นร.ญี่ปุ่นสุดงง ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยถามสัญชาติการ์ตูน “มูมิน”

ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีล่าสุดของญี่ปุ่นถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อถามเกี่ยวกับภาษาและที่อยู่ของ “มูมิน” ตัวการ์ตูนชื่อดังจากสแกนดิเนเวีย ซึ่งแท้จริงแล้วก็ไม่ปรากฏชัดว่าอยู่ที่ประเทศไหนกันแน่

นักเรียนชาวญี่ปุ่นที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ต่างุนงงกันถ้วนหน้ากับข้อสอบวิชาภูมิศาสตร์ที่ให้จับคู่ระหว่างสถานที่ของตัวการ์ตูนในภาพวาดกับภาษาที่ใช้ โดยมีข้อหนึ่งที่เป็นภาพ “มูมิน” ตัวการ์ตูนที่มีลักษณะคล้ายฮิปโป ผลงานของ “โทฟ แจนสัน” โดยคำตอบที่เฉลยออกมาคือ มูมินเป็นตัวละครจากฟินแลนด์ และพูดภาษาฟินนิช

อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลแล้ว มูมิน มีต้นฉบับเดิมมาจากประเทศสวีเดน และเมื่อผู้เขียนย้ายมาตั้งรกรากที่ประเทศฟินแลนด์จึงได้โด่งดังขึ้นมา และในเนื้อเรื่องก็ไม่เคยระบุว่า มูมินอาศัยอยู่ที่ประเทศใด

สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้สอบถามเจ้าหน้าที่สถานทูตฟินแลนด์ประจำกรุงโตเกียวได้ความว่า ตามเนื้อเรื่องแล้ว มูมินเป็นครอบครัวที่อาศัยอยู่ใน Moominvalley ซึ่งเป็นสถานที่ในจินตนาการ และผู้เขียนไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นประเทศฟินแลนด์

แม้แต่ทวิตเตอร์ทางการของ “มูมิน” ในญี่ปุ่น ก็ระบุว่า มูมินอาศัยอยู่ที่ฟินแลนด์หรือนอร์เวย์ หรือที่อื่นใดก็ไม่รู้แน่ชัด เพราะเป็นตัวการ์ตูนที่แพร่หลายทั่วพื้นที่สแกนดิเนเวีย

ข้อสอบอีกตัวเลือกหนึ่งก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน โดยเป็นรูปชาวไวกิง ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามีถิ่นฐานอยู่ที่นอร์เวย์ แต่ความจริงแล้ว ไวกิง หมายถึงชนเผ่านักรบ นักการค้า ที่มีครองพื้นที่ทั้งนอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก และยังรบชนะ ยึดครอง และตั้งอาณานิคมในอังกฤษ นอร์ม็องดี และรัสเซีย

บรรดานักเรียนที่เข้าสอบต่างวิพากษ์ข้อสอบสุดพิสดารนี้อย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ เพราะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นมีการแข่งขันที่สูงมาก การตอบผิดแม้แต่ข้อเดียวก็อาจทำให้พลาดโอกาสในการเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการ

กระแสสังคมกดดันให้คณะผู้สอบข้อสอบซี่งเป็นอาจารย์จากคณะภาษาและวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยโอซากา ต้องออกจดหมายเปิดผนึกผ่านทางอินเตอร์เนต แสดงความไม่สบายใจที่ข้อสอบข้อนี้มีความเสี่ยงที่จะผิดพลาด จนเกิดการวิจารณ์อย่างกว้างขวาง

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นถูกวิจารณ์ว่า ชี้เป็นชี้ตายชีวิตการศึกษาด้วยการสอบเพียงแค่ 2 วัน ในปีนี้มีนักเรียนญี่ปุ่นเข้าสอบทั้งสิ้นกว่า 580,000 คน นอกจากวิชาพื้นฐานต่างๆ แล้ว นักเรียนญี่ปุ่นยังต้องสอบเขียนเรียงความเป็นภาษาญี่ปุ่น รวมทั้งการเขียนและการพูดภาษาอังกฤษอีกด้วย นักเรียนจำนวนมากต้องใช้เวลาหลายปีในการเรียนกวดวิชาเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย และยังต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยการไปบนบานที่ศาลเจ้าที่เชื่อกันว่าอำนวยพรให้โชคดีในการสอบคัดเลือก.