ปัจจุบันนี้การสื่อสารทางข้อความกม่ว่าจะเป็นอีเมล์ ไลน์ หรือข้อความทางสื่อต่างๆ เป็นที่นิยมมากกว่าสมัยก่อน แต่บางคนคุยต่อหน้ากับคนทั่วไปเก่ง แต่ไม่รู้ทำไมพอจะใช้ไลน์ จะส่งข้อความกลับทำได้ยากเย็น
มีบางคนไหมที่รู้สึกว่าที่จริงคิดว่าตนเองเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี สามารถพูดคุยกับคนทั่วไปได้อย่างดี เข้ากับคนได้ง่าย แต่พอจะจับโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาฝ่ายตรงข้ามกลับทำไม่ค่อยได้ ไม่รู้ว่าจะพูด หรือจะพิมพ์อะไรดี จะสนทนาอะไรดี หรือจะตอบกลับว่าอย่างไรดี บางครั้งอยากส่งข้อความหาคนที่ตัวเองรู้สึกสนิทแต่ก็ได้แต่จ้องโทรศัพท์ มองแล้วมองอีก คิดแล้วคิดอีก กลัวและกังวลไปสารพัดว่า เขามีคนรักหรือยัง เขาจะรำคาญไหม เขามีสาวๆ คนอื่นอีกมากแค่ไหน จะส่งข้อความเนื้อหาอย่างไรดี เป็นต้น
วันนี้มี Point ที่จะมาแนะนำเรื่องการส่งข้อความที่มีผลดีมาฝากกัน
<POINT 1> ความถี่การส่ง
ไม่ว่าจะเป็นส่งทางข้อความหรือโทรศัพท์หาฝ่ายตรงข้าม มีเทคนิคเกี่ยวกับระยะเวลาหรือ Timing การส่งด้วย
ก่อนอื่นหลีกเลี่ยงที่จะส่งข้อความหาฝ่ายตรงข้ามขณะเวลาที่เขากำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน และช่วงเวลาเช้ามากๆ หรือดึกมากๆ เวลาดังกล่าวพยายามงดเว้นอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเป็นการรบกวนแล้วอาจทำให้ถูกมองว่าไม่รู้จักกาลเทศะอีกด้วย คือให้รู้จักการใส่ใจฝ่ายตรงข้าม หาเวลาที่เป็นช่วงเวลาที่เขาจะรู้สึกปลอดโปร่งและสบายหรือเปล่า? ถ้าไม่รู้ว่าควรจะส่งข้อความช่วงเวลาไหนจึงจะเหมาะสม กฎข้อแรกห้ามคิดว่า เมื่อส่งปุ๊บเราต้องได้รับคำตอบปั๊บ ห้ามคาดหวังว่าเขาต้องตอบกลับทันทีทันใด เช่นนี้ไม่ควรคิดเด็ดขาดถ้าจะส่งข้อความให้หนุ่มญี่ปุ่น ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมคือช่วงเวลาที่คาดการณ์แล้วว่าเป็นช่วงที่เขามีเวลาว่างพอที่จะอ่านและตอบกลับข้อความได้..
ข้อความที่ส่งและประเด็นความสนใจก็มีส่วนที่จะได้รับคำตอบอีกเช่นกัน คำถามที่เปิดกว้างก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้แสดงความคิดเห็นของตนได้อย่างดี และมีแนวโน้มจะตอบกลับมากกว่า
ถ้าหากว่ากรณีเราเองเป็นฝ่ายต้องตอบข้อความ แล้วบังเอิญทิ้งระยะเวลาการตอบนานไปหน่อยซึ่งอาจจะเนื่องมาจากงานยุ่งจริงๆ หรือเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตอบ ก็ตามแต่ ควรจะตอบกลับข้อความแบบรักษาน้ำใจโดยเพิ่มคำเกริ่นขึ้นต้นเช่น งานยุ่งมากต้องขอโทษที่ตอบกลับข้อความล่าช้า เป็นต้น
<POINT 2> สนทนาแบบธรรมชาติให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นกันเอง
การสนทนาแบบกันเอง การสนทนาด้วยความสนุกสนานอาจจะนำไปสู่การชวนเดท ชวนเที่ยวหรือดูหนังทานข้าวกันต่อก็ได้ แต่บางครั้งคิดว่าอีกฝ่ายต้องชวนเที่ยวต่อแน่ๆ แต่ทำไมกลับเงียบไปและไม่ชวนก็ไม่ทราบ ดังนั้นจึงมีเทคนิคการสนทนาทางข้อความด้วยความเป็นธรรมชาติ ไม่ฝืนและควรแสดงความเป็นกันเองให้มาก
ก่อนอื่นเลยนั้นต้องรู้จักฝั่งตรงข้ามให้ดีก่อน ว่าเขาเป็นอย่างไร ชอบไม่ชอบอะไร หรือมีความสนใจอะไรเป็นพิเศษบ้าง แล้วใส่ใจฝ่ายตรงข้ามอย่างที่บอกไปข้างต้นเกี่ยวกับช่วงเวลาการสนทานา ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพูดคุย หรือถ้าจะให้เขาชวนอาจเป็นคำถามประมาณว่า
วันนี้ไปดูหนังเรื่อง〇〇สนุกมากๆ เลยค่ะ แล้วคุณ〇〇ล่ะชอบดูหนังแบบไหน? เพื่อจะได้เป็นการเริ่มเปิดประเด็นการชวนคุยและนำไปสู่การชวนเดทนั่นเอง
หรือถ้าเป็นคนชอบทานอาหารอิตาเลี่ยน ก็อาจเปิดประเด็นว่า เมื่อกลางวันไปทานอาหารอิตาเลียนร้านหนึ่ง อร่อยมาก เคยไปร้านนี้ไหมคะ? เป็นต้น คือพยายามมองหาหัวข้อสนทนาที่นำไปสู่การพูดคุยต่อได้ หัวข้อที่เราชอบหรือที่คิดว่าเขาชอบ ควรเป็นคำถามแนวเปิดกว้าง แนวเชิญชวน เพื่อให้เกิดความราบรื่นในการสนทนาและนำไปสู่การชวนเดทนั่นเอง
<POINT 3> การใช้สัญลักษณ์
ก่อนนี้ได้กล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการส่งข้อความ และแนวทางทางสนทนา ต่อไปเป็นเทคนิคเล็กน้อย เกี่ยวกับการส่งข้อความ คือเรื่องฟร้อนท์ตัวอักษร หรืออิโมคอนน่ารักๆ ต่างๆ รูปหน้ายิ้ม รูปการ์ตูนที่ใส่ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มจินตนาการของลักษณะอารมณ์เราให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับรู้และเข้าใจ แต่ก็ต้องใส่ใจประเด็นที่ว่า ใส่รูปหน้าทุกคำพูดหรือแบบโอเวอร์มากเกินไปก็ไม่ดีนัก และสนใจประเด็นที่ว่าพูดคุยอย่างสุภาพ ถ่อมตัว ไม่ใช่คุยโม้คุยแต่เรื่องตนเอง เพราะอย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ยังต้องการมีความเป็นผู้นำและไม่ชอบให้สาวทำตัวว่าเหนือกว่านั่นเอง
สรุปแล้ว อย่างไรก็ตามลองใช้เทคนิคดังกล่าวส่งข้อความหาคนที่สนใจ และขอให้สามารถกล้าเปิดประเด็นการสนทนาได้อย่างราบรื่นต่อไป
มีบางคนไหมที่รู้สึกว่าที่จริงคิดว่าตนเองเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี สามารถพูดคุยกับคนทั่วไปได้อย่างดี เข้ากับคนได้ง่าย แต่พอจะจับโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาฝ่ายตรงข้ามกลับทำไม่ค่อยได้ ไม่รู้ว่าจะพูด หรือจะพิมพ์อะไรดี จะสนทนาอะไรดี หรือจะตอบกลับว่าอย่างไรดี บางครั้งอยากส่งข้อความหาคนที่ตัวเองรู้สึกสนิทแต่ก็ได้แต่จ้องโทรศัพท์ มองแล้วมองอีก คิดแล้วคิดอีก กลัวและกังวลไปสารพัดว่า เขามีคนรักหรือยัง เขาจะรำคาญไหม เขามีสาวๆ คนอื่นอีกมากแค่ไหน จะส่งข้อความเนื้อหาอย่างไรดี เป็นต้น
วันนี้มี Point ที่จะมาแนะนำเรื่องการส่งข้อความที่มีผลดีมาฝากกัน
<POINT 1> ความถี่การส่ง
ไม่ว่าจะเป็นส่งทางข้อความหรือโทรศัพท์หาฝ่ายตรงข้าม มีเทคนิคเกี่ยวกับระยะเวลาหรือ Timing การส่งด้วย
ก่อนอื่นหลีกเลี่ยงที่จะส่งข้อความหาฝ่ายตรงข้ามขณะเวลาที่เขากำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน และช่วงเวลาเช้ามากๆ หรือดึกมากๆ เวลาดังกล่าวพยายามงดเว้นอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเป็นการรบกวนแล้วอาจทำให้ถูกมองว่าไม่รู้จักกาลเทศะอีกด้วย คือให้รู้จักการใส่ใจฝ่ายตรงข้าม หาเวลาที่เป็นช่วงเวลาที่เขาจะรู้สึกปลอดโปร่งและสบายหรือเปล่า? ถ้าไม่รู้ว่าควรจะส่งข้อความช่วงเวลาไหนจึงจะเหมาะสม กฎข้อแรกห้ามคิดว่า เมื่อส่งปุ๊บเราต้องได้รับคำตอบปั๊บ ห้ามคาดหวังว่าเขาต้องตอบกลับทันทีทันใด เช่นนี้ไม่ควรคิดเด็ดขาดถ้าจะส่งข้อความให้หนุ่มญี่ปุ่น ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมคือช่วงเวลาที่คาดการณ์แล้วว่าเป็นช่วงที่เขามีเวลาว่างพอที่จะอ่านและตอบกลับข้อความได้..
ข้อความที่ส่งและประเด็นความสนใจก็มีส่วนที่จะได้รับคำตอบอีกเช่นกัน คำถามที่เปิดกว้างก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้แสดงความคิดเห็นของตนได้อย่างดี และมีแนวโน้มจะตอบกลับมากกว่า
ถ้าหากว่ากรณีเราเองเป็นฝ่ายต้องตอบข้อความ แล้วบังเอิญทิ้งระยะเวลาการตอบนานไปหน่อยซึ่งอาจจะเนื่องมาจากงานยุ่งจริงๆ หรือเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตอบ ก็ตามแต่ ควรจะตอบกลับข้อความแบบรักษาน้ำใจโดยเพิ่มคำเกริ่นขึ้นต้นเช่น งานยุ่งมากต้องขอโทษที่ตอบกลับข้อความล่าช้า เป็นต้น
<POINT 2> สนทนาแบบธรรมชาติให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นกันเอง
การสนทนาแบบกันเอง การสนทนาด้วยความสนุกสนานอาจจะนำไปสู่การชวนเดท ชวนเที่ยวหรือดูหนังทานข้าวกันต่อก็ได้ แต่บางครั้งคิดว่าอีกฝ่ายต้องชวนเที่ยวต่อแน่ๆ แต่ทำไมกลับเงียบไปและไม่ชวนก็ไม่ทราบ ดังนั้นจึงมีเทคนิคการสนทนาทางข้อความด้วยความเป็นธรรมชาติ ไม่ฝืนและควรแสดงความเป็นกันเองให้มาก
ก่อนอื่นเลยนั้นต้องรู้จักฝั่งตรงข้ามให้ดีก่อน ว่าเขาเป็นอย่างไร ชอบไม่ชอบอะไร หรือมีความสนใจอะไรเป็นพิเศษบ้าง แล้วใส่ใจฝ่ายตรงข้ามอย่างที่บอกไปข้างต้นเกี่ยวกับช่วงเวลาการสนทานา ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพูดคุย หรือถ้าจะให้เขาชวนอาจเป็นคำถามประมาณว่า
วันนี้ไปดูหนังเรื่อง〇〇สนุกมากๆ เลยค่ะ แล้วคุณ〇〇ล่ะชอบดูหนังแบบไหน? เพื่อจะได้เป็นการเริ่มเปิดประเด็นการชวนคุยและนำไปสู่การชวนเดทนั่นเอง
หรือถ้าเป็นคนชอบทานอาหารอิตาเลี่ยน ก็อาจเปิดประเด็นว่า เมื่อกลางวันไปทานอาหารอิตาเลียนร้านหนึ่ง อร่อยมาก เคยไปร้านนี้ไหมคะ? เป็นต้น คือพยายามมองหาหัวข้อสนทนาที่นำไปสู่การพูดคุยต่อได้ หัวข้อที่เราชอบหรือที่คิดว่าเขาชอบ ควรเป็นคำถามแนวเปิดกว้าง แนวเชิญชวน เพื่อให้เกิดความราบรื่นในการสนทนาและนำไปสู่การชวนเดทนั่นเอง
<POINT 3> การใช้สัญลักษณ์
ก่อนนี้ได้กล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการส่งข้อความ และแนวทางทางสนทนา ต่อไปเป็นเทคนิคเล็กน้อย เกี่ยวกับการส่งข้อความ คือเรื่องฟร้อนท์ตัวอักษร หรืออิโมคอนน่ารักๆ ต่างๆ รูปหน้ายิ้ม รูปการ์ตูนที่ใส่ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มจินตนาการของลักษณะอารมณ์เราให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับรู้และเข้าใจ แต่ก็ต้องใส่ใจประเด็นที่ว่า ใส่รูปหน้าทุกคำพูดหรือแบบโอเวอร์มากเกินไปก็ไม่ดีนัก และสนใจประเด็นที่ว่าพูดคุยอย่างสุภาพ ถ่อมตัว ไม่ใช่คุยโม้คุยแต่เรื่องตนเอง เพราะอย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ยังต้องการมีความเป็นผู้นำและไม่ชอบให้สาวทำตัวว่าเหนือกว่านั่นเอง
สรุปแล้ว อย่างไรก็ตามลองใช้เทคนิคดังกล่าวส่งข้อความหาคนที่สนใจ และขอให้สามารถกล้าเปิดประเด็นการสนทนาได้อย่างราบรื่นต่อไป