กระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในรถไฟ หลังเกิดเหตุชายคนหนึ่งใช้มีดทำร้ายผู้โดยสารภายไฟชิงกันเซ็งจนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 รายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งมีปั่นป่วนรถไฟเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ
เหตุการณ์ร้ายแรงล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 9 มิ.ย. นายอิชิโร โคจิมะ ชายหนุ่มวัย 22 ปีใช้มีดไล่แทงผู้โดยสารบนรถไฟชินคันเซ็นที่วิ่งจากโตเกียวไปโอซากา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เหตุครั้งนี้ทำให้ญี่ปุ่นจำเป็นต้องยกระดับความปลอดภัยบนรถไฟเพื่อรองรับการที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกในปี 2020
ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในขบวนรถที่เกิดเหตุพบว่า ผู้โดยสารหลายรายถอดเบาะที่นั่งมาใช้เป็นโล่ป้องกันตัว ซึ่งทางบริษัทเจอาร์ โทไค ผู้ดำเนินการรถไฟเส้นทางนี้ก็ระบุว่า คาดไม่ถึงไม่ผู้โดยสารจะทำเช่นนี้ ทั้งนี้เบาะที่นั่งบนรถไฟของญี่ปุ่นสามารถถอดออกได้ไม่ยากเพื่อทำความสะอาด
กระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นได้จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ระบุว่า รถไฟชิงกันเซ็งได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในรถตั้งแต่เกิดเหตุชายคนหนึ่งจุดไฟเผาตัวเองบนรถไฟเมื่อปี 2015 แต่เหตุไล่แทงผู้คนครั้งนี้ถือเป็นเหตุร้ายแรงเนื่องจากมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
ผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ใช้มาตรการตรวจสอบสัมภาระก่อนออกเดินทาง แต่กระทรวงคมนาคมระบุว่าต้องพิจารณาถึงความสะดวกและความล่าช้า เนื่องจากเส้นทางรถไฟสายยอดนิยมอย่างเช่น จากกรุงโตเกียวไปโอซากา มีผู้โดยสารมากกว่า 460,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ที่สถานีรถไฟยังไม่มีพื้นที่มากเหมือนที่สนามบิน
พบเหตุเจตนาป่วนการเดินรถเพิ่มขึ้น
บริษัทเจอาร์ อีสต์ ระบุว่าพบเหตุก่อกวนขัดขวางการเดินรถไฟมากกว่า 400 กรณีในปีนี้ หลายเหตุการณ์จับมือใครดมไม่ได้ และไม่รู้ว่าผู้กระทำต้องการอะไรกันแน่
ในเดือนพฤษภาคม รถไฟขบวนหนึ่งพุ่งเข้าชนจักรยานคันหนึ่งที่ถูกวางขวางรางไว้ที่สถานีคะวะคุชิ จังหวัดไซตามะ จักรยานพังยับเยิน และทำให้ต้องระงับบริการเดินรถไฟนานถึง 3 ชั่วโมง, ที่สถานีโอยามะ จังหวัดโทชิงิ ระฆังประจำชานชาลาถูกขโมยไป, ที่สถานีชินโคยะสุ จังหวัดโยโกฮามะ พบผู้เผากระดาษในห้องน้ำ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้เจตนาวางสิ่งของกีดขวางบนรางรถไฟในหลายพื้นที่ รวมทั้งการทุบทำลายตู้รถไฟในหลายพื้นที่ด้วย
เหตุการณ์ก่อกวนเหล่านี้ถึงแม้จะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สามารถส่งผลอย่างร้ายแรงต่อความปลอดภัยในการเดินรถ
บริษัทรถไฟของญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา รวมทั้งเพิ่มจำนวนกล้องวงจรปิดภายในขบวนรถและบริเวณสถานี.