"หัวขโมย” มีหนาว ร้านค้าญี่ปุ่นเตรียมใช้ระบบจดจำใบหน้า เตือนภัยโจร

ร้านค้าญี่ปุ่นจะติดตั้งระบบจดจำใบหน้าเพื่อป้องกันการขโมยของ โดยสามารถเตือนให้ผู้ดูแลร้านรู้ล่วงหน้าหากผู้ต้องสงสัยที่เคยมีประวัติโจรกรรมย่างกรายเข้ามาในร้าน

ผลการสำรวจพบว่า ร้านหนังสือในญี่ปุ่นเผชิญกับการโจรกรรมขโมยหนังสือมากที่สุด สร้างความเสียหายถึงปีละกว่า 20,000 ล้านเยน บรรดาร้านหนังสือในญี่ปุ่นจึงร่วมกันติดตั้งระบบป้องกันขโมยอัจฉริยะ “ตาที่ 3” หรือ 3rd-eyes ที่สามารถจดจำใบหน้าของผู้ต้องสงสัย โดยจะเริ่มใช้ในร้าน 100 แห่งภายในเดือนมีนาคม ปี 2019

ระบบนี้ทำงานโดยกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในร้านจะจดจำใบหน้าของลูกค้า พร้อมทั้งประเมินเพศและอายุ จากนั้นก็นำนำไปเทียบกับข้อมูลผู้ต้องสงสัยที่เคยมีประวัติโจรกรรม หากประวัติตรงกัน ก็จะเตือนให้ผู้ดูแลร้านทราบโดยการเปลี่ยนเสียงเพลงที่เล่นภายในร้าน และเตือนผ่านโทรศัพท์ โดยจากการทดลองระบบเป็นเวลา 3 เดือนพบว่ามีความแม่นยำสูงถึง 93%

ระบบป้องกันขโมยนี้มีราคาขั้นต่ำเพียงแค่ 700,000 เยน และมีค่าบริการรายเดือนราว 7,800 ซึ่งเทียบเท่ากับ 10-20% ของค่าใช้จ่ายในการจ้างยามหรือคนที่สอดส่องขโมยภายในร้านแบบทุกวันนี้

ในธุรกิจร้านค้าจะมีการตั้งค่าใช้จ่าย “สินค้าสูญหาย” ราว 1-2% ซึ่งสำหรับร้านหนังสือหรือร้านค้าขนาดเล็กที่มีอัตรากำไรน้อย ความสูญเสียเพียง 2% ก็ทำให้ร้านบางร้านแทบจะอยู่ไม่ได้ ข้อมูลในปี 2017 พบว่า ในประเทศญี่ปุ่นมีร้านหนังสือราว 12,500 ร้าน ลดลง 27% จากทศวรรษที่แล้ว บรรดาร้านค้าจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น

ระบบจดจำใบหน้านี้นอกจากใช้เพื่อป้องกันขโมยแล้ว ยังนำมาใช้ทางการตลาดได้โดยสามารถเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เช่น จำนวนคนที่เข้าร้าน, เวลา, เพศ, อายุ รวมทั้งสินค้าที่ลูกค้าแต่ละกลุ่มสนใจและเลือกซื้อ โดยกล้องจะตรวจจับและประเมินผลแบบอัตโนมัติ ทางร้านค้านำข้อมูลนี้ไปวางแผนการขายได้.