ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
Tokyo University of Foreign Studies
Tokyo University of Foreign Studies
“ที่ใต้ต้นซากุระ” (บทประพันธ์โดย โมะโตะจิโร คะจิอิ)
ที่ใต้ต้นซากุระมีศพฝังอยู่!
เชื่อเถิด เรื่องนี้เชื่อได้ ทำไมน่ะหรือ ก็ดอกซากุระบานสะพรั่งเสียขนาดนั้น มันเหลือเชื่อมิใช่หรือ ผมเชื่อไม่ลงหรอกหากบอกว่าความงามเช่นนั้นมีจริง มันคือสิ่งที่รบกวนจิตใจผมสองสามวันนี้ แต่ในที่สุดเวลาแห่งความเข้าใจก็มาถึงเสียที ที่ใต้ต้นซากุระมีศพฝังอยู่ เชื่อสิ เรื่องนี้เชื่อได้
เหตุใดทุกคืนระหว่างทางกลับบ้าน สิ่งของเล็กน้อยอย่างใบมีดบาง ๆ ในมีดโกนนิรภัยถึงได้ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดที่เป็นดุจตาทิพย์ ทั้ง ๆ ที่ก็มีเครื่องมือเครื่องใช้อื่นมากมายอยู่ในห้องผม คุณบอกว่าไม่รู้สิ ที่แน่ ๆ คือผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันก็เหมือนกันนั่นแหละ
ดอกไม้ ไม่ว่าดอกอะไร เมื่อได้เวลาบานเต็มที่ จะมีบรรยากาศน่าพิศวงแผ่ออกสู่อากาศรอบข้าง เป็นดุจลูกข่างหมุนติ้วแลดูแน่นิ่งโดดเด่น และเป็นดุจการบรรเลงดนตรีฝีมือเยี่ยมลงตัวอันยังให้เกิดภาพฝันบางอย่าง มันจึงสร้างรัศมีแผ่ซ่านรังสรรค์ภาพฝัน ณ จุดร้อนแรง มันคือแหล่งความโสภาเปี่ยมชีวาชีวิตที่ลี้ลับจับใจผู้คน โดยมิปล่อยให้ล่วงพ้นไปได้
ทว่าเมื่อวานและเมื่อวานซืน เจ้าสิ่งนั้นนั่นเองทำให้ใจผมหม่นเศร้าอย่างร้ายกาจ ผมรู้สึกว่าความงามนั้นออกจะเป็นสิ่งที่เชื่อไม่ได้ มันรังแต่ทำให้หวั่นใจ หดหู่ และอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก แต่ท้ายที่สุดบัดนี้ผมเข้าใจ
คุณลองวาดมโนภาพว่ามีศพเหล่านี้แต่ละศพ ๆ ฝังอยู่ใต้ต้นซากุระที่บานสะพรั่งเต็มที่อย่างนี้ดูสิ แล้วจะเข้าใจว่าสิ่งใดทำให้ผมหวั่นใจปานนั้น
ศพอย่างเช่นม้า ศพอย่างเช่นหมาแมว แล้วก็ศพอย่างเช่นคนอย่างไรเล่า ศพเหล่านั้นต่างเน่าเปื่อยมีหนอนขึ้นยั้วเยี้ย สิ่งกลิ่นเน่าเสียสุดทานทน จนมีของเหลวใสเหมือนแก้วผลึกไหลเยิ้มออกมา รากซากุระโอบกอดมันไม่ผิดกับหมึกยักษ์ละโมบโลภมาก รากรวมตัวเป็นกระจุกเหมือนแขนของดอกไม้ทะเลและดูดของเหลวนั่น
อะไรกันเล่าที่สร้างกลีบดอกเช่นนั้น อะไรกันเล่าที่สร้างเกสรตัวผู้ ผมนึกดูก็เห็นภาพรากรวมตัวกัน เห็นของเหลวใสดุจแก้วผลึกที่รากดูดขึ้นไปนั้นเรียงแถวเงียบเชียบ เลียบ ๆ เคียง ๆ ไหลขึ้นข้างบนผ่านมัดท่อลำเลียงดั่งความฝัน
---คุณทำหน้าส่อแววอึดอัดแบบนั้นด้วยเรื่องอันใด มันมิใช่พลังแห่งการมองความงามให้ทะลุปรุโปร่งหรอกหรือ และแล้วตอนนี้ผมก็เขม้นมองและเห็นดอกซากุระจนได้ ผมหลุดพ้นเป็นอิสระจากความลี้ลับที่ทำให้หวั่นใจเมื่อวานและเมื่อวานซืนแล้ว
สองสามวันก่อนหน้านี้ ผมลงไปที่หุบเหวตรงนี้และเดินไต่บนหินไปทั่ว ในละอองน้ำจากทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง มองเห็นแมลงชีปะขาวปีกบางที่กำเนิดออกมาดุจเทพีแอโฟรไดที พวกมันบินว่อนขึ้นจากน้ำ มุ่งหน้าขึ้นฟ้าเหนือหุบเหว ก็อย่างที่คุณก็รู้นั่นแหละ พวกมันจะจับคู่กันอย่างงดงามตรงนั้นนั่นเอง
ครั้นเดินอีกสักพัก ก็บังเอิญพบกับสิ่งประหลาด สิ่งนั้นอยู่ในน้ำตรงแอ่งน้ำขังขนาดเล็กซึ่งหลงเหลืออยู่แถวตลิ่งน้ำขอดของหุบเหว มีแสงสุกใสเหมือนน้ำมันซึ่งเหนือความคาดหมายแผ่ทั่วพื้นผิว คุณคิดว่ามันคืออะไร ร่างแมลงชีปะขาวปีกบางมากมายนับไม่ถ้วนไม่รู้กี่หมื่นต่อกี่หมื่นตัวไงล่ะ ปกคลุมผืนน้ำจนไม่เหลือช่องว่าง ปีกหงิกงอมากมายของพวกมันทับซ้อนกันไปมา ต้องแสงสว่างทอประกายเลื่อมพรายเหมือนน้ำมัน ตรงนั้นคือสุสานของพวกมันหลังจากวางไข่เสร็จ
ตอนผมเห็นภาพแบบนั้นก็เกิดความรู้สึกเหมือนมีอะไรกระแทกใจ ประหนึ่งได้ลิ้มรสความปรีดาอันแสนอำมหิตของการบุกป่าช้าดังที่คนพิลึกผู้ชื่นชอบศพอาจกระทำ
ที่หุบเหวแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดทำให้ผมยินดีได้สักอย่าง ทั้งนกไนติงเกลและนกติ๊ด ตลอดจนไม้ต้นอ่อนที่ดูมัว ๆ อยู่ในแสงอาทิตย์สีขาว ล้วนเป็นเพียงภาพเลือนรางอยู่ในใจเท่านั้น ผมจำเป็นต้องประสบเรื่องโหด พอความสมดุลบังเกิด ภายในใจจะเริ่มแจ่มชัดขึ้น ใจของผมแห้งเหือดหดหู่ดุจปีศาจ พอความหดหู่เต็มเปี่ยมในใจ เมื่อนั่นแหละใจผมก็ผ่อนคลายสงบลง
--- คุณเช็ดใต้รักแร้อยู่สินะ เหงื่อกาฬไหลออกมางั้นหรือ ผมเองก็เช่นกัน แต่มันไม่ใช่เรื่องน่าคับข้องใจอันใด ลองคิดเสียว่ามันก็เหมือนน้ำกามเหนียวเหนอะหนะ แล้วความหดหู่ของพวกเราก็จะไปถึงซึ่งบทสรุป
โอ้ ที่ใต้ต้นซากุระมีศพฝังอยู่!
ศพที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันโผล่ขึ้นมาจากจินตนาการส่วนไหนนั้น ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับต้นซากุระ ไม่ว่าผมจะสะบัดหัวอย่างไร ความคิดนั้นก็ไม่หลุดไป
ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ผมรู้สึกว่าคงจะดื่มเหล้าพลางชมซากุระได้ด้วยสิทธิอันพึงมีเช่นเดียวกับชาวบ้านผู้ดื่มสังสรรค์กันอยู่ที่ใต้ต้นซากุระต้นนั้น
.......................
ส่งท้ายเรื่อง
ดอกซากุระในกรุงโตเกียวบานแล้ว ปีนี้เร็วกว่าช่วงเวลาเฉลี่ยราว 10 วัน คนญี่ปุ่นไม่ว่ายุคไหนก็ยังคงตื่นเต้นกับการบานของดอกซากุระซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่นสูงมาก แต่คงมีน้อยคนที่มองดอกซากุระแล้วนึกว่า “ที่ใต้ต้นซากุระมีศพฝังอยู่” ดังที่โมะโตะจิโร คะจิอิมอง
ดอกซากุระเป็นต้นกำเนิดของงานศิลปะมากมายหลายอย่างในญี่ปุ่นรวมทั้งวรรณกรรมด้วย เรื่อง “ที่ใต้ต้นซากุระ” (桜の樹の下には; Sakura no ki no shita niwa) ที่นำเสนอข้างต้น เป็นเรื่องสั้นที่โด่งดังเรื่องหนึ่ง และเป็นเรื่องสั้นที่สั้นจริง ๆ แต่ก็มีการนำไปวิเคราะห์ทางวรรณกรรมมากมาย โมะโตะจิโร คะจิอิ (梶井基次郎; Kajii Motojirō ; พ.ศ. 2444 – 2475) เขียนเรื่องนี้เมื่อ พ.ศ. 2471
ความสวยงามของดอกซากุระเป็นที่พูดถึงกันทั่วไปอยู่แล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่ง ด้วยความที่ดอกซากุระร่วงเร็ว คนญี่ปุ่นจึงนำมาเปรียบเทียบกับความฉาบฉวยซึ่งถือว่าเป็นด้านลบ ส่วนมุมที่ลึกลงไปกว่านั้นและไม่ค่อยมีใครนึกถึงก็คือการ ‘เปรียบต่าง’ ระหว่างความสวยกับความน่าขยะแขยง และความอ่อนละมุนกับความโหดท่ามกลางบรรยากาศที่ใคร ๆ ก็ชื่นมื่นกับ “โอะ-ฮะนะมิ”— การชมดอกซากุระ
ดังนั้น จินตนาการที่อาจจะถูกมองว่าสุดโต่งไปหน่อยในบทประพันธ์ “ที่ใต้ต้นซากุระ” ของคะจิอิจึงสะดุดใจคนญี่ปุ่นมานานโดยเริ่มด้วยประโยคทรงพลังที่ว่า “ที่ใต้ต้นซากุระมีศพฝังอยู่” และถือว่าเป็นการสร้างสรรค์อันควรค่าแก่การวิเคราะห์ในเชิงวรรณกรรม
หากจะหาโครงเรื่องที่เด่นชัดในผลงานนี้อาจจะยากสักหน่อย เพราะเป็นเหมือนการรำพันภาพที่เห็นและพร่ำบ่นความในใจอะไรบางอย่าง แต่คงเพราะเหตุนี้นั่นเอง ถึงได้มีการนำไปตีความกันมากมาย อีกทั้งคะจิอิก็ใช้ภาษาร้อยแก้วที่อ่านได้คล้าย ๆ ร้อยกรองด้วย (หากเทียบกับของไทยใกล้เคียงกับร่าย) จึงทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับดอกซากุระที่รู้จักกันแพร่หลาย
บทประพันธ์ของคะอิจิเป็นอีกหนึ่งผลงานที่บ่งชี้ว่าคนญี่ปุ่นสร้างสรรค์ผลงานโดยได้แรงบันดาลใจจากดอกซากุระมาเนิ่นนาน และไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ในความคิดของคนญี่ปุ่น ดอกซากุระยังคงเป็นจุดขายที่อมตะ ผลงานใหม่ ๆ ไม่ว่าจะภาพยนตร์ ละคร หรือเพลงที่ผูกโยงกับดอกซากุระยังมีออกมาเป็นระยะ แม้แต่วงไอดอลหญิงแห่งยุคอย่าง AKB48 ก็มีเพลงที่เกี่ยวกับดอกซากุระหลายเพลง สิ่งเหล่านี้ช่วยตอกย้ำว่าดอกซากุระคือหัวใจของคนญี่ปุ่นจริง ๆ
**********
คอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึก โดย ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ แห่ง Tokyo University of Foreign Studies จะมาพบกับท่านผู้อ่านโต๊ะญี่ปุ่น ทุกๆ วันจันทร์ ทาง www.mgronline.com