xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 7รอยมืออสูรกาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

ก่อนดำเนินเรื่องต่อไป ขอท้าวความกลับไปที่การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุนำโดยสารวัตรนามิโคชิ ณ คฤหาสน์ของนายฟุกุดะ โดยจะเล่าแต่เพียงย่นย่อเน้นเฉพาะประเด็นสำคัญที่จำเป็นต้องรายงานให้ผู้อ่านทราบไว้ในเบื้องต้น เพราะหากสาธยายในรายละเอียดให้เยิ่นเย้อก็จะเปลืองหน้ากระดาษและพลอยทำให้เบื่อหน่ายไปตาม ๆ กัน

ประเด็นแรกที่ควรแก่การรายงานคือ นายทามามุระ เซ็นทาโรพี่ชายแท้ ๆ ของผู้ตายพบว่า เพชรมูลค่ามหาศาลอันตรธานไปจากตู้ที่นายฟุกุดะซ่อนเอาไว้

ผู้จัดการของบริษัทค่าเพชรทามามุระซื้อเพชรเจียระไนเหลี่ยมกุหลาบแบบโบราณหนักหลายกะรัตเม็ดนั้นมาจากตลาดอัญมณีในยุโรป พอนายฟุกุดะเห็นเข้าก็หลงรักจึงขอซื้อจากพี่ชายมาด้วยราคาต้นทุน ซึ่งแม้นายทามามุระจะไม่บวกกำไรเพราะเห็นเป็นพี่น้องกัน แต่ก็ตกหลายหมื่นเยน (เทียบกับค่าเงินตอนนี้ก็เป็นร้อยล้านเลยทีเดียว) เพชรล้ำค่าหายไปอย่างลึกลับพร้อมกับการตายของนายฟุกุดะ

ประเด็นที่สองคือ พบรอยพิมพ์มือเปื้อนเลือดขนาดใหญ่ของฆาตรกรประทับเด่นอยู่บนบนผนังห้องนอนของนาย ฟุกุดะที่ติดวอลล์เปเปอร์ลวดลายงดงาม ในตอนแรกทั้งสารวัตรที่ขึ้นชื่อว่าสิงห์มือปราบ ตำรวจและหนุ่มจิโรไม่ทันสังเกตเห็นหลักฐานสำคัญนี้

“รอยมือใหญ่โตขนาดนั้น ทำไมเราถึงมองไม่เห็น” จิโรเปรยขึ้นด้วยความประหลาดใจ สารวัตรหัวเราะฮึ ๆ ก่อนบอกว่า

“ก็เพราะมันอยู่สูงผิดปกติน่ะซีคุณ คนเราส่วนใหญ่เวลาเข้าไปชิดกับฝาห้องตามธรรมดาจะยันมือตรงตำแหน่งที่ต่ำกว่าสายตาใช่ไหม” สารวัตรอธิบายพลางเสริมว่า “เวลาเราค้นหาเบาะแสอะไรเกี่ยวกับคนร้ายเรามักลืมมองขึ้นไปบนที่สูง อย่างตำรวจที่ค้นหาหลักฐานกันอย่างเอาเป็นเอาตายตามพื้นห้องอย่างไม่มีวันยอมให้รอดสายตาไปได้นั่นก็เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะไม่มองขึ้นไปบนเพดานหรือที่ผนังห้องด้วยซ้ำ นี่ถ้านักสืบอาเกจิเพื่อนผมอยู่ที่นี่ด้วยเขาจะต้องบอกว่าเป็นจุดบอดทางจิตวิทยาครับ นี่ถ้าเราเพลี่ยงพล้ำจุดนี้ไปละก็การสืบสวนจะต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า จากตรงนี้เราสังเกตไม่เห็นความผิดปกติหรอกครับ มันอยู่สูงขึ้นไปเหนือโคมไฟเพดานนั่นแล้วก็กลืนกันไปกับลายของกระดาษติดผนังด้วย”

ไม่ว่าจะมองในแง่ไหนก็แปลกทั้งนั้น รอยมือเปื้อนเลือดขนาดใหญ่ประทับอยู่บนผนังสูงขึ้นไปจากระดับสานตาของสารวัตรนามิโคชิและเจ้าหนุ่มจิโรมาก ถ้าจะจับให้ถึงจะต้องเขย่งสุดตัวและเอื้อมสุดแขนเลยทีเดียว...รอยมือลึกลับขึ้นไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร

สิ่งที่ทำให้พิศวงงงงวยยิ่งกว่านั้นก็คือขนาดอันใหญ่โตของรอยฝ่ามือเปื้อนเลือด ซึ่งสารวัตรนามิโคชิคำนวนดูจากสายตาพบว่าใหญ่กว่าฝ่ามือคนธรรมดาสองเท่าครึ่งเห็นจะได้ ความใหญ่ยักษ์ของมันทำให้บรรดาตำรวจและนาย ทามามุระกับลูกชายตกตะลึงพูดไม่ออกได้แต่มองหน้ากัน...ใครจะมีมือใหญ่ผิดมนุษย์มนาได้ถึงขนาดนี้

ไม่มีใครกล้าพูดถึงสิ่งที่ตนจินตนาการออกมา แต่ว่าไม่ว่าใครก็ใครคงคิดหรอกว่านั่นมันคือมือของอสูรกายร่างใหญ่ยักษ์ ตำแหน่งความสูงของรอยมือเปื้อนเลือดบ่งบอกว่าอสูรกายตนนี้ร่างสูงกว่า 7 ฟุตเป็นอย่างน้อย และมีฝ่ามือที่ใหญ่กว่ามนุษย์ธรรมดาถึงสองเท่าครึ่ง มันต้องเป็นมนุษย์ประหลาดแน่นอน

...ต้องมีอะไรผิดพลาดที่ไหนสักอย่าง มนุษย์ประหลาดจะเข้ามาในห้องที่ปิดสนิทออกอย่างนี้ได้ยังไง และยิ่งเป็นยักษ์ใหญ่ร่างมหึมาด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ ชักจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว...แต่ละคนพยายามลบล้างจินตนาการที่ชวนให้สยองขวัญ แต่ต่อมาได้มีสิ่งที่ทำให้จินตนาการของทุกคนนั้นไม่ใช่จินตนาการอีกต่อไป

นั่นก็คือเบาะแสประการที่สามซึ่งเปิดเผยขึ้นในช่วงที่คณะตำรวจนักสืบกำลังจะมาถึงคฤหาสน์เกิดเหตุ ตอนนั้นผู้สื่อข่าวอาชญากรรมของหนังสือพิมพ์รอบดึกแต่ละฉบับแห่กันมาออกันอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ พยายามใช้เทคนิคและเคล็ดลับที่มีอยู่ในจิตวิญญาณนักข่าวกันอย่างเต็มที่ ด้วยความหวังว่าถ้าโชคช่วยอาจมีโอกาสเล็ดลอดเข้าไปข้างในและช่วงชิงเก็บสกู๊ปข่าวเด็ดตัดหน้าคู่แข่งฉบับอื่น

ในจำนวนนั้นมีนักข่าวหัวเห็ดคนหนึ่งอยู่คนหนึ่งที่สืบหาจนได้เบาะแสสำคัญมาไว้ในกำมือและนำมาเสนอต่อสารวัตรนามิโคชิ (โดยเจรจาแลกเปลี่ยนกับรายละเอียดของคดีตั้งแต่ต้นได้สำเร็จ)

คฤหาสน์ของนายฟุกุดะอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยเงียบสงบบริเวณชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียว ด้านหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์เป็นถนนส่วนบุคคลและที่ว่างกว้างใหญ่ ตรงมุมที่ว่างด้านติดกับถนนหลวงสุดทางถนนส่วนบุคคลของคฤหาสน์มีกระต๊อบโกโรโกโสของคนลากรถที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากอดีตภพอยู่หลังหนึ่ง คืนวันนั้นขณะที่คนลากรถวัยชราที่อยู่เพียงลำพังตัวคนเดียวนอนห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม นักข่าวหัวเห็ดคนนี้ก็เข้าไปปลุกขึ้นมาถามว่าแกเห็นอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า

ได้ความว่า ณ เวลาที่คนร้ายก่ออาชญากรรมนั้น คนลากรถกลับกระท่อมหลังเสร็จงานที่ต้องใช้แรงและเวลามากกว่าปกติ พอมาถึงแกก็ซุกเข้าไปนอนห่อตัวอยู่ในผ้าห่มแล้วก็เคลิ้มหลับไป แกไม่อาจพูดได้เต็มปากเพราะกำลังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่พอนึกดูอีกทีมันก็แปลกอยู่

“ลุงไม่เคยเห็นใครตัวสูงอย่างนั้นมาก่อนเลยละพ่อคุณ หน้าน่ะไม่เห็นแน่ ๆ เห็นตัวมันลาง ๆ อยู่ในเงามืดยังกับเปรตอสูรกายหรืออะไรสักอย่าง วิ่งฉิวจากด้านคฤหาสน์ผ่านมาทางนี้ยังกับบิน ตรงนี้มันมืดสลัวอยู่ลุงเลยเห็นแค่แวบเดียวเอง ความที่มันประหลาดก็เลยนึกว่าฝันไป พอคุณบอกว่ามีคนถูกฆ่าอย่างนี้ เลยชักสงสัยว่าเจ้าเปรตอสูรกายที่ลุงเห็นนั่นอาจเป็นฆาตกรก็ได้นะ”

พอได้ฟังเรื่องจากนักข่าวหัวเห็ดสารวัตรนามิโคชิก็เรียกตัวคนลากรถมาที่คฤหาสน์และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ความว่าชายลึกลับร่างใหญ่สูงราวเจ็ดฟุต คลุมผ้าคลุมสีดำสะบัดปลิว ไม่เห็นหน้าเห็นตาเพราะคงใช้ผ้าดำปิดบังเอาไว้ และไม่เห็นว่าถือสิ่งของอะไรใหญ่ ๆ ติดตัวมา...นอกจากคำตอบที่ชัดเจนเพียงเท่านี้แล้ว คนลากรถวัยชราก็ไม่รู้อะไรอีก

ทว่า รอยมือเปื้อนเลือดขนาดใหญ่ก็ดี ชายร่างสูงใหญ่เหมือนเปรตที่คนลากรถเห็นในความมืดก็ดีนั้น ในฐานะที่เป็นตำรวจสืบสวน สารวัตรไม่อาจปักใจเชื่อไปเสียทั้งหมดว่านั่นเป็นภาพลวงตาหรือภาพหลอน หรือว่าเป็นความจริงที่เหนือกว่าฝัน ก่อนที่จะเชื่อคำบอกเล่าของคนภายนอก สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอันดับแรกในการสืบสวนคือมีการปิดประตูหน้าต่างอย่างสนิทดีทั่วทั้งคฤหาสน์หรือไม่ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ต้องมองคนรับใช้ทุกคนของคฤหาสน์ด้วยความระแวงสงสัยเอาไว้ก่อน

สารวัตรเรียกตัวคนในบ้านรวม 6 คน ซึ่งได้แก่ แม่บ้านผู้เฒ่า คนรับใช้หนุ่ม หญิงรับใช้ 2 คน คนขับรถกับผู้ช่วย มาสอบปากคำอย่างเข้มงวดเป็นครั้งที่สาม พร้อมทั้งตรวจสิ่งของส่วนตัวและหีบเก็บสัมภาระของแต่คนอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่มีใครตอบคำถามที่มีพิรุธทำให้เคลือบแคลงสงสัย และไม่พบเพชรล้ำค่าที่เป็นปัญหาซุกซ่อนอยู่ในสัมภาระสิ่งของของผู้ใด ในที่สุดการสอบปากคำคนในบ้านก็สิ้นสุดลงด้วยการคว้าน้ำเหลวเช่นเคย

จะบอกว่าอาชญากรรมรายนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ไม่ได้แน่นอน เพราะวิธีฆ่าที่โหดเหี้ยมเกินมนุษย์มนาและหัวที่ถูกตัดเอาไปทำให้ไม่อาจคิดเช่นนั้นได้ ทุกคนในที่นั้นคิดไปในแนวเดียวกันว่าการฆ่าเป็นเป้าหมายหลักของฆาตกร ส่วนการขโมยเพชรล้ำค่านั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการหยิบติดมือไปเป็นผลพลอยได้ ส่วนคำถามที่ว่าทำไมต้องฆ่าก็ตอบไม่ยาก...วิธีฆ่าบ่งบอกให้เห็นชัดเจนกันแล้วว่าต้องเป็นฝีมือของคนที่เคียดแค้นชิงชังนายฟุกุดะอย่างล้ำลึกจนต้องล้างแค้นกันด้วยเลือด

นายทามามุระ เซ็นทาโรให้การว่าเขาไม่ได้มีเรื่องโกรธแค้นอะไรกันกับนายฟุกุดะผู้เป็นน้องชายแท้ ๆ และบอกว่าไม่มีคนรู้จักที่เป็นชายร่างใหญ่สูงเกือบเจ็ดฟุตทั้งโดยตรงและโดยอ้อม สำหรับเรื่องนี้แม่บ้านผู้เฒ่าที่อยู่กับตระกูลนี้มานานรับรองอย่างแข็งขันว่าคำให้การของนายทามามุระเป็นความจริงทุกประการ

พอมาถึงขั้นนี้สารวัตรนามิโคชิ มือปราบผู้คลี่คลายคดียากเย็นมาไม่รู้ว่าเท่าไรต่อเท่าไรดูเหมือนแทบจะจนแต้มกับความประหลาดลึกลับอย่างไม่เคยพานพบมาก่อนของคดีนี้เสียแล้ว

ใครฆ่า ฆ่าทำไม และทำไมถึงตัดเอาหัวศพไปด้วย มีความจำเป็นอะไรถึงต้องเป่าขลุ่ยเสียงโหยหวน โปรยดอกเดซี่สดสวยลงบนศพและทั่วไปทั้งห้อง ฆาตกรเข้ามาในห้องนอนที่ปิดตายและหนีออกไปได้อย่างไร ทุกอย่างมืดสนิท ไม่มีคำตอบและไม่มีช่องทางอื่นให้สันนิษฐานรูปคดี นอกเหนือไปจากเบาะแสเพียงน้อยนิดที่ไม่รู้ชัดว่าเป็นภาพหลอนหรือว่าความจริงที่เหนือกว่าฝัน

“คดีอย่างนี้ต้องอาเกจิ โคโงโร”

สารวัตรนามิโคชิแอบคิดคนเดียวเงียบ ๆ แล้วกลับไปที่สำนักงานตำรวจโตเกียวเฝ้าคอยเวลาให้รุ่งเช้าแล้วจึงโทรศัพท์ไปยังโรงแรมที่ทะเลสาบ S ซึ่งนักสืบเอกพักอยู่เพื่อเร่งให้กลับโตเกียวโดยเร็ว

แต่แล้วสารวัตรก็ต้องตกใจจนหูโทรศัพท์แทบหลุดจากมือ เมื่อผู้จัดการโรงแรมบอกว่านักสืบอาเกจิ ขึ้นรถไฟกลับโตเกียวตามกำหนดการเรียบร้อยแล้วแน่นอน

เอ๊ะ ถ้าอย่างนั้น...ทำไมรถที่นายฟุกุดะส่งไปรับที่สถานีอุเอโนะถึงได้กลับมารถเปล่า ๆ หมายความว่านักสืบเอกหายตัวไปที่ใดสักแห่งระหว่างทางจากสถานี S ถึงสถานีอุเอโนะอย่างนั้นหรือ หายตัวไปในรถไฟหรือที่ชานชาลาสถานี อุเอโนะ ไม่ว่าจะที่ไหนหรืออย่างไร ที่แน่ ๆ ก็คืออาเกจิ โคโงโรพลาดท่าเสียทีถูกคนร้ายวางกับดักและถูกริดรอนอิสรภาพเสียแล้ว หรือบางทีอาจกำลังตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรงกว่านั้น

เจ้าหน้าที่แผนกสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจโตเกียวเครียดกันไปทุกคน ผู้อำนวยการแผนกสืบสวนสอบสวน หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ และแม้กระทั่งผู้บังคับการ ไม่มีใครคิดถึงเรื่องอื่นที่นอกเหนือไปจากคดีนี้ การที่ต้องวางแผนสืบสวนให้ได้ในภาวะที่เกือบไม่มีหลักฐานข้อมูลเลยนั้นเป็นอะไรที่ทำให้ทุกคนแทบจะสิ้นหวัง

เช้าวันที่ 18หลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมได้ 2 วัน ขณะที่ตำรวจกำลังกระวนกระวายกันอยู่นั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมาก่อนขึ้นที่สะพานชิราฮิเงะดังที่ได้เล่าไว้แล้วก่อนหน้านี้


กำลังโหลดความคิดเห็น