xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 6 เรือนรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
 
 
หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

ระหว่าง 9 ถึง 10 นาฬิกาของเช้าวันนั้นได้เกิดเหตุประหลาดขึ้นที่บริเวณสะพานชิราฮิเงะ

แม่น้ำสายใหญ่ยามฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเริ่มเย็นเนื้อเย็นตัว ไม่มีเรือที่คนเคยมาพายเล่นช่วงฤดูร้อน เหลือแต่เรือขนสินค้าที่จำเป็นลำสองลำแล่นเหงา ๆ ตามกันไปมาระหว่างสะพานหนึ่งกับอีกสะพานหนึ่ง นาน ๆ ทีจึงจะมีเรือกลไฟโดยสารที่คนนิยมใช้สัญจรไปมา แล่นแหวกผิวน้ำที่เรียบสงบอยู่ทิ้งเกลียวคลื่นและเสียงเครื่องยนต์ดังเป็นจังหวะไว้เบื้องหลัง

น่าแปลก ณ เวลานี้ของยามเช้า ทำไมคนที่เดินผ่านไปมาบนสะพานทั้งชายหญิงหลายคนจึงหยุดยืนเกาะราวสะพานกันเป็นกลุ่มมองลงไปที่แม่น้ำ จะว่าพากันมายืนรับลมเย็นให้คลายร้อนก็ไม่ใช่ที่ หรือว่ามีอะไรดึงดูดความสนใจอยู่ในเงามืด ๆ ใต้สะพานนั่น

ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคนสองสามคนพบความประหลาดบนพื้นน้ำด้านเหนือขึ้นไปของลำน้ำจึงหยุดดู และคนอื่น ๆ ก็พลอยหยุดดูตามไปด้วย
สะพานชิระฮิเงะข้ามแม่น้ำซุมิดะสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
จะไม่ประหลาดจนต้องหยุดดูกันได้อย่างไร เพราะภาพที่ทุกคนเห็นคือชายคนหนึ่งไม่รู้ว่าบ้าหรือเมากันแน่กำลังแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำซุมิดะที่น่าจะเย็นเฉียบเพราะเกือบจะย่างเข้าเดือนพฤศจิกายนอีกไม่กี่วันอย่างนั้น แต่แรก ใคร ๆ คิดว่าเป็นท่อนไม้แต่พอใกล้เข้ามาจึงเห็นว่าเป็นหัวคน และพอใกล้เข้ามาอีกจึงเห็นหน้าชัดขึ้นว่ามีหนวดและเป็นคนสูงอายุ
“ลุงคนนี้ท่าจะแข็งแรงเอามาก ๆ นะครับ อากาศเย็นออกอย่างนี้ยังลงไปว่ายน้ำเล่นอยู่ได้”

ชายหนุ่มสวมกางเกงสีกากีจูงจักรยานมาเปรยขึ้นกับชายในชุดสูทท่าทางเป็นพนักงานหาประกันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“จริงด้วยครับ จะว่าเป็นพวกว่ายน้ำวิบากตอนหน้าหนาวก็ยังเร็วไป ดูเป็นคนสูงอายุ...หรือว่าจะเป็นอาจารย์ของลัทธิอะไรสักอย่างมาปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่เห็นมีข่าวอะไรทางหนังสือพิมพ์นะครับ”

พนักงานหาประกันท่าจะสงสัยมากจึงเขม้นมองไปที่ชายสูงวัยในแม่น้ำ คนที่เดินอยู่อีกฟากหนึ่งของสะพานเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของคนสองสามคนทางด้านนี้ก็พากันข้ามมามุงดูด้วย จำนวนคนมุมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นกลุ่มใหญ่เหมือนมีงานมหกรรม

“ผมว่าออกจะพิกลอยู่นะ ท่าว่ายน้ำแบบนั้นมีด้วยหรือ ดูเรียบมากไม่มีน้ำกระเซ็นเลย หรือว่าจะเป็นการว่ายแบบพิเศษอะไรที่เราไม่รู้จัก”

พนักงานหาประกันยิ่งเขม้นมองก็ยิ่งสงสัย จริงด้วย...แปลกจริง...คนในกลุ่มที่มามุงอยู่เห็นพ้องไปตาม ๆ กัน

“เฮ้ย...ดูหน้านั่น” ใครคนหนึ่งตะโกนลั่น “หน้าเขียวปี๋ ตาค้าง...นั่นมันศพชัด ๆ “

“บ้าหรือเปล่า จะเป็นศพลอยน้ำไปได้ยังไง คนจมน้ำตายมันก็ต้องลอยอืดขึ้นมาทั้งตัวแล้วละซี” ใครคนหนึ่งค้าน

ทว่า...ไม่ว่าจะดูยังไงมันก็เป็นการว่ายน้ำที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน คนว่ายโผล่หัวขึ้นมาแค่คอลอยตัวใกล้เข้ามาเงียบ ๆ ไม่มีการกระทุ่มน้ำพยุงตัวแต่อย่างใด จะว่าเป็นศพลอยน้ำก็ไม่ใช่เพราะถ้าใช้ก็จะต้องลอยอืดมาทั้งตัว

ไม่นานเวลาคลี่คลายปริศนาก็มาถึง เมื่อสิ่งที่ใคร ๆ คิดว่าเป็นคนว่ายน้ำนั้นเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาทุกทีจนมาอยู่ใต้สายตาของทุกคนที่จ้องมองลงไปจากสะพานและเผยให้เห็นความลึกลับที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ คราวนี้ทุกคนประจักษ์ต่อสายตาตนเองแล้วว่า สิ่งนั้นไม่ใช่ทั้งศพลอยน้ำและคนเป็น ๆ ว่ายน้ำลอยคอมา

ผู้อ่านคงจะรู้กันแต่ต้นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร และคงจะนึกรำคาญที่ผู้เขียนสาธยายเสียยืดยาวเต็มที ใช่...จริงตามที่ผู้อ่านคิด...สิ่งนั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากหัวของนายฟุกุดะ โทกุจิโร ที่ถูกตัดออกจากร่างหายไปอย่างลึกลับจากห้องนอนในคฤหาสน์ของเขาเมื่อสองวันก่อน

เมื่อมองลงไปจากสะพานตอนที่หัวของนายฟุกุดะลอยมาตรงจุดใต้สายตาพอดี ทุกคนจึงรู้ว่าที่หัวลอยน้ำอยู่ได้ไม่จมลงไปนั้นก็เพราะมันวางอยู่บนเรือไม้ลำเล็ก ๆ ที่จมอยู่ปริ่ม ๆ และลอยมาตามกระแสน้ำ คงไม่ต้องบอกว่าจะตระหนกตกใจกันปานใดกับภาพสยองขวัญที่ไม่มีใครเคยพบเคยเห็นมาก่อน วงคนมุงแตกฮือและอุทานออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน

ตำรวจป้อมยามตรงเชิงสะพานที่ตามเข้ามาปะปนอยู่ในฝูงคนเพื่อสังเกตการณ์และดูแลความสงบนั้น แม้ไม่เคยเห็นหน้านายฟุกุดะมาก่อนแต่พอประจักษ์ชัดว่าสิ่งที่ลอยมาคือหัวคนก็ไม่อาจตื่นตระหนกตกใจอยู่ได้นาน สัญชาติญาณของอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กระตุ้นเตือนทันทีว่าจะต้องเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นที่ไหนสักแห่งแน่นอน

ตำรวจไม่รอช้ารีบรุดลงไปที่ชายฝั่งแม่น้ำสั่งให้นายเรือบรรทุกสินค้าออกเรือไปเก็บหัวคนที่ลอยมากับเรือนั้นโดยเร็ว แผ่นกระดานที่ติดกับหัวคนนั้นประกอบกันเข้าเป็นรูปเรือจำลอง ตรงส่วนที่เป็นหัวเรือเขียนด้วยหมึกดำตัวหนาว่า “เรือสู่แดนประหาร”
“เรือสู่แดนประหาร” ช่างเป็นชื่อที่ชวนให้สยองขวัญอะไรเช่นนั้น หัวถูกลอยน้ำไปกับเรือตามยถากรรมราวกับหัวของนักโทษประหารที่ถูกตัดแล้ววางประจานบนแท่น คนที่วางแผนสังหารนายฟุกุดะได้อย่างโหดเหี้ยมและเลือดเย็นเช่นนี้จะต้องมีความอาฆาตแค้นเหยื่อของมันอย่างแรงแน่นอน

สถานีตำรวจเจ้าของท้องที่เกิดเหตุแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจโตเกียวทันที ซึ่งได้รับการยืนยันในทันทีนั้นเช่นกันว่าเป็นหัวของนายฟุกุดะ

การกระทำอันอุกอาจของฆาตกรใจโหดทำให้สารวัตรนามิโคชิรู้สึกเหมือนถูกลูบคมเอาซึ่ง ๆ หน้า นายตำรวจที่ได้ชื่อว่าสิงห์มือปราบจึงไม่รอช้ารีบระดมกำลังจัดตั้งคณะสืบสวนสอบสวนขึ้นมารับมือโดยพลัน แล้วออกคำสั่งให้แยกย้ายกันออกสืบหาตัวฆาตกรมาให้ได้โดยเร็วแม้จะต้องพลิกแผ่นดินก็ตาม ส่วนสารวัตรเองก็นำกำลังพลกลุ่มหนึ่งออกสืบหาเบาะแสของฆาตกรที่สองฝั่งแม่น้ำตอนบนของสะพานชิราฮิเงะ สอบปากคำนายเรือขนส่งสินค้าและเรือโดยสารที่อยู่แถวนั้นในช่วงเวลาเกิดเหตุ ทว่าแม้จะวนเวียนสืบหาหลายหนหลายรอบอย่างถี่ถ้วนราวกับตามบี้ตัวเห็บตัวเหาเพียงไร ก็ไม่ได้เบาะแสฆาตกรแม้แต่นิดเดียว

จากสะพานชิราฮิเงะเหนือขึ้นไปทางต้นน้ำมีสะพานอยู่น้อยมาก อีกทั้งยังเป็นช่วงที่แม่น้ำหักมุมเกือบจะเป็นมุมฉากทำให้มองขึ้นไปไม่เห็นความเป็นไปในลำน้ำส่วนบน นับเป็นชัยภูมิที่เหมาะมากสำหรับการที่ฆาตกรจะนำหัวนาย ฟุกุดะมาลอยน้ำโดยไม่มีใครเห็น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นช่วงที่แม่น้ำอายาเซะและแควใหญ่น้อยหลายสายไหลมาบรรจบ ทั้งยังมีเวิ้งอ่าว ทำให้อาณาบริเวณการสืบสวนกว้างขวางออกไปมาก แม้จะระดมกำลังตำรวจมามากมายเพียงใดก็ยังค้นหาได้ไม่ทั่วถึงทั้งบริเวณ

ความลึกลับของฆาตกรที่มีพฤติกรรมไม่แตกต่างอะไรกับปีศาจ เหตุการณ์ชวนสยองของหัวคนลอยมากับเรือสู่แดนประหาร อีกทั้งการที่อาเกจิ โคโงโร นักสืบเอกถูกลักพาตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ล้วนเหยื่ออันหอมหวานของบรรดานักข่าวหนังสือพิมพ์ที่จะนำไปเขียนด้วยสำนวนโวหารกันอย่างถึงอกถึงใจ

ข่าวฆาตกรรมนายฟุกุดะจึงครองพื้นที่เต็มหน้าข่าวสังคม สร้างความตื่นระทึกให้แก่ผู้คนต่อไปอีกหลายต่อหลายวัน


กำลังโหลดความคิดเห็น