนร่ำลือกันมากว่าอันตรายนะครับ ตอนที่ต้องใช้บริการรถสาธารณะหรือรถบัสต้องขึ้นรถไปกลับแม้จะใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ผู้โดยสารทุกคนต้องโดนสแกนกระเป๋าและตรวจร่างกายก่อนขึ้นรถ ตอนแรกก็คิดว่ามากเกินไปไหม แต่คนญี่ปุ่นที่อยู่ที่นี่มาก่อนบอกว่าที่นั่นอันตรายมากๆ ต้องใช้มาตรการเช่นนี้แล เขาเล่าว่าเคยเกิดกรณีคนร้ายถือปืนขึ้นมาข่มขู่และปล้นคนบนรถ ผู้เคราะห์ร้ายให้เงินไปส่วนหนึ่ง แต่คนร้ายเห็นว่ามีอีกกระเป๋าก็เลยใช้ปืนฟาดผู้เคราะห์ร้ายหัวแตก ดีที่ยังไม่โดนยิงต่อหน้าสาธารณชน แต่ครั้งต่อไปก็ไม่แน่ใช่ไหม ดังนั้นการที่สแกนก่อนขึ้นรถคงเป็นเพราะเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
ขากลับ หารถที่จะขึ้นกลับไปที่พักในเมือง จึงถามทางสองแม่ลูกคู่หนึ่งว่ารถคันไหนไปเม็กซิโกซิตี้บ้าง ป้าบอกคันนี้แหละถูกคันแล้ว ป้าก็กำลังจะไปเหมือนกัน เลยขึ้นบัสไปพร้อมกัน ป้าชวนคุยตลอดทางแต่ผมก็กลัวตลอดทางเช่นกัน..
ที่เม็กซิโกมีการสแกนตรวจเช็คเรื่องความปลอดภัยก่อนขึ้นโดยสารรถสาธารณะ และเราในฐานะนักท่องเที่ยวก็เฝ้าระวังตัวเป็นอย่างดี แต่เวลาอยู่ในประเทศตัวเองกลับเพิกเฉยเพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุด ที่ญี่ปุ่นอันที่จริงถ้าถามว่าปลอดภัยไหมผมก็ต้องตอบว่าปลอดภัยสูงอยู่ แต่ภัยก็เกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่อาจคาดคิด ที่ญี่ปุ่นนั้นการใช้บริการรถไฟ รถบัสยังไม่มีมาตรการสแกนกระเป๋าและร่างกายนะครับ เมื่อพูดเรื่อง 犯罪 crime อาชญกรรม นั้นคือการทำผิดกฎหมาย การทำผิดศีลธรรม การเกิดอาชญากรรมแบบที่เกิดที่สังคมญี่ปุ่นนั้น มีหลายปัจจัย เช่นบางคนมีปัญหาเครียดสะสม กลัวการฆ่าตัวเองเลยฆ่าคนอื่น แบบนี้ก็แปลกๆ นะครับ ว่ากันว่าคนร้ายที่จะทำอาชญากรรมนั้นมีบุคคลอยู่ 3 ประเภท
1. 劇場型犯罪 🎭 พวกนักอาชญากรรมในโรงละคร
จุดประสงค์ของการเป็นผู้ร้าย: ชอบโชว์อยากออกสื่อ อยากเป็นที่จับตามอง หรือทำผิดเพราะอยากได้สิ่งได้สิ่งหนึ่ง
ลักษณะของผู้ร้าย: ส่วนใหญ่มีความ Intelligent สูงคือเป็นพวกฉลาดมีไหวพริบ มีหัวคิด แต่ก็มีความ antisocial คือไม่ค่อยเข้าสังคม หลีกเลี่ยงการเข้าพบปะคนในสังคม ทำให้คนที่จับตาอ่านข่าวเกิดความสนใจที่จะติดตาม
ตัวอย่างข่าว : ผู้ร้ายขอแค่ได้ออกทีวี ได้มีชื่อในข่าว เช่น การฆ่าภรรยาตัวเองเพื่อเอาประกันภัย เมื่อเป็นข่าวได้ออกทีวีก็จะแสดงละครดราม่าต่างๆ นานาที่ตัวเองสร้างสรรค์ขึ้นมา จนทำให้คนอื่นจับตามองและผิดสังเกตว่าสามีนั่นแหละที่ดูอาการผิดปกติ หรืออีกข่าวที่เด็กอายุ 17 ปีฆ่าเด็กรุ่นน้องอายุ 14 ปีแล้วเขียนจดหมายไปดราม่ากับตำรวจว่าเขาเป็นคนฆ่าเอง มาจับสิ อะไรเช่นนี้เป็นต้น
2. 炎上 flames,バカッター bakatter 📱พวกชอบโชว์ โอ้อวด
จุดประสงค์ของการเป็นผู้ร้าย: อยากเป็นตัวเด่นสะดุดตาในกลุ่มของตัวเอง เช่นในกลุ่มเพื่อนในเว็ปเพจของตัวเอง เช่น กลุ่มนักล่า, กลุ่มนักปล้น อะไรก็ว่าไปบางทีก็เป็นกลุ่มคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่มารวมตัวกันเพราะมีความจิตไปในทางเดียวกัน แต่เรื่องที่คุยในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ นั้นมีเหรอที่จะจำกัดอยู่แค่ไม่กี่คน เรื่องที่จะโชว์กันในกลุ่มเพื่อนอาจจะกลับกลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตในที่สุดเมื่อมันถูกแพร่กระจายออกไป
ลักษณะของผู้ร้าย: ส่วนใหญ่อายุยังน้อย ไม่ค่อยคิดมากเรื่องภัยทางอินเตอร์เน็ต แค่อยากนำเสนอตัวเอง แต่ไม่ทันคิดว่าจะเกิดผลในวงกว้าง
ตัวอย่างข่าว : กลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งถ่ายรูปโพสภาพที่กำลังบังคับให้เด็กสาววัยรุ่นดื่มเหล้า เมื่อรูปถูกเผยแพร่ออกไป จึงเป็นข่าวและเป็นประเด็นตามมา
3.無敵の人 Muteki no hito ,unbeatable people 🔪 พวกที่ซึ่งไม่อาจหาคู่แข่งได้!!
จุดประสงค์ของการเป็นผู้ร้าย: ทำอะไรก็ที่ได้ reset ชีวิตตัวเอง แต่ไม่ใช่แบบการ Kamikaze เป็นการ 破滅 destruction การแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งได้มาทำลายความหวังของตนให้พังทลาย หมดหวังป่นปี้ ที่บอกตอนต้นว่าเป็นพวกที่ซึ่งไม่อาจหาคู่แข่งได้ คือบางคนนั้นหมดหวังจนหาทางออกไม่ได้ เขาเลือกที่จะจบชีวิตตนเอง ความกล้าตรงนี้เองที่เปรียบเปรยว่า ไร้คู่แข่งที่ว่า แต่คนละแบบกับฮาราคีรี ที่เป็นการฆ่าตัวตายโดยการคว้านท้องในยุคซามูไรนะครับ และไม่ใช่พวกพลีชีพแบบ 神風 Kamikaze หรือกองกำลังจู่โจมพิเศษ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งหรือเรียกว่าการโจมตีแบบพลีชีพ (suicide attacks)
ลักษณะของผู้ร้าย: ผู้ที่มีปัญหาชีวิตจนถึงทางตัน
ตัวอย่างข่าว : ข่าวถือมีดอีโต้ไล่ฆ่าคนบนรถไฟชิงคันเซ็น
ข่าวนี้เพิ่งเกิดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เลยครับคิดว่าหลายท่านอาจติดตามอยู่
เมื่อคืนวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22:00 น. ได้เกิดเหตุโรคจิตใช้มีดไล่ทำร้ายผู้โดยสารในขบวนรถไฟชิงคันเซ็นสาย Tokaido ขบวนรถด่วน Nozomi ที่ออกจากสถานี Tokyo มุ่งหน้าสู่ Osaka ในขณะที่รถไฟกำลังวิ่งอยู่ระหว่างสถานี Shin-Yokohama กับสถานี Odawara ทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนซึ่งเขาเข้าไปช่วยผู้หญิงอีกสองคนที่กำลังถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งสาวเคราะห์ร้ายทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บที่แขนและหัวไหล่
ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ที่มีโฟล์ไฟล์ดีเริ่ด ชื่อว่าคุณ Umeda Kōtarō อายุ 38 ปี จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว จบปริญญาโททางด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หน้าที่การงานดี กำลังก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานนักวิจัยพลังงานโซล่าเซลล์ในบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งวันนั้นก็กลับจากทำงานเพื่อไปหาครอบครัว เห็นรูปแล้วรู้สึกเศร้าใจและสงสารมาก ทำไมคนดีๆ เก่งๆ อนาคตดีต้องมาจบชีวิตเพราะพวกขาดสตินี้ด้วยก็ไม่รู้
ส่วนผู้ร้ายชื่อ Kojima Ichirō อายุ 22 ปีเอง เกิดที่จังหวัดไอจิ ตอนนี้ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เคยทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดไซตามะ แต่ไม่นานก็ลาออกจากนั้นจึงเดินทางกลับบ้านเกิดแต่ก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่อแม่ และต้องหนีไปอยู่กับลุงแทน วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บางครั้งก็หมกตัวอยู่ในห้องแบบพวก Hikikomori ฮิคิโคโมริ ไม่ไปไหน ไม่ทำอะไร ไม่พบใคร เกลียดสังคม เขาให้การยอมรับสารภาพว่า “ ตั้งใจพกมีดมาขึ้นรถไฟเพื่อฆ่าใครก็ได้ เพราะว่าหงุดหงิดชีวิตมาก จะฆ่าใครสักคนก็ได้เพื่อระบายความเครียด “ มันบ้าจริงๆ
กลยุทธ์ผู้กล้าฆ่าตัวเองเพื่อส่วนรวมแบบ Kamikaze ที่ฆ่าตัวเองเพื่อสังคม เพื่อพวกพ้อง ต่างอย่างสิ้นเชิงกับพวก Muteki no hito ที่ฆ่าสังคมเพื่อตัวเอง ทำไมจึงมีพวกบ้าและอาชญากรพวกนี้ เพราะเกิดจากปัญหาสังคมหรือเปล่า หรือติดเกมส์ หรือปัญหาเศรษฐกิจญี่ปุ่น คราวหน้าจะมาเล่าต่อครับ วันนี้สวัสดีครับ
หลังจากอ่านข่าวหลายๆ ข่าวทำให้ผมนึกถึงช่วงที่ผมยังเป็นนักเดินทาง ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวหลายเมืองในหลายๆ ประเทศ เมืองที่เขาร่ำลือกันนักหนาว่ามีความอันตรายมากก็ไปมาแล้ว เช่นครั้งหนึ่งตอนนั้นผมอายุประมาณ 20 ปี ได้เดินทางแบบนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ไปเที่ยวที่เม็กซิโก ท่องเที่ยวไปหลายเมือง ตอนนั้นยังเด็กๆ การมองโลกยังเป็นแบบใสๆ รู้สึกว่าคนรอบข้างช่างมีน้ำใจและให้การช่วยเหลือเด็กๆ ตลอด ทำให้มีความประทับใจ ตอนนั้นผมยังเป็นนักศึกษาอยู่ จึงเป็นนักเดินทางที่อายุน้อยกว่าคนญี่ปุ่นคนอื่นๆ ที่พบเจอกันระหว่างเดินทาง เพราะนักเรียนคนอื่นๆ อาจจะติดเรียนและจะลาหยุดยาก จึงมีแต่คนที่อายุมากกว่าหลายปี รุ่นพี่จึงใจดีด้วยตลอด แต่การเป็นรุ่นน้องก็ไม่ได้ถือว่าเป็น easy mode ครับ คือชีวิตจริงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คนอื่นมอง ช่วงนั้นแม้ว่ายังอายุไม่เยอะแต่ก็มีปัญหาสุขภาพ เป็นโรคภูมิแพ้ หรือโรคแพ้(アレルギー Allergy) หมายถึง โรคที่เกิดขึ้นโดยแสดงอาการไวผิดปกติต่อสิ่งซึ่งสามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ ผมไม่แน่ใจว่าแพ้อะไร แต่จะคันและเป็นผื่นขึ้นเต็มตัว โดยเฉพาะที่เท้า จนมันลอกเป็นเกร็ดๆ เจ็บมาก และถึงแม้ว่าผมจะมีมุมมองน้อย หรืออาจจะมีปัญหาบ้างในชีวิตตั้งแต่สมัยเด็กหรือสมัยนี้ก็ตาม ผมก็ไม่เคยเกลียดสังคมเลย
ตอนที่ไปเที่ยวเม็กซิโกเคยนั่งรถบัสจากเม็กซิโกซิตี้ไปอีกเมืองหนึ่งประมาณครึ่งชั่วโมงหรือเกือบๆ หนึ่งชั่วโมงนี่แหละ แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลมากแต่ต้องขึ้นเขาคดเคี้ยวไปมาจึงกินเวลามากไปหน่อย เมืองที่ว่านั้นมีโบสถ์คริสต์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกยูเนสโก ทำไมผมถึงไปเที่ยวเมืองนั้นเพราะว่า ไปชมบันทึกที่จารึกบนผนังโบสถ์คริสต์ ที่เกี่ยวกับคริสเตียนชาวญี่ปุ่นนั่นเอง และไม่ไกลจากเมืองนี้มีโรงงานประกอบรถยนต์ของญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ด้วย ตอนแรกยังคิดว่าทำไมเมืองเล็กๆ นี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นขายด้วย ก็คงเพราะมีโรงงานญี่ปุ่นนี่เอง ที่นั่นผมก็เลยได้มีโอกาส สนทนากับคนญี่ปุ่นด้วยจนได้รับมุมมองหลากหลายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินขณะเดินทางหรือใช้ชีวิตนอกประเทศ
ที่จริงเม็กซิโกก็ถือว่าเป็นเมืองหนึ่งที่มีคนร่ำลือกันมากว่าอันตรายนะครับ ตอนที่ต้องใช้บริการรถสาธารณะหรือรถบัสต้องขึ้นรถไปกลับแม้จะใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ผู้โดยสารทุกคนต้องโดนสแกนกระเป๋าและตรวจร่างกายก่อนขึ้นรถ ตอนแรกก็คิดว่ามากเกินไปไหม แต่คนญี่ปุ่นที่อยู่ที่นี่มาก่อนบอกว่าที่นั่นอันตรายมากๆ ต้องใช้มาตรการเช่นนี้แล เขาเล่าว่าเคยเกิดกรณีคนร้ายถือปืนขึ้นมาข่มขู่และปล้นคนบนรถ ผู้เคราะห์ร้ายให้เงินไปส่วนหนึ่ง แต่คนร้ายเห็นว่ามีอีกกระเป๋าก็เลยใช้ปืนฟาดผู้เคราะห์ร้ายหัวแตก ดีที่ยังไม่โดนยิงต่อหน้าสาธารณชน แต่ครั้งต่อไปก็ไม่แน่ใช่ไหม ดังนั้นการที่สแกนก่อนขึ้นรถคงเป็นเพราะเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
ขากลับ หารถที่จะขึ้นกลับไปที่พักในเมือง จึงถามทางสองแม่ลูกคู่หนึ่งว่ารถคันไหนไปเม็กซิโกซิตี้บ้าง ป้าบอกคันนี้แหละถูกคันแล้ว ป้าก็กำลังจะไปเหมือนกัน เลยขึ้นบัสไปพร้อมกัน ป้าชวนคุยตลอดทางแต่ผมก็กลัวตลอดทางเช่นกัน..
ที่เม็กซิโกมีการสแกนตรวจเช็คเรื่องความปลอดภัยก่อนขึ้นโดยสารรถสาธารณะ และเราในฐานะนักท่องเที่ยวก็เฝ้าระวังตัวเป็นอย่างดี แต่เวลาอยู่ในประเทศตัวเองกลับเพิกเฉยเพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุด ที่ญี่ปุ่นอันที่จริงถ้าถามว่าปลอดภัยไหมผมก็ต้องตอบว่าปลอดภัยสูงอยู่ แต่ภัยก็เกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่อาจคาดคิด ที่ญี่ปุ่นนั้นการใช้บริการรถไฟ รถบัสยังไม่มีมาตรการสแกนกระเป๋าและร่างกายนะครับ เมื่อพูดเรื่อง 犯罪 crime อาชญกรรม นั้นคือการทำผิดกฎหมาย การทำผิดศีลธรรม การเกิดอาชญากรรมแบบที่เกิดที่สังคมญี่ปุ่นนั้น มีหลายปัจจัย เช่นบางคนมีปัญหาเครียดสะสม กลัวการฆ่าตัวเองเลยฆ่าคนอื่น แบบนี้ก็แปลกๆ นะครับ ว่ากันว่าคนร้ายที่จะทำอาชญากรรมนั้นมีบุคคลอยู่ 3 ประเภท
1. 劇場型犯罪 🎭 พวกนักอาชญากรรมในโรงละคร
จุดประสงค์ของการเป็นผู้ร้าย: ชอบโชว์อยากออกสื่อ อยากเป็นที่จับตามอง หรือทำผิดเพราะอยากได้สิ่งได้สิ่งหนึ่ง
ลักษณะของผู้ร้าย: ส่วนใหญ่มีความ Intelligent สูงคือเป็นพวกฉลาดมีไหวพริบ มีหัวคิด แต่ก็มีความ antisocial คือไม่ค่อยเข้าสังคม หลีกเลี่ยงการเข้าพบปะคนในสังคม ทำให้คนที่จับตาอ่านข่าวเกิดความสนใจที่จะติดตาม
ตัวอย่างข่าว : ผู้ร้ายขอแค่ได้ออกทีวี ได้มีชื่อในข่าว เช่น การฆ่าภรรยาตัวเองเพื่อเอาประกันภัย เมื่อเป็นข่าวได้ออกทีวีก็จะแสดงละครดราม่าต่างๆ นานาที่ตัวเองสร้างสรรค์ขึ้นมา จนทำให้คนอื่นจับตามองและผิดสังเกตว่าสามีนั่นแหละที่ดูอาการผิดปกติ หรืออีกข่าวที่เด็กอายุ 17 ปีฆ่าเด็กรุ่นน้องอายุ 14 ปีแล้วเขียนจดหมายไปดราม่ากับตำรวจว่าเขาเป็นคนฆ่าเอง มาจับสิ อะไรเช่นนี้เป็นต้น
2. 炎上 flames,バカッター bakatter 📱พวกชอบโชว์ โอ้อวด
จุดประสงค์ของการเป็นผู้ร้าย: อยากเป็นตัวเด่นสะดุดตาในกลุ่มของตัวเอง เช่นในกลุ่มเพื่อนในเว็ปเพจของตัวเอง เช่น กลุ่มนักล่า, กลุ่มนักปล้น อะไรก็ว่าไปบางทีก็เป็นกลุ่มคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่มารวมตัวกันเพราะมีความจิตไปในทางเดียวกัน แต่เรื่องที่คุยในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ นั้นมีเหรอที่จะจำกัดอยู่แค่ไม่กี่คน เรื่องที่จะโชว์กันในกลุ่มเพื่อนอาจจะกลับกลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตในที่สุดเมื่อมันถูกแพร่กระจายออกไป
ลักษณะของผู้ร้าย: ส่วนใหญ่อายุยังน้อย ไม่ค่อยคิดมากเรื่องภัยทางอินเตอร์เน็ต แค่อยากนำเสนอตัวเอง แต่ไม่ทันคิดว่าจะเกิดผลในวงกว้าง
ตัวอย่างข่าว : กลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งถ่ายรูปโพสภาพที่กำลังบังคับให้เด็กสาววัยรุ่นดื่มเหล้า เมื่อรูปถูกเผยแพร่ออกไป จึงเป็นข่าวและเป็นประเด็นตามมา
3.無敵の人 Muteki no hito ,unbeatable people 🔪 พวกที่ซึ่งไม่อาจหาคู่แข่งได้!!
จุดประสงค์ของการเป็นผู้ร้าย: ทำอะไรก็ที่ได้ reset ชีวิตตัวเอง แต่ไม่ใช่แบบการ Kamikaze เป็นการ 破滅 destruction การแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งได้มาทำลายความหวังของตนให้พังทลาย หมดหวังป่นปี้ ที่บอกตอนต้นว่าเป็นพวกที่ซึ่งไม่อาจหาคู่แข่งได้ คือบางคนนั้นหมดหวังจนหาทางออกไม่ได้ เขาเลือกที่จะจบชีวิตตนเอง ความกล้าตรงนี้เองที่เปรียบเปรยว่า ไร้คู่แข่งที่ว่า แต่คนละแบบกับฮาราคีรี ที่เป็นการฆ่าตัวตายโดยการคว้านท้องในยุคซามูไรนะครับ และไม่ใช่พวกพลีชีพแบบ 神風 Kamikaze หรือกองกำลังจู่โจมพิเศษ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งหรือเรียกว่าการโจมตีแบบพลีชีพ (suicide attacks)
ลักษณะของผู้ร้าย: ผู้ที่มีปัญหาชีวิตจนถึงทางตัน
ตัวอย่างข่าว : ข่าวถือมีดอีโต้ไล่ฆ่าคนบนรถไฟชิงคันเซ็น
ข่าวนี้เพิ่งเกิดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เลยครับคิดว่าหลายท่านอาจติดตามอยู่
เมื่อคืนวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22:00 น. ได้เกิดเหตุโรคจิตใช้มีดไล่ทำร้ายผู้โดยสารในขบวนรถไฟชิงคันเซ็นสาย Tokaido ขบวนรถด่วน Nozomi ที่ออกจากสถานี Tokyo มุ่งหน้าสู่ Osaka ในขณะที่รถไฟกำลังวิ่งอยู่ระหว่างสถานี Shin-Yokohama กับสถานี Odawara ทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนซึ่งเขาเข้าไปช่วยผู้หญิงอีกสองคนที่กำลังถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งสาวเคราะห์ร้ายทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บที่แขนและหัวไหล่
ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ที่มีโฟล์ไฟล์ดีเริ่ด ชื่อว่าคุณ Umeda Kōtarō อายุ 38 ปี จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว จบปริญญาโททางด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หน้าที่การงานดี กำลังก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานนักวิจัยพลังงานโซล่าเซลล์ในบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งวันนั้นก็กลับจากทำงานเพื่อไปหาครอบครัว เห็นรูปแล้วรู้สึกเศร้าใจและสงสารมาก ทำไมคนดีๆ เก่งๆ อนาคตดีต้องมาจบชีวิตเพราะพวกขาดสตินี้ด้วยก็ไม่รู้
ส่วนผู้ร้ายชื่อ Kojima Ichirō อายุ 22 ปีเอง เกิดที่จังหวัดไอจิ ตอนนี้ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เคยทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดไซตามะ แต่ไม่นานก็ลาออกจากนั้นจึงเดินทางกลับบ้านเกิดแต่ก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่อแม่ และต้องหนีไปอยู่กับลุงแทน วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บางครั้งก็หมกตัวอยู่ในห้องแบบพวก Hikikomori ฮิคิโคโมริ ไม่ไปไหน ไม่ทำอะไร ไม่พบใคร เกลียดสังคม เขาให้การยอมรับสารภาพว่า “ ตั้งใจพกมีดมาขึ้นรถไฟเพื่อฆ่าใครก็ได้ เพราะว่าหงุดหงิดชีวิตมาก จะฆ่าใครสักคนก็ได้เพื่อระบายความเครียด “ มันบ้าจริงๆ
กลยุทธ์ผู้กล้าฆ่าตัวเองเพื่อส่วนรวมแบบ Kamikaze ที่ฆ่าตัวเองเพื่อสังคม เพื่อพวกพ้อง ต่างอย่างสิ้นเชิงกับพวก Muteki no hito ที่ฆ่าสังคมเพื่อตัวเอง ทำไมจึงมีพวกบ้าและอาชญากรพวกนี้ เพราะเกิดจากปัญหาสังคมหรือเปล่า หรือติดเกมส์ หรือปัญหาเศรษฐกิจญี่ปุ่น คราวหน้าจะมาเล่าต่อครับ วันนี้สวัสดีครับ