xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าส่งไลน์แล้วสาวไม่ตอบ.. หนุ่มญี่ปุ่นควรทำไง!? กัปตัน 彡 ( ◆Д゚) ノ Jiro-Saburo ตอบคำถาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว เข้าเดือนแห่งความรักอีกแล้ว มาคุยเรื่องเบาๆ เรื่องเกี่ยวกับความรักหลากหลายรูปแบบของคนญี่ปุ่นกันดีกว่า ว่าด้วยเรื่องความรักก็ต้องเชิญกัปตัน Jiro-Saburo มาคุยเกี่ยวกับมุมมองความรักกันดีกว่าครับ งั้นขอเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยหน่อยครับ เชิญพบกับกัปตัน Jiro-Saburo !!! (นามสมมติ) มาแล้ว !!! ผู้มีประสบการณ์ความรัก 100 ครั้ง ชนะ 97 ครับ แพ้ 2 เสมอ 1 (´ω`; ) และเคยมาช่วยผมตอบคำถามหลายครั้งแล้ว

__ ノ艘ヽ_
彡 ( ◆Д゚) ノ<ช่าย...ผมคือกัปตันเรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรัก วันนี้มีคำถามอะไรมาถามล่ะ

กัปตัน : (สูบบุหรี่ ... 彡( ◆Д゚)y─┛〜) วันนี้ให้เล่าอะไรดี

Mr. Leon: คือมีนักศึกษามหาวิทยาลัย หนุ่มน้อยอายุ 19 ปีคนหนึ่งถามมาครับกัปตัน เขามาขอคำแนะนำ บอกว่า “ ช่วยด้วยๆ ครับ คือว่าผมเจอสาวในงานดูตัวที่ร้านหนึ่ง รู้สึกถูกใจมาก ได้ขอเบอร์ติดต่อมา และมีโอกาสไปเดทกันครั้งหนึ่ง ไปทานข้าวและดูหนังปกติตามปกติครับ ผมชอบกินอาหารแบบร้านที่ธรรมดาๆ พวกร้านอาหารจีน มันอาจจะดูคนเยอะพลุกพล่านหน่อย อาจจะดูเหมือนไม่ค่อยโรแมนติก แต่อาหารอร่อยมากๆ ครับ แต่ดูเหมือนว่าสาวจะไม่ค่อยชอบสไตล์แบบนี้นัก เวลาคุยกันก็สนุกปกติเพียงแต่ว่าเธอชอบพูดว่าสไตล์ต่างกัน เธอเผลอพูดว่า ตอนแรกเธอนึกว่าผมจะพาไปทานอาหารที่ร้านอาหารอิตาลีครับ พอเดทเสร็จผมก็พาเธอไปส่งที่สถานีรถไฟและบ้ายบายตรงนั้น และคืนนั้นผมก็ส่งไลน์ไปหาเธอ เขียนข้อความประมาณว่าขอบคุณมากครับ ที่มาทานอาหารด้วยกัน ..แต่เธอไม่ได้ตอบกลับมา ผมควรทำอย่างไรดีครับกัปตัน?!

ผมควรโทรศัพท์ไปหาเธอไหม แบบโทรไปย้ำๆ จนกว่าเธอจะรับสาย 鬼電 Oni den
ผมควรไปหาเธอที่บ้านเธอดีไหมครับ
หรือผมควรส่งไลน์และแสตมป์ไปอีกดี

ช่วยแนะนำผมด้วยครับ ขอบคุณครับ”


_ ノ艘ヽ_
彡 σ( ◆Д゚)σ กัปตัน : 諦めた方が良いって…!! ข้าว่าเอ็งลืมไปเลยดีกว่า มาถามว่าถ้าเจอแบบนี้ควรทำอย่างไร!?
รอแล้วรอเล่า หนึ่งวันไม่มา หนึ่งอาทิตย์ก็ไม่มา รอไปเป็นเดือนก็ยังไม่มา .. จะให้ทำยังไง นอกจากทำใจ?!
แต่บอกไว้ก่อนนะสิ่งที่ห้ามทำที่สุดคือ ถามว่าทำไมไม่ตอบ เจอแบบนี้ ตกลงเลยนะว่า ลืมไปเลย ไม่ต้องถามเหตุผล รู้ๆ กันอยู่

Mr. Leon: เดี๋ยวๆ กัปตันครับ( ¯•ω•¯ ) เขาอุตส่าห์ถามเพราะอยากได้คำตอบ ไม่ตอบเขาดีๆ หน่อยหรอ

_ ノ艘ヽ_
彡 ( ◆Д-)ノ กัปตัน : ตอบสักหน่อยก็ได้ ความเป็นไปได้ ถ้าเอ็งรอไปเป็นสัปดาห์แล้วก็ไม่มีการติดต่อกลับมา (ซึ่งตามปกติแล้วต่อให้ยุ่งแค่ไหนมันก็น่าจะมีเวลาติดต่อบ้างนะ )สามารถคาดการณ์ได้ว่าอาจจะเป็นไปได้ด้วยเหตุผลแบบนี้ละไอ้หลาน..

🎯เธอกำลังอยู่บนภูเขาไฟฟูจิ 1%🗻
🎯เธอกำลังเข้าโรงพยาบาล 2%🏥
🎯เธอพยายามหนีเอ็งอยู่ เธอไม่สนใจแก 97%( ´_ゝ`)
ก็คนเขาไม่สน จะบังคับให้สนก็ใช่ที่ จะถามหาเหตุผลก็คงหาไม่เจอหรอก จะบอกว่าเธอไม่ชอบเราก็อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่เธอไม่สนใจซะมากกว่า ทำไมข้าสามารถพูดแบบนี้รู้ไหม ก็เพราะว่าข้าคือกัปตัน Jiro-Saburo !!! (นามสมมติ) มาแล้ว !!! ผู้มีประสบการณ์ความรัก 100 ครั้ง ชนะ 97 ครับ แพ้ 2 เสมอ 1 (´ω`; ) ไง 〜⭐️😙 〜

Mr. Leon: พูดแบบนั้นก็สงสารเขานะกัปตัน ไม่มีทางช่วยอื่นๆ แล้วหรอครับ

_ ノ艘ヽ_
m9 ( ◆Д゚)し" กัปตัน :จะบอกว่าไม่มี ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่มันยากแค่นั้นเอง สาวๆ ก็เหมือนดวงดาว เห็นมั้ยบนท้องฟ้าตอนกลางคืนน่ะ ✨⭐️🌟✨เยอะแยะเต็มไปหมด สวยงามกระพริบระยิบระยับเลย แกชอบใช่ไหม ชอบดวงไหนล่ะ เอื้อมมื้อไปสิ เอื้อมยังไงก็ไม่ถึงใช่ไหม ฮ่าๆๆ จริงไหม !?

Mr. Leon: สำบัดสำนวนนะกัปตัน รีบบอกวิธีช่วยเขาซะทีเถอะ

_ ノ艘ヽ_
彡 ( ◆Д゚) b กัปตัน : นี่แนะนำเคสนี้อ้างอิงสังคมคนญี่ปุ่นนะ เอางี้ในเมื่อหนุ่มส่งไลน์ไปหาแล้วสาวไม่ตอบ อย่างน้อยก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้สนใจแกเท่าไหร่นัก ให้ลองเงียบเฉยไปเลย ให้เวลาผ่านไปสัก 6 เดือน ไม่ต้องติดต่อ ไม่ต้องโทรหา ไม่ต้องตามเฟซฯ เลยนะ แล้วสาวจะนึกได้ว่า แกหายไป!! แล้วแกลองส่งข้อความหาเธอดู แต่ไม่ใช่ข้อความปัญญาอ่อน ง๊องแง๊งนะ ไม่ใช่ข้อความที่ไม่เกี่ยวเธอ เช่น หมีแพนด้าออกลูกแล้วนะ , คนขายข้าวแกงแถวบ้านถูกหมากัดล่ะ อะไรแบบนี้ไม่ต้องส่ง หาโอกาสสำคัญของเธอเช่น อวยพรวันเกิดเธอ หรือถ้ามีแผ่นดินไหวพอดีอาจไลน์ไปแสดงความเป็นห่วงเป็นใย สอบถามว่า เป็นอะไรไหม เป็นต้น เข้าใจมั้ย

แต่ว่าแกจะรอถึง 6 เดือนจริงหรอ!? ระหว่างนั้นแกก็มีคนใหม่ไปแล้วล่ะมั้ง

Mr. Leon: แหมแต่อาจจะมีหนุ่มแบบผมที่ไม่ค่อย อยากจีบใครก็ได้ ยิ่งบางคนเขาอาจจะกลัวโดนปฏิเสธอีก(´•ω•`) โดนปฏิเสธหลายๆ ทีจิตใจก็ฝ่อเลยนะครับ

_ ノ艘ヽ_
彡 ( ◆Д゚) つ กัปตัน :お前なぁー、まぁだ勘違いしてるんだわぁ!แกกำลังเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า ! แกอาจะคิดว่า ไม่ว่าใครก็ตาม คนหนุ่มวัยมัธยม วัยมหาวิทยาลัย วัยทำงาน จะหาแฟนได้แบบสั่งปุ๊บได้ปั๊บละสิ ไม่ใช่ๆ มันก็เปอร์เซ็นต์ส่วนน้อยเท่านั้นเอง ตั้งแต่สมัยสามสิบปีก่อน สมัยฟองสบู่แตก เด็กมหาวิทยาลัย ที่ยังไม่แต่งงานเนี่ย แบบสำรวจบอกว่ามีหนุ่มที่มีแฟนเนี่ย แค่ไม่ถึง 30% เองนะ สมัยนี้ก็ไม่ต่างกัน พอๆ กัน เหตุผลที่หนุ่มๆ ไม่มีแฟน ก็มีหลายเหตุผล

* อย่างหนึ่งเลยเนี่ยหนุ่มญี่ปุ่นวัยมหาวิทยาลัย ถึงวัยเริ่มทำงานเนี่ยเป็นช่วงเวลาที่ไม่เด่นไม่ดัง เงินไม่มี ถ้าไม่หล่อรวย ยากที่จะมีสาวมาสนใจ ต่างจากฝ่ายสาวที่จะเบ่งบานมากก็ช่วงมหาวิทยาลัยถึงวัยเริ่มทำงาน ที่จะมีแต่คนมาขายขนมจีบ รีบคว้าโอกาสไว้เชียวเกิน 30 แล้วนี่สาวญี่ปุ่นยากแล้วนะที่จะเจอคนที่จะมาขอแต่งงานด้วย
彡( ◆Д゚)y─┛〜

* ถ้าสมมุติว่ามีหนุ่มรุ่นเดียวกัน 10 คน มันก็ต้องมีแบบหล่อเทพมาก หล่อนายแบบ หล่อน้อย ธรรมดา ไปจนถึงพวกขี้เหร่ใช่ไหมละ ไอ้พวกที่หล่อเทพมากๆ มันก็มีสาวควงไปแล้ว 5 คน ไอ้พวกหล่อขั้นรองๆ ลงมาก็มีสาวควง 3 คน หนุ่มแค่ 2 คนที่บอกว่าหล่อๆไปมันก็ควงสาวไป 8 คนแล้ว จะเหลือถึงคนธรรมดาได้ไง สาวๆ ยิ่งน้อยกว่าผู้ชายอยู่ด้วย
* ส่วนสาวสวยอีกส่วนหนึ่ง ก็โดนจีบโดยหนุ่มนักธุรกิจรวยๆ อายุเยอะ พวกป๋า พวกยากุซ่า จะมีมามองพวกหนุ่มมหาวิทยาลัยต๊อกต๋อยรุ่นเดียวกันทำไมใช่ไหม ข้าถึงบอกไปไงว่าหนุ่มญี่ปุ่น ไม่มีแฟนนี่เฉยๆ ไม่แปลก ไม่ต้องแคร์ ฮ่าๆ

■ คนญี่ปุ่นกับการแต่งงาน

ถ้าเขียนให้เห็นลำดับอัตราการแต่งงานของคนญี่ปุ่นรุ่นต่างๆ ให้เข้าใจง่ายๆ คงจะเรียงได้แบบนี้ครับ

😼 สมัยเอโดะ ราวๆ 150 ปีก่อน สมัยนั้นมีจำนวนผู้ชายมากกว่าผู้หญิงสมมุติว่ามีผู้หญิง 100 คน จะมีผู้ชาย 130 คน ไม่แปลกที่หนุ่มจะหาคู่แต่งงานไม่ได้ เพราะหนุ่มที่ไม่ใช่อันพาลก็เป็นประเภทที่ทำงานหนัก กว่าจะตั้งตัวได้ก็มีอายุ 40 กว่าปี พอจะเริ่มคิดสร้างครอบครัวก็ไม่ทันแล้วเพราะอายุเฉลี่ยของคนสมัยนั้นแค่ 50 กว่าปีเอง และสมัยนั้นมีสาวที่นิยมทำอาชีพเป็นเกอิชาเกิดขึ้นจำนวนมากเพื่อให้บริการฝ่ายชาย เกิดหนุ่มอันธพาลขึ้นจำนวนมาก

😾 สมัยต่อมา ราวๆ 100 ปีก่อนก็ยังเป็นยุคที่คนญี่ปุ่นจะแต่งงาน และหาคู่ครองยาก สมัยนั้นชาวไร่ชาวนาที่มีลูก ส่วนใหญ่จะอนุญาตแค่ลูกชายคนโตเท่านั้นที่สามารถแต่งงานได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้สืบต่อการดูแลที่ดินของที่บ้าน ลูกชายลำดับอื่นๆ ก็ไม่เชิงว่าไม่ได้รับการอนุญาตแต่เพราะพวกเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีเงิน แล้วจะแต่งงานมีลูกมีหลานได้อย่างไร..
จากนั้นหลังสมัยสงครามโลก คนญี่ปุ่นต้องการเพิ่มจำนวนประชากร จึงมีการผลิตลูกผลิตหลานกันมาก เกิดเป็นคนรุ่นที่เรียกว่า ดังไก 団塊の世代 Dankai generation

🙀สมัยรุ่นดังไก Dankai คนญี่ปุ่นช่วงอายุ ที่เกิดช่วงปี 1946 〜1949 สมัยนั้นต่างจากที่เมื่อก่อนคนไม่ค่อยนิยมแต่งงานกันนัก กลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย เป็นยุคที่แต่งงานกันแทบทุกคน คิดเป็น 97% เลยล่ะ น่าตกใจไหม เพราะมีการดูตัวเพื่อเลือกคู่ มีการแต่งงานแบบคลุมถุงชน มีการแต่งงานที่แม้ไม่ได้เกิดจากความรักก็แต่ง เลยค่อนข้างมีผลกระทบทำให้ลูกๆ ของคนรุ่นนั้นเสปก ไม่ค่อยจะดีนัก

😻รุ่นต่อๆ มา หรือปัจจุบันคนรุ่นอายุ 50 ลงมาไม่ค่อยใช้ระบบคลุมถุงชนแบบเดิมแล้ว ที่แต่งงานกันก็เพราะรักกันจริงๆ อยากอยู่ด้วยกัน คนรุ่นนี้ที่จะแต่งงานได้นี่ต้องเป็นคนที่มีสเปกสูง มีความหล่อ มีความรวย มีความเก่ง ครบ! อย่างที่บอกกันว่าต้องมี 3 สิ่งขั้นสูง 三高 Sankō คือ เรียนจบสูง, หล่อตัวสูง , เงินเดือนสูง จึงจะเป็นผู้ที่มีโอกาสแต่งงานได้ ซึ่งถ้าเทียบเป็นอัตราส่วนแล้วค่อนข้างเป็นไปได้น้อยมาก ส่วนระบบดูตัวแบบสมัยก่อนกลายเป็นเรื่องน่าอาย และระบบลูกชายคนโตเท่านั้นที่จะแต่งงานได้ก็หายไป ดังนั้นคนรุ่นนี้จึงมีลูกที่สเปกดีเชียว มีความหล่อ มีความสูง มีความเก่ง มาก 😺 ถ้าเทียบปัจจุบันก็คือหนุ่มๆ ญี่ปุ่นอายุ 15-25 ปี แต่ดันเกิดมาในยุคสังคมแบบนี้พอดี หล่อสเปกดี แต่อาจไม่มีกินก็ได้ !! (ถ้าไม่รวยมาก่อน) เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไม่ใช่จะดีนัก คนหนุ่มหางานดีๆ ทำยาก เพราะรุ่นแก่ๆ ยังอยู่เต็มไปหมด เข้าไปก็อาจต้องเป็นเบี้ยล่าง ถูกกดดัน แล้วจะเอาเวลาไหนไปคิดอยากมีแฟน

Mr. Leon: อืม ท่าจะจริง เพราะผมเคยเจอเด็กหนุ่มญี่ปุ่นน่าตาดี สูง ขาว น่าจะอายุต้นๆ 20 ปีมาเที่ยวกัน 2 คน ได้มีเวลานั่งคุยกันนิดหน่อย ถามเค้าว่า มีแฟนกันรึยัง เขาตอบว่า ไม่มี ที่จริงผมก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่หรอก แต่เขายืนยันว่าไม่มีจริงๆ คนหนุ่มสมัยนี้นะอย่างที่กัปตันบอกไปจริงๆ นั่นแหละนะ เปอร์เซ็นต์มีแฟนยากกว่าสมัยก่อน

กัปตัน 彡 ( ◆Д゚) ノ:ช่ายยิ่งสมัยนี้มันยุคดิจิตอล ยุคโลกโซเชี่ยล ไม่มีแฟนก็มีสมาร์ทโฟน ที่ใช้ท่องโลกไปไหนๆ ได้โดยไม่ต้องลุกจากที่นั่งเลย จะคุยกันห้องแชทไหน ชอบอะไรก็คุยได้ เลยทำให้ไม่ค่อยกะตือรือล้นจะหาแฟนด้วยละมั้ง อยู่คนเดียวต้องหาเงินเลี้ยงตัวให้ได้ซะก่อน คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง วันนี้แค่นี้นะ ( ◆Д`)y━・~~

วันนี้มีกัปตัน 彡 ( ◆Д゚) ノมาช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับความรักและการแต่งงานของคนญี่ปุ่นให้ฟัง ไปหนึ่งประเด็นต้องขอขอบคุณมากครับ แล้วที่เมืองไทยเป็นอย่างไรบ้าง มีการแต่งงานแบบคลุมถุงชนไหมครับ❤️วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น