xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 10 น้ำ น้ำ และน้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

ทว่า...ในวินาทีแห่งความเป็นความตายในสภาพที่ถูกมัดติดกับโซฟาแน่นจนกระดิกตัวไม่ได้ มีกระบอกปืนสองกระบอกจ้องเตรียมยิงในระยะเผาขนแต่นักสืบอาเกจิก็หาได้พรั่นพรึงไม่ ชายหนุ่มยังหัวเราะเย้ยหยันศัตรูได้แม้จะดูออกว่าเป็นการทำทีหาญกล้าเพื่อปลอบใจตนเองไปพลาง ๆ

ลึกลงไปเบื้องหลังหัวเราะนั้น ความรู้สึกประหลาดล้ำกำลังเอ่อท้นขึ้นมาในอกของนักสืบรูปงาม มันคือลางสังหรณ์หรืออะไรสักอย่างที่ลึกลับแต่ดีงาม สิ่งนั้นเองที่จรรโลงใจให้ชายหนุ่มไม่ละทิ้งความมั่นใจจนวินาทีสุดท้าย

“พวกแกหยุดทำอะไรบ้าระห่ำแบบนั้นได้แล้ว ศัตรูมีแค่ข้าคนเดียว ซ้ำยังถูกมัดเสียจนกระดุกกระดิกไม่ได้อย่างนี้ พวกแกกลัวฤทธิ์เดชของข้าถึงขนาดนั้นเชียวรึ”

ว่าแล้วอาเกจิ ก็ระเบิดหัวเราะออกมาอีกอย่างแทบว่าจะน้ำตาไหลเลยทีเดียว

“หรือว่าพวกแกจะขวัญเสีย ที่เห็นข้ายังหัวเราะเล่นได้ทั้ง ๆ ที่กำลังบ้อท่าอย่างนี้”

พอได้ยินดังนั้น โจรร้ายในชุดตัวตลกคล้ายกับจะทำหน้าตื่นแล้วถอยห่างออกไปก้าวหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน

“ตรวจดูซิว่าเชือกผูกแน่นดีอยู่รึ”

มันหันไปตะคอกชายร่างใหญ่สวมหน้ากาก ซึ่งรีบกรากเข้าไปตรวจดูปมเชือกทุกปมอย่างถี่ถ้วน ก่อนเงยหน้าขึ้นรายงานว่า

“แน่นดีแล้วขอรับนาย”

“ดี...เอาละ ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้ว ฟุมิโยะ...เลิกแขนเสื้อของนายนี่ขึ้น”

สาวน้อยโฉมงามที่ถูกเรียกชื่อว่า “ฟุมิโยะ” ก้าวเข้ามาที่นักสืบหนุ่มเพื่อทำตามคำสั่ง แต่พอออกเดินมาได้เพียงสองสามก้าวใบหน้าเจ้าหล่อนก็ซีดขาว หยุดยืนโอนเอนแล้วทำท่าจะล้มลงไปกับพื้น ไม่รู้ว่าเพราะทนกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อไม่ได้หรืออย่างไร

“บ้าชะมัด เป็นอะไรไปล่ะนี่”

โจรร้ายรับร่างลูกสาวเอาไว้ทัน สาวน้อยมึนไปแค่อึดใจเดียวก็ฟื้นกลับมาเป็นปกติ เจ้าหล่อนก้มลงไปจัดการกับแขนเสื้อของเชลยหนุ่มอยู่นานด้วยท่าทางเงอะงะไม่คล่องตัว

ระหว่างนั้นเอง สายตาของนักสืบอาเกจิเคลื่อนตามใบหน้างดงามของสาวน้อยตรงหน้าโดยไม่ปล่อยให้คลาดไปได้แม้แต่อิริยาบถเดียว และก็พบว่าเจ้าหล่อนจ้องตอบตาเขาเขม็งอย่างมีความหมาย ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันจนชายหนุ่มได้ยินเสียงหายใจหอบถี่ และเสียงใจเต้นแรงราวตีกลองของอีกฝ่าย

และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง มือข้างหนึ่งของสาวน้อยก็อ้อมไปทางด้านหลังของเขา ชายหนุ่มยังไม่ทันรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงข้อมือที่ถูกมัดไพล่หลังไว้ จนแทบจะร้องออกมาดัง ๆ ด้วยความตกใจ แต่ก็กล้ำกลืนไว้ได้ทันเมื่อสบกับสายตาเชิงขอร้องของเจ้าหล่อนที่จ้องมาจับมา

พอสาวน้อยถอยกลับไปยืนแอบข้างหลังกลุ่มโจรหลังม้วนแขนเสื้อของนักสืบหนุ่มขึ้นมาเรียบร้อยตามสั่ง โจรร้ายในชุดตัวตลกก็เดินถือเข็มฉีดยาปลายแหลมก้าวเข้ามาทรุดตัวลงคุกเข่าข้าง ๆ เชลยคนสำคัญ มือหนึ่งปีบเนื้อที่ท่อนแขนให้นูนขึ้นมาก่อนที่จะค่อย ๆ จรดปลายเข็มฉีดยาเข้าไปที่เป้าหมาย

ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์แปลกประหลาดที่สุด จนแม้แต่คนประสาทแข็งอย่างนักสืบอาเกจิยังตกตะลึงพรึงเพริด...ได้อุบัติขึ้น

เสียงวัตถุอะไรสักอย่างกระทบกันดังก้อง ตะเกียงดับพรึบลง เศษกระจกร้อน ๆ กระจายตกลงมาบนศีรษะท่ามกลางความมืดสนิท ตะเกียงน้ำมันก๊าดที่แขวนลงมาจากเพดานถูกใครสักคนปาด้วยอะไรสักอย่างจนแตกละเอียด

“ยิง ยิงเลย รอช้าอยู่ทำไม”

โจรร้ายร้องสั่งเสียงระล่ำระลักอย่างคนใจเสียดังก้องกังวานไปทั่วห้อง เพราะคิดว่าอาเกจิ โคโงโรมีอิทธิฤทธิ์ก่อเหตุมหัศจรรย์ขึ้นมาในวินาทีวิกฤตินั่นเอง แต่ที่ไหนได้นักสืบอาเกจิไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอะไรทั้งนั้นได้แต่ฉงนงงงวยกับโชคดีที่รอดตายมาได้อย่างไม่คาดฝัน

เสียงปืนดังขึ้นสองนัด แต่เป็นการยิงสุ่มเข้าไปในความมืดมิดจึงไม่มีทางที่จะเล็งให้ถูกเป้าหมายได้

นักสืบรูปงามไม่รีรอที่จะใช้ประโยชน์จากโชคดีที่มาถึงโดยไม่คาดหมายนี้พาตัวหนีออกไปให้พ้นจากขุมนรกนี้ให้จงได้ ด้วยสัญชาติญาณการอยู่รอด ชายหนุ่มรวบรวมพลังไปที่แขนทั้งสองเพื่อหาทางแก้เครื่องพันธนาการ...แต่ ประหลาด ประหลาดมาก...นี่เชือกมันหลุดลุ่ยเป็นเปลาะ ๆ ออกไปได้อย่างไร อึดใจนั้นเองสมองของนักสืบเอกก็สว่างวาบราวกับมีสายฟ้าแวบผ่านเข้ามา

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด แต่คนที่ช่วยเหลือนักสืบอาเกจิคือสาวน้อยที่ชื่อฟุมิโยะ ผู้เป็นลูกสาวของจอมโจร และที่ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบตรงข้อมือเมื่อครู่ก่อน ก็เพราะสาวน้อยลงแรงใช้มีดตัดเชือกมากเกินไปจนพลาดไปสะกิดผิวหนังของเขาจนสะดุ้ง สาวน้อยฟุมิโยะตัดเชือกปล่อยเชลยของพ่อตนเองเท่านั้นยังไม่พอ เจ้าหล่อนยังปาตะเกียงจนแตกเพื่อช่วยให้เขาได้สะดวกด้วย

“เทียนไข ฟุมิโยะ...ไปเอาเทียนไขมาเร็ว”

ขณะที่โจรร้ายยังหยิบจับอะไรไม่ถูกอยู่นั้น นักสืบอาเกจิช่วยตนเองให้เป็นอิสระจากเครื่องพันธนาการได้สำเร็จโดยไม่ง่าย ชายหนุ่มเผ่นโผนออกจากห้องราวกับพยัคฆ์ร้ายหลุดจากกรงขัง วิ่งเตลิดไปบนระเบียงทางเดินที่มืดมิดโดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใดไม่ผิดอะไรกับคนตาบอด เสียงตะโกนบอกกันสับสนอลหม่านตามหลังมาก้องไปทั่งบริเวณที่เงียบสงัด

“หนีไปแล้ว มันหนีไปแล้ว”

โชคดีที่ไม่มีสิ่งกีดขวางบนระเบียงทางเดินที่มืดสนิท พอพ้นออกมาจากระเบียงทางเดินโลกทั้งโลกก็เปิดสว่างอยู่เบื้องหน้าแม้จะเป็นยามค่ำคืน ดวงดาวกระพริบวิบวับอยู่ทั่วฟ้า

และแล้วนักสืบเอกก็หลุดพ้นออกมาจากบ้านนรกหลังนั้นจนได้ แต่ช้าก่อน...โจรร้ายกับสมุนของมันคงไม่ปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้ง่าย ๆ เสียงฝีเท้าของพวกมันตามมาเป็นขบวน พร้อมกับเสียงปืนที่ยิ่งสุ่มไปทั่วทิศ

นักสืบอาเกจิวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตต่อไปได้อีกเพียงห้าหกวินาทีก็ต้องหยุดอยู่ที่ทางตันซึ่งอะไรที่คล้ายราวสะพานกั้นเอาไว้

จอมโจรหัวเราะลั่น

“ตกใจละซีเจ้าเณรน้อย แกรู้ไหมว่าที่นี่น่ะมันที่ไหน เอ๊ะ...แกนี่ว่ายน้ำเป็นไหมนะ เอาเถอะก็คงจะเป็นหรอก แต่อย่าบอกนะว่าจะว่ายข้ามทะเลนี่ได้รอดไปถึงฝั่ง”

จอมโจรหัวเราะอีก นักสืบอาเกจิเอะใจจึงมองลงไปจากราวสะพาน...น้ำ น้ำ และน้ำ ดำละเลื่อมอยู่ใต้แสงดาว ข้างล่างนั้นคือมหาสมุทรอันล้ำลึก กว้างไกลไม่รู้ว่าไปสิ้นสุด ณ ที่ใด

อนิจจา...นี่เราไม่ได้อยู่บนบก แต่อยู่บนเรือในทะเลที่ไม่รู้ว่าทะเลอะไรแต่จะต้องห่างไกลจากฝั่งมากทีเดียว นึกย้อนไปก็พอจะปะติดปะต่ออะไร ๆ เข้ากันได้ ตะเกียงน้ำมันก๊าดแขวนบนเพดานที่สมัยนี้ไม่เห็นมีใครใช้กัน ห้องลับที่ไม่มีหน้าต่าง ห้องที่ไหวไปมาน้อย ๆ ชวนให้เวียนหัวอยู่ตลอด...

พอดีที่คลื่นลมสงบทะเลไม่ปั่นป่วนและเรือก็เป็นที่ที่อยู่เหนือการคาดคิดนักสืบหนุ่มจึงรู้สึกเหมือนกำลังจนแต้ม คืนวันนั้นระหว่างที่เขาสลบไม่ได้สติอยู่ โจรร้ายคงพาเขามาลงเรือลำนี้และพาออกทะเลมาไกลโพ้น...เรือ...ช่างเป็นที่ซ่อนตัวของฆาตกรที่ลึกลับและแนบเนียนอย่างนึกไม่ถึง

การว่ายน้ำสำหรับนักสืบอาเกจินั้นจะว่าไม่ถนัดก็คงจะไม่ได้ ทว่า มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่มีแต่ น้ำ น้ำ และ น้ำ สุดสายตาเช่นนี้เห็นทีจะต้องยอมแพ้ ทีนี้จะทำอย่างไรกัน...ด้านหลังศัตรูกำลังรุกใกล้เข้ามา ส่วนด้านหน้าคือท้องทะเลมืดดำมะเมื่อม

อุตส่าห์ออกจากห้องนรกมาได้จนถึงที่นี่ เห็นทีจะจนตรอกสิ้นหวังเสียแล้ว...ขณะที่กำลังทอดอาลัยตายอยากอยู่นั้นเอง เงาดำ ๆ ก็โฉบวูบเข้ามาเหมือนนกกายสิทธิในเทพนิยาย นักสืบหนุ่มสะดุ้งขยับตัวตั้งท่ารับการจู่โจมแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงกระซิบอย่างร้อนรนที่ข้างหู สาวน้อยฟุมิโยะผู้ช่วยชีวิตของเขานั่นเอง

“ทำท่ากระโดดลงไปในทะเล แล้วซ่อนตัวอยู่ที่กราบเรือ”

เจ้าหล่อนกระซิบบอกเพียงเท่านั้น แล้วเงาดำก็วูบหายไป

นักสืบอาเกจิทำตามเสียงกระซิบบอกของสาวน้อยผู้ช่วยชีวิตของเขาโดยไม่หยุดคิด

“โธ่เอ๋ย ทะเลแค่นี้ ว่ายไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป”

ชายหนุ่มแผดเสียงท้าทายจอมโจรดังก้องไปทั่ว ก่อนกระโดดข้ามราวกั้นลงไปทำทีว่ากระโดดลงไปในทะเล แต่ใช้ทักษะนักกายกรรมหมุนตัวเข้าคว้ากราบเรือห้อยตัวอยู่ลับจากสายตาคนข้างบน

พร้อมกันนั้นก็มีเสียงวัตถุอะไรสักอย่างตกตูมลงไปในทะเล จริงจังเสียจนนักสืบหนุ่มคิดว่าตนเองตกลงไป เข้าใจละ...เข้าใจแล้ว นั่นคือกลอุบายที่แสนจะแยบยลของสาวน้อยฟุมิโยะนั่นเอง เจ้าหล่อนคงเอาอะไรสักอย่างโยนลงไปในทะเลโดยใช้ความมืดเป็นเครื่องพรางตา

“เฮ้ย มันกระโจนลงทะเลไปแล้ว เอาเรือเล็กออกเร็ว เร็วเข้าซี”

โจรร้ายตวาดเสียงเกรี้ยว นักสืบหนุ่มได้ยินเสียงคนสาวคนวิ่งกรูไปที่ท้ายเรือซึ่งมีเรือเล็กพ่วงอยู่ ชายทั้งสามลุกลี้ลุกลนพากันลงเรือเล็กโดยไม่มีเวลาหยุดคิดตรึกตรอง หวังแต่จะจับเชลยให้อยู่มืออย่างเดียว ไม่นานก็ได้ยินเสียงแจวเรือรีบรุดไปยังจุดที่ถูกลวงว่าเชลยตัวสำคัญกระโดดลงไป และพายวนค้นหากันเป็นจ้าละหวั่นโดยอาศัยแสงดาวส่องลงพื้นน้ำ เรือลำน้อยห่างจากเรือแม่ไกลออกไปทุกที

ทันทีที่นักสืบรูปงามปีนกลับขึ้นมาบนเรือ สาวน้อยก็กระซิบบอกอุบายที่ข้างหู ชิดจนได้ไออุ่นจากลมหายใจ

“ไม่เป็นไรแล้วละ ไปหาที่ซ่อนตัวให้ดีก่อนที่พวกนั้นจะกลับมา แล้วพอกลับมาแล้ว ก็ใช้เรือเล็กนั่นหนีไป”

“ขอบใจเธอมาก ฉันจะไม่ลืมเธอเลยสาวน้อย แต่บอกฉันได้ไหมว่าทำไมเธอถึงหักหลังพวกนั้นโดยช่วยฉันหนี เธอเป็นพลพรรคคนหนึ่งพวกโจรไม่ใช่รึ”

ชายหนุ่มจับมือสาวน้อยไว้พลางกระซิบตอบ ด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจกลั้นน้ำตาอุ่น ๆ ไม่ให้คลอคลองขึ้นมาเต็มตา

“ฉันเป็นลูกสาวหัวหน้าโจร”

ฟุมิโยะกระซิบเสียงเศร้า

“แต่...แต่ฉันรู้จักชื่อคุณดี และต้องช่วยเพราะอดใจเอาไว้ไม่ได้”

สาวน้อยแทบจะร่ำไห้ออกมาด้วยอารมณ์สะเทือนใจรุนแรงเธอบีบมือนักสืบหนุ่มที่เกาะกุมมือเธอไว้ อาเกจิรู้สึกถึงความร้อนรุ่มอย่างน่าประหลาดที่ปลายนิ้วเรียวงาม สัมผัสที่สื่อความรู้สึกจากใจของสาวทำให้ชายหนุ่มแอบหน้าแดงอยู่ในความมืดโดยไม่คำนึงถึงวัยของตนเอง

จากนี้ไปเรื่องราวของมายาปีศาจจะยิ่งเข้มข้นและสยดสยองสะเทือนขวัญยิ่งกว่าที่ผ่านมามากมายนัก


กำลังโหลดความคิดเห็น