รัฐบาลญี่ปุ่นจะพิจารณาอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่มีทักษะทางเทคนิคและเป็นผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะขาดแคลนแรงงานขั้นรุนแรง แต่ปฏิเสธที่จะรับแรงงานทั่วไป และไม่อนุญาตให้นำครอบครัวมาด้วย
นายกรัฐมนตรีชินโซ อะเบะของญี่ปุ่น ประกาศว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่าง ๆ เพื่อศึกษาถึงการขยายจำนวนแรงงานชาวต่างชาติ โดยมีเงื่อนไขคือ จะรับชาวต่างชาติที่มีทักษะเชี่ยวชาญเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ไม่เปิดรับแรงงานไร้ฝีมือ และไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาตินำครอบครัวมาพำนักในญี่ปุ่นด้วย รวมถึงจำกัดระยะเวลาในการอนุญาตให้พำนักในญี่ปุ่น
ในปัจจุบัน วีซ่าทำงานที่ออกให้แก่ชาวต่างชาติมี 18 สาขาอาชีพ เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัย แพทย์ และทนายความ โดยแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่นจำนวน 1.28 ล้านคน มีเพียง 240,000 คนเท่านั้นที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ส่วนที่เหลือเกือบทั้งหมดเป็นนักศึกษาต่างชาติที่สามารถทำงานนอกเวลาได้จำกัดเวลา
คณะทำงานของรัฐบาลญี่ปุ่นพบว่า ขาดแคลนแรงงานใน 6 ภาคธุรกิจ คือ การพยาบาลดูแล การก่อสร้าง การคมนาคมขนส่ง การบริการ การค้าปลีก และการเกษตร
เงื่อนไขในการรับแรงงานต่างชาติเฉพาะ “ผู้เชี่ยวชาญ” ถูกวิจารณ์จากชุมชนออนไลน์ของชาวต่างชาติในญี่ปุ่นว่า ไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และสะท้อนทัศนคติกีดกัน “คนนอก” ของชาวญี่ปุ่น เพราะทั้งๆ ที่ญี่ปุ่นขาดแคลนแรงงานอย่างมาก แต่รัฐบาลกลับยังตั้งแง่ในการออกวีซ่าทำงานเช่น ความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น และคุณสมบัติทางวิชาชีพ
นอกจากนี้ แรงงานที่ขาดแคลนส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่เป็นงานใช้แรงงานหรืองานบริการที่ชาวญี่ปุ่นไม่อยากจะทำ ชาวต่างชาติในญี่ปุ่นวิจารณ์ว่านี่คือนโยบาย “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” พร้อมระบุว่าผู้เชี่ยวชาญคนไหนจะยินดีที่มาอยู่ในต่างแดนด้วยระยะเวลาที่จำกัด และพาครอบครัวมาอยู่ไม่ได้ ?