xs
xsm
sm
md
lg

มายาปีศาจ ตอนที่ 3 สารจากปีศาจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ เอะโดะงะวะ รัมโปะ (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หนี้ที่ถูกกำหนดให้ต้องชำระด้วยเลือดและชีวิต...ตามตราสารคำสาปแห่งมายาปีศาจ

ก่อนที่จะติดตามความเป็นไปของนักสืบเอกที่ถูกลักพาตัวไปอย่างไม่คาดฝัน เห็นทีจะต้องเล่าย้อนไปสักนิดถึงสาเหตุที่ทำให้นักสืบอะเกะชิของเราต้องเดินทางกลับโตเกียว (แต่ขอบอกก่อนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นอาชญากรรมแต่อย่างใด)

ดังที่สารวัตรนะมิโคะชิได้กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า ฟุกุดะ โทะกุจิโร เป็นน้องชายร่วมสายโลหิตของทะมะมุระ ราชาแห่งอัญมณี อีกทั้งตนเองยังร่ำรวยมีทรัพย์สินเงินทองอยู่ในระดับเศรษฐีพอตัว เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในหลายบริษัท เพียงแค่เงินปันผลก็สามารถใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยได้สบายโดยไม่ต้องทำงานทำการอะไร

ฟุกุดะ โทะกุจิโร เกิดในตระกูลทะมะมุระก็จริงแต่ตระกูลฟุกุดะได้รับไปเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม ตอนนี้พ่อแม่บุญธรรมถึงแก่กรรมไปแล้วทั้งสองคน ภรรยาก็เพิ่งทิ้งเขาไปเมื่อปีที่แล้วนี้เอง และในเมื่อไม่มีบุตร ทุกวันนี้เขาจึงใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังคนเดียว คนที่มีนิสัยค่อนข้างแปลกอย่างเขาดูเหมือนจะมีความสุขกับความโดดเดี่ยวเดียวดายเช่นนั้น โดยไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่ ชอบที่จะอยู่เงียบ ๆ ไปวัน ๆ ภายในคฤหาสน์กว้างขวางโอ่อ่า กับคนรับใช้หลายคนซึ่งต่างคนต่างอยู่

จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นมาคุกคามชีวิตอันเงียบสงบของเขาจนอยู่ไม่เป็นสุขอีกต่อไป

นายฟุกุดะตามปกติเป็นคนชอบเก็บตัวเงียบอยู่แล้ว และเมื่อภรรยาตายจากเขาก็ยิ่งเก็บตัวมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องทั้งวัน จะพบหน้ากับพวกคนรับใช้ก็ตอนลงมารับประทานอาหารสามมื้อเท่านั้น พอพลบค่ำก็ขึ้นเตียงนอน แต่ก่อนขึ้นเตียงเขาจะดูแลปิดประตูใส่กลอนอย่างแน่นหนาจากภายในห้องส่วนตัวของเขาที่กั้นแบ่งเป็นห้องนอนกับห้องทำงาน ทุกคืนเป็นกิจวัตรไม่เคยเว้น

เช้าวันหนึ่ง พอลืมตาขึ้นบนเตียงก็พบกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนผ้าห่มสีขาวที่คลุมตัวเขาอยู่ เขาแปลกใจจึงหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นกระดาษพิมพ์ดีดธรรมดานี่เอง มีอักษรตัวโตเขียนด้วยลายมือที่ดูไม่ได้เลยว่า “21 พฤศจิกายน” นอกจากนั้นแล้วไม่มีคำอื่นอีก นายฟุกุดะงงไปหมดไม่รู้ว่าใครเขียนและหมายความว่าอย่างไร

นายฟุกุดะประหลาดใจมาก เมื่อมองจากที่ที่กระดาษแผ่นนี้วางอยู่ ไม่มีทางคิดอย่างอื่นไปได้นอกจากตอนกลางคืนต้องมีใครสักคนแอบเข้ามาในห้องนอนของเขา แต่ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด เพราะคืนนั้นก่อนนอนเขาได้ปิดประตูห้องทำงานล็อกจากภายใน ส่วนหน้าต่างทางด้านสวนซึ่งแม้จะติดลูกกรงทุกบานแต่เขาก็ล็อกกลอนจากภายในเรียบร้อย ไม่มีช่องที่ใครจะสามารถโยนแผ่นกระดาษเข้ามาได้ อีกทั้งเตียงของเขาก็อยู่ห่างจากหน้าต่างมากด้วย

“แปลกมาก” เขาคิดพลางลงจากเตียง ขยี้ตาที่ยังงัวเงียอยู่พลางเดินไปตรวจดูประตูหน้าต่างให้แน่ใจอีกครั้งแต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรที่ผิดปกติ ความที่ไม่รู้สาเหตุทำให้รู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ นายฟุคุดะไขกุญแจประตูเปิดออกไปเรียกคนรับใช้มาถาม แต่ทุกคนตอบว่าไม่ได้เข้าไปในห้องและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกระดาษแผ่นนั้นด้วย

แปลก...แปลกมาก เขาคิดอยู่ทั้งวันจนพลบค่ำ แล้วยังไง...พอลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าวันรุ่งขึ้น นายฟุกุดะก็พบกระดาษพิมพ์แผ่นหนึ่งวางอยู่บนผ้าห่มสีขาวที่เดียวกับเมื่อวานขึ้นมาดูอย่างหวาด ๆ คราวนี้มีอักษรแค่สองตัวเป็นตัวเลข “14” เมื่อตรวจดูล็อกประตูหน้าต่างก็ไม่มีอะไรผิดปกติเช่นเดียวกับเมื่อวาน และเมื่อเรียกคนรับใช้มาไต่ถามก็ได้รับคำตอบว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้นเช่นกัน

ครั้นเอาแผ่นกระดาษกับลายมือมาพิจารณาดู มันก็ไม่ได้บอกนัยอะไรเลย คนที่นายฟุกุดะรู้จักก็ไม่มีใครลายมือแบบนี้สักคน

“20 พฤศจิกายน” และเลข “14” หมายความว่าอะไร...มาจากใคร และส่งเข้ามาได้อย่างไรในห้องที่ปิดอย่างหนาแน่นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นปริศนาที่เกินกว่าจะคิดสันนิษฐานถึงความเป็นไปได้ มันเป็นความลึกลับที่ชวนให้ขนลุกและพอคิดว่า..ถ้าไม่ใช่ปีศาจก็คงทำเช่นนี้ไม่ได้ นายฟุกุดะรู้สึกตัวเย็นวาบ

เหตุประหลาดไม่ได้จบลงแค่นี้ วันรุ่งขึ้นและรุ่งขึ้น พอลืมตาตื่นขึ้นนายฟุกุดะก็ต้องพบกระดาษแผ่นหนึ่งเขียนตัวเลขง่าย ๆ วางอยู่บนผ้าห่มทุกเช้าไป

...13...12...11...10...9

ตัวเลขลดลงวันละหนึ่งตามลำดับ คงไม่ต้องบอกว่าตั้งแต่วันเกิดเหตุเป็นต้นมา นายฟุกุดะยิ่งล็อกประตูหน้าต่างด้วยความระมัดระวังและเข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้นไปอีก แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์เพราะประตูหน้าต่างไม่อาจกีดกั้นการลุกล้ำเข้ามาของสารจากปีศาจนั้นเลย

จนถึงวันที่ตัวเลขลดลงมาถึง...9 นายฟุกุดะก็ทนไม่ได้อีกต่อไป จึงเรียกทะมะมุระ จิโรหลานชายมาหา เพื่อขอยืมสติปัญญาของหนุ่มปราดเปรียวคนนี้มาช่วยขบปริศนาลึกลับนี้ จิโรชายหนุ่มวัย 24 ปีผู้นี้เป็นลูกชายคนรองของนายทะมะมุระราชาแห่งอัญมณีและเป็นพี่ชายของทะเอะโกะ ลงทะเบียนเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะเที่ยวเล่นเป็นหนุ่มเจ้าสำราญเสียเป็นส่วนใหญ่

พอได้ยินเรื่องที่นายฟุกุดะเล่าชายหนุ่มก็หัวเราะอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

“คุณอากังวลอะไรไม่เห็นจะเป็นเรื่อง ใครคงแกล้งเล่นตลกน่ะครับ ยิ่งคุณอาทำเหมือนเป็นโรคประสาทแบบนี้ คงมีใครสักคนอยากแกล้งแน่”

“แต่อาว่าอย่างนี้มันเกินตลกไปแล้วนะ แกคิดหรือว่ามีใครอยากจะสนุกกับการเล่นตลกกับลุงจนถึงกับทำอะไรแบบนี้ซ้ำซากทุกวัน อย่างแรกเลยที่อยากรู้คือมันเข้ามาในห้องที่ปิดประตูหน้าต่างแน่นหนาอย่างนี้ได้ยังไง ทำราวกับนักเล่นกลไม่มีผิด อาขนลุกไปหมดแล้ว รู้สึกแย่มาก ๆ”

นายฟุกุดะบอกหลายชายด้วยท่าทางเอาการเอางาน ดูเขาหวาดกลัวเอาจริง ๆ

“ครับ แต่เอาละสมมติว่าเป็นนักเล่นกล แต่มันก็แค่โยนกระดาษแผ่นหนึ่งเข้ามา ไม่ได้ทำอันตรายคุณอาเสียหน่อย ผมว่าอย่าไปสนใจดีกว่าครับ”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไปหรอกนะ ตัวเลขพวกนี้มันต้องมีอะไรที่เป็นปริศนาลึกลับน่ากลัวแฝงอยู่ แกดูนี่ แผ่นแรกเลยเขียนว่า 20 พฤศจิกายน แผ่นต่อมาเป็นเลข 14 แล้วลดลงไปวันละ 1 ทุกวัน จนเมื่อเช้านี้เหลือ 9 ลดลงตามลำดับมันทำอะไรเป็นแบบแผนมาก วันนี้วันอะไรนะ”

“วันที่ 11 ครับ 11 พฤศจิกายน”

“เห็นไหม ดูนะ เอา 11ของวันนี้ บวกกับ 9 ได้เท่าไร 20 ใช่ไหม นั่นคือ “20 พฤศจิกายน” ถ้าเลขของมันลดลงวันละ 1 ทุกวันอย่างนี้ มันก็เหลืออีก 10 วันที่จะได้กระดาษ ดูซิแผ่นที่เขียนเลข 9 ที่ส่งมาวันนี้ มันเป็นรหัสบอกว่า เหลืออีก 9 วันเท่านั้นก็จะถึงวันที่ 20 มันเป็นจดหมายเตือนที่สยองมากนะ”

ฟังดูชักเห็นจริงจิโรจึงไม่มีทางเถียง

“คุณอาบอกว่าเป็นจดหมายเตือน เตือนอะไรหรือ”

“ไม่รู้น่ะซี ยิ่งไม่รู้ก็ยิ่งหวาดระแวง เท่าที่จำได้อาไม่เคยทำอะไรให้ใครโกรธแค้นสักหน่อย แต่คนเราไม่รู้ตัวหรอกนะว่าได้สร้างศัตรูไว้ที่ไหนบ้าง บางทีอาจมีใครแกล้งให้อาเครียดก่อนแล้วจึงแก้แค้นก็ได้”

ความจริงนายฟุกุดะอาจเคยมีเรื่องอะไรที่ควรแก่การถูกล้างแค้นอย่างน่ากลัวอยู่ในใจก็ได้ เพราะไม่เช่นนั้นแค่แผ่นกระดาษที่เขียนคำเหมือนล้อเล่นสนุก ๆ คงไม่ทำให้เขาเป็นทุกข์ขนาดนี้

“แก้แค้นอะไรหรืออา”

“คือวันที่ 20 พฤศจิกายน เป็นวันที่อาจะถูกฆ่าน่ะซี”

“บ้าหรือเปล่าอา” ชายหนุ่มหัวเราะลั่น “หยุดเพ้อได้แล้ว สมัยนี้ไม่มีใครเขาล้างแค้นกันแบบสมัยโบราณหรอก เอาเถอะ ถ้าอาวิตกกังวล คืนนี้ผมอยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน ผมจะอยู่ยามเฝ้าห้องอาตลอดคืนเลย และถ้าไอ้คนส่งกระดาษมันเข้ามาผมก็จะจับมันไว้ให้อยู่มือเลย”

ความจริงนายฟุกุดะก็ตั้งใจจะขอให้หลายชายทำเช่นนั้นอยู่แล้ว อาหลานจึงไม่รั้งรอที่จะทำตามแผนกันในคืนนั้น

หนุ่มจิโรทำตามสัญญาคือจะไม่นอนเลยตลอดคืน พอพลบค่ำก็จัดแจงถือไฟฉายออกเดินตรวจที่สวนตรงหน้าต่างห้องนอนของนายฟุกุดะ ตรวจบริเวณระเบียงทางเดินตรงหน้าประตูห้อง แล้วก็เดินวนไปเฝ้าตรวจตราอย่างถี่ถ้วนตลอดคืน

พอรุ่งเช้า จิโรก็ไปที่ห้องนายฟุกุดะส่งเสียงเข้าไปก่อนอย่างมั่นอกมั่นใจ

“ไม่มีใครผ่านกำแพงเข้ามาในบริเวณบ้านเลย แม้แต่แมวสักตัวก็ไม่มี เป็นไง เมื่อคืนไม่มีใครเอากระดาษมาให้ใช่ไหมล่ะ”

แต่ที่ไหนได้ พอเข้าไปในห้องก็พบอาของเขาถือกระดาษแผ่นใหม่ชูให้ดูอยู่แล้ว

“ดูซิ กระดาษแผ่นนี้วางอยู่บนผ้าห่มเหมือนทุกวัน อาเองก็ตั้งใจเหมือนกันว่าจะตื่นคอยจับตัวมันให้ได้ แต่ตอนใกล้สว่างดันเผลอตัวงีบไป มันเลยได้จังหวะตอนนั้นแหละ น่าแปลกจริง ๆ”

กระดาษแผ่นที่ได้วันนี้เป็นเลขที่ลดระดับลงมาตามเคยคือเป็นเลข “8” ถ้าเป็นไปตามคำสันนิษฐานของนายฟุกุดะ กระดาษแผ่นนั้นก็เป็นสารแฝงความหมายที่น่ากลัวมากว่า นี่มันอีก 8 วันเท่านั้นนะ

เมื่อเป็นเช่นนี้หนุ่มจิโรก็เริ่มเอาจริงเอาจังขึ้น ตกลงใจมาค้างอยู่ที่บ้านนายฟุกุดะแล้วระดมพวกหนุ่ม ๆ ในบ้านช่วยกันลาดตระเวนไปทั่ว พยายามอยู่สองคืนก็แล้ว สามคืนก็แล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะจับตัวคนร้ายได้ ส่วนแผ่นกระดาษก็ยังถูกวางบนที่เดิมทุกคืน โดยตัวเลขที่เขียนบนกระดาษลดลงไปตามลำดับ และพอเห็นเลข “3” ทั้งอาทั้งหลานนั่งไม่ติด ร้อนรนกระวนกระวายกันไปหมด

คราวนี้จิโรเป็นคนแนะนำให้ไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ นายฟุกุดะจึงไปขอคำปรึกษาจากสารวัตรนะมิโคะชิซึ่งเป็นคนรู้จัก คนที่บ้านทะมะมุระก็รู้เรื่องประหลาดสะเทือนขวัญนี้กันแล้ว ทะเอะโกะที่เพิ่งกลับมาถึงโตเกียวและรู้เรื่องนี้เข้าจึงเสนอให้เรียกอะเกะชิ โคะโงะโรมาช่วย ซึ่งสารวัตรนะมิโคะชิก็เห็นด้วยทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น