xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 4 แมวแดง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

นายฟุกุดะได้รับโทรเลขแจ้งว่า “นักสืบอาเกจิเดินทางถึงสถานีอูเอโนะ19:30 น.” จึงขอให้สารวัตรนามิโคชิจัดตำรวจสักคนที่คุ้นหน้ากับนักสืบเอกดีช่วยติดรถไปรับที่สถานีรถไฟ และเชิญให้สารวัตรกันมาที่คฤหาสน์ฟุกุดะเพื่อจะได้พบนักสืบเอกพร้อมกัน

ทว่า รถยนต์ที่ส่งไปรับกลับมารถเปล่าเมื่อราวสองทุ่ม ตำรวจที่ไปด้วยรายงานว่าเขากับรถที่ไปรับเดินทางถึงสถานี อูเอโนะช้ากว่าเวลารถไฟเทียบชานชาลา 15 นาที ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้เพราะก่อนออกเดินทางนาฬิกาพกของเขา นาฬิกาข้อมือของคนขับรถ และนาฬิกาเรือนใหญ่ของคฤหาสน์ชี้เวลาตรงกัน เพิ่งจะรู้สึกว่าช้ากว่าเวลาจริงถึง 15 นาทีก็เมื่อไปถึงสถานีรถไฟแล้วปรากฎว่าผู้โดยสารรถไฟขบวนที่เข้าเมื่อทุ่มครึ่งนั้นแยกย้ายกันไปเกือบหมดแล้วและไม่มีแม้แต่เงาของนักสืบเอกไม่ว่าจะแยกย้ายกันค้นหาตัวให้ควั่กเพียงใด จนต้องล้มเลิกความตั้งใจกลับมารถเปล่าอย่างที่เห็น

การที่นาฬิกาที่แต่ละคนใช้อยู่เสมอช้าไปจากเวลาจริงเท่า ๆ กันเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลอะไรพิเศษแฝงอยู่ แต่ก็ไม่มีใครในที่นี่คิดลึกถึงขนาดนั้น ใครจะคาดฝันเล่าว่าการไปช้าของพวกเขาจะเปิดโอกาสให้คนร้ายก่อการใหญ่เกินแก้

นายฟุกุดะร้อนใจจึงโทรศัพท์ถึงสารวัตรนามิโคชิที่ยังอยู่ที่ที่ทำงานเป็นอย่างแรกแล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟังโดยละเอียด และเสริมว่าที่โทรมานั้นเพราะนึกขึ้นได้ว่าเผื่อยังไงนักสืบอาเกจิอาจแวะไปหาสารวัตรก่อนก็เป็นได้

“เปล่าครับ นักสืบอาเกจิไม่ได้มาหาผม ถ้าเขาหารถที่คุณส่งไปรับไม่เจอก็คงโทรศัพท์มาถาม แต่ถ้าเงียบไปอย่างนี้อาจเป็นเพราะพลาดรถไฟ เรารอก่อนดีไหมครับ รถเที่ยวต่อไปคงจะออกช่วงเช้าวันพรุ่งนี้”

สารวัตรตอบอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำหลักสำคัญ

และแล้วคืนนั้น ตำรวจที่สารวัตรส่งมาให้ติดรถไฟรับนักสืบเอกจึงค้างอยู่ที่คฤหาสน์ตามคำขอของนายฟุกุดะ ช่วยสอดส่องดูแลไปรอบ ๆ บ้านร่วมกับเจ้าหนุ่มจิโรหลานชายเจ้าของคฤหาสน์ นายฟุกุดะจึงนอนหลับตาลงได้โดยไม่ห่วงกังวล

เพราะนายฟุกุดะและสารวัตรนามิโคชิไม่มีโอกาสรู้สักนิดเลยว่าเหตุร้ายกำลังคืบคลานเข้ามา ดังนั้นจะว่าประมาทก็คงไม่ใช่ ตัวเลขบนแผ่นกระดาษคือ “3” ถึงนายฟุกุดะจะหวาดกลัวแต่ก็ยังมีเวลาเหลืออยู่อีก 3 วัน ซึ่งระหว่างนั้นจำต้องไม่เกิดเหตุอะไร เขาปลอบตัวเองว่าที่ต้องกลัวจริง ๆ ก็เมื่อตัวเลขเป็น “1” และ “0” การที่นักสืบเอกจะมาถึงช้าไปสักวันหนึ่งนั้นไม่น่าจะเป็นปัญหา

แต่ผู้ร้ายไม่ใช่จะเหมือนกับจอมโจรอาร์แซน ลูแปงที่ได้ชื่อว่าผู้ร้ายผู้ดียึดมั่นในคำสัญญากันไปหมดทุกคนเสียเมื่อไร โดยเฉพาะผู้ร้ายรายนี้ดูเหมือนจะมาเหนือเมฆเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่ามันหรือพวกมันสืบรู้ได้อย่างไรว่านักสืบอาเกจิ ศัตรูตัวฉกาจจะเดินทางกลับโตเกียวในวันนี้เวลานี้ แล้วชิงมาเก็บไปเสียก่อนที่จะทันได้สำแดงฤทธิ์เดช จะว่าผู้ร้ายไม่ล่วงรู้ถึงการที่นายฟุกุดะไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจก็ไม่ใช่ และที่มันแจ้งวันเวลาก่อเหตุไว้ในวันที่ 20 พฤศจิกายนแล้วคอยให้อีกฝ่ายวางแผนป้องกันตัวอย่างรัดกุมเช่นนี้ ก็คงไม่ใช่เพราะมันเป็นคนร้ายที่ทึ่มทื่อแน่นอน มันต้องมีอะไรเหนือเมฆขึ้นไปกว่านั้น

จะอย่างไรก็ตามที คืนนั้นหลังจากที่เจ้าหนุ่มจิโรที่ได้รับมอบหมายจากนายฟุกุดะอาของเขาให้เฝ้าระวังอันตรายภายในบริเวณคฤหาสน์กับตำรวจนายนั้น ลาดตะเวนจนทั่วแล้วพบว่าเปล่าประโยชน์จึงพากันกลับห้องรับรองแขกที่ทางคฤหาสน์จัดไว้ให้ที่ชั้นบนเตรียมนอนพัก เพราะความจริงแล้วที่เขาทั้งสองมาค้างอยู่ด้วยที่นี่ก็เพื่อให้นายฟุกุดะรู้สึกปลอดภัยคลายกังวลเท่านั้นเอง

เจ้าหนุ่มจิโรกับตำรวจนึกประมาทโดยไม่รู้ตัวว่ายังเหลืออีกถึงสามวัน อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าพอถึงวันที่ 20 พฤศจิกายนเข้าจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้นหรืออาจไม่เกิดอะไรขึ้นก็ได้ ใช่...ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นมากกว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลเหมือนอากาศธาตุที่จับไม่ติด สารวัตรนามิโคชิพูดไม่ผิดเลยที่บอกว่า “คดีประหลาดแบบนี้อยู่ในอาณาจักรของอาเกจิ โคโงโร”

ทว่า ผู้ร้ายที่แสดงฤทธิ์เดชให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยการลักพาตัวนักสืบเอกอาเกจิไปด้วยปฏิบัติการสายฟ้าแลบต่อหน้าฝูงคนที่สถานีอูเอโนะนั้น มันต้องมีญาณอ่านใจมนุษย์ด้วยกันได้อย่างทะลุปรุโปร่งแน่นอน คือพอทุกคนในคฤหาสน์เข้าใจแล้วเริ่มคุ้นชินกับสารจากปีศาจซึ่งแน่นอนว่าจะต้องซุกซ่อนรหัสอุบาทเอาไว้อย่างแยบยล และนอนใจกับสามวันที่เหลือจนถึงขั้นประมาทนั้นเอง คืนนั้น...ดึกวันที่ 17 พฤศจิกายน...สามวันก่อนถึงเส้นตายนั้นเอง อาชญากรรมสยองขวัญก็ได้อุบัติขึ้นเหนือความคาดหมายของทุกคนในคฤหาสน์

เสียงขลุ่ยดังหวีดหวิวปลุกเจ้าหนุ่มจิโรให้สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก และพอเงี่ยหูฟังก็พบว่าดังอยู่บริเวณห้องนอนของเจ้าของคฤหาสน์ที่อยู่ชั้นล่าง เสียงขลุ่ยโหยหวนราวเสียงคร่ำครวญของคนที่โศรกเศร้าแทบจะสิ้นใจดังแว่ว มาฟังแล้วสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก เสียงขลุ่ยไม่มีท่วงทำนองเป็นเพลงบทใด แต่กระแสเสียงที่ทั้งโศกทั้งไพเราะ บางช่วงตอนราวแฝงไว้ด้วยความชิงชังอย่างน่าประหลาดนั้น ใครได้ฟังเพียงครั้งเดียวจะไม่ลืมไปจนวันตาย

แปลก...เท่าที่รู้ นายฟุกุดะอาของเขาไม่เป่าขลุ่ยแน่นอน และถึงจะมีใครสักคนในคฤหาสน์ชอบเป่าขลุ่ย ก็ไม่น่าจะลุกขึ้นมาเป่ากลางดึกเช่นนี้

“หรือเราจะหูฝาด...ไม่ใช่นะเสียงขลุ่ยจริง ๆ แล้วดังมาจากแถว ๆ ห้องคุณอาด้วย หรือว่า...”

พอคิดขึ้นมาดังนั้น หนุ่มจิโรก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เหมือนกับใครเอาน้ำเย็นเฉียบมาราดที่ต้นคอ

อยู่ ๆ เสียงขลุ่ยก็เงียบหายไปราวกับปลิดทิ้ง ไม่ว่าจะแนบหูฟังเท่าไรก็ไม่ได้ยิน หนุ่มจิโรลุกขึ้นปลุกตำรวจที่นอนหลับอยู่บนเตียงข้าง ๆ ทันที

“เกิดอะไรไม่ชอบมาพากลขึ้นแล้วละครับคุณตำรวจ ช่วยลงไปข้างล่างเป็นเพื่อนผมได้ไหมครับ”

ชายหนุ่มทั้งสองนอนทั้งกางเกงที่ใส่ทำงานดังนั้นพอฉวยเสื้อมาสวมตัวเดียวก็ออกไปเร็วทันใจ ตำรวจหยิบปืนติดตัวไปด้วยความระวังระไวตามสาขาอาชีพ เดินตามกันลงบันไดไปชั้นล่าง คฤหาสน์ทั้งหลังเงียบกริบราวป่าช้า และพอเดินเลี้ยวตามแสงไฟสลัวที่เปิดไว้ตามระเบียงทางเดินก็พบประตูห้องชุดที่นายฟุกุดะใช้เป็นห้องนอนกับห้องทำงาน

จิโรใจเต้นขณะเอื้อมมือไปที่ลูกบิดของประตูบานนั้นและลองบิดดูก็พบว่าล็อกกุญแจอยู่ภายใน แม้จะรู้ว่าตามปกติอาของเขาจะล็อกประตูเช่นนั้น แต่ก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ปลุกท่านดีไหมครับ”

“ก็ดีครับ เผื่อมีอะไร”

พอตกลงกันได้จิโรก็ยกมือขึ้นเคาะประตูแล้วตะโกนเรียกดัง ๆ ซ้ำสองสามครั้ง
“อาครับ อา”

แต่ไม่มีเสียงตอบจากนายฟุกุดะ

“ชักจะไม่ได้การแล้วนะครับ คุณตำรวจ”

หนุ่มจิโรหน้าซีด หันหน้าหันหลังอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี

“ดูทางรูกุญแจดีกว่าครับ”

ตำรวจหนุ่มหัวไวบอกพร้อมกับก้มลงมองผ่านรูกุญแจเข้าไปภายในห้อง อึดใจเดียวก็หันกลับมาบอกด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“เลือดครับ เลือด”

“คุณอา...”

“คงจะสิ้นลมแล้วละครับ เราทลายประตูเข้าไปกันเถอะครับ”

ทั้งสองรู้ดีว่าแม้จะอ้อมไปทางหน้าต่างด้านติดกับสวนก็ไม่อาจหาทางเข้าไปในห้องได้เพราะติดลูกกรงเหล็กทุกบาน ยามฉุกเฉินมีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือทลายประตูเข้าไป

จิโรวิ่งไปตามเฉลียงทางเดินมุ่งไปทางที่อยู่ของคนรับใช้ ปลุกพวกเด็กรับใช้หนุ่ม ๆ สั่งให้เอาขวานมาช่วยกันพังประตู ทุกคนในบ้านต่างตื่นตระหนกวิ่งวนโกลาหลไปทั่วทั้งคฤหาสน์ แม่บ้านวัยชรากับหญิงรับใช้สองคนวิ่งตามกลุ่มหนุ่มมาติด ๆ

ประตูบานใหญ่แน่นหนา ถึงจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจทนแรงพลังของขวานที่ขวานพวกเด็กหนุ่มระดมจามเข้าใส่สุดแรง ไม่นานไม้บานประตูด้านบนก็แตกดังเปรี๊ยะเปิดออกเป็นช่อง จิโร ตำรวจ และเด็กหนุ่มทั้งกลุ่มกรูกันเข้าไปทันที แต่ยังไม่ทันที่จะได้มองเข้าไปข้างใน และไม่ทันที่จะได้เห็นอะไร

อะไรอย่างหนึ่งก้อนกลมโตสีแดงจัดก็พุ่งออกมาจากช่องนั้นด้วยกำลังแรง ปะทะกับใบหน้าของทุกคนที่กำลังมุงกันอยู่ตรงนั้น จนผงะหงายออกไปคนละทิศละทางด้วยความตกใจสุดขีด

มันคือแมวสีแดงจัดตัวใหญ่...ไม่ใช่หรอก แมวสีแดงไม่มีแน่นอน ความจริงมันคือแมวตัวผู้สีขาวทั้งตัวที่นายฟุกุดะเลี้ยงไว้ แต่ตอนนี้มันถูกอาบด้วยเลือดสด ๆ จนกลายเป็นแมวสีแดงที่น่ากลัวเป็นที่สุด

พอแมวแดงกระโจนออกมาจากช่องประตูที่ถูกขวานจามจนพังลงไปตั้งหลักได้ที่เฉลียงทางเดิน มันก็สะบัดตัวสองสามครั้ง (ทุกครั้งเลือดสด ๆ กระเซ็นเป็นฝอยราวกับหมึกสีแดงกระจายเต็มผนังห้อง ดูสยดสยองยิ่งนัก) แล้วหันมาจ้องกลุ่มคนโก่งพร้อมกับโก่งตัวพองขนแดงฟู

ตอนนั้นเองที่ทุกคนเห็นหน้าแมวแดงชัด ๆ และพอมองไปที่รอบ ๆ ปากของมันก็ต้องเบือนหน้าไปตาม ๆ กัน

อนิจจา...เจ้าสัตว์ไร้เดียงสามันคงไม่รู้ว่านายของมันสิ้นชีพเสียแล้วจึงได้ไปเคล้าคลอเคลียกับศพที่โชกเลือด จนตัวมันเองแดงฉานไปทั้งตัวราวแมวปีศาจ และไม่เพียงแต่เคล้าเคลียเท่านั้นมันยังเลียแผลของนายมันและกลืนกินเลือดที่ไหลหลั่งออกมา ถ้าเพียงเท่านั้นปากของมันคงไม่ชวนให้คนที่ได้เห็นขนลุกขนพองจนต้องเบือนหน้าหนี...ทำไมน่ะรึ ก็ฟันแหลมคมราวฟันเลื่อยของมันนั่นไง ฟันของมันที่เห็นตอนแยกเขี้ยวขู่ฟ่อชุ่มไปด้วยเลือดแดงสด และพอมันแลบลิ้นออกมาเลียปาก หยดเลือดสด ๆ ที่ขังอยู่ในอุ้งลิ้นก็หยดเผาะ ๆ ลงบนพื้น

แมวแดงตัวฟูร้อง “เมี้ยว” ด้วยเสียงอ่อนโยนอย่างประหลาด แล้วออกเดินช้า ๆ อย่างไม่ใส่ใจกับสายตาผู้คนไปยังทางออกด้านหลังบ้าน ทิ้งรอยเท้าเปื้อนเลือดไว้เป็นระยะตามฝีก้าวของมัน ทำท่าราวกับตัวมันเองเป็นฆาตกรตัวจริง

พอหายตกตะลึงกับแมวแดงทุกคนก็หันกลับไปชะโงกดูสภาพภายในห้องตรงช่องประตูที่ถูกจามด้วยขวานจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

ภาพที่ทุกคนเห็นภายใต้แสงจากหลอดไฟที่เปิดสว่างคือร่างกายท่อนล่างของนายฟุกุดะในชุดนอนที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น ส่วนร่างกายท่อนบนตั้งแต่หน้าอกขึ้นไปถูกเตียงบังเอาไว้ ร่างกายท่อนล่างที่เห็นกันนั้นเปรอะเปื้อนด้วยเลือด สดแดงฉานไปจนถึงปลายเท้าคงจะเป็นเพราะเจ้าแมวตัวโปรดเข้าไปเคล้าเคลีย

สภาพศพของนายฟุกุดะนั้นดูประหลาดพออยู่แล้วแต่ก็ยังไม่เท่าสภาพภายในห้องที่เพิ่มความสยองขึ้นอีกหลายเท่า ทุกคนเห็นดอกเดซี่สดสวยกระจายเกลื่อนอยู่เต็มห้อง ทั้งบนและรอบ ๆ ร่างของผู้ตาย บนพื้นห้อง บนโต๊ะ บนเก้าอี้และทุกซอกทุกมุม ราวกับมีใครเอามาโปรยปรายไว้อาลัย

ในวินาทีที่ตื่นตระหนกคนเราไม่มีเวลาพอที่จะคิดลึก พยานรู้เห็นทุกคนที่นี่ก็เช่นกัน คงจะต้องตั้งสติให้ได้เสียก่อนละมังจึงจะเริ่มปะติดปะต่อพฤติกรรมของฆาตกรกันได้ นอกจากการส่งสารเตือนภัยล่วงหน้าราวกับสารของปีศาจมาป่วนประสาทของผู้รับ กับปริศนาห้องปิดตายที่ว่าฆาตกรเข้ามาได้อย่างไรและหนีออกไปทางไหนที่ถือว่าเป็นแกนหลักของคดีซึ่งมีทีท่าว่าจะลึกลับเหนือจริงราวต้องมนต์มายาปีศาจแล้ว ยังมีปริศนาเสียงขลุ่ยหวีดหวิวเศร้าสร้อยที่จิโรได้ยิน และดอกเดซี่สดสวยที่กระจายอยู่เต็มห้อง ที่ต้องขบคิดว่าฆาตกรต้องการบอกอะไร หรือว่าฆาตกรจะผิวขลุ่ยหวีดหวิวสะท้อนความเสียใจที่มีต่อผู้ตายด้วยน้ำมือของตน และส่งดอกไม้สดสวยมาวางประดับศพที่ตนเป็นคนคร่าชีวิตจนสิ้น ทว่าในโลกเรานี้จะมีฆาตกรคนไหนที่อุตส่าห์เสียแรงเสียเวลามาทำอะไรเหมือนคนเสียสติอย่างนี้เชียวหรือ

เรื่องนี้คงต้องพักไว้ก่อนแล้วกลับมาดูพื้นที่เกิดเหตุกันต่อไป จิโรเอื้อมมือผ่านช่องประตูด้านบนลงไปปลด ล็อกจากภายในห้องเพื่อเปิดประตูเข้าไปดูศพนายฟุกุดะ ตำรวจและเด็กรับใช้หนุ่มสองสามคนเดินตามเข้าไปด้วย

จิโรเดินดุ่ม ๆ เข้าไปใกล้ศพ หยุดยืนอยู่ตรงปลายเท้าแล้วมองไปที่ร่างกายท่อนบนของศพ

ทันทีที่เห็นชายหนุ่มก็ตกตะลึงยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับท่อนไม้ ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ไม่มีเสียงลอดออกมา

“เป็นอะไรไปครับ”

ตำรวจหนุ่มตกใจปราดเข้ามาหาได้จังหวะรับร่างแข็งราวท่อนไม้ของจิโรที่ล้มลงมาพอดี

“อ๊าก...”

ตำรวจหนุ่มร้องสุดเสียงเมื่อมองตามสายตาของจิโร่เมื่ออึดใจก่อนไปที่ร่างท่อนบนของศพ

ชายหนุ่มทั้งสองเห็นอะไร...ทำไมคนหนึ่งถึงกับเป็นลม และคนหนึ่งซึ่งเป็นตำรวจอาชีพแท้ ๆ ถึงกับลืมตัวร้องออกมาสุดเสียงเช่นนั้น

...คดีกำลังจะเข้าเรื่องแล้ว เรากำลังจะเข้าสู่วังวนอันกว้างใหญ่และลึกล้ำของความประหลาดมหัศจรรย์ ความหวาดเสียวสยองขวัญ และมนต์มายาของปีศาจ ตั้งแต่ตอนต่อไปปริศนาที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาจะทวีความเข้มข้นขึ้นตามลำดับ...ปีศาจร้ายที่คุกคามคร่าชีวิตนายฟุกุดะคือใคร? อาเกจิ โคโงโร พระเอกนักสืบของเราที่ถูกลักตัวไปจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร? ผู้อ่านจะตื่นเต้นสยองขวัญประสาทสั่นเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับการสะบัดปลายปากกาของท่านอาจารย์รัมโป แต่ที่แน่ ๆ คือท่านอาจารย์ทุ่มเทมันสมองแห่งรหัสคดีให้แก่ “มายาปีศาจ” มากกว่า “แมงมุมสังหาร”นิยายสืบสวนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องเอกของท่านเป็นหลายเท่า ท่านอาจารย์รัมโปบรรจงสร้าง “มายาปีศาจ” ขึ้นมาด้วยแนวคิดอันมหัศจรรย์ของท่านเองและด้วยความพยายามหลายชั้นหลายเชิง เพื่อให้นิยายสืบสวนเรื่องนี้มีรสชาติเข้มข้นไปด้วยปริศนาลึกลับที่ท้าทายจินตนาการและความสามารถในการถอดรหัสคดีของผู้อ่านไปทุกบททุกตอน เชิญติดตามอย่าได้พลาดสักบทสักตอนเดียว แล้วอย่าลืมชวนเพื่อน ๆ ให้อ่านและคาดเดารูปคดีไปด้วยกัน...

ตัวละคร *
ทามามุระ เซ็นทาโร พ่อค้าเพชร เศรษฐีใหญ่ของโตเกียว
ทามามุระ อิจิโรบุตรชายคนโตของเซ็นทาโร
ทามามุระ จิโรบุตรชายคนที่สองของเซ็นทาโร
ทามามุระ ทาเอโกะ บุตรสาวของเซ็นทะโร
ชินอิจิ ลูกกำพร้าในอุปการะของครอบครัวทามามุระ
ฟุกุดะ โทกุจิโร นักธุรกิจ น้องชายร่วมสายโลหิตของเซ็นทะโร
ฮานาโซโนะ โยโกะ เพื่อนของทาเอโกะ
《มายากร》    
ฟุมิโยะ ลูกสาวของ《มายากร》
สารวัตรนามิโคชิ แผนกสืบสวนและปราบปราม สำนักงานตำรวจกรุงโตเกียว
อาเกจิ โคโงโร นักสืบเอกชนเลื่องนาม
*เนื่องจาก ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๑ได้ลงประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และมลายู ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ยกเลิกประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษา เยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และมลายู ลงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ใช้หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และมลายู ที่แนบท้ายประกาศฉบับดังกล่าวแทนตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้แปลจึงแก้ไขการสะกดชื่อตัวละครและชื่อสถานที่ในบทประพันธ์ให้ถูกต้องตามราชกิจจานุเบกษาต่อไป...ฉวีวงศ์



กำลังโหลดความคิดเห็น