xs
xsm
sm
md
lg

สุนัขจิ้งจอกกง (ตอนแรก)

เผยแพร่:   โดย: โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์


ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
Tokyo University of Foreign Studies


เรื่องแต่งว่าด้วยสุนัข

ขณะที่ “ฮะชิโก” อันเป็นต้นกำเนิดแห่งอนุสาวรีย์สำคัญหน้าสถานีชิบุยะใจกลางโตเกียวคือ ‘เรื่องจริง’ เกี่ยวกับสุนัขญี่ปุ่นที่โด่งดังที่สุด ในอีกด้านหนึ่ง เรื่องราวของ “สุนัขจิ้งจอกกง” ก็คือ ‘เรื่องแต่ง’ เกี่ยวกับสุนัขที่คนญี่ปุ่นรู้จักแพร่หลายที่สุด เพียงแต่ว่าสุนัขในเรื่องนี้ไม่ใช่สุนัขบ้าน แต่เป็นสุนัขจิ้งจอก ซึ่งเป็นสัตว์ที่ปรากฏในวรรณกรรมญี่ปุ่นบ่อย และคนญี่ปุ่นถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วย ท่ามกลางบรรยากาศต้อนรับปีใหม่ในขณะนี้ นอกจากเรื่องจริงเกี่ยวกับสุนัขแล้ว จึงอยากนำเรื่องแต่งมาเล่าสู่กันฟังด้วย
หนังสือ “กง-กิสึเนะ” โดย สนพ. Kodansha
“กง-กิสึเนะ” (ごん狐;Gon-gitsune) หรือ “สุนัขจิ้งจอกกง” เป็นงานประพันธ์ของนีมิ นังกิชิ (新美 南吉 ; Nīmi Nankichi; 1913 – 1943) นักเขียนชื่อดังของญี่ปุ่นผู้เริ่มเขียนเรื่องต่าง ๆ มาตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เสียชีวิตด้วยวัณโรคตอนหนุ่ม ๆ ขณะที่อายุเพียง 29 ปีเท่านั้น นีมิแต่งเรื่อง “กง-กิสึเนะ” ตอนอายุเพียง 17 ปี จนถึงทุกวันนี้ เด็ก ๆ ญี่ปุ่นต่างก็เคยอ่านเรื่องนี้ในชั้นเรียนที่โรงเรียนและรู้จักเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี กงคือตัวเอกของเรื่อง แสดงนิสัยทั้งด้านดีและด้านไม่ดีในฐานะสุนัขจิ้งจอก แต่ตอนจบของเรื่องอาจเหนือความคาดหมายของหลาย ๆ คน และคงเพราะจบแบบนี้นี่เอง เรื่องนี้ถึงได้ตรึงใจคนญี่ปุ่นมาโดยตลอด
นีมิ นังกิชิ ผู้ประพันธ์ “กง-กิสึเนะ”
สุนัขจิ้งจอกกง

เรื่องต่อไปนี้คือเรื่องที่ฉันได้ฟังจากคุณตาโมะเฮในหมู่บ้านตอนที่ฉันเป็นเด็ก

กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมา ที่ละแวกนะกะยะมะใกล้ ๆ หมู่บ้านของพวกเรา มีปราสาทเล็ก ๆ อยู่ แถบนี้มีท่านนะกะยะมะเป็นผู้ปกครอง ในป่าที่ห่างออกไปหน่อยจากแถบนะกะยะมะนี้ มีหมาจิ้งจอกชื่อ “กง” อาศัยอยู่

กงเป็นหมาจิ้งจอกตัวน้อย อาศัยอยู่เพียงลำพัง ขุดโพรงอาศัยอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยต้นเฟิร์นขึ้นหนา ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน กงจะออกไปแถว ๆ หมู่บ้าน ทำแต่เรื่องซุกซน ไปในไร่นา ขุดมันเทศกระจัดกระจายบ้าง จุดไฟเผาเปลือกเมล็ดเรปที่ตากอยู่บ้าง หรือเข้าไปที่ด้านหลังบ้านไร่ เด็ดพริกไทยที่เจ้าของแขวนตากไว้ มันก่อเรื่องมากมาย

เรื่องราวเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปีหนึ่ง ฝนตกติดต่อกันมาสองสามวันแล้ว ระหว่างนั้นกงออกไปข้างนอกไม่ได้เลย ได้แต่หมอบอยู่ภายในโพรง

พอฝนหยุดตก กงก็โล่งใจและออกจากโพรง ท้องฟ้าแจ่มใสปลอดโปร่ง นกอีเสือส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วกังวานใส
นกอีเสือ
กงออกไปที่ริมตลิ่งแม่น้ำสายเล็ก ๆ ของหมู่บ้าน ยอดหญ้าซุซุกิแถวนั้นยังคงมีน้ำฝนเกาะพราว ตามปกติแม่น้ำสายนั้นมีน้ำน้อยอยู่เสมอ แต่เพราะฝนตกถึงสามวัน น้ำจึงเอ่อขึ้นมามาก หญ้าซุซุกิและกอต้นฮะงิริมตลิ่งซึ่งปกติน้ำท่วมไม่ถึงนั้น บัดนี้ล้มลู่ตามน้ำที่ขุ่นเป็นสีเหลือง กงเดินลุยบนทางเดินที่เป็นโคลนไปตามกระแสน้ำ
หญ้าซุซุกิ หรือ หญ้าขนเม่น
ทันใดนั้น กงเห็นคนอยู่ในแม่น้ำ กำลังทำอะไรอยู่สักอย่าง กงเดินเข้าไปซุ่มอยู่หลังหญ้าที่ขึ้นสูงเพื่อไม่ให้ใครมองเห็น และลอบมองไม่วางตา

เอ๊ะ...นั่นเฮียวจูนี่นา กงคิด

ชาวนานามว่าเฮียวจูถลกกิโมโนคร่ำคร่าที่สวมอยู่ขึ้นมา เดินลุยน้ำที่สูงถึงเอว ส่ายตาข่ายดักปลาที่ขึงกับไม้ที่ปักอยู่ ข้าง ๆ ใบหน้าที่คาดผ้าโพกหัวมีใบกลม ๆ ของต้นฮะงิหนึ่งใบติดอยู่ ดูคล้ายกับผ้าดำโพกหน้าผืนใหญ่ ผ่านไปครู่หนึ่ง เฮียวจูยกก้นตาข่ายตรงด้านหลังสุดที่คล้ายถุงขึ้นมาจากน้ำ ในนั้นมีรากต้นไม้ ใบหญ้า ท่อนไม้ผุ ๆ ผสมปนเปอยู่ก็จริง แต่บางที่ก็มีสีขาว ๆ วิบวับอยู่ด้วย นั่นคือท้องของปลาไหลตัวหนา และท้องของปลาเห็ดโคน เฮียวจูเอาปลาไหลและปลาเห็ดโคนใส่เข้าไปในกระชุปากสอบพร้อมกับสวะทั้งหลาย เสร็จแล้วผูกปากถุง ใส่ลงไปในน้ำอีก แล้วเฮียวจูก็ขึ้นจากน้ำ ถือกระชุมาวางบนตลิ่งแล้ววิ่งทวนน้ำ ดูท่าไปหาอะไรสักอย่าง

พอเฮียวจูไป กงก็กระโดดแผล็วออกจากกอหญ้า วิ่งไปที่ข้างกระชุ เกิดอยากจะทำเรื่องซุกซนขึ้นมาตงิด ๆ ว่าแล้วกงก็จับปลาออกมาจากกระชุ โยนลงไปในแม่น้ำตามแนวน้ำไหล ตรงที่เฮียวจูวางตาข่ายดักปลาไว้ ดังจ๋อม...จ๋อม

ปลาตัวแล้วตัวเล่ากระโดดลงน้ำผลุง ดำหายลงไปในน้ำปริ่มโคลน ท้ายสุดกงจับปลาไหลตัวอ้วน แต่ปลาไหลลื่นหลุดผลุบ ผลุบ กงใช้อุ้งเท้าจับไว้ไม่อยู่ มันเกิดฉุนขึ้นมา จึงมุดเข้าไปในกระชุ งับหัวปลาไหลไว้ ปลาไหลร้องจี๊ด เอาตัวพันคอกง ตอนนั้นเอง เฮียวจูขึ้นเสียงดังลั่นมาจากอีกฟาก

“เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้หมาจิ้งจอกขี้ขโมย”

กงตกใจกระโดดตัวลอย ทิ้งปลาไหลโดยไม่แยแส พยายามจะหนี แต่ปลาไหลพันรอบคอกงอยู่อย่างนั้นไม่ยอมคลาย มันกระโดดไปข้าง ๆ พยายามหนีเต็มที่ พอไปถึงต้นฮันโนะกิที่อยู่ใกล้โพรงที่ตัวเองอยู่ก็หันกลับไปมอง เฮียวจูไม่ได้วิ่งตามมา กงโล่งใจและกัดหัวปลาไหลเข้าไปดังกร๊วบ ในที่สุดมันก็เอากระชุออกจากหัวได้ แล้ววางไว้บนหญ้าที่อยู่นอกรังของมัน

ผ่านไปราวสิบวัน กงผ่านไปที่หมู่บ้าน ขณะที่กำลังเดินโต๋เต๋ผ่านหลังบ้านไร่ของชาวนานามว่ายะซุเกะ กงเห็นเมียของยะซุเกะยืนอยู่ใกล้ ๆ ต้นมะเดื่อพลางเอายาฟันดำถูฟันอยู่ และเมื่อมันผ่านไปที่ด้านหลังของบ้านช่างตีเหล็กนามว่าชิมเบ มันก็เห็นเมียของชิมเบกำลังสางผม

อืม...หมู่บ้านนี้ คงต้องมีอะไรสักอย่าง กงคิด
อะไรกันล่ะ? เทศกาลเก็บเกี่ยวกระมัง เอ...แต่ถ้าเป็นงานเทศกาล ก็น่าจะมีเสียงกลอง เสียงขลุ่ยสิ และคงต้องมีป้ายขึ้นที่ศาลเจ้าสิ?

ขณะที่คิดเรื่องนี้ไปด้วย เดินไปด้วย ไม่ทันไร กงก็มาถึงหน้าบ้านของเฮียวจู ซึ่งมีบ่อน้ำก่อด้วยอิฐสีแดงหน้าบ้าน ภายในบ้านหลังเล็กจะพังแหล่มิพังแหล่หลังนี้มีคนมารวมตัวกันมากมาย พวกผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนแบบครบชุด มีผ้าเช็ดหน้าห้อยอยู่ที่เอว ต่างติดไฟอยู่ที่เตา ในหม้อใบใหญ่ มีอะไรกำลังเดือดปุด ๆ

อ่า...งานศพนั่นเองM กงคิด คงมีคนในบ้านของเฮียวจูตาย

พอเลยเที่ยง กงไปที่สุสานประจำหมู่บ้าน แล้วไปแอบอยู่หลังรูปปั้นหินพระกษิติครรภโพธิสัตว์หกองค์ วันนั้นอากาศแจ่มใส ที่อีกด้านหนึ่งห่างไกลออกไป กระเบื้องหลังคาของปราสาทนะกะยะมะส่องประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ ที่สุสาน ดอกพลับพลึงตีนเป็ดออกดอกแดงเป็นแนวกว้างราวกับมีผ้าสีแดงคลุมพื้นอยู่

ทันใดนั้น เสียงระฆังดังมาจากทางหมูบ้าน โป๊ง...โป๊ง เสียงสัญญาณบ่งบอกงานศพนั่นเอง ไม่นานนักก็เริ่มเห็นขบวนงานศพที่มีผู้คนแต่งชุดกิโมโนสีขาวเคลื่อนตัวเข้ามาอยู่รำไร เสียงพูดคุยก็ได้ยินใกล้ขึ้น ขบวนงานศพเข้าไปที่สุสาน หลังจากที่ผู้คนผ่านไป ดอกพลับพลึงตีนเป็ดก็ตกอยู่ในสภาพถูกเหยียบย่ำ
ดอกพลับพลึงตีนเป็ด
กงชะเง้อคอมอง มันเห็นเฮียวจู เขาใส่ชุดกิโมโนสีขาวแบบซามูไรใส่และถือแผ่นป้ายชื่อ ใบหน้าที่ดูสดดุจมันเทศสีแดงนั้น วันนี้ดูเศร้าสร้อยเสียจริง

อ้อ...คนที่ตาย คงเป็นแม่ของเฮียวจู กงคิดเช่นนั้น พลางหดหัวกลับลงไป

คืนนั้น กงนอนคิดในโพรงของมัน

ไม่ผิดแน่...ตอนที่แม่ของเฮียวจูนอนป่วยอยู่บนเตียง ต้องพูดว่าอยากกินปลาไหลแน่ ๆ เลย เฮียวจูก็เลยเอาตาข่ายออกไปที่แม่น้ำเพื่อดักปลา แต่ว่าข้าทำเรื่องซน เอาปลาไหลกลับมา เฮียวจูเลยเอาปลาไหลไปให้แม่กินไม่ได้ แม่ตายทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้กินปลาไหล คงตายไปทั้ง ๆ ที่กำลังคิดว่า อ้า...อยากกินปลาไหล อยากกินปลาไหล โธ่เรา...ข้าไม่น่าทำเรื่องซนแบบนั้นเลย

เฮียวจูกำลังซาวข้าวสาลีอยู่ที่บ่อน้ำสีแดง เท่าที่ผ่านมาเฮียวจูกับแม่อยู่ด้วยกัน มีกันสองคน ใช้ชีวิตยากจนมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ พอแม่ตายเฮียวจูก็เหลือตัวคนเดียว

เฮียวจูอยู่ตัวคนเดียวเหมือนข้าอย่างนั้นหรือ

กงคิดเช่นนั้นขณะที่มองเฮียวจูอยู่ด้านหลังยุ้งใส่ของ

**********
คอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึก โดย ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ แห่ง Tokyo University of Foreign Studies จะมาพบกับท่านผู้อ่านโต๊ะญี่ปุ่น ทุกๆ วันจันทร์ ทาง www.mgronline.com



กำลังโหลดความคิดเห็น