xs
xsm
sm
md
lg

"คริสต์มาส" สไตล์คนญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจาก https://www.pinterest.jp/explore/fried-chicken/
คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

พรุ่งนี้ก็วันคริสต์มาสแล้วนะคะ ฉันจำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ มักรอคอยให้คริสต์มาสมาถึงไว ๆ เพราะชอบบรรยากาศของเทศกาลนี้ที่มีการประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยสีสันวับวาวระยิบระยับตามที่ต่าง ๆ และมักได้ยินเพลงคริสต์มาสตามห้างสรรพสินค้า หากปีไหนอากาศเย็นได้ใจก็จะยิ่งได้บรรยากาศมาก

ส่วนในกรุงโตเกียวเองก็มีบรรยากาศของคริสต์มาสอบอวลอยู่ทั่วเมืองชวนให้รู้สึกรื่นเริงและมีความสุขเช่นกัน แต่แม้จะเป็นช่วงเทศกาลเดียวกันแต่ญี่ปุ่นก็มีการฉลองคริสต์มาสในแบบฉบับของตัวเองที่ไม่เหมือนที่อื่นด้วย
ภาพจาก https://cometojapankuru.blogspot.com
ทั่วกรุงโตเกียวหรือตามเมืองใหญ่ ๆ โดยเฉพาะย่านหรูหราทั้งหลายจะประดับประดาด้วยไฟสีต่าง ๆ สวยงามเป็นทิวไปทั่วทั้งถนน หรือมีต้นคริสต์มาสใหญ่โตประดับอย่างอลังการ คนมักชวนกันไปดูไฟตามที่ต่าง ๆ บางแห่งก็มีจัดอีเวนท์สำหรับคริสต์มาสโดยเฉพาะ เช่น ลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้ง หรือถ้าเป็นสวนสนุกต่าง ๆ ก็มีตกแต่งธีมแบบคริสต์มาสและประดับไฟสวยงาม และมีกิจกรรมพิเศษสำหรับคริสต์มาสด้วยเช่นกัน

สินค้าประทินโฉมสำหรับผู้หญิงก็จะออกสินค้าเฉพาะสำหรับคริสต์มาสอีกเช่นกัน เรียกได้ว่าเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันอย่างเอิกเกริกทั้งที่ไม่ใช่ประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นหลัก สร้างความฉงนสนเท่ห์แก่ชาวต่างชาติที่มาจากประเทศที่นับถือคริสต์เป็นอันมากว่า "อะไรมันจะขนาดนี้ !"

ลักษณะเด่นของคริสต์มาสในญี่ปุ่นอย่างแรกคือ คริสต์มาสเป็นวันสำหรับคู่รักมากกว่าวันในครอบครัว โดยคู่รักมักจะแลกของขวัญกันและกัน รับประทานอาหารค่ำในร้านหรูที่ต้องจองกันล่วงหน้า มีเพลงญี่ปุ่นเพลงหนึ่งชื่อ Christmas Song ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพนี้ได้อย่างชัดเจน เพลงมีเนื้อหาว่าอากาศหนาว ๆ บรรยากาศรอบตัว และเพลงคริสต์มาสชวนให้นึกอยากมีความรัก พอเห็นคู่รักที่เขาดูหวานชื่นแล้วก็อิจฉา ส่วนตัวเองก็คิดถึงสาวที่ตัวเองหลงรัก อยากหาของขวัญให้เธอ อยากบอกรักเธอ โดยสรุปคือวันนี้เป็นวันโรแมนติกมากกว่าจะเป็นวันทางศาสนาหรือวันรวมญาติแบบตะวันตก

ภาพประกอบจาก https://www.jalan.net/news
ส่วนที่สหรัฐ ฯ ก็อย่างที่เพื่อนผู้อ่านหลาย ๆ คนคงทราบดีว่าเขานิยมฉลองคริสต์มาสด้วยกันในครอบครัว (คงคล้าย ๆ กับไทยที่ช่วงสงกรานต์จะกลับบ้านมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา) มีการรับประทานไก่งวง และให้ของขวัญซึ่งกันและกัน ฉันถามเพื่อน ๆ ชาวยุโรปที่มีสามีเป็นคนอเมริกันว่าพวกเธอต้องเตรียมของขวัญคริสต์มาสกันทีกี่ชิ้นยามไปเยี่ยมครอบครัวสามี เพื่อนคนหนึ่งตอบว่าสิบกว่าชิ้น แถมยังเลือกของขวัญให้พี่เขยพี่สะใภ้แยกกันคนละชิ้นอีก และให้เด็ก ๆ อีกคนละชิ้น แค่นี้กระเป๋าเดินทางก็แทบจะไม่ต้องใส่เครื่องใช้ส่วนตัวกันแล้ว ส่วนเพื่อนอีกคนตอบว่าครอบครัวสามีเธอตกลงกันว่าเอามาคนละชิ้นแล้วจับฉลากว่าใครได้ของใคร จะได้ไม่ต้องเตรียมกันเยอะแยะวุ่นวาย

ฟังเพื่อนแล้วก็นึกถึงภาพผู้คนพากันจับจ่ายซื้อของขวัญคริสต์มาสกันอย่างอลหม่านในห้างสรรพสินค้า ฉันเคยไปเดินหารองเท้าบู้ทกันฝนในห้างฯ เห็นบริเวณที่ขายรองเท้ามีกล่องรองเท้าถูกเปิดกระจุยกระจายราวกับโดนขโมยขึ้น ฝากล่องก็ขาด ไซส์รองเท้าในกล่องก็ผิดจากที่ระบุบนกล่อง บางทีรองเท้าข้างเดียวกันก็ไปอยู่ในกล่องเดียวกันเสียอีก ต้องไปไล่หาให้ครบข้างให้ถูกไซส์ วุ่นวายจนไม่คิดจะมาห้างฯ ในช่วงเทศกาลอีกต่อไป

อย่างที่สองที่คริสต์มาสในญี่ปุ่นไม่เหมือนประเทศตะวันตกคือ มีรับประทานไก่ทอดเคเอฟซีและเค้กคริสต์มาสเป็นการเฉพาะ ถ้าถามว่าทำไมต้องรับประทานสองอย่างนี้ด้วยก็น่าจะเป็นเพราะเหตุผลทางการตลาด เรื่องไก่ทอดนั้น เพื่อนผู้ใจดีของฉันช่วยหาข้อมูลมาให้พบว่าที่ญี่ปุ่นไก่งวงหายากก็เลยรับประทานเป็นไก่ทอดแทน และเคเอฟซีก็มีสโลแกนมาสี่สิบกว่าปีแล้วว่า คริสต์มาสต้องเคเอฟซี ทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่าคริสต์มาสต้องรับประทานไก่ทอด และช่วงใกล้คริสต์มาสทุกปีก็จะเห็นโฆษณาเคเอฟซีทั้งทางโทรทัศน์และทางสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่เชิญชวนให้สั่งไก่ทอดชุดใหญ่ (หรือไก่ย่าง) วันคริสต์มาสจึงเป็นวันที่มีคนเข้าแถวร้านเคเอฟซีกันยาวเหยียดเพื่อรอซื้อไก่ทอด

ส่วนเค้กคริสต์มาสดูเหมือนจะริเริ่มขึ้นโดยร้านฟุจิยะซึ่งเป็นร้านขนมฝรั่งเก่าแก่เปิดมาได้ร้อยปีเศษแล้ว ร้านนี้เริ่มจำหน่าย “ช้อตเค้กสตรอเบอรี่” ในแบบที่ปรับรสชาติให้เข้ากับความนิยมของคนญี่ปุ่นและเปิดตัวเค้กชนิดนี้ในฐานะเค้กคริสต์มาส นับแต่นั้นมาเค้กคริสต์มาสของญี่ปุ่นจึงนิยมเป็นเค้กชนิดนี้ มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าครีมสดสีขาวหมายถึงหิมะ และสีแดงของสตรอเบอรี่หมายถึงซานตาคลอส นอกจากนี้สีขาวแดงสำหรับคนญี่ปุ่นแล้วยังมีนัยของการเฉลิมฉลองอีกด้วย

ฉันอาจจะเห่อสั่งจองเค้กคริสต์มาสกับเขาบ้างเพราะดูสวยงาม น่ารับประทานดี และการตกแต่งเป็นรูปแบบคริสต์มาสโดยเฉพาะซึ่งปีหนึ่ง ๆ ก็เห็นแค่ครั้งเดียว หรือบางทีก็เพราะมีโปรโมชั่นว่าถ้าสั่งเค้กแล้วจะได้แถมถ้วยเซรามิกลายคริสต์มาสน่ารักคู่กันสองใบ แต่ฉันยังไม่เคยคิดจะรับประทานไก่ทอดในเทศกาลนี้เลยสักครั้ง

พอถึงราว ๆ สองทุ่มของวันคริสต์มาส เค้กก็จะเริ่มลดราคาแล้ว และถ้าเลยวันนี้ไปราคาก็จะยิ่งลดลงไปเรื่อย ๆ ญี่ปุ่นเขาเลยเอาเค้กคริสต์มาสมาเปรียบเปรยกับผู้หญิงว่าถ้าอายุเลย 24 ปีไปแล้วก็จะราคาตกเหมือนเค้กคริสต์มาส เพราะคนนิยมรับประทานเค้กคริสต์มาสกันในวันที่ 24 ซึ่งเป็นวันคริสต์มาสอีฟ ส่วนวันที่ 25 นั้นยังพอได้อยู่ แต่ถ้าเลยไปแล้วก็จะกลายเป็นของขายไม่ออกจึงต้องลดราคาลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้นผู้หญิงที่อายุเลย 24 ปีไปแล้วจึงต้องลดสเป็คผู้ชายในฝันของตัวเองลงตามไปด้วย
ภาพประกอบจาก https://prtimes.jp
การเปรียบเปรยแบบนี้อาจจะใช้ได้กับญี่ปุ่นสมัยก่อนที่มีค่านิยมว่า “ความสุขของผู้หญิงคือการแต่งงานและมีลูก” ซึ่งสร้างกระแสให้ผู้หญิงรับบทบาทหน้าที่อันตอบสนองต่อทิศทางที่สังคมกำหนดในยุคนั้น แต่ปัจจุบันนี้ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายแต่งงานช้ากันมากขึ้น การคลุมถุงชนแบบสมัยก่อนก็น้อยลงไปมาก รวมทั้งผู้หญิงทำงานก็มีมากขึ้นด้วย

ทีแรกฉันก็ไม่ทราบเรื่องการเปรียบเปรยผู้หญิงว่าเหมือนเค้กคริสต์มาสนี้หรอกค่ะ ตอนกำลังคุยเรื่องคริสต์มาสกับเพื่อน ๆ น้องคนหนึ่งเธอพูดถึงเรื่องเค้กคริสต์มาสขึ้นมา และบอกว่าเธอโดนรุ่นพี่เตือนด้วยความหวังดีว่าถ้ามัวแต่สนุกสนานจนเลยวัยป๊อบปูล่าแล้วเดี๋ยวจะกลายเป็นสินค้าขายไม่ออกไป แต่ฉันกลับคิดว่าผู้หญิงที่มีบุคลิกร่าเริงและมีความสุขกับตัวเองเป็นออกจะมีเสน่ห์ อยู่ด้วยก็พลอยมีความสุขตาม พลอยได้รับความรู้สึกเป็นบวกไปด้วย

อีกอย่างฉันว่าถ้าไปกำหนดว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผู้หญิงในการมีคู่คือไม่เกิน 24 ปีหรือจะอายุเท่าไหร่ก็ตามนี่ก็อาจจะทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ในชีวิตไปก็ได้นะคะ ชีวิตมันก็มีจังหวะเหมาะ ๆ สำหรับแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใครจะไปรู้ว่าภายหลังรถไฟที่เรารีบร้อนจะขึ้นเพราะคิดว่าเป็น “ขบวนสุดท้าย” อาจมี “รถไฟขบวนที่ใช่” พ่วงตามมาหลังมาก็ได้ อย่างเพื่อนฉันคนหนึ่งเธอเป็นคนน่ารักและแสนดี คบกับหนุ่มคนหนึ่งมาระยะหนึ่งและต่างฝ่ายต่างคิดว่าถึงวาระสมควรแต่งงานแล้วจึงแต่ง ฉันค้านเธอเต็มเหนี่ยวว่าอย่าเลย แต่งกับคนนี้ไปจะมีแต่ปัญหา สุดท้ายก็เป็นดังคาดและเลิกรากันไป ไม่นานเธอก็ได้พบคนอื่นที่แสนดีเข้ามาในชีวิต เขาให้ความสำคัญทั้งกับเธอและกับครอบครัวของเธอ ทั้งสองเข้ากันได้ดีในหลาย ๆ เรื่องทั้งทัศนคติ ความกตัญญู และงานอดิเรก เธอจึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าการพบคู่ครองที่ดีไม่ได้เกี่ยวกับอายุแต่อย่างใด

และท้ายที่สุดฉันเชื่อว่าความสุขของผู้หญิงไม่จำเป็นต้องขึ้นกับการแต่งงานและมีลูก เพราะไม่ว่าจะโสดหรือไม่โสดต่างฝ่ายต่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ชีวิตจะมีความสุขหรือไม่น่าจะอยู่ที่ว่าเรา “เลือก” ใช้ชีวิตอย่างไร เลือกเส้นทางสว่างหรือเส้นทางมืดให้กับชีวิตตัวเองมากกว่ากัน พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นมากกว่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่นไหม ใช้ชีวิตด้วยใจที่คิดเกื้อกูลผู้อื่นไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองหรือเปล่า ยอมรับความจริงและอยู่กับปัจจุบันได้บ่อยเพียงใด มากกว่าที่ว่าชีวิตจะต้องมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่สังคมกำหนดค่านิยมไว้ ฉันคิดอย่างนี้นะคะ

ขอให้เพื่อนผู้อ่านที่รักมีความสุขและสดชื่นเบิกบานนะคะ สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ




"ซาระซัง" สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.
กำลังโหลดความคิดเห็น